Ranker’s Return - ตอนที่ 31
[คุณได้ฆ่าจอมเวทมนตร์ดำสมัครเล่นอเดล]
[ได้รับค่าประสบการณ์]
‘เอาละ! จัดการจอมเวทมนตร์ดำเรียบร้อย’
ฮยอนนูไล่ต้อนเจ้าหมียักษ์มากยิ่งขึ้นไปอีก ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรแล้ว ที่เขาต้องทำมีเพียงแค่สู้กับเจ้าหมียักษ์ตัวนี้ให้เต็มที่เท่านั้น
“ฮยอง!” ลูกธนูของยองจุนพุ่งใส่เจ้าหมียักษ์ในจังหวะที่มันกำลังจะโจมตีฮยอนนูพอดิบพอดี ลูกธนูดอกนั้นพุ่งทะลวงหน้าท้องของเจ้าหมียักษ์ทำให้ร่างกายของมันหยุดชะงักไป ไม่รอช้าฮยอนนูรีบอาศัยจังหวะนั้นเคลื่อนไหวทันที แม้บัฟจากทักษะ ‘พลังแห่งยักษา’ จะหมดลงแล้วก็ตามทว่าบัฟอื่น ๆ ยังคงอยู่
[หมีนกฮูกยักษ์ได้รับสถานะผิดปกติ ‘เลือดไหล’]
ร่างกายของเจ้าหมียักษ์ตอนนี้ปรากฏบาดแผลอยู่ทั่วทุกที่ แม้ว่ามันจะยังคงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ทว่าความเร็วของมันก็ถูกบั่นทอนลงไปในระดับหนึ่งแล้วเมื่อเทียบกับตอนแรก
‘ได้เวลาปิดฉากแล้ว!’
ฮยอนนูขยับกายหลบหลีกการโจมตีของเจ้าหมียักษ์ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็แทงดาบยาวปลายมนของตนออกไปอย่างเต็มกำลัง และด้วยการโจมตีที่แม่นยำปลายดาบพุ่งทะลวงหัวใจของเจ้าหมียักษ์ตัวนี้เข้าอย่างจัง นี่คือการโจมตีปิดฉาก
เจ้าหมียักษ์เริ่มสัมผัสได้ว่าร่างกายของมันกำลังสูญเสียพลังชีวิตไปเรื่อย ๆ มันพยายามหันไปหาจุดที่เจ้านายของมันอยู่ ทว่าสิ่งที่มันได้เห็นมีเพียงร่างไร้วิญญาณของอเดลเท่านั้น ไม่นานนักมันก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นไม่ต่างอะไรจากเจ้านายของมัน
[คุณได้ฆ่าหมีนกฮูกยักษ์]
[ได้รับค่าประสบการณ์]
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
[พลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ได้รับการฟื้นฟู]
[ฆ่าจอมเวทมนตร์ดำ 2/2]
[ได้รับบันทึกการค้นคว้าของอเดล]
[ค่าพลังงานการต่อสู้ของคุณเพิ่มขึ้น 2 แต้ม]
ฮยอนนูยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นข้อความแจ้งเตือนการสำเร็จภารกิจปรากฏออกมา เมื่อทังอีเห็นฮยอนนูยิ้มมันก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
“ไอ้เจ้านายท่าน เยี่ยมมากเลย! รีบมาเป็นม้าเร็วเข้า เป็นม้า เป็นม้า”
“เข้าใจแล้วน่าทังอี นายสุดยอดจริง ๆ ที่คอยบัฟให้ฉัน”
ฮยอนนูยกตัวทังอีขึ้นในขณะที่ยูริและยองจุนเข้ามาหาฮยอนนูหลังจากที่เก็บไอเทมที่ตกอยู่จนหมดแล้ว
“ฮยอง! สู้ได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ เจ๋งที่สุดเลยครับ!”
“ว่าแต่เจ้าตุ๊กตาหมีนั่นมันอะไรกันคะ? สัตว์เลี้ยงของพี่งั้นเหรอ?”
“ทังอีเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันเอง สัตว์เลี้ยงที่ฉันไว้ใจมากที่สุด”
“น่ารักจังเลย ขอหนูจับมันหน่อยได้ไหมคะ?” ยูริถามพร้อมกับรอยยิ้มที่สื่อออกมาว่าเธอคงขาดใจตายแน่หากไม่ได้กอดทังอี
ฮยอนนูพยักหน้าตกลงจากนั้นก็ยื่นทังอีให้กับยูริ
‘โทษทีนะทังอี นายช่วยรับมือยูริแทนฉันหน่อยนะ’
“แกนี่น่ารักจังเลย ชื่ออะไรเหรอจ๊ะ?”
“ไอ้เจ้านายท่าน! นายทิ้งฉันได้นะ ทำไมไอ้เจ้านายท่านถึงได้…”
หลังจากที่ฮยอนนูยื่นทังอีให้กับยูริแล้วเขาก็หันกลับไปดูไอเทมที่ยองจุนถืออยู่
“ของดรอปอะไรที่ทำให้นายต้องถืออย่างระมัดระวังขนาดนั้นกันล่ะ?”
“คทาของจอมเวทมนตร์ดำและหนังสือทักษะเวทมนตร์ครับ เจ้าหมียักษ์นั่นก็ดรอปลูกประคำแปลก ๆ ด้วย รายละเอียดไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ผมคิดว่าอาจจะต้องประเมินค่าพวกมันก่อนครับ”
เมื่อได้ยินคำพูดของยองจุนแล้ว ฮยอนนูก็รับไอเทมมาเพื่อตรวจสอบข้อมูล และเมื่อตรวจสอบข้อมูลไอเทมแล้ว เขาก็ยื่นคทาและหนังสือเวทมนตร์คืนแก่ยองจุน
“พวกเธอสองคนเอาไปละกัน สำหรับพี่แค่ลูกประคำก็พอแล้ว”
ทันใดนั้นยูริที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงทังอีอยู่ก็กล่าวขึ้น “พี่คะ! แต่พี่เป็นคนที่จัดการกับบอสได้นะคะ ทำไมถึงให้พวกเรากันล่ะ?”
“จอมเวทมนตร์ดำโดนยองจุนจัดการ ส่วนพี่จัดการเจ้าหมียักษ์นั่นได้ ดังนั้นพี่ควรจะรับแค่ลูกประคำเท่านั้น” ฮยอนนูพูดในขณะที่ขยี้ผมของยองจุนไปพลาง ๆ
ยิ่งมองดูพวกเขามากขึ้นเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งดูน่าเอ็นดูในสายตาของฮยอนนูมากขึ้นเท่านั้น สำหรับฮยอนนูที่ไม่มีญาติพี่น้องที่สนิทเลยนั้น ทั้งสองต่างก็ดูเหมือนพี่น้องของเขาจริง ๆ
“คิดว่าเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากพี่ก็แล้วกัน พี่ไม่ได้เจอพวกเธอนานแล้ว ดังนั้นพี่ก็ควรให้ของขวัญพวกเธอซักหน่อย จริงไหมล่ะ?”
“พี่คะ!”
“ฮยอง!”
“ขอบคุณนะคะ พวกเราจะใช้มันอย่างดีเลย”
ทั้งสองคนต่างก็แสดงความขอบคุณต่อฮยอนนู ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ฮยอนนูไม่ได้กล่าวออกไป ‘ยังไงลูกประคำนี่ก็มีค่ากว่าไอเทมทั้งสองชิ้นนั่นอยู่แล้ว’
***
เมื่อฮยอนนูแยกทางกับทั้งสองแล้วเขาก็มุ่งหน้ากลับไปยังยุสมาเพื่อที่ส่งภารกิจนั่นเอง
“ฉันจะได้รางวัลอะไรในครั้งนี้กันนะ?”
ฮยอนนูมาถึงคฤหาสน์ของเลบรอนพร้อมด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เขาคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับอะไรดี ๆ จากภารกิจนี้ ครั้งนี้พวกองครักษ์ไม่ได้ขวางทางฮยอนนูเหมือนกับครั้งที่แล้ว พวกเขาทำเพียงแค่โค้งคำนับเพื่อแสดงการทักทายเท่านั้น ฮยอนนูถามเหล่าองครักษ์เหล่านั้นว่า “ท่านเลบรอนอยู่ที่ไหนงั้นเหรอ?”
