Ranker’s Return - ตอนที่ 55
ตอนที่ 55
[หน้าต่างแสดงข้อมูลตัวละคร]
[ชื่อตัวละคร: คังฮยอนนู]
เลเวล: 86
อาชีพ: อัศวินแห่งคืออน
ฉายา: ศิษย์ของเลบรอน นักรบผู้ได้รับการยอมรับจากคาน ดาวดวงใหม่ผู้ได้รับการยอมรับจากเลบรอน บุคคลแรกผู้ได้พบกับจักรพรรดิ บุคคลแรกผู้ย่างกรายเข้าสู่เขตพระราชวังแห่งอาณาจักร รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ผู้เข้าจู่โจมฉายเดี่ยว ผู้สังหารมังกรทะเลทราย
ค่าสเตตัส: พละกําลัง 165(+300) ความว่องไว 260(+150) พลังโจมตีทางกายภาพ 140(+280) พลังโจมตีเวทมนตร์ 130(+330) พลังงานการต่อสู้ 83(+100)
แต้มสเตตัสคงเหลือ: 0
“เลเวลอัพขึ้นมาแบบเนี้ยบ ๆ เลย
ฮยอนนูกําลังยิ้มร่าอยู่ภายในใจ ความเร็วในการเลเวลอัพของเขาไม่ได้ลดลงเลยแม้ว่าจะมีเลเวลถึง 80 แล้ว
“จะว่าไปนายเปลี่ยนคลาสครั้งที่สองเป็นอาชีพอะไรล่ะ?” ฮยอนนูถามเมสันผู้ที่กําลังเล่นอยู่กับทั้งอี
“อั่ก! อั่ก!”
“นี่แนะ! 555”
“ฉันไม่คิดว่าทั้งสองจะเข้ากันได้ดีซักเท่าไหร่
ทั้งอีเหมือนจะแกล้งเมสันอยู่ฝ่ายเดียว มันกําลังทุบหัวของเมสันอยู่
“ผมเหรอครับ? ผมเป็นนักเวทแห่งหอคอยเวทมนตร์ ได้ยินว่ามันเก่งมาก ก็เลยเปลี่ยนเป็นคลาสนี้นะครับ”
“เป็นนักเวทแห่งหอคอยเวทมนตร์งั้นเหรอ?”
หลังจากได้ยินที่เมสันพูดแล้ว ฮยอนนูก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเชื่อในคําพูดของเขา ความสามารถในการจัดการเวทของเมสันเป็นที่ประจักษ์ว่าเพียงพอที่จะทําให้เขาเป็นนักเวทแห่งหอคอยเวทมนตร์ได้ มันไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจอะไรเลย เช่นเดียวกับนักบวชลิรูซึ่งเป็นคลาสสองของคิมซอกจอง นักเวทแห่งหอคอยเวทมนตร์เป็นคลาสที่มีข้อมูลมากมาย
ความยากลําบากในการเปลี่ยนคลาสเป็นนักเวทหอคอยเวทมนตร์มีความคล้ายกันกับของนักบวชลิรูบุคคลที่อยากเล่นคลาสนี้จําเป็นต้องรู้วิธีจัดการกับพลังเวทจํานวนหนึ่งก่อนที่พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนเป็นคลาสนี้ได้มีภารกิจเปลี่ยนคลาสเพียงภารกิจเดียวนั่นก็คือใช้พลังเวทเพื่อ แสดงเวทมนตร์สามประเภทให้ทันเวลา
อย่างไรก็ตามมีผู้เล่นนักเวทน้อยกว่า 1% ที่เลือกนักเวทแห่งหอคอยเวทมนตร์เป็นคลาสที่สองนั่นก็เป็นเพราะว่ามีเพียงผู้เล่นนักเวทแค่ 1% เท่านั้นที่สามารถทํามันได้
ฮยอนนูพูดออกมาว่า “ฉันไม่คิดเลยนะว่านายจะมีความสามารถถึงขนาดนี้”
“ฮยอง! ผมเขินจังครับ แถมพอได้ยินบอสใหญ่ประจําซอยพูดแบบนี้แล้วก็ยิ่งทําให้เป็นกว่าปกติด้วย” เมสันบิดตัวไปมาตามคําชมถึงแซวของฮยอนนู
เมสันอดรู้สึกเขินอายไม่ได้เมื่อได้รับคําชมจากฮยอนนู เพราะว่าในตอนนี้ฮยอนนูนนคือบอสใหญ่ประจําซอยซึ่งเป็นดาวซัลโวที่เด่นสุดแล้วในอารีน่านอกจากนี้เขายังมีทักษะต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนกับครั้งแรกที่พวกเขาล่าด้วยกันแล้ว สถานะของฮยอนนูเปลี่ยนไปหลังจากที่เขามีทั้งวิดีโอและสตรีมปล่อยออกมามากมาย ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้คนจะบอกว่าเขา เป็นคนดังเลยก็ยังได้
