Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก - ตอนที่ 196
CF:บทที่ 196 กล้ำกลืนฝืนทน
เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้ถูกเผยแพร่ออกไป จึงมีแค่ไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ แต่พนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปก็รู้สึกได้ว่าแปลกๆ, เมื่อพวกเขามาทำงานในวันต่อมา พวกเขาก็ต่างก็พูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้
แต่ทว่า ความสนใจของพวกเขานั้นกลับถูกดึงดูดโดยสิ่งที่เกิดขึ้นในเว็บบอร์ดมากกว่า
ในเช้านี้ คนจำนวนมากได้พบผลทดสอบบางอย่างปรากฏขึ้นมาในเว็บบอร์ด แน่นอนว่าเป็นผลทดสอบของเครื่องดื่มของฟิวเจอร์กรุ๊ป
จากข้อมูลในเอกสารนี้ เหล่าคนที่รอคอยผลของข้อมูลถึงกับพบว่ามันเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้
“ไม่มีใครพูดอะไรถึงสิ่งที่ผิดปกติในข้อมูลกันหน่อยเหรอ ดูข้อมูลพวกนี้สิ มันเกินยิ่งกว่าผลการทดสอบที่แปะไว้ก่อนหน้าอีกนะ, แต่ตอนนี้ฉันไปหาซื้อมาซักขวดที่ร้านค้าเฉพาะก่อนล่ะ ราคาแค่ 500 หยวนเอง ของล้ำค่าแบบนี้ก็ต้องราคาแบบนี้แหละ”
“นี่มันเป็นแค่เครื่องดื่มจริงๆเหรอ! ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์รักษาสุขภาพที่ผลิตโดยฟิวเจอร์กรุ๊ปหรอกเรอะ?”
“มันก็เป็นเครื่องดื่มจริงๆนั่นแหละ, มันไม่มีส่วนผสมอะไรอย่างอื่นนอกจากน้ำ”
“ไม่ได้การละ ผมต้องออกไปหาซื้อบ้างแล้ว นี่มันดีกว่าดื่มเครื่องดื่มบำรุงกำลังเสียอีกนะ ผมได้ยินมาว่ารสชาติดีมากด้วย”
ผลการทดสอบนี้ทำให้บางคนที่มีกำลังทรัพย์พอจะซื้อได้แต่ยังลังเลอยู่นั้น ออกไปลองหาซื้อมาดื่มบ้าง
ดูเหมือนว่าเครื่องดื่มที่เหลือนั้นอีกไม่นานก็คงจะขายหมด, ส่วนพนักงานในฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น แต่ละคนต่างก็เผยยิ้มออกมา บางคนก็รู้สึกโล่งอก เพราะว่าพวกเขานั้นได้รับเครื่องดื่มพวกนั้นมาหลายกล่อง
พวกเขานั้นไม่รู้ว่าตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินตัดสินใจเลือกดอกกล้วยไม้ม่วงนั้น นอกจากพวกมันจะเป็นดอกไม้ที่สวยงามแล้ว เขายังสนใจเรื่องที่ผลของมันนั้นสามารถเพิ่มสมรรถนะของร่างกายอย่างช้าๆด้วย
แต่ทว่า อาจเป็นเพราะมีอะไรที่เปลี่ยนไป อาจจะเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ที่ทำให้คุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะของร่างกายนั้นหายไป
แต่ก็เป็นเพราะข้อมูลเหล่านี้ ที่ทำให้เครื่องดื่มของฟิวเจอร์กรุ๊ปตอนนี้ร้อนแรงขึ้นมา คนทั่วไปต่างก็คิดว่าราคาของมันนั้นแพงเกินไป ถึงแม้มันจะมีคุณสมบัติช่วยบำรุงร่างกาย แต่ถ้าคุณสมบัติไม่ดีจริง ก็ไม่มีใครอยากจะดื่ม
แต่สำหรับคนรวยแล้ว ตราบเท่าที่ดื่มแล้วมันเห็นผลจริง พวกเขาก็ไม่สนใจหรอกถึงแม้ราคาขวดละ 500 หยวนก็ตาม
เช่นเดียวกับน้่ำแร่ แม้ว่าคุณสมบัติของมันจะไม่ดีเท่าที่โฆษณา แต่มันก็เห็นผลอยู่
แต่ทว่า, หลังจากที่ข้อมูลพวกนี้ปรากฏออกมา สถาบันที่เกี่ยวข้องกับทางด้านกีฬาต่างก็ออกมาให้ความสนใจกับเครื่องดื่มนี้ พวกเขาจะต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าเครื่องดื่มนี้จะไม่เป็นการผิดกฏของการกีฬาหรือไม่
ถ้าไม่,
พวกเขาคงจะต้องไปติดต่อเพื่อหารือและขอความร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว
อีกด้านหนึ่ง ผลสรุปของการจัดการพวกคนต่างชาติที่ถูกจับไว้เหล่านี้ก็ออกมา
คนพวกนี้ทั้งหมดจะต้องถูกส่งตัวกลับมายังเมืองจีน เพื่อไม่ให้สายลับหนีไปได้ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ตามที แต่พวกเขาก็ถูกสั่งให้จับกุมตัวเอาไว้
และถ้าจะปล่อยพวกเขาไป พวกเจ้าหน้าที่ต่างชาติพวกนี้ก็จะเป็นปัญหาและยังยากที่จะจัดการอีกด้วย
