Ranker’s Return - ตอนที่ 26
ในที่สุดสมาชิกระดับสูงของสมาพันธ์กะโหลกดำและฮยอนนูก็มาเจอกันที่โคลอสเซียมตามที่นัดหมาย ฮยอนนูยังคงใส่หน้ากากเอาไว้เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขา และเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้คนให้มากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มเริ่มกดอัดวิดีโอพร้อมทั้งกล่าวคำทักทายเชนรอนด้วยท่าทีสบาย ๆ “มากันครบทั้งสิบสามคนเลยงั้นเหรอ? ฉันคิดว่าพวกแกจะกลัวหัวหดจนหนีไปแล้วซะอีก”
“หนีงั้นเหรอ? พวกฉันต่างหากที่ต้องกังวลว่าแกจะหนีไป แต่สุดท้ายแกก็ปรากฏตัวออกมาจนได้”
ท่าทางและคำพูดยั่วยุของฮยอนนูได้ผลดีเกินคาด เชนรอนไม่ชอบใจสายตาของชายหนุ่มตรงหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาที่มองเขาอย่างเหยียดหยามและดูหมิ่นนั้นช่างชวนให้รู้สึกโมโหเสียจริง
“ฉันอยากจะควักลูกตาของแกออกมาบี้เล่นซะจริง ระวังเอาไว้เถอะ!” เชนรอนข่มขู่ฮยอนนูผ่านเสียงกระซิบลอดไรฟัน
“หึ!” ฮยอนนูอดฟึดฟัดกับคำพูดของเชนรอนไม่ได้ ให้เขาระวังตัวไว้งั้นหรือ ช่างน่าขันเสียจริง “เป็นแกต่างหากที่ต้องระวังตัวไว้!”
ฮยอนนูเดินไปยังใจกลางของโคลอสเซียมทันทีหลังจากที่พูดจบ
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณผู้เล่นทุก ๆ ท่านที่มาในวันนี้นะครับ” ฮยอนนูก้มศีรษะลงให้กับผู้เล่นที่อยู่รอบ ๆ
“การดวลกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ส่วนกฎการดวลนั้นก็เหมือนกับที่ได้บอกไว้ในวิดีโอ”
ฮยอนนูยื่นมือขวาของเขาออกมาแล้วชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว
“ผู้ชนะได้ทุกอย่างและผู้แพ้ต้องลบตัวละคร ผมหวังว่าพวกคุณจะเพลิดเพลินกับการดวลครั้งนี้”
เฮ!!! เสียงตะโกนตอบรับคำพูดของฮยอนนูดังขึ้นทั่วบริเวณและนั่นทำให้บรรยากาศเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่สนใจเลยว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ สำหรับพวกเขามันเป็นเพียงแค่อีเว้นท์สนุก ๆ และงานรื่นเริงเท่านั้น สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงแค่เตรียมป๊อปคอร์นกับเครื่องดื่มไว้ก็เท่านั้นเอง
“ถ้างั้นขอให้กิลด์มาสเตอร์แห่งสมาพันธ์กะโหลกดำมาตรงนี้ด้วยครับ ผมจะได้ยืนยันการดวลให้เรียบร้อย”
เชนรอนก้าวออกมาตามคำพูดของฮยอนนูและไปยังจุดศูนย์กลางที่ชายหนุ่มยืนอยู่
โฮ!!!
ไปให้พ้นเลยไป!!
เสียงคำรามแห่งความโกรธแค้นดังกึกก้องไปทั่วเมื่อเชนรอนก้าวออกมา ความแตกต่างของเสียงตะโกนที่มีต่อทั้งสองฝ่ายนั้นมีเพียงแค่คำพูดหยาบคายที่ดังแทรกเข้ามาเท่านั้น
“ผมจะยืนยันการดวลแล้วนะครับ”
[ผู้เล่น ‘คังฮยอนนู’ ส่งคำขอท้าดวลมายังท่าน]
[คุณต้องการตอบรับคำท้าหรือไม่?]