“มาลองดูรอบ ๆ ดันเจี้ยนกันอีกซักหน่อยดีกว่า ไหน ๆ ก็ยังพอมีเวลาเหลืออยู่”
ฮยอนนออกจากเกมอารีน่าเพื่อพักผ่อนและทําเรื่องต่าง ๆ เขาไปที่ห้องน้ําเพื่ออาบน้ํา น้ําเย็นไหลออกมาจากฝักบัวแล้วตกกระทบที่ด้านบนศีรษะของเขา ทันใดนั้นจิตใจที่กําลังงัวเงียของเขาก็ สะดุ้งตื่นขึ้นมาโดยฉับพลัน
“อื้อหือ! ยองชาน! เจ้าบ้าเอ้ย! ฉันบอกนายหลายครั้งแล้วนะว่าอย่าหมุนก็อกน้ําให้เย็น”
ถึงอย่างนั้นความเหนื่อยล้าทั้งหมดของเขาก็ถูกชะล้างออกไปด้วยน้ําเย็น ตอนนี้หัวของเขาปลอดโปร่งเป็นอย่างยิ่ง
“ตอนนี้น่าจะคืบหน้าบ้างแล้วละมั้ง มีอีเมลมาถึงบ้างหรือยังนะ?”
ฮยอนนูกําลังรอคําตอบจากไนกี้ เขากําลังรอแผนการที่จับต้องได้สําหรับการจัดกิจกรรมราชานักสู้ผู้สวมหน้ากากของเขา
“ก่อนอื่นฉันจะต้องปิดบังตัวตนของฉันก่อนที่จะเข้าร่วม พวกผู้เล่นที่มีชื่อเสียงน่าจะเข้าร่วมมกันเยอะเลย”
ฮยอนนูหยิบนมช็อกโกแลตสุดโปรดของเขาออกมาจากตู้เย็นแล้วนั่งลงหน้าแล็ปท็อป ในขณะที่เขาจิบนมเขาก็เช็คอีเมลของเขาไปด้วย
“มาแล้วเหรอ? โอ้! เอลลิสต้องการอะไรล่ะเนี่ย?” มีอีเมลสองฉบับสําหรับฮยอนนุ อีเมลฉบับหนึ่งเป็นอีเมลจากเคล ส่วนอีกฉบับนั้นมาจากเอลลิส เอลลิสนั้นไม่ใช่คนที่จะส่งอีเมลมาหาใครก่อน ฮยอนนรู้เรื่องนี้จากประสบการณ์การสื่อสารกับเอลลิสครั้งก่อน “เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
ไม่รอช้าฮยอนนูคลิกที่อีเมลของเอลลิสเพื่อเปิดอ่านทันที
[ขอแสดงความยินดีกับการเปิดตัวรายการทีวีของนายด้วยนะ]
[มันคือราชานักสู้ผู้สวมหน้ากากสินะ? ฉันก็ได้เข้าร่วมด้วยเหมือนกัน ฉันจะคอยกํากับรายการทั้งหมดในฐานะผู้อํานวยการสร้าง รู้สึกดีใจมากเลย เท่านี้ความฝันของฉันก็สําเร็จในระดับหนึ่งแล้ วละ ฉันส่งอีเมลนี้มาพร้อมกับความรู้สึกขอบคุณอันเต็มเปี่ยมเลย]
[ป.ล. ในอนาคตไม่ต้องจ่ายค่าจ้างตัดต่อวิดีโอให้ฉันแล้วนะ เพราะเท่านี้มันก็เพียงพอสําหรับฉันแล้วที่จะสามารถบรรลุความฝันได้]
“อืม…” ฮยอนนยังคงดื่มนมของเขาต่อไป เขารู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยเพราะนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มีคนมาแสดงความขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
“แล้วเคลส่งอีเมลอะไรมาให้ฉันกัน?”
ฮยอนนูตรวจสอบอีเมลจากเคล
[คุณคั่ง มีข่าวดีครับ]
โทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แผนการในตอนนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ มีเพียงสิ่งเดียวที่น่าเศร้าก็คือเราไม่สามารถรวบรวมผู้เล่นแรงค์เกอร์ได้มากกว่านี้แล้ว เราหาคนได้ประมาณ 30 คน และผมก็ได้แนบข้อมูลเพิ่มเติมแยกต่างหากมาด้วยครับ]
“30 คนงั้นเหรอ? มากกว่าที่คิดไว้แฮะ…งั้นมันจะมีปัญหาอะไรกันล่ะ?”