“ท่านอยู่ที่เดิมครับ”
“เข้าใจแล้ว ขอบใจนะ”
เมื่อฮยอนนูรู้ตำแหน่งแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์และมุ่งตรงไปยังจุด ๆ นั้นโดยทันที ไม่นานนักชายหนุ่มก็ได้พบกับเลบรอนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงสำหรับการฝึกฝนด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม
“กลับมาแล้วงั้นเหรอ? ช่างรวดเร็วดีจริง ๆ” เลบรอนพูดกับฮยอนนูในขณะที่มองใบหน้าของชายหนุ่มไปด้วย จากนั้นเขาก็ถาามต่อว่า “เจ้าได้ไปสำรวจมาแล้วหรือยัง?”
ตอนนั้นเองฮยอนนูก็ยื่นหนังสือเล่มหนึ่งให้แก่เลบรอน มันคือบันทึกของอเดลนั่นเอง
“นี่คือบันทึกการค้นคว้าที่ได้มาจากจอมเวทมนตร์ดำ ถือว่าเพียงพอไหมครับ?”
เลบรอนพยักหน้าในขณะที่กำลังตรวจสอบบันทึกการค้นคว้าอยู่ “นายท่านจะต้องพอใจกับสิ่งนี้อย่างแน่นอน”
[คุณสำเร็จภารกิจ ‘การสำรวจพื้นที่บริกส์’]
[ได้รับค่าประสบการณ์]
[ได้รับค่าการสนับสนุนจากอาณาจักร 200 แต้ม]
[ได้รับรางวัลเพิ่มเติมเป็นเงินอีก 1,000 โกลด์]
และทันใดนั้นเองเลบรอนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับกระทืบเท้าด้วยเสียงอันดัง จากนั้นเขาก็พูดกับฮยอนนูว่า “ถ้างั้นก็จงเตรียมตัวได้แล้ว”
“หมายความว่ายังไงครับ?” ฮยอนนูถามด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความสับสน
“เจ้าต้องไปพบกับนายท่าน ถ้าคนสำรวจไม่ไปแล้วใครจะเป็นผู้ที่รายงานนายท่านกัน?”
“เอ่อ!…ทราบแล้วครับ!”
ฮยอนนูใช่ฝ่ามือทั้งสองของเขาปิดปากตัวเองเอาไว้ เพราะถ้าเขาไม่ปิดมันไว้ละก็ เขาจะต้องตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้นอย่างแน่นอนแน่นอน
‘ท่านจักพรรดิ!…’
แม้เกมอารีน่าจะเปิดให้บริการมาเกือบสามปีเต็มแล้วก็ตาม ทว่าพระราชวังแห่งอาณาจักรยุสมาก็ยังคงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยปริศนา ใครจะคาดคิดว่าเขาจะได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ได้ก้าวเท้าเข้าไปในเขตพระราชวังแห่งอาณาจักร
[ฉายา ‘บุคคลแรกผู้ย่างกรายเข้าสู่เขตพระราชวังแห่งอาณาจักร’ ถูกสร้างขึ้นแล้ว]
‘ยอดเยี่ยม!’
ในจังหวะที่เขากำลังก้าวผ่านทางเข้าของพระราชวังแห่งอาณาจักร หน้าต่างข้อความนี้ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของชายหนุ่ม เขาคือผู้เล่นคนแรกที่ได้เข้ามาในเขตพระราชวังแห่งอาณาจักรนี้และนั่นก็ทำให้เขาได้รับฉายานี้มา
เลบรอนจ้องมองฮยอนนูในขณะที่เขากำลังอ่านข้อความที่ปรากฏออกมาอยู่ ดวงตาทั้งสองของฮยอนนูดูจะเต็มไปด้วยความกังวล “ไม่ต้องกังวลหรอก นายท่านเป็นคนดีมากนะ ทั้งอัธยาศัยดีและเข้มแข็ง แม้ท่านอาจจะตัดสินใจอะไรไวไปหน่อย แต่ทุกคนต่างก็เป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?”