มีบางแผนกที่กำลังรอให้พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้กลับมายังเมืองจีน แล้วใช้เรื่องของเหตุการณ์ในครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์ แต่น่าแปลก หลังจากที่พวกเขากลับมาแล้วกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดอีกเลย ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ที่เตรียมพร้อมจะจัดการกับเรื่องนี้รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดปกติ
ในตอนที่คนพวกนี้ถูกส่งตัวกลับมาที่จีนนั้น ในตอนแรก, พวกเขานั้นก็ตั้งใจที่จะก่อความวุ่นวายเพื่อเรียกร้องกับทางการ
แต่ทว่า ถ้าพวกเขานั้นไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้ เพราะถ้าเรื่องของไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้นถูกเปิดเผยขึ้นมา แล้วมันจะเป็นพวกเขานี่แหละที่จะซวย
ตอนนี้พวกเขาจำเป็นที่จะต้องปกปิดทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ตอนนี้พวกเขาจึงทำได้แต่เก็บความโกรธไว้ และกล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น
ถึงแม้มันจะเจ็บปวด แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้
เมื่อตัวแทนของแต่ละประเทศได้มารวมตัวกันอีกครั้ง พวกเขานั้นต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขานั้นจะต้องถูกส่งกลับไปยังประเทศของตัวเอง รวมถึงพวกสายลับที่เกี่ยวข้องด้วย
“เอายังไงดี? ตอนนี้การกดดันอย่างหนักมายังพวกเรา ถ้าพวกเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ พวกเราต้องตกเป็นแพะรับบาปในเรื่องนี้แน่ๆ”
“ปัญหาตอนนี้คือ พวกเราไม่สามารถกลับเข้าไปในจีนได้อีกแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไปเจอกับเขาได้อีก”
“แล้วถ้าส่งคนอื่นที่ไม่ใช่พวกเราเข้าไปแทนล่ะ, จะว่าไป สมิธ, คราวก่อนที่คุณชะลอเวลาเพื่อลดแรงกดดันในประเทศนั้น ดูเหมือนว่าตอนนั้น คุณจะส่งโฮวาร์ด โยลไปเจรจากับเขาใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นคุณพอจะส่งโฮวาร์ด ให้ไปช่วยเจรจาให้อีกครั้งหน่อยได้ไหม?”
“หมอนั่นมันเป็นผีดิบชัดๆ, คราวที่แล้วเขาก็เรียกร้องเงินเป็นจำนวนมาก ถ้าผมให้เขาดำเนินการเรื่องนี้อีก เขาได้สูบเงินจากพวกเรามหาศาลแน่ๆ
“มันก็ยังดีกว่าที่พวกจะต้องหลุดจากตำแหน่งแล้วไปเข้าคุกล่ะนะ คุณช่วยบอกให้เขาไปอีกครั้งได้ไหม ให้เขาช่วยพวกเราเจรจากับคนๆนั้น”
สมิธลังเลอยู่พักหนึ่ง, แต่สุดท้ายเขาก็ตกลง ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถขาดได้ ถ้าพวกเขาไม่รีบหาทางแก้ไข เขาจะต้องถูกพวกนักลงทุนพวกนั้นฉีกทิ้งเป็นชิ้นๆแน่
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินได้รับโทรศัพท์ก็พบว่าเป็นโฮวาร์ดที่โทรมาหาเขา เรื่องของการเปิดจองของประเทศอเมริกาในเว็บไซต์ของบริษัท ซึ่งตอนนี้เขานั้นได้เข้าใจถึงตัวตนของคนๆนี้แล้ว
เขาจึงตัดสินใจที่จะพบกับคนๆนี้ เพื่อจะได้รู้เรื่องของสถานการณ์ด้วย ซึ่งเขาสงสัยว่าคราวที่แล้วนั้นคนๆนี้อารมณ์ดีหรือไม่?
หลังจากวางสายไป อู๋ฮ่าวเหรินก็ขังตัวเองอยู่ในห้องแล็บ เพื่อศึกษาเรื่องของหุ่นยนต์ต่อ
“จี้ คิดว่าไงบ้าง? มันดูใหญ่กว่ารูปของหุ่นยนต์ที่คุณโชว์ให้ผมดูอีกนะ?”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูชิ้นส่วนขาที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ และพบว่ามันใหญ่มาก ซึ่งต่างจากที่เขาเห็นตอนแรก
“ฉันเพิ่งเช็คเรื่องของระบบพลังงาน และพบว่าเครื่องยนต์ที่คุณซื้อมานั้นสามารถส่งกำลังให้ได้อย่างต่อเนื่อง ฉันจึงได้เพิ่มขนาดของหุ่นยนต์เพื่อไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้น”
“ถ้าเช่นนั้น หุ่นยนต์ที่สร้างกันตอนนี้ มันจะมีขนาดใหญ่สักแค่ไหนล่ะ?”
