Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก - ตอนที่ 182
การอัพเดทเสร็จสิ้น
หลังจากที่โทรคุยกับจื่อหยงเสร็จสิ้น อู๋ฮ่าวเหรินก็มองดูราคาวัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงในตลาดระหว่างประเทศแล้วส่ายหัว ประเทศเหล่านี้เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว เจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนนั้นมันไม่ได้วิเศษวิโสขนาดนั้นเสียหน่อย
อย่างเรื่องของรถพลังงานไฟฟ้าน่ะ, อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่าพวกเขาน่าจะลองคิดเรื่องการจะติดตั้งเจ้าเครื่องนี้ในรถพลังงานไฟฟ้าดูใหม่นะ
ข้อเสียของเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนคือไฟฟ้าที่ผลิตออกมาได้นั้นจะไม่สูงพอที่จะใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟมากๆได้ ยิ่งไปกว่านั้น, จะผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ ก็ต่อเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเท่านั้น
ถ้าเอาไปใช้ชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ก็พอได้อยู่, แต่ว่าถ้าเจ้าเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนเนี่ยถ้ามีขนาดเล็กเกินไป ก็ชาร์จไฟไม่เข้าแน่นอน
ดังนั้น, มันจึงสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กๆเท่านั้น ส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหญ่ๆก็ไม่ต้องพูดถึง
แน่นอนว่า ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการสร้างโรงผลิตไฟฟ้าขึ้นมา, โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ทะเลทราย ความต่างของอุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนที่มาก จะมีส่วนทำให้การผลิตไฟฟ้าของเจ้าเครื่องนี้เป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ, ซึ่งให้ผลที่ดีกว่าโซลาร์เซลล์เสียอีก
ซึ่งทำให้มั่นใจได้เลยว่าถ้าโรงผลิตไฟฟ้าแบบนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว ค่าไฟฟ้าจะต้องลดลงอย่างแน่นอน
หลังจากที่นัดแนะอะไรเสร็จหมดแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็ออกจากบริษัท
หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ, เขาก็ได้ทดลองเข้าระบบซองแดงอีกครั้ง, ซึ่งเขานั้นก็ไม่ได้หวังว่าจะเข้าได้
แต่เขาก็ไม่คิดว่าหลังจากที่ภาพโหลดหายไป เขาก็เข้ามาในระบบซองแดงได้
ซึ่งคราวนี้ไม่ได้กลายเป็นสถานที่มืดๆแล้ว แต่สีสันของระบบซองแดงดูสดใสขึ้นเล็กน้อยขึ้น
เขาลองเช็คดูแล้วก็สงสัยขึ้นมา ระบบซองแดงดูไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไร ระบบซองแดงไม่ได้อัพเดทหรอกเหรอ?
ด้วยความสงสัย, เขาจึงเข้าไปยังกลุ่มเลเวลหนึ่ง แล้วลองถามคนพวกนั้นดู
“มาแล้วรึ พ่อค้าของเก่า มาดูคำอธิบายการอัพเดทเร็วเข้า คุณไม่ต้องกังวลเรื่องของการอัพเลเวลแล้ว แต่ว่าคุณไม่สามารถส่งหยกโบราณในซองแดงในกลุ่มเลเวลต่ำๆได้แล้วนะ”
“หืม, เปลี่ยนระบบการประเมิณของเก่าใหม่แล้วเหรอ?”
“ใช่แล้ว, ตอนนี้ในระบบซองแดง ได้มีระบบประเมิณค่าสิ่งของแบบพิเศษขึ้นมา เพื่อประเมิณค่าเหรียญพลังงานกับสิ่งของที่พิเศษเหล่านั้น”
อู๋ฮ่าวเหรินทำการลองอ่านดูแล้วก็พบว่ามีระบบการประเมิณค่าสิ่งของแบบที่พวกเขาพูดกันจริงๆ เขาจึงได้ลองใส่หยกโบราณลงไป
ไม่นานนัก,
ก็มีข้อมูลแสดงการวินิจฉัยอายุและวัสดุของหยกโบราณขึ้นมาโชว์อยู่ด้านบนและมีค่าของเหรียญพลังงานแสดงอยู่ด้านล่าง
“แล้วก็, หยกโบราณแบบนี้มีค่าถึง 5.6 ล้านเหรียญพลังงาน และไม่สามารถส่งซองแดงให้กับกลุ่มเลเวล 5 ลงไปได้!”
