Ranker’s Return - ตอนที่ 27
ตอนที่ 27
เสียงตะโกนโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วโคลอสเซียมอีกครั้งเมื่อเหล่าสมาชิกสมาพันธ์กะโหลกดำต่างก็ตัดสินใจยอมแพ้ต่อฮยอนนู
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกมันกันแน่?”
“ทำไมจู่ ๆ พวกมันถึงได้ยอมแพ้กัน?”
“นี่หมายความว่าพวกมันกลัวบอสใหญ่ประจำซอยงั้นเหรอ?”
ฮยอนนูเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ตอนนี้เขากำลังประหลาดใจกับการกระทำของฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเหตุการณ์จะออกมาต่างจากตัวบทที่เขาวางไว้ ฮยอนนูต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาสู้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเขาเพียงคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ในสนามประลองและได้รับชัยชนะ ทว่าจู่ ๆ สมาชิกระดับสูงของสมาพันธ์กะโหลกดำกลับเลือกที่จะบอกลาเชนรอนและขอยอมแพ้
‘จู่ ๆ เจ้าพวกนั้นก็เปลี่ยนใจซะงั้น…’
อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ส่งผลอะไรกับฮยอนนูมากนัก เพราะว่าเขาบรรลุจุดประสงค์หลักของเขาแล้วนั่นคือการได้รับชื่อเสียงและกำจัดศัตรูที่อาจจะสร้างปัญหาให้ในอนาคต เป้าหมายทั้งสองนี้ต่างก็สำเร็จตั้งแต่ตอนที่สมาชิกสมาพันธ์กะโหลกดำตอบรับการท้าดวลของเขาแล้ว เพราะถึงอย่างไรฮยอนนูก็ไม่มีทางแพ้แน่นอน
‘ฉันช่วยผู้ชายคนหนึ่งให้ออกมาจากรางน้ำได้’
ฮยอนนูเห็นเชนรอนพุ่งเข้ามาหาเขา
‘แค่จัดการหมอนี่คนเดียวได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีแล้ว’
จากนั้นฮยอนนูก็พุ่งไปหาเชนรอนด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ภาพวาดที่เขาวาดทิ้งไว้เสร็จสมบูรณ์
***
“ขอบใจนะ” เชนรอนกล่าวคำพูดนี้ออกมาในจังหวะสุดท้าย จากนั้นตัวละครของเขาก็ถูกลบไป
‘เป็นฉากจบที่ดูเท่จริง ๆ ตอนนี้ฉันคงจะไม่รู้สึกระคายหูกับคำพูดของนายแล้วละนะ’
[คุณได้รับชัยชนะในการดวล]
[รางวัลจะมอบให้ตามกฎ ‘ผู้ชนะได้ทุกอย่าง’]
‘ของที่ได้มาก็ถือว่าไม่เลวเช่นกัน’
ไอเทมของผู้เล่นทั้งสิบสามคนที่ถูกส่งมาให้ฮยอนนูเนื่องจากเขาเป็นผู้ชนะ แน่นอนว่าไอเทมของทั้งสิบสามคนนั้นจะต้องน่าสนใจแน่นอน
“การประลองในวันนี้จบลงด้วยชัยชนะของผม คลิปวิดีโอการประลองจะถูกอัพโหลดลงช่องบอสใหญ่ประจำซอยในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง พวกคุณทุกคนคงจะตื่นตาตื่นใจกันอย่างแน่นอน ที่สำคัญที่สุดทุกอย่าง ๆ นี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีพวกคุณทุก ๆ คน” ฮยอนนูพูดทิ้งท้ายก่อนจะออกจากเกมอารีน่าไป
เขาผ่านวิกฤติในครั้งนี้ไปได้ แต่ก็ยังเหลืองานอีกมากมายที่เขาต้องทำ
‘ฉันจะส่งวิดีโอไปให้เอลลิสเดี๋ยวนี้แหละ’
***
อย่างไรก็ตามเอลลิสเองก็เป็นหนึ่งในผู้ชมที่นั่งมองการต่อสู้ครั้งนี้ของฮยอนนูอยู่ในโคลอสเซียม เพราะว่าเขาไม่อาจทนรอจนถึงตอนที่ฮยอนนูส่งวิดีโอมาให้เขาได้ ที่จริงแล้วการดูฮยอนนูต่อสู้จริงก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากในวิดีโออยู่บ้าง
แรงกดดัน…ใช่แล้ว! แรงกดดัน
แรงกดดันมันต่างออกไป บรรยากาศที่ฮยอนนูแสดงออกมามันบ่งบอกว่าเขาต้องการล่าสังหารคู่ต่อสู้อย่างแท้จริง
‘นั่นก็ถือว่าเป็นทักษะสินะ?’