“ก็สูงราวๆ 4 เมตรค่ะ”
เมื่อได้ยินถึงเรื่องของความสูง อู๋ฮ่าวเหรินก็ตะลึงก่อนจะถามด้วยเสียอ่อยๆ “คุณมั่นในไหมว่า หลังจากที่ประกอบหุ่นในห้องแล็บนี้เสร็จแล้ว หุ่นยนต์มันจะออกจากที่นี่ได้น่ะ”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูประตูทางเข้าที่สูงถึง 3 เมตร และรู้สึกว่ามันอันตรายมากๆ
จี้ได้ฉายภาพจำลองให้อู๋ฮ่าวเหรินดู ซึ่งภาพจำลองนั้นได้ฉายให้เห็นวิธีการเอาหุ่นยนต์ตัวนั้นออกจากห้องแล็บ เนื้อหาในวิดีโอได้ทำให้ความกังวลของอู๋ฮ่าวเหรินนั้นหายไป
ถึงแม้หุ่นจะมีขาดเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่เรื่องของการเคลื่อนไหวแล้ว มันเกือบจะเทียบเท่ากับมนุษย์ ซึ่งการงอข้อต่อของหุ่นยนต์นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
หุ่นยนต์ตัวนี้มีขนาดที่ใหญ่มา เป็นเพราะต้องใช้ตัวกำเนิดพลังงานถึงสองตัว ทำให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้ไม่แพ้แล้ว
แน่นอนว่าอู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้ติดตั้งอาวุธลงไป เพราะเขานั้นมีจุดประสงค์บางอย่างในการสร้างหุ่นยนต์ครั้งนี้อยู่
หลังจากที่ไปตรวจดูความคืบหน้าของทีมพัฒนาคอมพิวเตอร์ อู๋ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัว ดูเหมือนว่าเรื่องของระบบควบคุมหุ่นยนต์นั้น ยังจำเป็นที่จะต้องให้เขาทำให้สำเร็จด้วยตัวเขาเอง
เขานั้นไม่คาดหวังว่าระบบควบคุมที่ล้ำยุคมากขนาดนั้น แต่เขาก็คาดหวังอย่างมากกับการวิจัยพื้นฐานของระบบ A.I. ของพวกบุคลากรระดับชาติพวกนั้น
อย่างเช่นเรื่องของการทำให้หุ่นยนต์สำหรับต่อสู้สามารถตอบสนองหลังจากที่พบสถานการณ์บางอย่างในการต่อสู้ได้
ซึ่งโปรแกรมแบบนี้ มักพบเห็นได้บ่อยในเกมส์ที่เน้นแข่งขันในปัจจุบัน, แต่ทว่า อู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้คาดหวังที่จะให้หุ่นยนต์นั้นสามารถเลือกวิธีที่ดีที่สุดและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วกว่านี้
อีกด้านหนึ่งของประเทศมีสถาบันวิจัยทางทหารที่เป็นความลับอยู่ ซึ่งพวกเขาเองก็ได้ทำการวิจัยเรื่องนี้อยู่เช่นกัน แต่พวกเขานั้นรุดหน้ากว่าอู๋ฮ่าวเหรินเสียอีก ซึ่งเขาได้ทำการวิจัยกันเรื่องของหุ่นยนต์กันเสร็จแล้ว
ตอนนี้ที่พวกเขาต้องการคือระบบควบคุมหุ่นยนต์ หลังจากที่การวิจัย A.I. นั้นสำเร็จผลแล้ว พวกเขาจึงได้เริ่มวิจัยกันเรื่องนี้ต่อ
แต่ทว่าจากข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น มันยังไม่เพียงพอ ถึงแม้ว่าเรื่องของการใช้งานแบบปกตินั้นจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็พบปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อจะใช้ในการสู้รบ
“ศาสตราจารย์ครับ พวกเราควรจะเชิญคุณอู๋ฮ่าวเหรินให้มาดูดีไหมครับ เขาเชี่ยวชาญเรื่องของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาก เขาน่าจะรู้เกี่ยวกับเรื่องของA.I.ด้วย”
“ขอผมไปรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบนก่อน ในปัจจุบัน โครงการการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์นี้ยังเป็นความลับอยู่ ต้องรอดูว่าเบื้องบนจะอนุญาตให้เขามาเข้าร่วมโครงการนี้ได้ไหม?”
“ศาสตราจารย์ครับ ผมขอรายงานเรื่องนี้กับเบื้องบนเองครับ”
————————–