Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก - ตอนที่ 200
CF:บทที่ 200 ชื่อเสียงในกองทัพ
ในครึ่งชั่วโมงต่อมา ทหารที่จะมารับอู๋ฮ่าวเหรินก็ได้มาถึง ขับรถของจี๊บทหารมาซึ่งดูแล้วน่าจะมียศพลตรี
ซึ่งอู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่คิดว่าจะเป็นคนระดับยศพลตรีที่ลงมาจากรถ ก่อนที่จะทำท่าวันทยหัตถ์ให้เขา แล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับ, คุณอู๋ฮ่าวเหริน ผมชื่อว่าหยางเจี่ย ผมได้รับคำสั่งให้มารับคุณไปที่สนามบินครับ”
“สวัสดีครับ นายพลหยาง ทำไมเขาถึงได้ส่งคนยศระดับนายพลมารับผมได้เนี่ย?”
“คุณอู๋ครับ, เรื่องครั้งนี้ผมรับอาสามาเองครับ ผมนั้นชื่นชมคุณที่มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนฟ้าร้องที่ดังก้องหูในกองทัพมานานแล้วครับ ผมจึงอยากที่จะได้พบกับคุณครับ”
เดี๋ยวก่อนนะ เหมือนฟ้าร้องที่ดังก้องหูในกองทัพเนี่ยนะ เป็นเพราะอิทธิพลของไฟฟ้าชีวภาพบำบัดงั้นเหรอ?
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่ค่อยมั่นใจ ถึงแม้เขาจะมีชื่อเสียงจากอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดก็เถอะ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนระดับนายพลนั้นจะเปรียบชื่อเสียงของเขาว่าโด่งดังเหมือนฟ้าร้องที่ดังก้องหูได้เนี่ยมันออกจะเกินไปหน่อย
“โอ้, ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่า ผมจะมีชื่อเสียงมากขนาดนั้นในกองทัพเลยนะครับ”
“คุณอู๋ครับ คุณจะไม่มีชื่อเสียงในกองทัพได้ยังไงล่ะครับ ไหนจะเรื่องที่คุณคิดค้นอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดขึ้นมา ไหนจะเรื่องที่คุณเป็นน้องเขยของจอมมารหลิงเหยาที่โด่งดังนั่นอีก คนๆนั้นน่ะได้ป่าวประกาศไปทั่วกองทัพแล้วว่า เขานั้นได้น้องเขยที่มีพรสวรรค์มากๆมาน่ะครับ”
“เดี๋ยวนะ หลิงเหยาป่าวประกาศเรื่องที่ผมเป็นน้องเขยของเขา! ไม่ใช่ว่าคุณย่าได้แถลงการณ์ออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เอ๊ะ, เรื่องนั้นผมไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลยครับ”
ถึงแม้อู๋ฮ่าวเหรินจะรู้ดีว่าหมอนั่นค่อนข้างจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่เขาก็ไม่คิดว่าเขาจะเล่นป่าวประกาศในกองทัพแบบนี้, บ้าชิบ คราวหน้าถ้าฉันเจอเขา จะจับเขามาเล่นงานซะให้เข็ด
ไม่แปลกใจเลยว่าตอนที่ฉันเจอเขาก่อนหน้านี้ เมื่อเขาเห็นฉันจากไกลๆ เขาก็รีบวิ่งหนีไปโดยทันที ราวกับว่าทำอะไรผิดเอาไว้
“ดังนั้นผมกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในกองทัพไปแล้วสินะครับ!”
“คุณอู๋ครับ ตอนนี้ในคนกองทัพทุกคน ต่างก็ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่คุณคิดค้นขึ้นมากันทั้งนั้นนะครับ, ดูนี่สิ ผมเองก็มีเครื่องนึงนะครับ ผลิตภัณฑ์นี้มันเป็นสุดยอดอุปกรณ์ที่ใช้ตรวจตราทหารอย่างพวกเราเลยล่ะครับ”
“อุปกรณ์ตรวจสอบตรา?”