ไม่ว่าใครที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาต่างก็ต้องสั่นสะท้าน
“โชคดีจริง ๆ ที่ฉันมาที่นี่”
เอลลิสคิดว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริง ๆ ที่เขาเลือกมาดูการต่อสู้ของฮยอนนูในครั้งนี้ เขาไม่เคยได้รับความรู้สึกอะไรแบบนี้จากวิดีโอต่าง ๆ ที่เคยดูมาก่อนหน้าเลย อย่างไรก็ตามหากมีการเพิ่มไฮไลท์เข้าไปโดยใช้วิธีการตัดต่อแล้วละก็ คนที่ดูวิดีโอก็น่าจะสามารถรู้สึกถึงมันได้เช่นเดียวกัน
“ฉันจะตัดต่อมันเหมือนอย่างที่ฉันเห็นก็แล้วกัน”
***
“โอ้พระเจ้า!”
ตุบตับ~ ตุบตับ~ หัวใจของเคลเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ เขาซึ่งกำลังอยู่ในเที่ยวบินกลับนิวยอร์กเพิ่งจะเข้าใจในสิ่งที่ฮยอนนูต้องการจะสื่อ
“ลบตัวละคร…”
การประลองต้องถูกหยุดยั้งให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเป็น ‘ใคร’ ก็ตามแต่มันเสี่ยงเกินไปที่จะเดิมพันอะไรแบบนี้ เคลมองไม่ออกเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าไม่นานนักเคลก็รู้ตัวว่าความกังวลของเขานั้นช่างไร้ประโยชน์ ฮยอนนูแข็งแกร่งมากอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสามารถจัดการใครก็ตามที่ยังไม่ได้เปลี่ยนอาชีพครั้งที่สองได้อย่างสบาย ๆ
‘สุดยอด สุดยอดจริง ๆ” เคลกล่าวคำชื่นชมออกมาหลายต่อหลายครั้ง
ไม่มีอะไรอย่างอื่นที่สามารถพูดได้อีกแล้ว ที่ทำได้ก็มีแค่อ้าปากค้างให้กับทักษะการต่อสู้อันน่าเกรงขามของฮยอนนูเท่านั้น ดูเหมือนเคลจะเข้าใจเกี่ยวกับฮยอนนูมากขึ้นนิดหน่อยแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ช่างหยิ่งทะนง ในเวลาเดียวกันก็เต็มไปด้วยความละโมบ การกระทำเพื่อความถูกต้องเป็นเพียงแค่เรื่องบังหน้าให้กับเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น เป้าหมายแท้จริงของเขาคือการทำลายล้างสิ่งที่น่ารำคาญออกไปให้หมดสิ้น
“ฉันคิดถูกจริง ๆ …” เคลคิดว่าการที่เขาสามารถดึงตัวฮยอนนูมาได้เป็นการทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมของเขา
***
ฮยอนนูรู้สึกอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก เขาถึงขนาดคิดว่า ‘พักซักช่วงหนึ่งคงไม่เป็นไรมั้ง?’
