Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก - ตอนที่ 180
ข้อดีและข้อเสีย
ผู้ค้าวัตถุดิบเหล่านี้ต่างรู้สึกเหมือนโดนทำให้ขายหน้าจากการขายวัตถุดิบให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ปในราคาที่ต่ำ แล้วตอนนี้ก็ต้องซื้อกลับมาในราคาที่สูงขึ้น พวกเขานั้นต่างไม่อยากที่จะให้คนอื่นรู้เรื่องนี้เลย
ดังนั้น, พวกผู้ค้าวัตถุดิบเหล่านี้จึงเลือกที่จะอยู่เงียบๆ ตราบเท่าที่ไม่มีฟิวเจอร์กรุ๊ปมาสั่งซื้อวัตถุดิบ
และผลของมันคือ, มีเหล่านักข่าวที่ต้องการที่จะรู้เรื่องนี้ แต่กลับไม่สามารถหาคนที่ให้ข่าวนี้ได้เลย ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าวัตถุดิบพวกนี้มาจากบริษัทไหน แต่เมื่อไปสอบถามพวกเขาเกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว, พวกเขาต่างก็ปฏิเสธที่จะให้คำตอบบอกว่าเป็นความลับทางธุรกิจ
ดังนั้น, เรื่องที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั่นสามารถทำเงินได้เท่าไรนั้น ก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป แต่ทว่าจากการประเมิณพบว่าเงินที่ทางฟิวเจอร์กรุ๊ปทำได้นั้นจะต้องไม่ต่ำกว่า 150 พันล้านดอลล่าร์
ไมโครซอฟท์, บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ได้สร้างสิ่งต่างๆไว้มากมายในหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 400 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ, และแอปเปิ้ลมีมูลค่าบริษัท มากกว่า 500 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
ส่วนบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีมูลค่าบริษัทเท่าไรนั้น, ยังไม่มีใครคำนวนออกมาตอนนี้ เพราะลำพัง 2 เทคโนโลยี อย่างไฟฟ้าชีวภาพบำบัดและเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนแล้ว ก็ทำให้ไม่มีใครสามารถประเมินมูลค่าของบริษัทนี้ได้
และสิ่งที่ทำให้ผู้คนถึงกับพูดอะไรไม่ออกคือ บริษัทที่ใหญ่ถึงขนาดนั้นกลับบริหารด้วยคนเพียงคนเดียว นั่นคืออู๋ฮ่าวเหริน, ชายที่รวยที่สุดในโลก เรื่องนี้แพร่ออกไปทั่วเว็บบอร์ด
จากการวิเคราะห์ของคนในเว็บบอร์ดพบว่า, มีหลายคนที่เปิดหมวดรับสมัครในเว็บของฟิวเจอร์กรุ๊ปมากขึ้นอย่างกระทันหัน และมีจำนวนผู้คนที่อยากจะสมัครเข้าทำงานที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่สำหรับชาวต่างชาตินั้นหมดสิทธิ์, เพราะจนถึงทุกวันนี้ ทางบริษัทก็ยังไม่ได้มีนโยบายเปิดรับสมัครพนักงานต่างชาติ
หลังจากที่อู๋ฮ่าวเหรินได้รับการแจ้งเรื่องนี้มาจากจี้ เขาจึงมองดูที่เว็บไซต์และคิดว่า เขาควรจะติดประกาศรับสมัครคนงานสำหรับการก่อสร้างหยวนหมิงหยวน
และในขณะเดียวกัน, ก็น่าจะติดประกาศรับสมัครคนทำเกมส์, อนิเมชั่น และ ภาพยนตร์ไว้ด้วย
หลังจากที่ลองคิดดู, เขาก็น่าจะติดประกาศรับสมัครบุคลากร R&D ในปัจจุบันบริษัทนั้นขาดแคลนบุคลากร R&D มาก, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้ดีว่าเขานั้นอาจจะไม่สามารถที่จะพัฒนาบางผลิตภัณฑ์ในขั้นต่อไปหลังจากนี้ได้ เพื่อการนี้เขาจึงจำเป็นที่จะต้องจ้างบุคลากร R&D มาทำงานให้บริษัทบ้าง
อย่างเช่นเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนนั้น, การพัฒนาขั้นต่อของผลิตภัณฑ์นี้ ไม่มีอยู่ในฐานข้อมูลของจี้ ดังนั้น ถ้าเขาจะพัฒนาเครื่องผลิตไฟฟ้าต่อ, เขาก็จำเป็นที่จะต้องพัฒนาต่อด้วยตัวเอง
และสถานการณ์เช่นนี้, ก็จะมีมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆในอนาคต ตามการพัฒนาของบริษัท ก็จะเป็นอะไรที่อู๋ฮ่าวเหรินไม่สามารถที่จะจัดการเองได้ด้วยตัวคนเดียวอีกต่อไป
นอกจากนี้,
เขายิงติดประกาศรับสมัครตำแหน่งสำคัญๆอีก 2 ตำแหน่งอย่าง ผู้จัดการทั่วไป และ CEO เพื่อมาช่วยเขาจัดการดูแลเรื่องของบริษัท