เชนรอนต้องการเห็นฮยอนนูพ่ายแพ้จนใจจะขาดอยู่แล้ว “ฉันเกลียดขี้หน้าแกมาตั้งแต่แรกแล้ว”
[ใช่]
“ฉันเองก็ไม่ชอบกิลด์ของแกมาตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน” ฮยอนนูขยับมือของเขาเพื่อสร้างกฎ
[ผู้เล่น ‘คังฮยอนนู’ ได้สร้างกฎ]
[กฎการดวลที่ตั้งไว้คือ ‘ผู้ชนะได้ทุกอย่าง’ ‘ผู้แพ้ลบตัวละคร’ และ ‘โหมดการต่อสู้แบบทีม’]
[คุณต้องการตอบรับคำท้าหรือไม่?]
“การต่อสู้แบบทีมงั้นเหรอ?”
ผู้เล่นที่อยู่ในโคลอสเซียมต่างก็ชะงักกันไปพักใหญ่ ทว่าไม่นานก็มีเสียงโห่ร้องดังสนั่นออกมา
ว้าว!!!
การต่อสู้แบบทีมงั้นเหรอ!!!
[ใช่]
เชนรอนตอบรับคำขอของฮยอนนูอย่างไม่ลังเล อย่างไรก็ตามมันก็ยังเป็นคำขอที่เขาไม่อาจเข้าใจได้ คนคนนี้ไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะในการต่อสู้แบบทีมได้เลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมถึงยังเลือกการต่อสู้แบบทีมอีกกัน?
“นี่แกกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?” เชนรอนไม่อาจหาคำอธิบายการกระทำของฮยอนนูได้ และนั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอยู่พอสมควร
[โปรดเลือกว่าใครจะเป็นผู้เข้าร่วมการดวลในครั้งนี้]
“ไหน ๆ พวกแกทุกคนก็อยู่ที่นี่กันครบแล้ว ไม่ลองเข้ามาพร้อม ๆ กันเลยทีเดียวล่ะ? จะได้ไม่เสียเวลา”
‘ให้พวกเขาเข้าไปพร้อม ๆ กันเลยทีเดียวงั้นเหรอ? เจ้าบ้านี่!’ ทว่าในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นเอง เชนรอนก็ฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง
‘แต่ว่านี่มันเข้าทางพวกเขาเลยไม่ใช่เหรอ?’
มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แน่นอนว่าผลลัพธ์ยังไม่อาจจะรู้ได้แน่ชัด อย่างไรก็ตามเงื่อนไขนี้เป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับฝั่งเชนรอน
[จำนวนผู้เข้าร่วมการดวลได้รับการกำหนดเรียบร้อยแล้ว]
[ผู้เล่น ‘คังฮยอนนู’ ดวลกับผู้เล่น ‘ทีมเชนรอนทั้ง 13 คน’]
[การประลองจะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้]
[5… 4… 3… 2…1]
ในขณะที่การนับเวลาถอยหลังก่อนการดวลเริ่มต้นขึ้น บรรยากาศภายในโคลอสเซียมก็ค่อย ๆ ตึงเครียดขึ้น สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่สมาชิกทั้ง 13 คนของสมาพันธ์กะโหลกดำและฮยอนนูผู้ท้าชิง
[การประลองเริ่มขึ้นแล้ว]
และแล้วการต่อสู้ที่ทุกคนเฝ้ารอก็เริ่มขึ้น