เส้นทางในภายหน้าของเขาเริ่มมั่นคงและแข็งแรงแล้ว เขากำลังเป็นที่รู้จักมากขึ้ สัญญากับไนกี้ก็เป็นไปด้วยดี หากเขาเริ่มต้นสตรีมเมื่อไหร่ เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของพ่อก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป นอกจากนี้เขายังสามารถใช้หนี้ส่วนอื่น ๆ ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของฮยอนนูก็ดิ่งลงเหวอย่างฉับพลันเมื่อภาพของใครคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาบนทีวีที่เขากำลังดูอยู่
“สวอร์ดอีเกิลล็อคหรือตอนนี้ผมควรจะเรียกคุณว่าจุงฮันแบคดีล่ะครับ?”
“เรียกผมตามที่คุณสะดวกเลยครับ”
แกนำหน้าฉันไปแล้วงั้นเหรอ…
คนคนนั้นปรากฏตัวออกมาแล้ว นอกจากนี้มันก็ยังมาพร้อมกับความจริงที่ว่าเขากำลังเปิดตัวสู่การเป็นผู้เล่นมืออาชีพของเกมอารีน่าด้วย
“เจ้าหมอนี่กำลังเปิดตัวสู่การเป็นผู้เล่นมืออาชีพงั้นเหรอ?”
‘ตื่นได้แล้วฮยอนนู!’ ฮยอนนูตบแก้มทั้งสองของเขา
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมัวมีความสุขอยู่ เขาเกือบจะลืมเป้าหมายของตัวเองไปเพราะหลงระเริงกับช่วงเวลาอันหอมหวานอยู่ หลังจากล้างแค้นสำเร็จแล้วค่อยดื่มด่ำกับความสำราญนี้ก็ยังไม่สาย ตอนนี้เจ้าบ้านั่นกลายเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพไปแล้ว ดังนั้นการล้างแค้นของเขาจะถูกสะสางในเกมอารีน่า
‘เป้าหมายสูงสุดก็คือการเป็นนักเล่นเกมมือโปรให้ได้’
“ถ้าจะทำแบบนั้นให้ได้ละก็ ฉันต้องก้าวหน้าไปให้เร็วมากกว่านี้”
ฮยอนนูขบฟันแน่น เขาเพ่งพลังใจจดจ่อกับเป้าหมายของตัวเองหลังจากที่ผ่อนคลายมาพักหนึ่ง ปณิธานอันแรงกล้าประการหนึ่งฝังแน่นอยู่ในหัวใจของเขา
“ฉันต้องรีบ ๆ ตะลุยเควสเนื้อเรื่องหลักให้ไวที่สุด ไอเทมต่าง ๆ ที่ได้มาจะช่วยปิดช่องว่างนั้นได้”
ฮยอนนูกลับไปยังแคปซูลที่เขาเพิ่งออกมาอีกครั้ง
ความคิดที่จะผ่อนคลายหายไปจากใจของฮยอนนูทันที เวลาที่ต้องบุกตะลุยอย่างบ้าคลั่งกลับมาอีกครั้งหนึ่งแล้ว ในเมื่อไม่มีสมาพันธ์กะโหลกดำคอยรั้งขาเขาไว้และมีเพียงแค่ไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับข้อมูลภารกิจเนื้อเรื่องหลักภารกิจที่สี่ หากเขาได้รับประโยชน์จากมันแล้วละก็ หลังจากนั้นเนื้อเรื่องที่ห้าก็จะเป็นของฮยอนนูแต่เพียงผู้เดียว
ฮยอนนูจะต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้เขาจึงจะเข้าใกล้กับคำว่าล้างแค้นไปอีกก้าวหนึ่ง
‘จากนั้นการล้างแค้นจะไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป’
“ฉันต้องทำมันให้ได้”