“ใช่ครับ, ใครที่แอบอู้จะสามารถรู้ได้จากข้อมูลที่โชว์ขึ้นมาเลยล่ะครับ ว่ากันว่าแม้แต่ระดับนายพลที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายมาก่อนก็ขยันอย่างหนักขึ้นทุกวันเลยครับ ตั้งแต่ที่พวกเขาได้อุปกรณ์ชิ้นนี้มาครับ” หยางเจี่ยพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมาราวกับว่าเขาได้ทำผิดต่อพวกนายพลทุกคนในกองทัพไปซะแล้ว
พอจะนึกภาพออกได้เลยว่า พวกเขานั้นต้องใส่อุปกรณ์แล้ว แล้วกัดฟันทนฝึกฝนร่างกาย
แล้วในขณะเดียวกัน ในใจก็กัดเขี้่ยวเคี้ยวใส่เขาแน่
ด้วยเจ้าเครื่องนี้ สภาพร่างกายของแต่ละคนจะสามารถรู้ได้ทันทีแค่มองเท่านั้น ลองคิดดูว่าจะเป็นการเหยียดหยามแค่ไหนที่คนระดับนายพลนั้น กลับมีความแข็งแกร่งของร่างกาย เท่ากับคนธรรมดาในกองทัพ
ถึงแม้จะไม่ต้องเทียบเท่ากับพวกระดับหัวกะทิพวกนั้น แต่อย่างน้อยก็ควรจะใกล้เคียงกับพวกทหารทั่วไป
เดิมที, ฉันคิดว่าเขาจะขับรถเข้าไปในเมือง แต่ไม่คิดว่ารถจะขับพาเขาไปบนภูเขา ซึ่งทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกสับสนขึ้นมานิดหน่อย
“นายพลหยางครับ, ทำไมเราถึงขับขึ้นมาบนเขางั้นเหรอครับ? ที่นี่มีฐานทัพอยู่ด้วยงั้นเหรอครับ?”
“ไม่นานมานี้ มีสนามบินเล็กๆของกองทัพได้ถูกสร้างขึ้นที่นี่ และมีกองทัพประจำการอยู่”
อู๋ฮ่าวเหรินพอจะเดาได้ว่าค่ายทหารนี้น่าจะถูกสร้างขึ้นมาเพราะเรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ป การถูกปล้นในคราวที่แล้วน่าจะสร้างปัญหาให้กับเบื้องบนพอสมควร
หลังจากที่ขับรถขึ้นเขามาได้ซัก 10 นาที, อู๋ฮ่าวเหรินก็พบฐานทัพที่ดูเหมือนไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่มีอยู่มานานแล้ว
เมื่อสักครู่ ดูเหมือนจะมีเฮลิคอปเตอร์จู่โจมบินผ่านเขาไป มองไปที่สายตาของทหารแต่ละคนแล้ว ถ้าไม่มีกฏของกองทัพแล้ว พวกเขาคงจะวิ่งมาหาเป็นแน่
เขานั้นไม่คิดว่า จะใช้เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นแค่ขนส่งของแน่ๆ เมื่อเขาเห็นเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นบินลงมา อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเขานั้นกำลังอยู่ในค่ายทหาร
“คุณอู๋ครับ เดินเข้าไปหาคนที่เครื่องบินได้เลยนะครับ จะมีคนที่คอยรับคุณอยู่ที่นั่น ผมมาส่งคุณได้แค่นี้แหละครับ” หยางเจี่ยบอก
อู๋ฮ่าวเหรินมองไปที่เครื่องบินขนส่งกองทัพที่อยู่ตรงหน้าเขา พอเขาผงกหัว ก็มีทหารมาพาเขาขึ้นเครื่องบินไป และพบว่ามีทหารมากมายอยู่บนเครื่องบินแล้ว
มองดูเขาที่กำลังขึ้นมา, ทุกคนต่างก็ทำสีหน้าสงสัย และไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เจียงซิง, เขาคือใครน่ะ?”
“ผมขอแนะนำให้พวกคุณได้รู้จักกับ คุณอู๋ฮ่าวเหริน ผู้คิดค้นอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด”
“ว้าว! ไอดอล”
“นักประดิษฐ์อัจฉริยะตัวจริง ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั๊ยเนี่ย!”
“เพี๊ยะ”
“แกตบหน้าข้าทำไมฟระ?”
