Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก - ตอนที่ 184
CF:บทที่ 184 การพัฒนากลางทะเล
จื่อหยงกลับไปแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่คนพวกนี้, ซึ่งหลังจากที่รู้เรื่องเครื่องจักรนี้แล้ว ทัศนคติที่มีต่ออู๋ฮ่าวเหรินของพวกเขานั้น เรียกได้ว่านับถือกันเลยทีเดียว
สำหรับคนที่อยู่ในวงการการผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหารแล้ว, พวกเขานั้นรู้ดีกว่าประเทศจีนนั้น ยังมีจุดอ่อนอยู่ที่เครื่องจักรกลที่มีความแม่นยำสูง และด้วยข้อมูลที่จะที่อู๋ฮ่าวเหรินจะมอบให้นั้น ก็เป็นอะไรที่สำคัญต่อการแสดงโชว์อุตสาหกรรมของจีน
ชิ้นส่วนมากมายที่พวกเขาต้องการนั้นจำเป็นต้องนำเข้ามา, แต่ด้วยเครื่องมือจักรกลที่แม่นยำสูง พวกเขาจะสามารถขจัดเรื่องที่ต้องพึ่งพาต่างประเทศไปได้เลย และไม่จำเป็นที่จะต้องเสียเงินซื้อของจากพวกเขา
แน่นอนว่า, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้เมินเฉยต่อเรื่องนี้ เขาไม่เคยคิดว่าเครื่องมือจักรกลที่มีความแม่นยำสูงพวกนี้จะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจีนมากขนาดนี้
กลับมาที่ห้องแล็บ, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นพูดอะไรไม่ออก เขาไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องผิดพลาดในระดับเล็กน้อยแบบนี้ได้
จี้ได้อธิบายให้เขาฟังว่า อุปกรณ์พวกนี้คือการแสดงถึงอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐาน เขานั้นคิดถึงแต่เรื่องการแสดงผลงานของตัวเอง แต่ลืมไปว่าตัวเขาเองก็อยู่ในประเทศเดียวกัน
“จี้, คุณตั้งใจที่จะไม่เตือนผมเรื่องนี้ใช่ไหม?”
“ไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น, แต่มันก็เป็นเรื่องดีกับคุณไม่ใช่เหรอ?”
“เรื่องดี?”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ถ้าเครื่องมือจักรกลพวกนี้มันล้ำหน้ามากเกินไป ฉันรู้สึกเริ่มกลัวขึ้นมา
“ใช่แล้ว, ถ้าคุณคิดที่จะจัดแสดงเทคโนโลยีพวกนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจัดแสดงในบริษัทของตัวเอง เช่นเดียวกับเรื่องของ A.I. คุณได้ให้โปรแกรมพื้นฐานกับพวกเขาก่อน แล้วให้พวกเขาวิจัยกันขึ้นมาเอง, แทนการมอบเทคโนโลยีด้าน A.I. ให้กับพวกเขาโดยตรง ทั้งสองแนวคิดนี้ให้ผลต่างกันสิ้นเชิ้ง”
“คุณหมายความว่า, ผมจะต้องช่วยเหลือประเทศ เพื่อยกระดับของอุตสาหกรรม และยกระดับอุตสาหกรรมของทั้งโลกงั้นสินะ”
อู๋ฮ่าวเหรินพอที่จะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา ถ้าเขาต้องการที่จะทำให้เทคโนโลยีของโลกนั้นทัดเทียมกับพวกในอวกาศได้นั้น, ดูเหมือนเขานั้นจะไม่สามารถทำได้โดยเพียงลำพัง
ถ้าวันหนึ่งเขาต้องการที่จะติดต่อกับอารยธรรมนอกโลกพวกนั้นขึ้นมา การที่เขาแข็งแกร่งเพียงผู้เดียวนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ในอนาคตนั้น, จะต้องมีสงครามในอวกาศแน่นอน ความจริงที่ว่ามนุษยชาติต้องหลั่งเลือดนั้นเป็นเรื่องที่ยืนยันได้อย่างดี หากปราศจากการสนับสนุนจากผู้คนจำนวนมากแล้ว ถ้าอารยธรรมมีความสามารถสูสีกัน ก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
“ผมเข้าใจละ ผมรู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ”
สำหรับเรื่องของการช่วยเหลือต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นมานั้น, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นหาได้มีจิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและแรงบรรดาลใจที่ดีงามแต่อย่างใด แต่สำหรับของการช่วยทำให้ประเทศของเขาแข็งแกร่งขึ้นมานั้้น, เขานั้นไม่ได้ติดขัดอะไรแต่อย่างใด
เขานั้นไม่ได้รักอะไรในประเทศนี้
แต่เขานั้นรักผู้คนในประเทศที่เลี้ยงดูเขามา
“งั้นเราก็มาทำกันเถอะ, จี้ รวบรวมข้อมูลและดูว่าเราจะสามารถที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งทางการทหารและเพิ่มศักยภาพในการรบได้อย่างไรบ้าง แล้วก็ เรื่องของการป้องกันบนเกาะเป็นอย่างไรบ้าง?”