เขานั้นพบว่าการจัดการดูแลบุคลากรในปัจจุบันนั้น ยุ่งเหยิงมาก และบริษัทนั้นก็ไม่มีคนที่มีความสามารถที่จะมาจัดการเรื่องนี้ด้วย
ทันทีที่มีประกาศการจ้างงานปรากฏออกมา ทั่วทั้งเว็บบอร์ดต่างก็ฮือฮา และมีกระแสผู้สมัครหลั่งไหลเข้ามาแบบไม่รู้จบ แต่น่าเสียดาย, ถ้าคุณต้องการที่จะสมัครเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป ก่อนอื่นคุณจะต้องผ่านการทดสอบของฟิวเจอร์กรุ๊ปเสียก่อน แล้วจากนั้นคุณถึงจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้มีความสามารถของฟิวเจอร์กรุ๊ปได้
ซึ่งความยากนั้นได้รับการยืนยันจากผู้สมัครครั้งก่อนๆว่า มันไม่ง่ายที่จะผ่าน เรียกได้ว่ามีโอกาสแค่ 3.5% จากผู้สมัคร 100 คน มีผู้สอบผ่านเพียงแค่ 3-4 คนเท่านั้น
สำหรับเรื่องการโกง, นอกเสียจากคุณจะมีคนที่เก่งจริงๆมาช่วยคุณเท่านั้น เพียงแค่เวลาในการตอบคำถามในคอมพิวเตอร์ก็แทบไม่พอแล้ว
แน่นอนว่า, มีคนจำนวนมากมายให้การสนใจ แต่ติดปัญหาอยู่ตรงที่ว่าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นตั้งอยู่ในอำเภอเล็กๆและห่างไกล, และปัญหาเรื่องที่พักของพนักงานจึงเป็นเรื่องทำให้เหล่าผู้สมัครปวดหัว
และยังมีอุปสรรคอีกอย่างสำหรับหลายคนคือ พวกเขาต้องพิจารณาว่าพวกเขาจะสามารถปรับตัวกับชีวิตน่าเบื่อในอำเภอเล็กๆได้หรือไม่
แน่นอนว่า, สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองมีความสามารถแต่ยากจน, การรับสมัครงานแบบนี้ถือว่าเป็นข่าวดีมาก
หลังจากที่ประกาศการรับสมัครเหล่านี้ออกไปแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็คิดว่าไม่น่าจะมีเพิ่มเติมอะไรอีก
หลังจากที่กลับมาที่บ้าน, เมื่อเขาได้เข้าระบบซองแดงไป ทันใดนั้นเขาก็พบว่าระบบซองแดงนั้นมืดดำสนิท และไม่สามารถเข้าห้องไหนได้เลย
มันทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา หลังจากที่ทดลองทำโน่นนี่อยู่สักพัก และพบว่ามันไม่สำเร็จ อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้ออกจากระบบซองแดง
“มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ!”
ตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร เพราะเขาไม่รู้ว่าความลับเรื่องระบบซองแดงของเขานั้น ถูกพบโดยเทียนหยูกรุ๊ปแล้ว หรือว่าระบบซองแดงแค่ปิดตัวเพื่ออัพเดทเท่านั้น
จากการอนุมานแล้ว, มีความเป็นไปได้ที่จะปิดอัพเดทสูงกว่า, แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบันของระบบซองแดงนั้น ก็ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินนั้นเป็นกังวลอยู่ดี
ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาจริงๆ, มันก็จะหมายความว่าระบบซองแดงนั้นจะไม่สามารถใช้ได้อีกในอนาคต
เขาส่ายหัวไปมา, ก่อนจะปลอบประโลมตัวเองและพูดขึ้น “ถึงแม้ว่าจะใช้ไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ, ลำพังข้อมูลที่อยู่ในจี้ก็ยังสามารถที่จะพัฒนาเทคโนโลยีของโลกขึ้นไปได้อีกระดับหนึ่ง”
แต่ถ้าเป็นแบบนี้, สำหรับอู๋ฮ่าวเหริน ผู้ซึ่งรู้เกี่ยวกับอวกาศอนาคตและความอันตรายของจักรวาล, แน่นอนว่า เขานั้นไม่สามารถที่จะยอมรับเทคโนโลยีของโลกในระดับนี้ได้
เขาส่ายหัวอีกครั้ง, ไม่มีทางเลือกอื่น, สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือรอเท่านั้น
อู๋ฮ่าวเหรินที่นอนไม่หลับ, ก็ได้เข้าระบบฐานข้อมูลของจี้และศึกษาความรู้เหล่านั้น
หลังจากที่หลับไปได้ 2 ชั่วโมงในคืนนั้น, อู๋ฮ่าวเหรินผู้มีตาแบบแพนด้าก็ตื่นขึ้นมา แล้วทดลองเข้าระบบซองแดง
แต่น่าเสียดาย, ที่มันยังคงมืดสนิทอยู่, ราวกับเป็นแบล็คโฮล ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้สึกผิดหวัง
“เกิดอะไรขึ้นลูกรัก? ขอบตาดำม่วงเชียว เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอจ๊ะ?”