“เขาจึงได้ทดสอบส่งเหรียญทองแดงที่เหลือลงไปอีกครั้ง คราวนี้ค่าของเหรียญนี้ แม้จะมีค่าต่ำมาก แต่ก็มีค่ามากกว่า 200 เหรียญพลังงาน
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินลองมาคิดดูแล้ว, และพบว่าระบบแบบนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย, แต่เมื่อมองภาพรวมแล้ว ก็ถือได้ว่ามีผลประโยชน์กับเขาอย่างมาก อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องของการอัพเลเวลซองแดงในอนาคต
แต่ทว่า ถ้าเหรียญทองแดงที่มีค่าถึง 200 กว่าเหรียญพลังงานแบบนี้ถูกส่งซองแดงไป มันจะมีคนไม่มากที่อยากจะฉกซองแดงจากเขาน่ะสิ
อู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่าคนที่เคยฉกซองแดงเขาไปนั้นบอกว่า พวกเขาจะมาชดเชยให้กับเขาทีหลัง, เพราะตอนนี้พวกเขาไม่มีเหรียญพลังงานมากพอที่จะชดเชยให้เขา
ซึ่งเขาเองก็ได้ปฏิเสธไป อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดทุนแต่อย่างใด เพราะว่าเดิมทีเป็นของที่เขาต้องให้เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนด้วยซ้ำ
หลังจากที่เข้าใจเรื่องของระบบประเมิณค่าของเก่าแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินจึงกลับเข้ามาในกลุ่มอีกครั้ง และถามขึ้น “จะว่าไปผมจำได้ว่าพวกคุณเคยพูดถึงระบบพิเศษ กับคนจากอารยธรรมอื่นนี่ แต่ตอนนี้ผมไม่เห็นมีใครพูดถึงกันเลย”
“ระบบพิเศษ, ดูเหมือนมันจำเป็นที่ต้องทำเงื่อนไขอะไรบางอย่างก่อน, และยังไม่มีใครลองปลดล็อคเงื่อนไขดูด้วย ส่วนเรื่องของอารยธรรมอื่น, ดูเหมือนจะต้องใช้เวลาอีกสักพักพวกเทียนหยูกรุ๊ปถึงจะผลิตเครื่องขนถ่ายพลังงานขนาดใหญ่ได้สำเร็จ, ถ้าปราศจากเจ้าเครื่องนั้นแล้ว ต่อให้พวกอารยธรรมอื่นเข้ามาร่วม พวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะส่งซองแดงให้ได้อยู่ดี
โอเค, พอจะเข้าใจคร่าวๆแล้ว หลังจากที่ศึกษาการอัพเดทของระบบซองแดงแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัวและเข้าไปยังกลุ่มเลเวล2 แล้วลองเทกองเหรียญทองแดงที่เหลือใส่ลงไปในซองแดงดู
เขามองดูที่การอัพเดทใหม่ มันมีค่าเกือบถึง 100,000 เหรียญพลังงาน ดูเหมือนเขาจำเป็นที่จะต้องหาของโบราณพิเศษใหม่ๆเสียแล้ว
ขณะที่เขากำลังคิดอยู่ ดูเหมือนจะไม่มีคนสนใจเหรียญทองแดงของเขามากนัก โดยเฉพาะคนที่ได้ไปแล้ว, 3 คนที่เคยฉกซองแดงเขาไป
“สวัสดี, พ่อค้าของเก่า พวกเราไม่ต้องการเหรียญทองแดงของคุณหรอกนะ พวกเราขอเปลี่ยนเป็นของโบราณอย่างอื่นได้ไหม?”
“เอาไว้ผมเจอของโบราณอย่างอื่นก่อนก็แล้วกันและส่งให้พวกคุณละกัน ถ้าผมเจอแล้วล่ะนะ”
ในตอนนี้เอง, ที่ช่างยนต์ได้พูดขึ้นมา, “พ่อค้าของเก่า, คุณยังไม่เจอเครื่องมือโบราณที่คุณสัญญากับผมไว้อีกเหรอ?”
“อ๊ะ! ผมลืมไปเลย ขอโทษด้วย ขอโทษด้วย, เอางี้นะ เดี๋ยวผมจะลองมองหาดูให้ใหม่ แล้วส่งมาให้คุณนะ”
อู๋ฮ่าวเหรินพูดอะไรไม่ออก เพราะเขานั้นลืมมันไปจริงๆ, พรุ่งนี้เขาต้องลองไปที่ไซต์งานก่อสร้างเพื่อไปมองหาดู พวกเขาน่าจะเจอกล่องเครื่องมือเก่าๆเยอะแยะและขอมาซักชุดนึง
จริงๆแล้วคนพวกนี้, ยังจะมีเครื่องมืออะไรที่ไม่สามารถทำได้ในยุคนั้นอีกนะ พวกนั้นจะมีเครื่องมือที่ดีกว่าในโลกตอนนี้แล้วแท้ๆนะ บางทีอาจจะเอาไปเก็บไว้เป็นเครื่องลางหรือสะสมไว้เป็นของโบราณก็ได้
“มีพวกคุณคนใดต้องการของโบราณในโลกยุคโบราณอีกไหม? บอกผมมาก็ได้นะ ผมจะช่วยลองมองหาดูให้”
ชีวิตในอดีตก็พูดขึ้นมาทันที: “พวกหนังพิเศษในยุคโลกโบราณ, มันจะมีพวกพร็อบโมเดลต่างๆที่ใช้ในการแสดง ยกตัวอย่างเช่น, รถที่สามารถเปลี่ยนเป็นหุ่นยนต์ หรือสามารถปล่อยพลังพิเศษออกมาได้ คุณช่วยหาของแบบนั้นมาให้ผมหน่อยได้ไหม?”
