Ranker’s Return - ตอนที่ 40
[คุณได้ฆ่ามังกรทะเลทรายแห่งความแปรปรวน]
[ได้รับค่าประสบการณ์]
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
[พลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ได้รับการฟื้นฟู]
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
[พลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ได้รับการฟื้นฟู]
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
[พลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ได้รับการฟื้นฟู]
[ค่าพลังงานการต่อสู้ของคุณเพิ่มขึ้น 10 แต้ม]
[ฉายา ‘ผู้เข้าจู่โจมผู้ฉายเดี่ยว’ ถูกสร้างขึ้นแล้ว]
[ฉายา ‘ผู้สังหารมังกรทะเลทราย’ ถูกสร้างขึ้นแล้ว]
[ระดับประสิทธิภาพของทักษะความชำนาญในการใช้อาวุธเพิ่มขึ้นเป็น D]
[ระดับประสิทธิภาพของทักษะคลื่นพระจันทร์เสี้ยวเพิ่มขึ้นเป็น F+]
มังกรทะเลทรายแห่งความแปรปรวนมอบผลตอบแทนหลายอย่างแก่ฮยอนนู มันทำให้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นถึงสามเลเวล เพิ่มระดับประสิทธิภาพของทักษะ หรือแม้แต่มอบฉายาให้แก่เขา ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้อะไรบางอย่างที่น่าสนใจมาอีกด้วย
[อนูของมังกรทะเลทราย]
[กำไลข้อมือที่ได้มาจากการรวมทุกอย่างของมังกรทะเลทรายเข้าด้วยกัน]
ระดับ: ยูนีค
ข้อจำกัด: ผู้สังหารมังกรทะเลทราย
ความสามารถ: พลังโจมตีเวทมนตร์ +100 พลังโจมตีทางกายภาพ +100 สามารถใช้ทักษะ ‘ลมหายใจอัคคี’ ได้ (เวลาคูลดาวน์ 24 ชั่วโมง)
“ไอเทมระดับยูนีคงั้นเหรอ?” ฮยอนนูพูดพึมพำออกมา ดูเหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังสตรีมอยู่ เมื่อผู้ชมได้ยินคำพูดนี้แล้วพวกเขาต่างก็กลับมาพูดคุยกันอีกครั้งด้วยความสงสัย อย่างไรก็ตามตอนนี้หน้าต่างแชทไม่ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของฮยอนนู
– บอสใหญ่ประจำซอย! นี่นายไม่ดูแชทบ้างเลยเหรอ?
– ฉันไม่ไหวแล้วนะ! ดูช่องแชทหน่อย!
หลังจากที่ฮยอนนูใช้เวลาดูทักษะและฉายาของตัวเองอยู่นานกว่า 15 นาที เขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสตรีมอยู่ “ขอโทษด้วยครับ ผมลืมไปเลยว่ากำลังสตรีมอยู่ ตอนนี้ผมเปิดแชทกลับมาแล้วครับ”
– ทำเอาฉันหัวร้อนเลยนะเนี่ย
– ยอมเยี่ยมมากบอสใหญ่ประจำซอย! นี่ไม่ใช่พลังการต่อสู้จากมนุษย์ธรรมดา ๆ แล้ว
– บอสใหญ่ประจำซอย = มังกรทะเลทราย
– เหรียญทองโบยบิน บริจาคให้คุณ 99 โกลด์
ห้องแชทกลับมาครึกครื้นอีกครั้งหลังจากที่ฮยอนนูเปิดมันกลับขึ้นมาแล้ว จากนั้นโกลด์คอยน์ก็เริ่มไหลทะลักเข้ามาอีกครั้ง มันเหมือนกับการจุดพลุฉลองความสำเร็จในการล่าเรดบอสของฮยอนนูในครั้งนี้
– คนเดียวก็เฟี้ยวได้ บริจาคให้คุณ 999 โกลด์
– คลิปเด็ดประจำวัน บริจาคให้คุณ 999 โกลด์
“ขอบคุณสำหรับโกลด์คอยน์นะครับ ผมจะเอาไปซื้อไอเทมและสกิลต่าง ๆ แล้วก็จะโชว์อะไรหลาย ๆ อย่างให้ดูด้วยครับ” ฮยอนนูโค้งคำนับให้กับการบริจาคอย่างไม่หยุดยั้งของผู้ชม ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็มีอะไรบางอย่างสะดุดตาของฮยอนนูเข้า
– พี่บอสใหญ่ครับ ได้คลื่นพระจันทร์เสี้ยวมายังไงเหรอครับ?
“คลื่นพระจันทร์เสี้ยวได้มาตอนผ่านเควสครับ ไม่ได้มาจากหนังสือสุ่มสกิลเหมือนกับคนอื่น ๆ เขา”
ฮยอนนูพูดคุยกับผู้ชมอยู่ราว ๆ 30 นาที
“ผมหวังว่าทุกท่านจะชอบกันนะครับ ถ้าอย่างงั้นผมขอจบการสตรีมไว้แต่เพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะครับ”
การสตรีมครั้งที่สองของฮยอนนูจบลงแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้นั้นเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก
***
ความท้าทายครั้งใหญ่ของฮยอนนูนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก มันเป็นความสนใจที่ต่างออกไปเมื่อเทียบกับเมื่อครั้งก่อน ๆ นอกจากการสตรีมจะได้รับความสนใจจาก ‘เอ-เวิร์ล’ แล้ว มันยังได้รับความสนใจจากสื่อใหญ่ ๆ ของเกมอารีน่าด้วย ในขณะที่พวกเขาเริ่มให้ความสนใจตัวตนของฮยอนนู พวกกิลด์ใหญ่ ๆ ที่ได้สัญญามาจากชาแนลการถ่ายทอดสดเหล่านั้นก็เริ่มระวังตัวมากขึ้น พวกเขาเริ่มเกิดความริษยาและต้องการจะคุมไม่ให้ฮยอนนูประสบความสำเร็จไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตามผู้คนบางจำพวกก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น
“จุงกู! เสร็จแล้วใช่ไหม?”
คังจุงกูตอบคำถามของคิมซอกจองว่า “ใช่ครับฮยอง เหลือแค่ฆ่าพวกจอมเวทมนตร์ดำเท่านั้น”
“จะว่าไปฉันได้ยินมาว่าเดี๋ยวนี้มักจะเห็นพวกสมาชิกฟีนิกซ์อยู่แถว ๆ ปราการเอลลา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ดูเหมือนพวกเขากำลังตะลุยเนื้อเรื่องหอคอยเวทมนตร์อยู่นะครับ ยังไงพวกเราก็น่าจะต้องเจอพวกเขาเหมือนครั้งก่อน”
“งั้นเหรอ?” คิมซอกจองรู้สึกกังวลเมื่อได้ฟังคำพูดของคังจุงกู ชัดเจนเลยว่าเขากำลังพิจารณาถึงความสำคัญของสมาพันธ์ฟินิกซ์ว่ามีมากน้อยเพียงใด เขาควรจะเพิกเฉยหรือไปกับพวกเขากัน?
‘หากจะสู้กับพวกจอมเวทมนตร์ดำแล้วละก็ จำนวนผู้เล่นน่าจะมีความสำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว’
“ครั้งนี้เราลุยด้วยกันเถอะจุงกู รางวัลที่ได้ยังไงก็เยอะจนแบ่งไม่ไหวอยู่แล้วนี้”
“เข้าใจแล้วครับ”
คิมซอกจองตัดสินใจที่จะร่วมสู้เคียงข้างกับสมาพันธ์ฟินิกซ์ เนื่องจากเขาคิดว่าเนื้อเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในระดับธรรมดา ๆ ทั่วไป
“ฉันไม่รู้เลยว่าเจ้าน้องชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ ยังนึกถึงความสนุกตอนที่ได้ทำเควสด้วยกันได้อยู่เลย”
***
ฮยอนนูกับยองซานกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟา พวกเขาถือถังป๊อปคอร์นเอาไว้ในมือและกินมันอย่างเพลิดเพลิน
“การเคลื่อนที่แบบนั้นแหละ ใช่เลย!” ฮยอนนูดูวิดีโอและชื่นชมมัน การเคลื่อนที่ของชายที่อยู่ในวิดีโอนั้นยอดเยี่ยมเหนือคำชื่นชมใด ๆ
“นี่นายกำลังชมตัวเองงั้นเหรอ?”
วิดีโอที่ฮยอนนูและยองซานกำลังดูอยู่ก็คือวิดีโอการสตรีมครั้งที่สองของฮยอนนูนั่นเอง พวกเขากำลังดูมันเพื่อตรวจดูรายละเอียดให้แน่ใจก่อนที่จะส่งอีเมลไปให้เอลลิส
ฮยอนนูตอบกลับยองซานว่า “ไม่ใช่เพราะว่าฉันเป็นตัวเอกซะหน่อย แค่ดู ๆ ไปแล้วมันเผลอส่งเสียงออกมาเอง นายว่างั้นไหมล่ะ?”
“เออ ๆ นายมันไม่รู้สึกรู้สาอะไรอยู่แล้วนี่ ฉันไม่น่าถามเลยจริง ๆ”
“ในเมื่อไม่น่าจะมีอะไรแล้ว ให้ฉันส่งมันไปเลยไหม?”
“แค่ตัดให้ดูแค่ช่วงที่ฆ่ามังกรทะเลทรายได้ก็พอ”
ฮยอนนูคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะทำตามคำพูดของยองซาน ยองซานมีฝีมือไม่น้อยหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาชีพของฮยอนนูแล้ว
“ฉันว่านี่ก็ดีแล้วนะ” ฮยอนนูแคปฉากหนึ่งของวิดีโอเอาไว้ มันเป็นช่วงเดียวกับตอนที่ตัวเลือกของไอเทมระดับยูนีคโผล่ออกมาพอดี “ฉันว่าจะเอามันไปอวดในชุมชนอารีน่าซักหน่อย”
***
เมื่อฮยอนนูกลับไปยังปราสาทลิป้าแล้ว เขาก็เห็นว่ามันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ตัวปราสาทที่เคยปราศจากผู้คนตอนนี้กลับเต็มไปด้วยผู้เล่นจำนวนมาก
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ฮยอนนูไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะตัวเขาเองที่ทำให้จำนวนผู้เล่นบริเวณปราสาทลิป้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากเขาเผลอเปิดเผยตำแหน่งของดันเจี้ยนออกมาในระหว่างที่เขาคุยกับผู้ชมอยู่
“ที่นี่ใช่ไหม? วิดีโอของบอสใหญ่ประจำซอยถ่ายอยู่ที่นี่”
“นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมาล่าพวกกิ้งก่ากันที่นี่ยังไงละ”
“เห็นมังกรทะเลทรายบ้างไหม?”
“นี่ก็สองวันแล้วนะ แต่ยังไม่เห็นมันเลย”
“แย่จริง ๆ ฉันอยากจะเห็นมันด้วยตาของตัวเองสักครั้ง”
กล่าวได้ว่าผู้เล่นส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อล่ากิ้งก่าทะเลทรายที่ฮยอนนูแสดงให้พวกเขาดูตอนที่สตรีม แน่นอนว่าจุดประสงค์ของบางคนก็ต่างออกไปจากนี้เช่นกัน บางคนมาที่นี่เพื่อหาตัวฮยอนนู พวกเขาไม่ต่างอะไรกับฝูงไฮยีน่าที่โดนชื่อเสียงดึงดูด เรียกได้ว่ามันเป็นการปรากฏตัวของ ‘ผู้คนที่ไล่ตามกระแส’ ก็ว่าได้
อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าไม่น่าจะมีใครจำใบหน้าของฮยอนนูได้ แม้ฮยอนนูจะไม่ได้ใส่หน้ากากเหมือนกับวิดีโอก่อน ๆ แต่ด้วยฝีมือของเอลลิสนั้นทำให้ใบหน้าของเขายังไม่ถูกเปิดเผยในตอนนี้ เกมอารีน่าเองก็มีระบบเซนเซอร์อยู่ด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นเอลลิสก็ไม่ได้ใช้เนื่องจากมันอาจจะทำลายภาพลักษณ์ของฮยอนนูได้ วิดีโอที่ผ่าน ๆ มาจึงทำให้ดูเหมือนว่าฮยอนนูกำลังสวมหน้ากากอย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นจึงไม่มีทางเลยที่จะมีใครจำเขาได้
ถึงอย่างนั้นอย่าลืมว่าเซตแบล็คจากัวร์ที่ฮยอนนูใส่อยู่ก็ไม่ได้ถูกปกปิดแต่อย่างใด ทำให้ผู้คนที่ไล่ตามกระแสเล็งไปยังจุดนี้ พวกเขาไล่ตามหาผู้เล่นที่สวมเชตแบล็คจากัวร์ที่ปราสาทลิป้า และวิธีนี้ดูจะได้ผลดีเสียด้วย
“เฮ้! นั่นมันบอสใหญ่ประจำซอยไม่ใช่เหรอ?”
ฮยอนนูได้ยินเสียงเรียกของใครบางคน แต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจมัน เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณเลยว่าเขาไม่ได้โดนเรียกด้วยเหตุผลดี ๆ แน่นอน
‘ไม่น่าใช่เรื่องที่ดีแน่’
ผ่านไปไม่นาน เจ้าของเสียงเรียกเมื่อสักครู่ก็มาจับไหล่ของฮยอนนู “แกควรจะตอบเวลาคนอื่นเรียกสิวะ!”
ฮยอนนูโต้ตอบโดยการจับแขนของอีกฝ่ายที่กำลังจับไหล่เขาอยู่ออก
“เลิกโหวกเหวกแล้วไปให้พ้น!” คำพูดเย็นชาออกมาจากปากของฮยอนนู เขาไม่มีเวลามากพอจะมาเล่นสนุกกับคนพวกนี้ เขาต้องเคลียร์ภารกิจที่ได้รับมาจากจักรพรรดิเสียก่อน ไหนจะเรื่องที่ต้องอัพเลเวลอีกด้วย
“พอแกไปได้สวยหน่อยก็ทำเป็นหยิ่งงั้นเหรอ?”
จู่ ๆ ผู้ชายอีกสองคนก็โผล่ออกมาจากด้านหลังของชายคนนี้ และดูเหมือนชายคนนี้จะไว้วางใจในทั้งสองคนนั้นด้วย
“พวกแกต้องการอะไร?” ฮยอนนูรู้สึกหงุดหงิดอยู่เต็มทน ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามข่มอารมณ์นั้นเอาไว้ เขาจะฆ่าคนพวกนี้โดยไม่มีเหตุผลไม่ได้ หากทำเช่นนั้นแล้วคนที่เริ่มมีชื่อเสียงเช่นเขาจะต้องได้รับบทลงโทษที่มากกว่าอีกฝ่าย
“พวกเราแค่อยากดวลกับแก”
“ดวลเหรอ?”
“ใช่แล้ว!”
ฮยอนนูอดหัวเราะออกมาอย่างขุ่นเคืองไม่ได้ ท่าทีของคนพวกนี้ดูคล้ายคลึงกับพวกที่่ผ่าน ๆ มาเกินไปแล้ว
“พวกแกอยากจะดวลโดยเดิมพันลบตัวละครงั้นเหรอ? หรือจะแค่ดวล PK แบบง่าย ๆ ดี?” ฮยอนนูจ้องมองไปยังทั้งสามคนตรงหน้า
เขาใช้สายตาของตัวเองบอกสิ่งที่ต้องการจะสื่อออกไป ‘พวกแกกล้าหรือเปล่า?’
ชายทั้งสามคนเริ่มรู้สึกลังเล ชัดเจนแล้วว่าพวกเขาต้องเดิมพันด้วยตัวละครของตัวเองเพื่อแลกกับชื่อเสียงที่จะได้รับหากเอาชนะบอสใหญ่ประจำซอยได้ ตอนนั้นเองคำพูดบางคำก็ออกมาจากปากของฮยอนนูและมันทำให้การตัดสินใจของพวกเขาต้องไขว้เขว “กลัวงั้นเหรอ? ถ้ากลัวละก็ไสหัวไปไกล ๆ”
“ใครแม่งกลัวกันวะ? พวกเรารับคำท้าก็ได้ เอาการเดิมพันลบตัวละครนี่แหละโว้ย!”
ผู้เล่นพวกนี้กระโดดงับเหยื่อล่อเข้าไปอย่างจัง
‘พวกโง่นี่ช่างน่าเวทนาเสียจริง’
รอยยิ้มสมเพชปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮยอนนูอย่างที่เขาอดใจไว้ไม่ได้