อู๋ฮ่าวเหรินนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เขานั้นปล่อยให้จี้จัดการมาโดยตลอด แต่เขาไม่ได้มีเวลามาดูเรื่องนี้เลย
“ตราบเท่าที่ไม่ใช่ประเทศพวกนั้นเข้ามาโจมตี, ก็ไม่มีปัญหาอะไรในการจัดการกับโจรสลัด ฉันได้ซื้อวัตถุดิบบางส่วนด้วยบัญชีนอกประเทศ แล้วจัดส่งพวกมันมาเพื่อสร้างป้อมปืนต่อต้านอัตโนมัติเพิ่มเติมค่ะ”
มองดูภาพถ่ายที่จี้ให้มา, อู๋ฮ่าวเหรินก็แปลกใจที่เขาเห็นคนกำลังก่อสร้างบ้านอยู่
“คนพวกนี้มาได้อย่างไร?”
“มีงานบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้โดยใช้หุ่นยนต์, ดังนั้นฉันจึงจ้างคนมาสร้างบ้านและโครงสร้างพื้นฐานบนเกาะให้”
“ที่ผมถามน่ะ, คือคุณจ้างคนมาทำงานได้อย่างไร?”
อู๋ฮ่าวเหรินสงสัยมาก มีหุ่นยนต์เพียงแค่ 4 ตัวบนเกาะ และจี้คงไม่สามารถใช้หุ่นยนต์ไปจ้างคนมาได้แน่ๆ
“มันง่ายมากค่ะ ก็แค่จ่ายเงินให้กับพวกนายหน้า พวกเขาก็จัดการปัญหาทุกอย่างให้ฉันเอง”
เมื่อได้ยินที่จี้ตอบมา, อู๋ฮ่าวเหรินก็ลองคิดดู และคิดว่ามันน่าจะทำได้จริงๆ จี้ไม่จำเป็นต้องไปพบกับใคร, สิ่งที่ต้องทำคือจ่ายเงินจ้างนายหน้าให้ช่วยเขาซื้อวัตถุดิบต่างๆและจ้างคนมาทำงาน นี่มันสุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ
“ดูเหมือนจะเป็นความคิดที่ถูกแล้วที่ปล่อยให้นายจัดการเรื่องนี้, ถ้าผมจัดการเรื่องนี้เอง คงจะแก้ปัญหาไม่ได้ไวขนาดนี้”
จี้ไม่ได้สนใจอู๋ฮ่าวเหริน เขารู้ว่าคนๆนี้คงจะลืมเรื่องนี้ไปสนิทเสียแล้ว
“จริงด้วยสิ คุณสามารถใช้ตัวตนนอกประเทศของคุณเพื่อติดต่อกับสถาบันวิจัยนอกประเทศได้สินะ บางที่เราอาจจะใช้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนี้ได้”
อู๋ฮ่าวเหรินต้องการที่จะดูว่าจี้นั้นจะสามารถช่วยเขาได้หรือไม่ เรื่องของการพัฒนากองกำลังนอกประเทศ ถ้ามันสำเร็จ มันก็จะเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
การสร้างโพรงกระต่าย 3 โพรง, จงอย่าสร้างแค่ 3 โพรง แต่จงสร้างไว้เผื่ออีกโพรงเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินอะไรขึ้นมา
นอกจากนี้, อู๋ฮ่าวเหรินเองก็คิดว่าอาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะนำเอาเทคโนโลยีทันสมัยบางอย่าง เพื่อทำงานจัดแสดงใต้ทะเล
“จี้, คุณโอนเงินที่ได้จากการขายวัตถุดิบไปยังบัญชีนอกประเทศเหลือไว้เพียง 700 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ รวมถึงเงินปันผลจากวัสดุใยพืช”
อู๋ฮ่าวเหรินคิดว่านี่น่าจะเป็นความคิดที่ดี เช่นเดียวกับทีมีคนเคยพูดไว้อดีตว่า เมื่อผู้คนเงินฝากเงินเอาไว้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเงินปันผลหรือให้คนอื่นได้
“เงินส่วนนึงเอาไว้ใช้โชว์ศักยภาพของกองกำลังบนเกาะกลางทะเลให้ได้เห็น, ส่วนที่เหลือเอาไปเข้าตลาดหุ้นเพื่อทำเงินในภายหลัง”
“ได้, ฉันจะให้หุ่นยนต์ขับเรือรบใต้น้ำออกไป” จี้กล่าว
อู๋ฮ่าวเหรินเห็นด้วย แต่เรือรบดำน้ำจะดีจริงเหรอ เขาก็ไม่กล้าถามกลับไป เพราะจี้นั้นคิดทำอะไรฉลาดกว่าเขาเสียอีก
กลับมายังโรงงาน, ตอนนี้ทหารพวกนั้นน่าจะคุ้นเคยกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ในโรงงานกันบ้างแล้ว และมีบางคนที่เริ่มปฏิบัติงานแล้ว
