Ranker’s Return - ตอนที่ 3
“ขอบคุณที่รับฟังคำพูดของฉันนะ ถึงมันจะดูกะทันหันไปหน่อยก็เถอะ”
ยองซานพาฮยอนนูเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้พูดอะไร เขาเดินนำฮยอนนูไปจนกระทั่งถึงหน้าประตูของห้องห้องหนึ่ง เมื่อประตูที่อยู่ตรงหน้าถูกเปิดออก ฮยอนนูก็ได้เห็นแคปซูลรูปทรงปริซึมสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่วางอยู่ ‘ฮิวจ์เททราโกแนลแคปซูล’ (Huge Tetragonal Capsule) มันคืออุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับเกมอารีน่า หรือที่เรียกกันว่า ‘เอคิวป์’ (A-Cube) นั่นเอง
“ช่วงนี้นายอยู่ที่บ้านของฉันไปก่อนก็แล้วกันนะ มันอาจจะลำบากหน่อยในช่วงเดือนสองเดือนแรก จนกว่าจะเก็บเงินก้อนแรกได้ นายก็พยายามเข้าหน่อยนะเพื่อน”
‘เฮ้อ~’ ฮยอนนูทำได้เพียงลอบถอนหายใจอยู่ในภวังค์ความคิดแล้วก้มหน้ามองพื้นเงียบ ๆ เขามีความรู้สึกว่าถ้าเงยหน้าขึ้นมาตอนนี้ ตัวเขาคงจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวแน่ ถึงแม้จะรู้สึกผิดและอับอายอยู่บ้างที่ต้องรบกวนยองซานแต่สุดท้ายเขาก็จำเป็นต้องทำแบบนี้
‘ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องอะไรเล็กน้อยแบบนี้ เพื่อเป้าหมายฉันจะต้องมุ่งมั่นและหนักแน่น รอก่อนเถอะ! สักวันฉันจะต้องใช้หนี้ที่ติดค้างเอาไว้ให้หมด ทั้งสหายและคนที่ฉันรัก ยองซาน คุณพ่อ คุณแม่ รวมถึงศัตรูของฉัน จุงฮันแบค และทุกคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องร้าย ๆ นี่!’ ฮยอนนูคิดพลางกำหมัดแน่น
***
หลังจากใช้เวลาอันน่าเบื่อหน่ายกับการคอยดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปเรื่อย ๆ แบบเซ็ง ๆ อย่างไร้จุดหมายแล้ว จู่ ๆ หนึ่งใน GM หรือเกมมาสเตอร์ของเกมอารีน่านามว่าปาร์คชอลฮยอง ก็ขยี้ตาและหายง่วงเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นข้อความหนึ่งที่น่าสนใจปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตน
‘คังฮยอนนู สร้างตัวละครใหม่’
‘ประวัติการสร้างตัวละครในอดีต: เมลีก็อด (Meleegod)’
‘ระดับภัยคุกคาม: 1’
“หัวหน้าครับ!” เกมมาสเตอร์ปาร์คชอลฮยองตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยท่าทีร้อนรน “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”
“หืม…อะไรล่ะ?” หัวหน้าที่คอยดูแลจัดการระบบและความเรียบร้อยของเกมหรือหัวหน้าเกมมาสเตอร์ค่อย ๆ ขยี้ตาแล้วตอบรับอย่างเหนื่อยหน่ายเนื่องจากการที่ต้องคอยเฝ้าดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน
“มะ…เมลีก็อด! เจ้าของตัวละครเมลีก็อดกลับมาแล้วครับ!”
“ใครกัน?”
“เมลีก็อดไงครับ เมลีก็อดสุดเทพคนนั้นน่ะ!”