ฮยอนนูกําลังคิดว่าคอนเทนต์กิจกรรมราชานักสู้ผู้สวมหน้ากากนั้นน่าจะเอามาใช้ได้มากที่สุดราว ๆ สี่ถึงห้าครั้ง และก็คงจะใช้เวลาดําเนินการทั้งหมดประมาณหนึ่งเดือน ถึงอย่างนั้นไนกี้กลับมีความคิดที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ไนกี้คิดว่า “ราชานักสู้ผู้สวมหน้ากาก นั้นสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับนักฆ่า พวกเขาวางแผนเพื่อที่จะครองตลาดไลฟ์สตรีม มันเป็นอาวุธ ลับในการสังหารคู่แข่งของฮยอนนู สตรีมเมอร์คนอื่น ๆ และคู่แข่งของทางไนกี้เอง นั่นก็คือพวก ทุนนิยมยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ
ป.ล. ในวันที่ราชานักสู้ผู้สวมหน้ากากเริ่มต้นผมจะไปเยือนเกาหลีใต้
และเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว บอสก็จะมาด้วยกันกับผมด้วยครับ
หลังจากอ่านอีเมลแล้วฮยอนนูก็เปิดไฟล์ที่แนบมา ไฟล์นี้มีรายละเอียดของกิจกรรมราชานักสู้ผู้สวมหน้ากาก รายชื่อทั้งหมดนั้นจะเป็นชื่อของพวกแรงค์เกอร์ที่ถูกกําหนดให้ปรากฏตัว ดวงตาทั้งสองของฮยอนนูเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วเมื่ออ่านข้อความ จากนั้นรูม่านตาของเขาก็แคบ ลงเมื่ออ่านถึงประโยคหนึ่ง
[สโนว์อีเกิลล็อก (จูง ชั้นแบค)]
ชื่อของเจ้าขยะนั่นก็ถูกเขียนเอาไว้ด้วย โอกาสในการแก้แค้นมาถึงเร็วกว่าที่เขาคิด
“สวรรค์กําลังช่วยฉันอยู่”
ฮยอนนูเหลือบมองนาฬิกาและขยํากล่องนมที่ดื่มจนหมดแล้วของเขา
“ฉันต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้”
เขาก้าวกลับไปที่ “เอ-คิวบ์” เวลายังเหลืออีกมากก่อนจะถึงเวลาที่เขาสัญญาว่าจะพบกับเมสันอย่างไรก็ตามแทนที่จะหยุดพัก ฮยอนนูกลับมีสิ่งสําคัญกว่านั้นที่ต้องทํา นั่นก็คือการแก้แค้นนั่นเอง
ฮยอนนไล่ฆ่าพวกไลแคนด้วยท่าทางที่นิ่งเฉย มันเป็นการเข่นฆ่าอย่างแท้จริง ไม่มีช่องว่างใด ๆ เลยเขาแกว่งดาบยาวปลายมนของคนแคระไปเรื่อย ๆ ไลแคนที่มีเลเวล 100 ไม่สามารถมีชีวิตรอดหลังจากที่โดนพลังงานดาบของฮยอนนูซึ่งได้รับการเสริมพลังด้วยทักษะต่าง ๆ มาแล้วได้
[คุณได้ฆ่าไลแคน]
ได้รับค่าประสบการณ์
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้น]
พลังชีวิตและพลังเวทมนตร์ได้รับการฟื้นฟู
“ทั้งอี!” ฮยอนนูเรียกทั้งอีตามปกติ
อย่างไรก็ตามทั้งอีนั้นแทบจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาเลย “มีอะไรเหรอ? ไอ้เจ้านายท่าน”
ใบหน้าที่แข็งกระด้างของฮยอนนูดูชั่วร้ายขณะที่เขาแกว่งดาบไปมาเรื่อย ๆ เขาดูเหมือนปีศาจนรก ที่ผ่านมานั้นไม่ว่าจะเจอความยากลําบากแค่ไหน ฮยอนนูก็จะยิ้มและแสดงออกถึงความสนใจในการต่อสู้เสมอ ทว่าในตอนนี้กลับไม่สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านั้นได้เลย
“ทําไมฉันถึงได้ใจแคบจัง”
คําพูดของฮยอนนทําให้ทั้งอีพิมพ์ออกมาเบา ๆ ว่า “ไอ้เจ้านายท่าน ไอ้คนใจแคบคนไหนที่ทําให้นายอารมณ์เสียอยู่งั้นเหรอ?”