‘นั่นเป็นคำแนะนำจริง ๆ งั้นเหรอ?’ ฮยอนนูไม่ได้รู้สึกกังวลเลย ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลอะไรทั้งนั้น จักรพรรดิเองก็ไม่ใช่จักรพรรดิจริง ๆ เสียหน่อย เป็นเพียงแค่ NPC ในเกมเท่านั้น
“งั้นเหรอครับ? ถ้างั้นค่อยเบาใจหน่อย” ถึงอย่างนั้นฮยอนนูก็ตอบรับด้วยท่าทีที่เหมาะสมเพื่อให้ภาพลักษณ์ที่ดีของเขาคงอยู่ในสายตาของเลบรอนต่อไป
ไม่นานนักทั้งสองก็มาถึงเขตที่พักของจักรพรรดิ
“นายท่านอยู่ที่นี่แล้ว ท่านรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเจ้าคือนักผจญภัย ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสุภาพถึงขนาดนั้นหรอก” เลบรอนยังคงให้คำแนะนำต่อไปจนกระทั่งทั้งสองเปิดประตูเข้าไป
‘ท่านจักพรรดิ…ท่านน่าจะเป็นแหล่งรวมไอเทมชั้นยอดเลยไม่ใช่หรือไง?’ ฮยอนนูพยายามผ่อนคลายความประหม่าของเขา
จากนั้นหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นข้ารับใช้ก็ปรากฏตัวออกมาแล้วพูดว่า “ท่านดยุคคะ นายท่านบอกให้เข้ามาได้เลยค่ะ”
‘ว้าว! งดงามมาก’ ฮยอนนูอดมองไปรอบ ๆ และชื่นชมไปกับความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ไม่ได้ ห้องโถงหลักที่จักรพรรดิพำนักอยู่นั้นเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีสิ่งงดงามต่าง ๆ ประดับประดาอยู่ทั่วบริเวณ ที่สุดทางของห้องโถงแห่งนี้มีขั้นบันไดเล็ก ๆ ซึ่งนำไปสู่บัลลังก์ของจักรพรรดิ และผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ในตอนนี้คือชายหนุ่มสีหน้าดุดัน หลังจากที่ชายหนุ่มผู้นั้นทอดสายตามองฮยอนนูอยู่พักใหญ่แล้ว ในที่สุดเขาก็เอ่ยปากถาม “เจ้าคือนักผจญภัยที่ทำงานให้ข้าจนสำเร็จใช่หรือไม่?”
เสียงของชายหนุ่มผู้นั้นทั้งทรงพลังและก้องกังวาน ฮยอนนูรู้สึกได้ว่าจู่ ๆ ตัวเขาก็แข็งทื่อขึ้นมา
[ฉายา ‘บุคคลแรกผู้ได้พบกับจักรพรรดิ’ ถูกสร้างขึ้นแล้ว]
‘ฉายางั้นเหรอ?’
ฮยอนนูแทบจะไม่มีโอกาสได้สนใจอะไรกับฉายาที่ถูกสร้างขึ้นเลย เพราะว่าจู่ ๆ ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อจนไม่สามารถขยับได้
[คุณอยู่ในสถานะผิดปกติ ‘อัมพาต’ เนื่องจากถูกปกคลุมด้วยแรงกดดันอันแข็งแกร่ง]
‘อะไรกัน? นี่มัน?’