“อะไรนะ!? เมลีก็อดกลับมาแล้วเหรอ!?…เหอะ…นี่แกคงคิดว่าฉันจะพูดอะไรแบบนี้งั้นล่ะสิ จะบอกอะไรให้นะชอลฮยอง แทนที่จะเอาเวลามาสนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ กลับไปตั้งใจทำงานของแกดีกว่า แกนี่เอาแต่อู้ตลอดเลยนะ เจ้าบ้าเอ๊ย!” หลังพูดจบแล้ว หัวหน้าเกมมาสเตอร์ก็ชี้ไปยังดวงตาของเขาเองและตะโกนขึ้นมาว่า “นี่แกไม่เห็นตาของฉันรึไง? มันแดงไปหมดแล้วเนี่ยเห็นมั้ย! ฉันจำไม่ได้แล้วว่าได้หลับเต็มอิ่มครั้งสุดท้ายตอนไหน! ให้ตายสิ…”
มัวแต่เสียเวลากับเรื่องไร้สาระทั้ง ๆ ที่มีงานสำคัญต้องทำตั้งมากมาย หัวหน้าเกมมาสเตอร์รู้สึกปวดหัวกับปาร์กชอลฮยองคนนี้เหลือเกิน ที่จริงแล้วเขาก็เคยได้ยินว่ามีพนักงานบางคนในฝ่ายการวางแผนพัฒนาเกมที่น่ารำคาญแบบนี้อยู่ด้วย พอเห็นแบบนี้แล้วทำให้เขาอยากจะนั่งทานข้าวกับหัวหน้าทีมฝ่ายการวางแผนพัฒนาเกมเพื่อหารือถึงปัญหานี้สักครั้งเลยทีเดียว
“รีบ ๆ ไปจัดการหาวิธีรับมือกับพวกเด็ก ๆ ที่ทำตัวกร่างในกิลด์ซะ! ถ้าอู้อีกละก็ฉันจะฆ่าแก! ถ้าแกไม่ได้กลับบ้านวันนี้อย่ามาว่าฉันก็แล้วกัน!”
หลังจากโดนสวดจนหน้าชาแล้วปาร์กชอลฮยองก็กลับไปนั่งประจำที่เดิมและลบหน้าจอติดตามความเคลื่อนไหวของเมลีก็อดออกไป จากนั้นเขาก็กลับไปคอยดูหน้าจอติดตามกิลด์ใหญ่ ๆ ทั้งหลายตามที่หัวหน้าสั่งเขาเอาไว้
เหล่าเกมมาสเตอร์ที่ได้ยินสิ่งที่เกมมาสเตอร์ปาร์กชอลฮยองบอกกับหัวหน้าเกมมาสเตอร์ก็อดรู้สึกสนใจไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมมาสเตอร์สาวประจำพื้นที่เลเวลระดับต่ำ
“ยังไงก็ตาม เขาต้องการอะไรกันถึงกลับมาเล่นใหม่? ถึงจะเป็นเมลีก็อดก็เถอะ ยังไงก็ไร้ความหมายอยู่ดี”
“ก็จริงแหละ ระดับของพวกผู้เล่นเก่ง ๆ ในตอนนี้แตกต่างจากระดับที่เมลีก็อดเคยสู้ด้วยในสมัยก่อนเยอะเลย”
“อย่าไปสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย ตอนนี้ถ้าจะให้เขาไปร่วมแข่งกับพวกมือโปร ก็คงเหมือนเข้าไปบุกป้อมปราการที่มีแต่พวกปีศาจเฝ้าอยู่เป็นขโยงนั่นแหละ มือโปรพวกนั้นเคลียร์คอนเทนต์ของเราเร็วสะอย่างกับอะไร”
“มันเลยทำให้พวกเราปวดหัวอยู่นี่ไงล่ะ ตอนนี้พวกมือโปรเล่นเกมได้ดีกันโอเวอร์เหลือเกิน”
สุดท้ายแล้วเหล่าเกมมาสเตอร์ทั้งหลายต่างก็เลือกที่จะไม่สนใจต่อการกลับมาของฮยอนนู ในตอนนี้สำหรับพวกเขาแล้ว ฮยอนนูนั้นเป็นเพียงแค่เศษซากตำนานในอดีต ยุดสมัยของเขามันสิ้นสุดไปแล้ว
***
อีกด้านหนึ่ง ท่ามกลางความมืดไร้ขอบเขตนั้น เสียงหวานใสและกังวาลเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างไร้ที่มาที่ไป “คุณต้องการจะสร้างตัวละครหรือไม่?”