“ฮึบ!” ฮยอนนูพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วทันทีที่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น เขาวาดดาบฟันคู่ต่อสู้คนหนึ่งซึ่งยังไม่ทันได้ตั้งตัวจากนั้นก็สะบัดดาบในมืออีกครั้งทำให้ศีรษะของคู่ต่อสู้อีกคนหนึ่งแยกออกจากกันโดยทันที
“นี่พวกแกมัวทำอะไรอยู่? รู้สึกตัวได้แล้ว!” เชนรอนตะโกนลั่น
เมื่อสมาชิกของสมาพันธ์กะโหลกดำเริ่มรู้สึกตัว พวกเขาต่างก็ชักอาวุธของตนและพุ่งเข้าใส่ฮยอนนูโดยทันที ทว่านั้นไม่ต่างอะไรจากพวกแมงเม่าที่บินเข้ากองไฟเลย
“ตายซะ!” ปาร์กชอลกูผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของสมาพันธ์กะโหลกดำกวัดแกว่งดาบของตนไปมา ตัวดาบส่องประกายแสงสีน้ำเงินออกมาจาง ๆ บ่งบอกว่าเขากำลังใช้ทักษะออกมา อย่างไรก็ตามการใช้ทักษะให้มีประสิทธิภาพต้องอาศัยรูปแบบและช่วงเวลาที่เหมาะสม อีกทั้งการเคลื่อนไหวที่งดงามทว่าแปลกประหลาดของฮยอนนูยังทำให้ปาร์กชอลกูสับสน สุดท้ายแล้วเขาจึงไม่รู้เลยว่าจะต้องเหวี่ยงดาบของตนออกไปอย่างไร จึงได้แต่เหวี่ยงมันไปตามยถากรรมเท่านั้น
“หึ! เหวี่ยงดาบแบบนี้จะไปโดนใครได้” ฮยอนนูมอบคำแนะนำที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการเย้ยหยันแก่ปาร์กชอลกู จากนั้นเขาก็ทำการเก็บค่าคำแนะนำของเขาโดยทันที แถมราคาที่ต้องจ่ายก็แพงมากเสียด้วยเพราะว่ามันคือชีวิตของปาร์กชอลกู
เชนรอนได้แต่ยืนอึ้ง ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?’ สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่สมเหตุสมผล การดวลเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้นทว่าสมาชิกระดับสูงถึงสามคนกลับถูกฆ่าตายในเวลาเพียงชั่วพริบตา แบบนี้มันไม่ใช่การต่อสู้ที่ มันคือการสังหารหมู่ต่างหาก
อย่างไรก็ตามเชนรอนในฐานะกิลด์มาสเตอร์ เขาต้องคอยบัญชาการและต้องเรียกพลังใจกลับคืนมาให้ได้
“ใจเย็นไว้ก่อน! โจมตีมันพร้อมกันเลย จับเจ้านั่นให้ได้!!” เชนรอนคำรามลั่น
มันอาจจะดูเหมือนว่าเชนรอนกำลังสั่งการสมาชิกกิลด์คนอื่น ๆ ทว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้กำลังพูดกับสมาชิกกิลด์คนไหนเลย
‘เพราะว่าเขากำลังพูดกับตัวเอง’
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ทำให้ฮยอนนูเสียเปรียบแต่อย่างใด
“เข้ามาเลยอย่าชักช้า!” ฮยอนนูส่งสัญญาณท้าทายคู่ต่อสู้ทั้งสิบคนที่เหลืออยู่ ดาบยาวปลายมนของเขาพาดอยู่บนบ่ารอคอยการเข้ามาของพวกศัตรู
“เจ้าบ้านี่!”
“ฆ่ามันซะ!”