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกพอใจมากกับความสามารถของคนพวกนี้ อย่างว่าขนาดชิ้นส่วนของมิสไซล์กับเครื่องบินรบยังสร้างกันได้ กะอีแค่ชิ้นส่วนเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนทำไมพวกเขาจะทำกันไม่ได้
เขามั่นใจว่าเมื่อใดที่โรงผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนที่โรงงานเขาเสร็จสิ้น ตราบเท่าที่ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนั้นหลายประเทศจะต้องมาพบกับเขาเพื่อขอซื้อสิทธิบัตรเทคโนโลยีอันนี้แน่
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนตามข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาได้
แต่ทว่า, เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนของเจ้าเครื่องนี้, จำเป็นที่จะต้องใช้การอ้างอิงจากเครื่องผลิตไฟฟ้าที่มีใหญ่มาก
อย่างไรก็ตาม จากการแข่งขันที่ดุเดือดเรื่องวัตถุดิบในตลาดระหว่างประเทศนั้น, ทำให้ไม่มีประเทศไหน มาคุยกับเขาเรื่องของสิทธิบัตรเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนเลย
อู๋ฮ่าวเหรินไม่คิดว่า เมื่อเจียงเสี่ยวชวนทำงานนั้น เขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย โชคดีที่ เขาไม่ใช่คนอย่างที่อู๋ฮ่าวเหรินคิด, ไม่เช่นนั้นคงต้องให้จื่อหยงเปลี่ยนคนให้ใหม่แล้ว
เมื่อเขากลับมาที่อาคารหลัก, เขาก็ได้รับแบบแปลนเลือกหอพัก ซึ่งเลือกกันเสร็จหมดแล้ว, ถ้าเป็นเช่นนี้ เขาก็จะได้ติดต่อไปยังบริษัทที่รับหน้าที่ตกแต่งให้เริ่มงานได้
“หัวหน้าครับ, เมื่อสักครู่มีการติดต่อมาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งแจ้งมาว่าคนจากแผนกวิจัยการจัดสวนจะมาถึงที่นี่พรุ่งนี้ครับ แล้วก็จะมีผู้เชี่ยวชาญที่เคยบูรณะราชวังต้องห้ามมาร่วมด้วยครับ”
“โอ้, งั้นเดี๋ยวอีกสักพัก ผมจะติดต่อกลับไปเอง”
เขาโทรหาจื่อหยง และพบว่าเขาเพิ่งออกมาจากสถาบันวิจัย เขาได้ติดต่อคนพวกนี้ไว้ให้จริงๆ ไม่สิ, จริงๆต้องบอกว่าเขาได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมมหาลัยของเขา, ซึ่งได้ช่วยเขาได้เรื่องนี้
“ก่อนอื่นเลย เตรียมเรื่องที่พักให้พวกเขาก่อน แล้วก็แจ้งไปยังบริษัทที่รับหน้าที่ตกแต่งสวนที่รับงานของเรา, และบอกให้พวกเขาส่งคนมาที่นี่ ผมจะได้บอกแผนก่อสร้างให้พวกเขา
“ได้ครับหัวหน้า, ผมจะจัดการให้ครับเดี๋ยวนี้ครับ”
เรื่องของการก่อสร้างหยวนหมิงหยวนนั้น อู๋ฮ่าวเหรินต้องการที่จะคุยกับพวกเขาในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน และหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากที่คิดได้แบบนั้น, เขาก็วิ่งไปที่ห้องจัดแสดงและเปิดเครื่องฉายภาพจำลองเพื่อให้แสดงภาพของหยวนหมิงหยวนที่ตรงกลางห้อง
มันน่าจะเป็นการที่ดีกว่าที่จะฉายให้เห็น “สวนแห่งสวนทั้งหมื่น” ให้ได้ชม, ถ้ามันไม่ได้ถูกเผาในตอนนั้้น, ก็คงจะมีเหลือให้เห็นถึงทุกวันนี้
น่าเสียดาย, ที่อู๋ฮ่าวเหรินทำได้เพียงแค่สร้างสวนขึ้นมาใหม่เท่านั้น ถ้ามีบันทึกเก็บเอาไว้ ก็ยังมีทางที่จะลอกเลียนแบบขึ้นมาได้
แต่ปัญหาคือในหลายๆจุดไม่มีบันทึกเอาไว้เลย, จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลียนแบบของเดิมขึ้นมาได้
อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัวและถอนหายใจ บางทีอาจจะมีคนบนโลกอนาคตที่คัดลอกข้อมูลของหยวนหมิงหยวนแบบเดียวกับที่เขาทำบ้างก็ได้
—————————–