ฮยอนนูตัดสินใจทำภารกิจครั้งนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งแตกต่างออกไปจากแผนการเดิมของเขาเพราะว่ามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับการหาผู้เล่นอาชีพนักบวชที่ไว้ใจได้
“ไอ้เจ้านายท่าน ไปกันเถอะ!” เจ้าตุ๊กตาหมีทึ่มตัวหนึ่งนั่งอยู่บนไหล่ของเขาและมันเป็นเพียงผู้เดียวที่เขาสามารถไว้ใจได้
‘เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดีกว่าออกล่าแค่คนเดียว’
จากข้อมูลที่ฮยอนนูเคยหามาก่อนหน้า บริกส์มีพื้นที่ล่าที่ซอมบี้ปรากฏตัวทั้งหมดสองเขต เขตแรกคือสุสานทางตอนใต้ ส่วนอีกเขตคือถ้ำแห่งความมืดทางตะวันออก ทั้งสองเขตเป็นพื้นที่ล่าสำหรับเหล่าผู้เล่นที่มีเลเวลระหว่าง 70 ถึง 80 ทั้งสิ้น ถ้าจะให้แยกแยะความต่างแล้วละก็ ถ้ำแห่งความมืดเป็นพื้นที่ล่าที่ได้รับความนิยมมากกว่าเนื่องจากมอนสเตอร์เกิดใหม่เร็ว อีกทั้งพวกนักรบโครงกระดูกยังให้ค่าประสบการณ์ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับความง่ายในการล่า
ฮยอนนูเชื่อในสัญชาติญาณของตัวเองและตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังสุสานทางตอนใต้ก่อน ในระหว่างนั้นเขาถามทังอีว่า “นี่นายยังไม่ลงมาอีกเหรอ?”
“ไอ้เจ้านายท่านไม่รู้เหรอกว่าอยู่บนนี้แล้วสบายแค่ไหน ฉันจะอยู่บนนี้แหละ”
“ครับ ครับ เฮ้อ ~”
เสียงถอนหายใจออกมาจากตัวฮยอนนู พอคิดว่าเขามีสัตว์เลี้ยงแบบเจ้าตุ๊กตาหมีตัวนี้ แล้วมันก็พาให้เหนื่อยใจอยู่บ้าง…
***
“เฮ้! น้องชาย ทำไมถึงได้เอาแต่เก็บเลเวลคนเดียวล่ะ? ไปล่าด้วยกันเถอะ” ชายผู้หนึ่งซึ่งมีโทนเสียงไม่เข้ากับลักษณะภายนอกที่ดูดุดันแตะไหล่ของฮยอนนู ชื่อของเขาคือคิมซอกจองเป็นผู้เล่นอาชีพนักรบที่ฮยอนนูเจอเข้าทันทีที่ออกจากประตูทางใต้ของบริกส์
ฮยอนนูก็ไม่ได้มั่นใจในคำพูดของนักรบผู้นี้เท่าไหร่นัก ดังนั้นฮยอนนูจึงใส่แรงลงไปยังไหล่ของเขาเพื่อปัดมือของคิมซอกจองออกไป อันที่จริงต้องบอกว่าเขาพยายามจะทำแบบนั้นมากกว่า
‘พละกำลังนี่มันอะไรกัน?’
ค่าพละกำลังของคิมซอกจองมีเท่าไหร่กัน? ขนาดโดนฮยอนนูปัดด้วยค่าพละกำลังถึง 200 แต้มแล้วมือของเขาก็ยังไม่ยอมขยับเลย
“โธ่! น้องชาย ไม่คิดจะสนใจพี่หน่อยเหรอ?”
ดูจากการกระทำและเครื่องแต่งกายแล้ว คิมซอกจองจะต้องเป็นคนประหลาด ๆ แน่นอน หากเขาต้องการ PK กับฮยอนนูละก็ การทำภารกิจของเขาอาจจะต้องเลื่อนออกไปทีหลังก่อน
ฮยอนนูแสดงสีหน้าแบบทำอะไรไม่ถูก “ผมเนี่ยนะ? ไม่หรอกครับ แล้วนี่พี่จะไปไหนเหรอ? ผมกำลังจะไปล่าที่เขตสุสานทางตอนใต้ครับ”
“จริงเหรอ? ถ้างั้นน้องชายก็จะไปเผาพวกกูลให้เรียบเหมือนกันใช่ไหม?”