สมาชิกระดับสูงสองคนของสมาพันธ์กะโหลกดำ ปาร์กซองวอนและซอลกังซูต่างก็ถูกความโกรธบดบังสติไปจนสิ้น พวกเขาลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้พรรคพวกของพวกเขาตายไปอย่างไร ทั้งสองพุ่งเข้าใส่ฮยอนนูพร้อมหอกและดาบในมือ ด้วยความมุ่งหวังอย่างแรงกล้าที่จะสังหารฮยอนนูทำให้ปาร์กซองวอนและซอลกังซูแสดงทีมเวิร์คอันยอดเยี่ยมออกมาให้เห็น
จากการโจมตีของทั้งสองในครั้งนี้หากฮยอนนูเลือกปัดป้องหอกของปาร์กซองวอน เขาจะโดนฟันด้วยดาบของซอลกังซูในทันที ในทางตรงกันข้ามหากเขาเลือกปัดป้องดาบของซอลกังซู เขาก็จะถูกแทงด้วยหอกของปาร์กซองวอนแทน อย่างไรก็ตามเทคนิคการโจมตีประสานในครั้งนี้ก็จัดได้ว่าอยู่ในระดับทั่ว ๆ ไปเท่านั้น
ฮยอนนูใช้ดาบของเขาเบี่ยงการโจมตีจากหอกของปาร์กซองวอนทำให้มันชนกันกับดาบของซอลกังซู จากนั้นเขาก็ฉวยจังหวะนี้โจมตีโต้กลับปาร์กซองวอนโดยทันที และนั่นทำให้ปาร์ก ซองวอนที่ไม่อาจหลบการโจมตีของฮยอนนูได้เสียชีวิตลงในที่สุด
“ซองวอน!” เสียงร้องตกใจดังออกมาจากปากของซอลกังซูทันทีที่ปาร์กซองวอนล้มลง
‘เจ้าหมอนี่ปีศาจชัด ๆ’
และนั่นคือความคิดสุดท้ายของซอลกังซูก่อนที่จะถูกดาบยาวปลายมนของฮยอนนูช่วงชิงชีวิตไป
“ย้าก!!!” ฮยอนนูส่งเสียงร้องออกมาอย่างที่ไม่อาจสกัดกั้นไว้ได้ ความร้อนรุ่มในใจเขากำลังพุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด ที่ผ่านมาเขาประสบแต่เรื่องที่ทำให้จิตใจต้องแบกรับภาระ ครอบครัวของเขาล้มละลาย ตัวเขาที่ต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว งานพาร์ทไทม์งานแรกในชีวิตเขาก็ผ่านมันมาอย่างยากลำบาก หลายต่อหลายครั้งที่เขารู้สึกว่าทำมันไม่ไหวอีกแล้ว
กลับกันกับเสียงร้องของฮยอนนูที่ดังสนั่น บรรยากาศในโคลอสเซียมตอนนี้กลับเงียบสนิท ในสายตาของผู้อื่นเสียงร้องของฮยอนนูไม่ต่างอะไรจากเสียงคำรามของปีศาจร้าย ไม่มีผู้เล่นคนไหนที่เป็นเหมือนเขาแม้ว่าจะนำไปเทียบกับเหล่าผู้เล่นระดับมืออาชีพก็ตาม
‘ไม่สิ มีอยู่คนหนึ่ง’
ชื่อของเขาคนนั้นเลือนหายไปจนอยู่ในจุดที่แทบจะไม่มีใครจำมันได้แล้ว “เมลีก็อด” สำหรับพวกเขาฮยอนนูเทียบได้กับปีศาจร้ายตนนั้น ชายหนุ่มที่กำลังร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่งนี้สามารถทัดเทียมกับปีศาจร้ายผู้นั้นได้อย่างสบาย ๆ
“ไม่มีใจจะสู้แล้วงั้นเหรอ? ถ้างั้นก็เลือกยอมแพ้แทนที่จะทำอะไรน่าเวทนาแบบนี้ซะ แต่ถึงยังไงตัวละครของพวกแกก็ต้องถูกลบอยู่ดี” ฮยอนนูตะโกนไปยังสมาชิกสมาพันธ์กะโหลกดำที่ยังเหลืออยู่
‘ฉันควรทำอะไรที่ดูน่าระทึกกว่านี้อีกหน่อยดีไหมนะ?’