“ผมไม่เป็นไรครับแม่ เสี่ยวชานไปโรงเรียนแล้วเหรอครับ?”
“ไปแล้วจ๊ะ, อู๋เชิงมารับไปแต่เช้าแล้วล่ะ”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่อยากไปที่บริษัทในวันนี้ หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ, เขาก็เดินขึ้นไปบนหัวเขาหลังบ้าน, ก่อนจะเอนตัวลงนอนที่เนินเขา, นอนมองดูท้องฟ้าสีฟ้า
เมื่อเขาหลับมาจากบนเขา, ความทุกข์ของเขาก็ได้จางหายไป, และจิตวิญญาณของเขาก็คืนกลับมา
เขาจึงไปที่บริษัทในช่วงบ่าย, เขามองดูที่ประกาศรับสมัครงานที่ประกาศไว้เมื่อคืน ก็พบว่าผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกแย่กับสถานที่ตั้งบริษัทของเขาที่อยู่ในอำเภอหยุนหลง
มีผู้คนมากมายที่ต้องการที่จะเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่ปัญหาติดอยู่ที่พวกเขานั้นอยากที่จะใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ และไม่อยากจะใช้ชีวิตในอำเภอบ้านนอกอย่างหยุนหลง
เมื่อเห็นข้อมูลแล้ว, เขาจึงเช็คสถานการณ์การสมัครงาน ก็พบว่า, มีคนจำนวนมากที่ผ่านการทดสอบการรับสมัครตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีคนสมัครตำแหน่งอื่นๆเลย
ซึ่งทำให้เขาเข้าใจว่า สิ่งที่เขาต้องโฟกัสต่อไปไม่ใช่การพัฒนาบริษัท, แต่เป็นการพัฒนาความบันเทิงในชีวิตของพนักงานในบริษัท, ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องแก้ไขโดยด่วน
“จี้, เรื่องการก่อสร้างหอพักของพนักงานไปถึงไหนแล้ว?”
ภาพวาดดีไซน์ของเขตหอพักปรากฏขึ้นมาบนจอคอมพิวเตอร์ อู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่า โครงการในระยะที่หนึ่งและระยะที่สองได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ส่วนระยะที่สามเพิ่งไปได้แค่ครึ่งเดียว, ส่วนระยะที่ 4, 5 และ 6 นั้นยังเพิ่งเริ่ม, แต่ก็เริ่มดำเนินการพร้อมกันทั้งหมด
แน่นอนว่า, หลังจากตอนนั้น ทั้งบริษัทก่อสร้างทั้งสองแห่งได้ขยายบริษัทและรับพนักงานเพิ่ม
“ในระยะแรกและระยะที่สองสร้างมาได้เรียบร้อยดี, แต่ก็ยังไม่ได้แก้ไขเรื่องของที่พักของพนักงานทั้งหมดอยู่ดี, แล้วยังมีเรื่องของการขาดแคลนสถานที่บันเทิงอีก”
หลังจากที่คิดแล้ว, เขาก็เดินออกมาข้างนอกห้องและแจ้งพนักงานในบริษัททุกคนว่าให้ไปรวมตัวกันที่ห้องประชุม
ไม่นานนัก, ห้องประชุมก็เต็มไปด้วยผู้คน ทุกคนต่างมองมาที่อู๋ฮ่าวเหรินอย่างสงสัย พวกเขาไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น, เพราะในคราวนี้ พวกเขาเป็นฝ่ายถูกขอให้เข้ามารวมกันในห้องประชุม”
“เอาล่ะ พวกเรามารวมตัวกันในห้องประชุมเพื่อปรึกษากันเรื่องอนาคตของพื้นที่พักอาศัยของพวกคุณ นี่คือแบบแปลนต่างๆ พวกคุณสามารถที่จะคุยกันและเลือกปรับแต่งพวกมันได้ และหลังจากที่พวกคุณได้เลือกไว้แล้ว, มันก็จะเริ่มดำเนินการสร้างทันที”
ทุกคนต่างมึนงง พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะถูกเรียกมาที่นี่เพื่อถกกันเรื่องแบบนี้, แต่พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นกันขึ้นมาทันใด
“มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หอพักที่ออกแบบโดยหัวหน้านี่ โคตรหรูหราเลย!”
“นั้นเป็นเพราะว่าพวกเรามีบอสที่ดียังไงล่ะ ดูนี่สิ, มีโรงเรียนด้วยล่ะ ดูเหมือนหัวหน้าเอาปัญหาทั้งหมดมา พิจารณาล่ะ, อย่ามัวแต่มึนงงล่ะ รีบๆเลือก พวกเอาจะได้เข้าไปอยู่กันได้ไวๆ”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูเหล่าลูกน้องที่กำลังปรึกษากัน แล้วหลบมุมมานั่งคนเดียว, ก่อนที่เขาจะหันกลับมามองดูแบบแปลนของบริษัทและพบว่าสงสัยเขาคงจะต้องซื้อที่ดินเพิ่มเสียแล้ว