“อื้อ! ใช่ครับ ผมกำลังจะไปล่าพวกกูล มันล่าง่ายเพราะคนไม่ค่อยไปที่นั่นกันเท่าไหร่”
สีหน้าของคิมซอกจองดูแปลกไปเมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากฮยอนนู จากนั้นเขาก็กระซิบด้วยโทนเสียงที่แฝงนัยอะไรบางอย่าง “น้องชายไม่ได้มองหาพวกจอมเวทมนตร์ดำหรอกเหรอ?”
“!!!”
ช่างเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงเหลือเกิน คำพูดของคิมซอกจองฟาดใส่ฮยอนนูเข้าอย่างจัง
‘อะไรนะ?’
“น้องชายคงสงสัยว่าทำไมพี่ถึงรู้ล่ะสินะ?”
ฮยอนนูพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
“ความลับ ความลับ มันเป็นที่ที่พี่เคยไปมาก่อน เมื่อกี้พี่เองก็กำลังจะไปรับพวกเด็ก ๆ จอมยุ่งอยู่เหมือนกัน”
“พวกเด็ก ๆ งั้นเหรอ?”
“ใช่ ๆ พี่มีสมาชิกครอบครัวอยู่หลายคนเลย”
‘ครอบครัวเหรอ? อ้อ! กิลด์สินะ!’ ฮยอนนูมองคิมซอกจองด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป แท้จริงแล้วชายผู้นี้เป็นถึงผู้นำกิลด์ ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ
“ถึงยังไงก็เถอะ จะบอกว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่เห็นน้องชาย พี่ก็คิดไว้เลยว่าเราน่าจะไปล่าจอมเวทมนตร์ดำได้โดยที่ไม่ต้องมีเด็ก ๆ พวกนั้น น้องชายอยากจะไปด้วยกันกับพี่ไหมล่ะ?”
ตาทั้งสองของฮยอนนูกรอกไปมา มันเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจทีเดียว คิมซอกจองเสนอให้เขาไปล่าจอมเวทมนตร์ดำด้วยกัน อย่างไรก็ตามฮยอนนูยังคงเคลือบแคลงใจอยู่บ้าง คนแรกที่เขาเจอเมื่อมาถึงที่นี่กลับเป็นคนที่ชวนเขาไปทำภารกิจเนื้อเรื่องหลัก หากฮยอนนูไม่รู้สึกระแวงก็แปลกแล้ว
‘คิดจะชวนตั้งแต่เจอฉันครั้งแรกเลยงั้นเหรอ? ทำไมกัน?’
อย่างไรก็ตามหากชายคนนี้คิดจะเล่นไม่ซื่อกับฮยอนนูจริงเขาคงจะทำมันไปนานแล้ว เพราะว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองอยู่ห่างจากสายตาของผู้เล่นคนอื่น ๆ มาพักหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุนี้ฮยอนนูจึงยอมรับข้อเสนอของคิมซอกจองในที่สุด “ได้เลย ถ้างั้นเราไปลุยกันเถอะครับ”
“เชื่อใจพี่ได้เลยน้องชาย” คิมซอกจองบอกให้เขาไว้ใจ แต่ดูอย่างไรท่าทางของเขาก็ไม่น่าไว้ใจเหมือนกับคำพูดเลยแม้แต่น้อย
‘ดูเหมือนหมอนี่จะเปลี่ยนอาชีพมาสองครั้งแล้ว ถ้ามันทำอะไรแผลง ๆ ละก็ ฉันจะทิ้งภารกิจแล้วหนีก่อนก็แล้วกัน’ ฮยอนนูวางแผนการหนีเอาไว้เรียบร้อยแล้ว