มึนตึ๊บเลย, ของพวกนั้นเขาจำเป็นที่จะต้องไปที่ฮอลลีวูดแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก ของพวกนั้นมันของที่ใช้ถ่ายทำหนังมาร์เวลแล้วล่ะ
“ได้ๆ, ผมจะลองหามาให้ก็แล้วกันนะ”
“ถ้าฉันบอกให้คุณหาน้ำหอมมาให้ มันจะยากไปสำหรับคุณมั๊ยนะ?, เอาเป็นว่าถ้าคุณมีเวลาก็ช่วยลองมองหาอะไรที่เกี่ยวกับน้ำหอมมาให้ฉันหน่อยละกันนะ” สาวเจ้าสเน่ห์พูดขึ้นบ้าง
เอาจริงๆ ที่นี่ก็มีน้ำหอมมากมายเลยล่ะนะ แต่อู๋ฮ่าวเหรินไม่เคยคิดที่จะส่งไปให้ในซองแดง เพราะว่าเขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรว่าน้ำหอมที่ถูกเก็บไว้ในขวดได้ยาวนานขนาดนั้นได้อย่างไร โดยที่ไม่ระเหยไปหมดเสียก่อน
ของบางอย่างสามารถให้ได้ด้วยการหาเหตุผลมาอ้าง แต่สำหรับของบางอย่างที่ถ้าส่งแล้วหาเหตุผลมาอ้างไม่ได้ ตัวตนของเขาจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน
“พ่อค้าของเก่า, ช่วยผมมองหาของโบราณจำพวกอักษรวิจิตรและศิลปะโบราณให้หน่อยสิ พวกคนมีอายุเขาชื่นชอบกัน, จริงด้วย ผมมีของจะให้นะ คิดซะว่าเป็นของขวัญที่ได้พบกันครั้งแรกละกัน ผมไม่ได้เข้ามาที่นี่นานมากแล้ว”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูชายคนนั้น, เขามีชื่อว่าเจ้าแห่งศิลปะ และดูเหมือนว่าเขาจะเคยอยู่ที่นี่มาก่อน
“เจ้าแห่งศิลปะเองรึ ลมอะไรหอบมาได้เนี่ย?” ชีวิตวันวานถาม
“ลมอะไรล่ะ ผมมีงานต้องทำน่ะ, แล้วเจ้าพวกจากกาแล็คซี่ฝานเทียนมันเป็นบ้ากันไปแล้ว พวกมันต้องการที่จะข้ามกาแล็คซี่แห่งความตายกัน, ผมเลยถอนตัวออกมาก่อน”
“เข้, เจ้าพวกนั้นคิดว่า คุณเป็นนักผจญภัยที่เคยผ่านกาแล็คซี่แห่งความตายมารึไง ที่นั้นน่ะแม้แต่พวกอารยธรรมชั้นสูงเอง ยังไม่มั่นใจว่าจะรอดกลับมาได้เลยนะ”
อู๋ฮ่าวเหรินที่กำลังฟังบทสนทนาและดูเหมือนพอจะจับใจความได้ว่า ที่ยุคนั้นก็มีอาชีพนักผจญภัย ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเอาชีวิตรอดบนโลก
แต่ว่า, พวกเขาต้องผจญภัยไปในทะเลแห่งดวงดาว, และเผชิญหน้ากับภูมิภาคดวงดาวที่โหดร้าย
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูที่ของที่เขาส่งมา ดูแล้วน่าจะเป็นเขาของสัตว์ประหลาดอะไรสักอย่าง มันยาวประมาณ 1 เมตรและดูเรียบตรงมาก มันดูราวกับดาบ
“สิ่งนี้คืออะไรเหรอครับ?”
“เขาของสัตว์ประหลาดเขาดาบน่ะ, ตอนที่ผมผจญภัยอยู่บนดาว ก็บังเอิญเจอกับสัตว์พวกนี้กำลังอพยพย้ายถิ่นฐานกัน, และผมก็ได้ล่าพวกมันไปบางส่วน”
ฟังจากน้ำเสียงของเขา, ดูเหมือนเจ้าสัตว์ประหลาดเขาดาบนี้น่าจะคล้ายๆกับกลุ่มวัวกระทิงอพยพบนโลก แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่คิดที่จะถามออกไป
“ตกลงครับ, ผมจะลองมองหางานวิจิตรศิลป์และงานศิลปะโบราณดูให้นะครับ”
อู๋ฮ่าวเหรินพบว่าการหาของโบราณให้คนอื่น ดูเหมือนจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการส่งของโบราณไปให้แบบสุ่มๆ
หลังจากที่สนทนากับคนพวกนี้ต่ออีกสักพัก อู๋ฮ่าวเหรินก็ออกมาจากระบบ ดูเหมือนเขาจะต้องหาวิธีรวบรวมของโบราณพวกนี้เสียแล้ว