“นายท่านอย่าเล่นอะไรแบบนี้สิครับ” เมื่อเห็นร่างกายของฮยอนนูแข็งทื่อไป เลบรอนก็ก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อป้องกันแรงกดดันจากจักรพรรดิทำให้ฮยอนนูสามารถขยับตัวได้อีกครั้ง
‘คนผู้นี้คือปีศาจที่ช่วงชิงอำนาจมาด้วยความสามารถของตนอย่างแท้จริง’ ฮยอนนูทำได้เพียงตกตะลึง ไม่ใช่ว่าเดิมทีจักรพรรดิก็แค่คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์แล้วคอยชี้นิ้วสั่งงั้นเหรอ? แรงกดดันที่เขาปล่อยออกมาช่างดูน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
“นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม?” จักรพรรดิลุกขึ้นจากบัลลัก์และเดินผ่านบันไดลงมา ทุก ๆ ก้าวที่เข้ามาใกล้ทำให้ฮยอนนูสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามของจักรพรรดิมากยิ่งขึ้น ในที่สุดจักรพรรดิก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าของเลบรอนและเอ่ยปากพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงเอาแต่นั่งนิ่ง ๆ อยู่ในที่พักกัน? เจ้าบ้าเอ๊ย! เจ้าควรจะทำงานบ้าง!” จักรพรรดิตะโกนใส่เลบรอนอย่างหัวเสีย
“ข้าเป็นดยุคนะ! ดยุคเช่นข้าจะเล่นสนุกอย่างไรก็ย่อมทำได้ เป็นท่านจักรพรรดิต่างหากที่ต้องทำงานถึงจะถูก!”
ช่างเป็นบทสนทนาที่น่าตื่นตาตื่นใจเสียเหลือเกิน มันดูคล้ายกับตอนที่ฮยอนนูและยองซานเถียงกันอยู่บ้าง หากอธิบายสั้น ๆ แล้ว มันไม่มีพิธีการอะไรเลย ดูอย่างไรก็เหมือนบทสนทนาระหว่างจักรพรรดิกับดยุค บทสนทนาเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากทั้งสองไม่เคยเป็นศิษย์เก่าที่อยู่ในกองทัพอัศวินด้วยกันมาก่อน
ฮยอนนูยืนฟังทั้งสองคนโต้เถียงกันอยู่พักใหญ่จนเขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป “เอ่อ…คือ… ผมไปได้หรือยังครับ?”
ในตอนนั้นเองที่ทั้งสองคนเพิ่งจะรู้สึกตัวและกระแอมแก้เขินออกมาเบา ๆ
“แค่ก! แค่ก! เป็นเจ้าเองสินะ”
จักรพรรดิอธิบายถึงเหตุผลที่เขาเรียกฮยอนนูเข้าพบ “เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ก็เพราะมีงานอีกอย่างให้ทำ” แต่ว่าจะเบิกงบประมาณของอาณาจักรก็ไม่ใช่เรื่องง่ายซักเท่าไหร่ ดังนั้นข้าต้องแน่ใจในความสามารถของเจ้าก่อน
จักรพรรดิจ้องมองฮยอนนูด้วยสายตาจริงจัง “เจ้าเหมาะสมที่จะรับมันหรือเปล่า?”
[ภารกิจถูกสร้างขึ้นแล้ว]
[ภารกิจ ‘การพิสูจน์คุณสมบัติ’]
[จำเป็นต้องผ่านการพิสูจน์คุณสมบัติก่อนที่จะรับงานของอาณาจักร จงแสดงให้เห็นว่าคุณมีคุณสมบัติมากพอ]
ระดับ: MS
เงื่อนไข: คว้าชัยชนะ 0/100 ครั้งในอารีน่า ชนะติดต่อกัน 10 ครั้งในอารีน่าเป็นจำนวน 0/1 ครั้ง
รางวัล: สามารถรับภารกิจของอาณาจักรได้ ของขวัญจากจักรพรรดิ
“เงื่อนไขนั้นง่ายมาก เจ้าแค่แสดงให้ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นนักผจญภัยที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามมันมีเส้นตายกำหนดด้วย เจ้าต้องทำให้สำเร็จภายในครึ่งเดือน หากเกินกำหนดนี้ไปละก็ ข้าจะไม่เรียกเจ้าเข้าพบอีกหลังจากนั้น”
‘ขอดูอีกทีซิ เควสนี้ให้อะไรฉันนะ?’
ฮยอนนูรู้สึกดีใจมากที่ได้รับภารกิจมาอย่างเรียบง่าย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรับมันมาอยู่แล้ว การคว้าชัยชนะ 100 ครั้งในอารีน่านั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ และความสัมพันธ์กับจักรพรรดิก็ถือเป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกัน
“วางใจได้เลยครับ ผมจะพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นเอง” ฮยอนนูตอบกลับจักรพรรดิและโค้งคำนับ