ฮยอนนูรู้สึกได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นระรัวอยู่ในอก เขาได้ยินเสียงที่คิดว่าจะไม่มีวันได้ยินมันอีกแล้ว ในความเป็นจริงหากสภาพตัวละครของเขาในตอนนี้ถูกเผยแพร่ออกไปอาจมีใครหลาย ๆ คนหัวเราะเยาะ ทว่ามันก็ช่วยไม่ได้ บางครั้งความเป็นจริงก็โหดร้ายนัก ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะกลับมาเล่นเกมนี้ใหม่อีกครั้ง เขาก็ต้องก้าวผ่านสภาพที่น่าอดสูนี้ไปให้ได้
“ฉันไม่คิดจะปรับแต่งตัวละคร ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก” ท่าทางของฮยอนนูที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกว่าสำหรับเขาแล้วการปรับแต่งตัวละครเป็นเพียงเรื่องไร้สาระและเสียเวลาเท่านั้น
“ถ้าเช่นนั้นเราจะพาท่านไปยังช่วงของการฝึกฝนอย่างที่ท่านต้องการค่ะ”
ทันทีที่เสียงหวานใสและกังวานนั้นสิ้นสุดลง ฮยอนนูก็ได้หายเข้าไปในห้วงมิติอันมืดมิด
***
เมื่อรู้สึกตัวอีกที ฮยอนนูก็มาปรากฏตัวอยู่ที่โคลอสเซียมขนาดใหญ่แล้ว ห่างออกไปไม่ไกลนักทางด้านหน้าของเขามีชายคนหนึ่งกำลังยืนรอเขาอยู่ ชื่อของเขาคือเอไอ เป็นเอ็นพีซีที่ทำหน้าที่แนะนำการฝึกสอนขั้นต้นให้กับผู้เล่นใหม่
“สวัสดีครับคุณคังฮยอนนู ชื่อของกระผมคือเอไอ กระผมมีหน้าที่แนะนำการฝึกสอนขั้นต้นให้กับผู้เล่นใหม่ครับ”
“มารีบ ๆ ทำให้มันจบไว ๆ เถอะ” ฮยอนนูเร่งเอไอด้วยท่าทีที่ดูเหมือนว่าทุกวินาทีที่เขาใช้ในสถานที่แห่งนี้คือการเสียเวลา ถึงกระนั้นเอไอก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเป็นพิเศษ เนื่องจากเขาเคยเห็นผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่เป็นแบบนี้มาก่อน
“ถ้าเช่นนั้น กระผมจะพาคุณเข้าสู่บทเรียนหลักเลยก็แล้วกันนะครับ มีการทดสอบพื้นฐานอยู่สองอย่างที่คุณต้องผ่านให้ได้ หนึ่งคือการทดสอบการใช้เวทมนตร์และสองคือการทดสอบการใช้ทักษะการต่อสู้เบื้องต้น”
ทันทีที่เอไอพูดจบ พลังงานเวทมนตร์ก็ค่อย ๆ ไหลมารวมกันอยู่ที่บริเวณรอบ ๆ เท้าของฮยอนนู
“วงแหวนเวทนี้มีหน้าที่ในการรวบรวมพลังเวท มันจะใช้ตรวจสอบว่าคุณจะมีความไวต่อพลังเวทมนตร์ขนาดไหน”
ฮยอนนูพยักหน้าเหมือนว่าเขารู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว
“จากนี้ไปผมจะให้วงกลมเวทนี้ทำงาน คุณอาจจะรู้สึกแปลก ๆ สักหน่อย แต่ผมอยากให้คุณบอกความรู้สึกที่คุณสัมผัสได้ให้ตรงตามความคิดของคุณโดยที่ไม่มีอะไรเจือปน”
ในที่สุดวงแหวนเวทก็ทำงาน พลังเวทจำนวนมหาศาลพุ่งเข้าหาฮยอนนูจากใต้เท้าของเขา ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่ฮยอนนูคุ้นเคย พลังนี้เหมือนกับเป็นพลังเวทที่ฮยอนนูเคยใช้เมื่อสองปีก่อน ถึงอย่างนั้นสำหรับเขาแล้วมันมีความรู้สึกว่าสองปีที่เคยร่ายเวทนั้นมันเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง
ฮยอนนูยื่นมือไปตรงหน้าเอไอ ‘มันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน…’ ตอนนั้นเองเปลวไฟที่สร้างมาจากพลังเวทก็ได้ลุกโชนขึ้นมาเหนือฝ่ามือทั้งสองของเขา
“!!!”