“เปล่าไม่ใช่แบบนั้นหรอก” ฮยอนนูยกตัวทั้งอีขึ้น เขาทําไปก็เพราะอยากทําเท่านั้น “ฉันเป็นคนใจแคบ ฉันใช้ชีวิตของฉันไปเรื่อย ๆ และก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านิสัยของฉันมันแย่ หรือเป็นคนประเภทที่คอยเจ้าคิดเจ้าแค้นคนอื่น”
“แล้ว?”
“เมื่อไม่นานนี้ฉันเพิ่งรู้ตัวนะว่าฉันกําลังเก็บความแค้นเอาไว้อยู่”
ทันใดนั้นทั้งอีก็เปลี่ยนตําแหน่งของตัวเองและขึ้นมาบนไหล่ของฮยอนน จากนั้นเขาก็เริ่มนวดศีรษะของฮยอนนู “ไอ้เจ้านายท่านเป็นคนดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมนายถึงเป็นไอ้เจ้านายท่านของฉันไง”
“ฮยองน่ะ เป็นคนดีมากนะครับ” จู่ ๆ ก็มีเสียงของอีกคนหนึ่งเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา ฮยอนนูหันหน้าไปทางเขาและเห็นเมสั้นจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาที่สดใส “ถ้าฮยองรู้สึกแค้นใครละก็ เจ้านั่นนั่นแหละที่เป็นคนไม่ดี ผมเชื่ออย่างนั้นนะครับ”
ความศรัทธาในตัวฮยอนนูอย่างหัวปักหัวป่าของเมสันนั้นทําให้ฮยอนนูรู้สึกประหลาดใจอย่างมากแต่ก็เป็นความประหลาดใจในรูปแบบที่ทําให้เขารู้สึกดีไม่น้อย
“จริง ๆ แล้วฉันนี้เป็นคนดีจริง ๆ นั่นแหละ
“ไปล่ากันต่อเถอะ” ฮยอนนลูบหัวทั้งอีและเมสันเบา ๆ
“ไปลุยกันเลย! ไอ้เจ้านายท่าน!”
ฮยอนนูสะบัดดาบยาวปลายมนของเขาเบา ๆ ทั่วทั้งใบดาบถูกฉาบไปด้วยเลือดของไลแคนจนกลายเป็นสีแดงฉาน
ห้าชั่วโมง คือเวลาที่กลุ่มของฮยอนนูใช้ไปกับการล่าในดันเจี้ยนส่วนตัวนี้ เวลาพักผ่อนของเขากลับกลายเป็นเวลาที่ใช้ในการตามล่าหาพวกไลแคน เขาล่า ล่า แล้วก็ล่าอีก ฮยอนนฝืนลุยต่อ เพื่อให้เลเวลอัพและผลลัพธ์ที่ได้ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์
จากเลเวล 86 ฮยอนนูก็ได้รับเลเวลเพิ่มขึ้นมาอีกสองเลเวลเป็นเลเวล 88 ในขณะเดียวเลเวลของเมสั้นนั้นก็เพิ่มมาเป็น 101 จาก 100 ความเร็วในการอัพเลเวลนี้เกินสามัญสํานึกปกติไป แล้วมันเป็นความเร็วที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน เมื่อลองพิจารณาดูว่าปกติแล้วผู้เล่นระดับ 100 จะใช้เวลาถึงสองวันในการเลเวลอัพครั้งหนึ่ง
[คุณได้ฆ่าไลแคน]
[ได้รับค่าประสบการณ์]
“ฮยองครับ ผมคิดว่าตอนนี้เราน่าจะลุยดันเจี้ยนกันพอแล้วนะ” เมสันพูดบอกใบ้เป็นนัยกับฮยอนนู หลังจากกําจัดไลแคนตัวสุดท้ายในกลุ่มแล้ว เมสันก็เริ่มมีความคิดว่า ฉันคิดว่าเราน่าจะวนรอบดันเจี้ยนไปรอบหนึ่งแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ทําไมยังหาห้องที่บอสอยู่ไม่เจอกันนะ?” เมสันสงสัย
ฮยอนนูกลับตอบว่า “พวกเราก็เจอมันก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้านี้ ฮยอนนูเห็นสถานที่หลายแห่งที่อาจเป็นห้องของบอส
“ฮยอง ทําไมถึงไม่บอกผมล่ะครับ?”
“ถ้างั้นนายก็จะหยุดลุยหลังจากล่าบอสเสร็จน่ะสิ การล่ายังไงก็ต้องดําเนินต่อไป อีกอย่างตอนนี้ฉันก็บอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ?” ฮยอนนูพูดเหมือนกับว่าตัวเขาไม่ได้ทําอะไรผิดเลย
“งั้นก็ไปล่าบอสกันเถอะครับ” เมสันส่ายหัวให้กับท่าทีของฮยอนนู