ฮยอนนูอยากจะยกระดับความกดดันของการประลองนี้ขึ้นไปอีกขั้น ถึงแม้จะมีเทคนิคการตัดต่อคอยช่วย ทว่าประสิทธิภาพของมันจะมากขึ้นไปอีกหากคุณภาพของตัววิดีโอเองดียิ่งขึ้นไปกว่านี้
“พวกแกกล้าขวางทางเข้าดันเจี้ยนและฆ่าคนอื่นด้วยฝีมือแค่นี้งั้นเหรอ?” ถ้อยคำเย้ยหยันรุนแรงออกมาจากปากของฮยอนนู
มันเป็นคำพูดที่ได้รับการคิดมาก่อนเป็นอย่างดีแล้ว เนื่องจากเขาต้องการจะชี้นำบรรยากาศให้มันเร้าใจมากยิ่งขึ้น และนั่นก็ได้ผลดีเกินคาด ผู้เล่นที่อยู่ภายในโคลอสเซียมต่างก็ส่งเสียงตะโกนออกมาอย่างเร่าร้อน
สู้สิวะ!!!
ไอ้พวกขี้ขลาด!!!
ถ้าไม่สู้ก็ยอมแพ้ไปซะ!!!
สมาพันธ์กะโหลกดำต้องตัดสินใจแล้ว ดูเหมือนพวกเขาอาจจะต้องยุบกิลด์นี้ทิ้งไป ถึงแม้จะเป็นฝ่ายชนะก็ตาม สุดท้ายแล้วเชนรอนก็ตัดสินใจได้ในที่สุด “ยังไงพวกเราก็ไม่มีทางเลือก พุ่งใส่มันพร้อม ๆ กันเถอะ คนตั้งแปดคนจะไม่ชนะได้ยังไง จริงไหมล่ะ?”
แปดต่อหนึ่ง…
ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าฝ่ายที่มีผู้เล่นแปดคนเป็นฝ่ายได้เปรียบ อย่างไรก็ตามสีหน้าของทั้งแปดคนกลับดูไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่และในตอนนั้นเองเหล่าสมาชิกระดับสูงต่างก็ก้มตัวคำนับให้กับเชนรอน
“ผมขอยอมแพ้ครับ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง”
“ผมอยากจะปั้นตัวละครและค่อย ๆ เติบโตมาอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่ผมเล่นเกมอารีน่าครั้งแรก”
“เมื่อผมปั้นตัวละครเสร็จแล้ว ผมจะมาหาคุณอีกครั้งนะครับ”
“เชนรอนฮยอง”
พวกเขาต่างก็ยอมแพ้ สมาชิกระดับสูงทุกคนต่างก็เหนื่อยล้า การดวลกับฮยอนนูในครั้งนี้เปรียบเสมือนตัวเร่งที่ทำให้เกิดปฏิกิริยา กิลด์ของพวกเขาค่อย ๆ ถูกกัดกินจนตอนนี้มันแทบไม่เหลือเค้าเดิมเหมือนอย่างตอนที่เริ่มก่อตั้งกิลด์ใหม่ ๆ
[ผู้เล่น ‘จีที’ ได้ยอมแพ้]
[ผู้เล่น ‘เทอลู’ ได้ยอมแพ้]
[ผู้เล่น ‘แฟ็บ’ ได้ยอมแพ้]
…
สมาชิกระดับสูงทั้งเจ็ดคนต่างก็ขอยอมแพ้ คนสุดท้ายที่เหลืออยู่มีเพียงแค่เชนรอน
‘อย่างงั้นเองเหรอ…’ ในที่สุดเชนรอนก็เข้าใจว่าตัวเขาเปลี่ยนไปเยอะมากแค่ไหน ในตอนแรกเขาเล่นเกมนี้เพียงเพราะความสนุกเท่านั้น เขาสนุกกับการล่ามอนสเตอร์ร่วมกับคนอื่น ๆ ดังนั้นเขาจึงตั้งสมาพันธ์กะโหลกดำนี้ขึ้นมา
‘ฉันจะเป็นคนจบเรื่องนี้เอง’
เชนรอนไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เขายิ้มอย่างมีความสุขและไม่ต้องกังวลอะไรคือเมื่อไหร่กันนะ?
“ลุยไปเลย!” เชนรอนพุ่งเข้าใส่ฮยอนนู
นี่คือฉากสุดท้ายของละครบทนี้และมันช่าง…สมบูรณ์
‘ขอบใจนะ’