‘คนคนนี้ น่าทึ่งเกินไปแล้ว!’ เอไอไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วฮยอนนูเป็นใครจึงตกตะลึงต่อสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน ฉะนั้นเอไอจึงตัดสินใจจบการฝึกการใช้เวทในทันทีเนื่องจากไม่มีประโยชน์ที่จะทดสอบอะไรฮยอนนูอีกต่อไป
“กระผมคิดว่าคุณคงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามอะไรอีกต่อไป เอาล่ะ! ถ้าเช่นนั้นเรามาเริ่มบททดสอบต่อไปกันเถอะ สำหรับบททดสอบการต่อสู้นั้นผมจะอัญเชิญมอนสเตอร์ขึ้นมาหนึ่งตัว คุณต้องจัดการกับมอนสเตอร์ตัวนั้นให้ได้ หากคุณได้รับบาดเจ็บจนถึงขีดอันตรายหรือตายการทดสอบจะจบลงทันที มีความยากให้เลือกจากระดับหนึ่งถึงระดับสิบ โปรดจำไว้ด้วยว่ารางวัลนั้นจะแตกต่างกันออกไปตามระดับความยากที่คุณเลือก หากคุณไม่ปรารถนาที่จะเลือกระดับความยาก ระบบจะทำการสุ่มระดับความยากของบททดสอบให้คุณโดยอัตโนมัติ”
ในขณะที่เอไอกำลังพูดอยู่นั้น โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาวุธจำนวนมากก็ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของฮยอนนู เขาเอาแต่วุ่นวายอยู่กับการเลือกอาวุธจนแทบไม่ได้สนใจคำพูดของ เอไอเลย อาวุธที่วางอยู่บนโต๊ะตัวนั้นมีมากมายหลายชนิด เริ่มตั้งแต่อาวุธที่เห็นได้ทั่วไปอย่างดาบ ธนู และหอก รวมไปถึงอาวุธรูปร่างประหลาดที่ไม่สามารถระบุชื่อได้ว่าคืออาวุธชนิดใด
อาวุธที่ฮยอนนูเลือกนั้นเป็นแบบเดียวกับที่เขาเคยใช้มาก่อนในอดีต นั่นก็คือดาบยาว ดาบที่เขาเลือกนั้นมีความกว้างของตัวดาบอยู่ที่ราว ๆ สี่เซนติชิเมตรและมีความยาวของตัวดาบอยู่ที่ประมาณหนึ่งร้อยสามสิบเซนติเมตร
เมื่อฮยอนนูหยิบอาวุธขึ้นมาแล้ว เขาก็ส่งสัญญาณให้เอไอเริ่มบททดสอบโดยทันที
“เริ่มได้แล้ว”
ไม่นานหลังจากที่เขากล่าวจบวงแหวนเวทวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้นห่างจากตัวของฮยอนนูราว ๆ สิบเซนติเมตร มอนสเตอร์แห่งบททดสอบค่อย ๆ ปรากฏกายขึ้นเหนือวงเวทจากการอัญเชิญออกมาด้วยพลังอันแข็งแกร่งของวงเวทนั้น
‘จะมีตัวอะไรออกมากันนะ…? หมาป่า? หรือไม่ก็คงเป็นก็อบลินละมั้ง’
***
เกมมาสเตอร์สาวจุงดาฮุยกำลังวุ่นวายกับการดูความเคลื่อนไหวของเขตพื้นที่เลเวลต่ำอยู่ ถึงอย่างนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังกับความสามารถคังฮยอนนูที่ตอนนี้กำลังปรากฏอยู่บนหน้าจอของเธอ ถึงแม้จะกลับมาเล่นหลังจากห่างหายไปนาน แต่ฮยอนนูก็ยังสามารถผ่านการทดสอบการใช้เวทมนตร์ไปได้อย่างน่าทึ่ง ความสามารถระดับนี้เหมาะสมกับชื่อเสียงเรียงนามของเมลีก็อดจริง ๆ
‘นี่เป็นเมลีก็อดจริง ๆ ด้วยสินะ ถ้างั้น ขอดูความสามารถในการต่อสู้ของเขาหน่อยก็แล้วกันว่าจะยังเหมือนเดิมไหม’
นิ้วของจุงดาฮุยเคลื่อนไหวเร็วมากจนมองไม่ทัน เนื่องจากการที่เธอรีบร้อนปรับแต่งการฝึกฝนให้เป็นไปตามที่เธอต้องการนั่นเอง
‘ถ้านายไม่ยอมเลือกระดับความยากล่ะก็ ฉันจะเลือกระดับที่เหมาะสมกับนายให้ก็แล้วกัน ระดับสิบยังไงล่ะ’
เมื่อนิ้วมือของจุงดาฮุยหยุดเคลื่อนไหว ฮยอนนูกับเอลฟ์แห่งความมืด ‘ดาร์กเอลฟ์’ ก็ได้เผชิญหน้ากันอยู่ที่หน้าจอของเธอแล้ว เอลฟ์แห่งความมืดหรือดาร์กเอลฟ์นั้นไม่ใช่มอนสเตอร์ที่ผู้เล่นเลเวลหนึ่งจะสามารถเอาชนะได้โดยง่าย ถึงผู้เล่นคนนั้นจะเป็นฮยอนนูก็ตาม อย่างไรก็ตามจุงดาฮุยไม่ได้รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย เธอเชื่อว่าฮยอนนูจะต้องเอาชนะเอลฟ์แห่งความมืดได้ แม้ว่าเขาอาจจะต้องหืดขึ้นคอสักหน่อยก็เถอะ
“ขอร้องล่ะ ฉันอยากให้เธอเอาชนะมันให้ได้ กลับมาเป็นสุดยอดอีกครั้งเหมือนตอนนั้นเถอะ” เมื่อพิจารณาสถานการณ์ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วนเสร็จ นิ้วมือที่หยุดเคลื่อนไหวไปแล้วของเธอ ก็กลับมาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง