Ranker’s Return - ตอนที่ 49
“ถ้างั้น? นายทำอะไรหมอนั่นไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”
“ใช่ครับพี่ ดูจากวิดีโอก็รู้แล้วครับว่าทำอะไรไม่ได้แน่ ขอโทษด้วยครับ”
แม้เทียนฮูจะได้ยินคำพูดนี้จากหลิวเซยแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ หลิวเซยเป็นคนวางแผน ดังนั้นเขาจึงต้องรับผิดชอบต่อความยุ่งเหยิงทั้งหมดนี้
“ไม่ต้องขอโทษหรอก มันไม่มีทางทำอะไรได้อยู่แล้ว ฉันเองก็ยอมรับ” เทียนฮูหยิบเครื่องดื่มบนโต๊ะทำงาน เขาดื่มแอลกอฮอล์ทั้งแก้วเพียงแค่ชั่วอึดใจ “ถ้างั้นฉันจะทำไงดีล่ะ? ทำยังไงถึงจะระบายความโกรธนี้ได้!”
แก้วแตกกระจายไปพร้อมกับเสียงโทสะของเทียนฮู
เทียนฮูพยายามคงความเยือกเย็นของตัวเองไว้ แต่เขาก็โกรธอย่างมากด้วยเช่นกัน หลังจากผ่านไปสักพัก เทียนฮูก็เอ่ยปากกล่าวคำขอโทษ “โทษทีนะ เมื่อกี้ฉันคุมอารมณ์ไม่อยู่”
“ผมเข้าใจครับพี่ ถ้าเป็นผมเองก็คงจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”
“งั้นตอนนี้เราควรจะเหยียบมันให้จมดินเลยไหม?”
“พี่ครับ ถ้าเราจะเหยียบมันละก็ เราทำมันให้เหมาะสมไม่ดีกว่าเหรอครับ?”
“นั่นสินะ ถ้าได้เหยียบมันในที่ที่ทุกคนเห็นละก็คงจะดีกว่าเดิมไม่น้อย 555”
เทียนฮูหัวเราะ เขากำลังรู้สึกดีกับคำพูดของหลิวเซย เขากำลังนึกภาพของฮยอนนูที่กำลังถูกเหยียบต่อหน้าผู้เล่นคนอื่น ๆ
“แทนที่จะใช้พวกเด็ก ๆ ทำแทนตอนไหนก็ไม่รู้ เราเลือกที่จะไปเหยียบมันตอนกำลังสตรีมอยู่จะดีกว่าไหมครับ?” หลิวเซยยื่นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจ
การเลือกใช้วิธีพีเคแบบสุ่มก็จะได้แค่ความสุขเพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้น แต่ถ้าหากชายคนนั้นถูกเหยียบย่ำแบบหมดสภาพในระหว่างที่กำลังสตรีมแล้วละก็ วิดีโอที่ได้นั้นจะตราตรึงอยู่ตลอดไป
“ทำแบบนั้นจะช่วยเรียกเกียรติของพี่กลับมาได้ไหม?”
“แน่นอน! นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการเลยละ!” เทียนฮูตอบตกลงอย่างหนักแน่น มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขาอยากจะวางผู้ชายคนนั้นลงในหลุมแล้วค่อย ๆ ฝังกลบเพื่อที่จะไม่ให้กลับขึ้นมาได้อีก
“พี่จะเป็นคนเตรียมพวกเด็ก ๆ ไหมครับ? หรือจะให้ผมเตรียมเองดี?”
“นายเป็นคนเสนอความคิดมาแล้ว ฉันคงจะเอาแต่ให้นายทำทุกอย่างไม่ได้ เทียนฮูคนนี้ไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้นหรอกนะ”
เทียนฮูยิ้มอย่างสดใส แค่นึกถึงมันเขาก็รู้สึกดีแล้ว ความพ่ายแพ้ของบอสใหญ่ประจำซอย มันจะน่าตื่นเต้นขนาดไหนกัน?
“ฉันรู้จักคนที่เหมาะอยู่ ถ้าเป็นเจ้านั่นละก็น่าจะเหยียบบอสใหญ่ประจำซอยได้มิดเลยละ”
เทียนฮูดื่มแอลกอฮอล์จากขวด นี่เป็นวันที่น่ายินดีที่สุดในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา
“เครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันนี้นี่ช่างหอมหวานเหลือเกิน”
***
ฮยอนนูเชื่อมต่อกับอารีน่าอีกครั้งและได้พบกับจักรพรรดิพร้อมกับเลบรอน พระราชวังแห่งอาณาจักรกลายเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยไปเสียแล้ว
“ข้าได้ยินมาจากอัลเดรดแล้ว ผลงานของเจ้านับว่ายอดเยี่ยมมาก คำว่า ‘ผู้กล้า’ ช่างเหมาะสมกับเจ้าอย่างยิ่ง เจ้าทำได้ดีมาก”
[คุณได้สำเร็จภารกิจ ‘การป้องกันที่ดิ้นรนของปราสาทลิป้า’]
[ได้รับค่าการสนับสนุนจากอาณาจักร 800 แต้ม]
[ได้รับไอเทมระดับยูนีค]
“ข้าได้ยินว่าเจ้ากลายเป็นศิษย์ของเลบรอนแล้วงั้นเหรอ? การฝึกของอัศวินนั้นไม่ง่ายเลย แต่ข้าว่าเจ้าจะทนผ่านมันไปได้”
จักรพรรดิโยนแหวนวงหนึ่งออกมาพร้อมกับพูดคำพูดเหล่านั้น แหวนลอยผ่านอากาศมาอย่างสบาย ๆ และตกลงบนฝ่ามือของฮยอนนู
“ท่านให้สิ่งนี้ได้งั้นเหรอ?” เลบรอนตกใจเมื่อเห็นแหวนของจักรพรรดิ มันเป็นสมบัติที่มอบให้จักรพรรดิโดยเจ้านายของเขา “อดีตหัวหน้าหน่วยอัศวิน”
“มันไร้ประโยชน์สำหรับข้า ข้าก็เลยให้มันไป ยังไงเขาก็เป็นสานุศิษย์ผู้แรกของดยุคนี่นะ”
ดูเหมือนเลบรอนจะซาบซึ้งในคำพูดของจักรพรรดิอย่างจริงใจ
ฮยอนนูตรวจสอบข้อมูลของแหวน เห็นได้ชัดว่าเลบรอนจะไม่มีปฏิกิริยาเช่นนี้เลยหากมันเป็นแค่แหวนธรรมดา
[แหวนของโครยอน]
[สมบัติของอัศวินแห่งคีออน ไม่มีใครรู้ว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยใครหรือเมื่อไหร่ แต่มันกลับช่วยทำให้พลังของผู้สวมใส่พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว]
ระดับ: ยูนีค
ข้อจำกัด: อัศวินแห่งคีออน
ความสามารถ: พลังเวทมนตร์ +100 จำนวนค่าประสบการณ์ที่ได้รับเพิ่มขึ้น 10% ระดับประสิทธิภาพของทักษะเพิ่มเร็วขึ้น 10% (มีผลถึงเลเวล 200 และทักษะมีระดับถึง A เท่านั้น)
‘!!!’
ฮยอนนูถึงกับตกใจเมื่อเขาตรวจสอบข้อมูลของไอเทม เขาไม่เคยเห็นไอเทมที่มีความสามารถลักษณะนี้มาก่อน เท่าที่ฮยอนนูรู้นั้น สิ่งเดียวที่เพิ่มค่าความชำนาญและค่าประสบการณ์ได้มีเพียงแค่น้ำยาอายุวัฒนะเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่แหวนวงนี้จะช่วยเพิ่มค่าประสบการณ์ที่ได้รับ ทว่ามันยังช่วยเพิ่มค่าความชำนาญของทักษะให้อีกด้วย ตอนนี้ฮยอนนูมีเลเวล 80 เขายังห่างไกลจากเลเวล 200 ซึ่งเป็นขีดจำกัดของผลลัพธ์จากไอเทมนี้อีกมาก
“ขอบคุณครับนายท่าน”
ฮยอนนูตอนนี้เหมือนกับได้ติดปีก อีกทั้งยังเป็นปีกอันใหญ่ที่สยายออกมาอย่างทรงพลังเสียด้วย
***
ในสนามฝึกซ้อมส่วนตัวในคฤหาสน์ของเลบรอนนั้น ฮยอนนูและเลบรอนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ เลบรอนกำลังแสดงการสอนที่เขาสัญญาฮยอนนูเอาไว้ให้ดู
“ถ้าเจ้าอยากจะทำแบบนี้ละก็ ให้ค่อย ๆ ใส่และดึงพลังเวทของเจ้าออกมา” เลบรอนสอนคร่าว ๆ
“หมายถึงแบบนี้เหรอครับ?” ฮยอนนูฟังในสิ่งที่เลบรอนสอนและทำตามได้เป็นอย่างดี
เมื่อเห็นเช่นนั้นสีหน้าของเลบรอนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ‘คนคนนี้นี่มันอะไรกัน? ปีศาจงั้นเหรอ?’
ฮยอนนูในตอนนี้เสมือนเป็นฟองน้ำที่สามารถดูดซับการสอนเอาไว้ได้ทั้งหมด เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์อันน่าอัศจรรย์ใจ แม้เลบรอนจะมีท่าทีแบบนั้น แต่ทางฮยอนนูเองก็ประหลาดใจต่อเลบรอนในแบบของเขาเช่นกัน
เลบรอนสร้างพลังงานดาบในรูปแบบที่แตกต่างจากวิธีปกติของฮยอนนูอย่างสิ้นเชิง สำหรับฮยอนนูแล้วการสอนของเลบรอนเปรียบได้กับน้ำผึ้ง เพราะว่ามันช่างหอมหวาน และหากได้ลองแล้วก็จะติดใจ
“มีอะไรอีกไหมครับ?” ฮยอนนูแอบกดดันเลบรอนเล็กน้อย ‘นายหมดเรื่องพื้นฐานที่จะสอนแล้วงั้นเหรอ? จะให้ฉันเป็นศิษย์นายเพียงเพื่อของแค่นี้หรือไงกัน?’
“แน่นอนว่ามีอยู่แล้ว มันเป็นความลับที่ส่งต่อผ่านพวกกัปตันมาหลายต่อหลายคน”
เลบรอนตั้งหุ่นไล่กาทั่วบริเวณห้องโถงที่ใช้สำหรับฝึกในรูปแบบสุ่ม ไม่มีกฎตายตัวใด ๆ ในการตั้งหุ่นไล่กานี้ เขาแค่ตั้งมันในแบบที่ตัวเองต้องการเท่านั้น
“ดูให้ดี ๆ นะ นี่เป็นสิ่งที่เจ้าจะต้องเรียนรู้”
ดาบของเลบรอนเริ่มเคลื่อนไหว จากนั้นหุ่นไล่กาตัวหนึ่งก็ถูกตัดออกจากกันทันที และเลบรอนก็ยังคงเหวี่ยงดาบของตัวเองไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด ทำให้หุ่นไล่กาอีกตัวหนึ่งถูกตัดเหมือนเมื่อครู่อีกครั้ง และไม่นานหุ่นไล่กาตัวสุดท้ายก็ถูกทำลาย
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” ฮยอนนูรู้สึกประหลาดใจ
หุ่นไล่กาตัวแรกที่ล้มลงนั้นเป็นหุ่นไล่กาตรงกลาง จากนั้นก็เป็นหุ่นไล่กาที่อยู่ใกล้ที่สุด และหุ่นไล่กาตัวที่อยู่ไกลที่สุดก็ล้มลงเป็นตัวสุดท้าย
“ความยาวของพลังงานดาบเปลี่ยนไป!”
“เป็นไงบ้าง? ดีพอที่จะให้เจ้าลองดูไหม?” สีหน้ามั่นใจปรากฏอยู่เต็มใบหน้าของเลบรอน ฮยอนนูรู้สึกว่าความเคารพของเขาจางหายไปเมื่อเขาเห็นการแสดงออกนี้
“ท่านต้องสอนผมแล้วละครับ ผมในตอนนี้แทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ฮยอนนูตอบด้วยสีหน้าเฉยเมย ทว่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าดวงตาของเขากำลังส่องประกาย
“ศิษย์ของข้าควรจะมีฝีมือในระดับนี้ซะก่อนที่จะคุยโวโอ้อวดอะไร” เลบรอนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการแกล้งฮยอนนูโดยไม่ยอมสอนวิธีใช้พลังเวทแบบเมื่อกี้เสียที อย่างไรก็ตามศิษย์ของเขาคนนี้คือ “ฮยอนนู” ผู้ที่มักจะไม่แสดงออกหรือยิ้มเลยในทุก ๆ ครั้งที่เห็นเขา เลบรอนรู้สึกว่ามีความสุขไหลออกมาจากส่วนลึกในจิตใจตน เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความชื่นชม ความประหลาดใจ และความเคารพจากสีหน้าและการแสดงออกของอีกฝ่าย
แม้แต่ทางฮยอนนูเองก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน ‘โห! ฉันเรียนรู้การใช้ดาบมาก็เพื่อช่วงเวลาแบบนี้แหละ’
อย่างก็ตามหลังจากนั้นไม่นานฮยอนนูก็ได้แต่กระแทกดาบยาวปลายมนของคนแคระลงกับพื้น
“ทำไมฉันถึงทำไม่ได้กัน? ทำไม?!” เขาอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา
เลบรอนอธิบายวิธีการควบคุมพลังเวทให้อย่างนุ่มนวล ฮยอนนูไม่เคยจดจ่อขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่ที่เขาเริ่มเล่นเกมอารีน่า ตอนนี้แม้เขาจะรู้สึกได้ถึงพลังเวทมนตร์ของตัวเอง แต่ความยาวของพลังงานดาบของเขานั้นก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลงเหมือนกับพลังงานดาบของเลบรอน
ฮยอนนูหยิบดาบขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มสร้างพลังงานดาบ จากนั้นเขาก็เริ่มปรับความยาวอีกครั้ง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำได้ในระยะเวลาอันสั้น เลบรอนเมื่อเห็นดังนั้นก็ยิ่งเพิ่มความยาวของพลังงานดาบของตนให้มากขึ้นไปอีกเพื่อเป็นการหยอกเย้าฮยอนนู
“ทำไมผมถึงทำไม่ได้กัน? ทำไม?” ในที่สุดฮยอนนูก็เขย่าแขนของเลบรอนและร่ำร้องออกมา “พลังเวทของผมไม่ยอมเคลื่อนไหวเลย”
เลบรอนแย้มยิ้มเล็กน้อยอย่างขบขัน “เจ้าต้องตั้งใจและพยายามเข้า”
ฮยอนนูตอบกลับคำพูดของเลบรอน “ผมก็กำลังพยายามอยู่นี่ไง แต่มันทำไม่ได้!”
“ถ้างั้นเจ้าก็ต้องพยายามขึ้นไปอีก 555”
คิ้วของฮยอนนูกำลังกระตุกเนื่องจากการเยาะเย้ยของเลอบรอน ถ้าอีกฝ่ายเป็นยองซานไม่ใช่เลบรอนละก็ เขาอาจจะทุบหลังอีกฝ่ายซักครั้งสองครั้งไปแล้ว
อย่างไรก็ตามภายในใจของเลบรอนนั้นกลับเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ตรงกันข้ามกับคำพูดหยอกเย้าของเขาอย่างสิ้นเชิง ‘พอคิดว่ามีผู้ที่มีความสามารถขนาดนี้ในหมู่นักผจญภัยแล้ว…เขาช่างเป็นปีศาจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์โดยแท้’
พรสวรรค์ด้านพลังเวทมนตร์ของฮยอนนูเป็นสิ่งที่เขาผู้เป็นถึงดยุคแห่งอาณาจักรไม่เคยพบพานมาก่อน
“ข้าคิดว่าการควบคุมพลังเวทของเจ้านั้นยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แค่ใช้เทคนิคนี้ก็เพียงพอแล้ว”
“ถ้างั้นทำไมผมถึงทำไม่ได้กัน?”
“เจ้ามีเพียงแค่เทคนิค แต่ไม่มีความมุ่งมั่นเลยน่ะสิ”
“ความมุ่งมั่นงั้นเหรอ?” ฮยอนนูพูดย้ำ ‘ความมุ่งมั่นงั้นเหรอ? นั่นมันอะไรกัน?’
เลบรอนอธิบายต่อไปว่า “ความมุ่งมั่นคือความปรารถนาของจิตใจ ความปรารถนาของจิตใจก็คือความคิดและความทะยานอยากของคนคนนั้น ดึงออกมาจากมันสิ ดึงพลังเวทมนตร์ออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจเจ้า”
‘ตอนนี้ข้าสอนเจ้าทุกอย่างไปหมดแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริง เหลือแค่เจ้าทำมันให้สำเร็จก็เท่านั้น เจ้าเป็นลูกศิษย์ข้า เจ้าทำได้อยู่แล้ว’ เลบรอนคิดอยู่ภายในใจ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ถามฮยอนนูว่า “มัวทำอะไรอยู่กัน? ทำไมไม่ลองทำดูล่ะ?”
“เข้าใจแล้วครับ แบบนี้ผมทำได้อยู่แล้ว” ฮยอนนูหยิบดาบของเขาขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มใส่พลังเวทลงไป จากนั้นพลังงานดาบที่เปล่งประกายก็ปรากฏขึ้นมาจากดาบยาวปลายมนของคนแคระ มาถึงตอนนี้การกระทำทุกอย่างมันก็ดูเหมือนกับครั้งที่ผ่าน ๆ มา ทว่าต่อจากนี้ไปเหตุการณ์มันกลับต่างออกไป ฮยอนนูกำลังจินตนาการว่าพลังดาบของเขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
‘ขยับสิ!’
จากนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ความยาวของพลังงานดาบถูกปรับอย่างอิสระได้แล้ว
[ระดับประสิทธิภาพของทักษะการผสานพลังเวทเพิ่มขึ้นเป็น E-]
[ระดับประสิทธิภาพของทักษะเพิ่มพลังเวทมนตร์เพิ่มขึ้นเป็น E-]
[ระดับประสิทธิภาพของทักษะการควบคุมพลังเวทเพิ่มขึ้นเป็น E-]
[ระดับประสิทธิภาพของทักษะการบีบอัดพลังเวทเพิ่มขึ้นเป็น E-]
“เอ๋?!” ฮยอนนูรู้สึกประหลาดใจกับผลจากการกระทำของเขา
เลบรอนก็เช่นกัน ใครก็ตามที่เห็นใบหน้าของทั้งสองตอนนี้คงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเขาเป็นครูและนักเรียนไม่ผิดแน่
“นี่แหละ! นี่แหละ! ท่านเห็นไหมครับ? ผมทำได้แล้ว!”
“เอ่อ! ยินดีด้วยนะ”
‘เจ้าเด็กปีศาจ!’ เลบรอนตบไหล่ของฮยอนนูเบา ๆ และชมว่าเขาพยายามได้อย่างเต็มที่จริง ๆ
ฮยอนนูฝึกฝนต่อไปอีกเป็นเวลานานเนื่องจากคำชมของเลบรอน ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถใช้ทักษะได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหลมากขึ้นนั่นเอง
“ตอนนี้สิ่งที่จำเป็นสำหรับเจ้าคือประสบการณ์การต่อสู้จริง กลับมาหาข้าอีกครั้งตอนที่เจ้าแข็งแกร่งกว่านี้เถิด”
“เข้าใจแล้วครับ”
หลังจากที่เวลาผ่านไปหกชั่วโมงตั้งแต่เริ่มการฝึกของเลบรอนแล้ว ในที่สุดฮยอนนูก็ได้ออกจากคฤหาสน์แห่งนี้ซะที