“เอ้า ก็ทำให้รู้ไงว่าไม่ได้ฝันไปไง มันคือเรื่องจริง พวกเราได้เจอกับไอดอลจริงๆ”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูผู้คนที่อยู่ข้างในก็สงสัยขึ้นมา ดูเหมือนทหารพวกนี้จะชื่นชมเขามาก
“เอ้าเงียบๆ ทุกคน เครื่องบินกำลังจะออกแล้ว คุณอู๋เชิญเชิญนั่งตรงนี้ครับ ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร คุณบอกผมได้เลยนะครับ”
หลังจากที่เครื่องบินได้ขึ้นบินแล้ว, คนพวกนี้เหมือนจะอดไม่ได้ ก็มีทหารคนหนึ่งพูดถามอู๋ฮ่าวเหริน “คุณอู๋ครับ เจ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดของคุณเนี่ย มีฟังชั่นอะไรซ่อนอยู่บ้างรึเปล่าครับ เช่นว่าสามารถกระตุ้นให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นด้วยไฟฟ้าชีวภาพได้อะไรอย่างงี้?”
“ไอ้หนู แกดูหนังมากไปแล้ว ที่คิดจะพึ่งให้ไฟฟ้าชีวภาพกระตุ้นร่างกายให้แข็งแกร่งน่ะ, ถ้าคิดว่าจะฝึกด้วยลูกเล่นแบบนั้น หลังจากกลับไปคราวนี้ ผู้กองคนนี้จะเบิ้ลการฝึกให้แกเป็นสองเท่าเอง”
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่คิดว่า จะมีคนที่คิดแบบนั้นอยู่ด้วย จึงได้พูดกลับไป: “จากการวิจัยเรื่องนี้ในอนาคต, ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้น มีความสามารถที่กระตุ้นร่างกายให้แข็งแกร่งได้จริงครับ แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้ยังไม่สามารถทำได้ครับ”
“เห็นมั๊ย ที่ฉันพูดเป็นไปได้จริง, ถึงที่คุณพูดมาผมจะสับสนซักหน่อยก็เถอะ แต่ถ้าเรามีฟังชั่นการทำงานแบบนั้น ก็หมายความว่าแม้แต่ตอนที่เราก็หลับตอนกลางคืนก็จะมีค่าเท่ากับการฝึกอยู่เช่นกัน
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง แกเองก็อยู่ท้ายแถวอยู่ดีนั่นแหละ”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูผิวที่คล้ำของทหารพวกนี้แล้ว รูปร่างที่กำยำของพวกเขานั้น ถ้าปราศจากเทคโนโลยีปรับปรุงยีนส์แล้ว การกระตุ้นร่างกายพวกเขาให้แข็งแกร่งนั้นคงไม่มีผลอะไร
การกระตุ้นร่างกายด้วยไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้น คือการใช้พลังงานในร่างกายของมนุษย์ทั้งหมดมาเสริมสร้างร่างกายเท่านั้น ส่วนเรื่องของการปรับแต่งร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น 3 เท่าของอู๋ฮ่าวเหรินนั้น คือการปรับแต่งร่างกายให้ก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์, ดังนั้นลำพังแค่เครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดอย่างเดียวไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้
“จะว่าไป การฝึกของพวกคุณด้วยไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นแค่ไหนครับ?”
ผู้กองก็พูดขึ้นมา “สภาพร่างกายของพวกเราโดยรวมนั้นดีขึ้นมาถึง 1 ใน 10 เลยล่ะครับ ซึ่งอุปกรณ์นี้มีส่วนช่วยอย่างมากเลยล่ะครับ มันสามารถช่วยให้พวกเราสามารถรู้ถึงขีดความสามารถของทหารแต่ละคน และสามารถเลือกหน้าที่ที่เหมาะสมกับพวกเขาได้ และด้วยอุปกรณ์นี้ พวกเราสามารถรู้การฝึกของทหารแต่ละคนได้ด้วย”
“ผู้กองครับ, พวกเรายังสามารถใช้ตรวจสุขภาพร่างกายของพวกเราได้ด้วย และช่วยให้พวกเราสามารถดูแลรักษาร่างกายของพวกเราได้ เมื่อก่อนมีหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บภายในจากการฝึกซ้อม แต่ในปัจจุบันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว”
แน่นอนว่า ทหารคนนี้เองก็เป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์จากการตรวจอาการบาดเจ็บภายในนี้ และได้โชว์แขนของเขาออกมาให้ดูขณะที่พูด
จากที่ฟังพวกเขาแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้เรียนรู้ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับไฟฟ้าชีวภาพบำบัดเพิ่มเติม เขาคิดว่าเขาน่าจะลองขอตรวจสอบทหารในกองทัพดู และถามความเห็นจากพวกเขาเพื่อมาใช้พัฒนาฟังชั่นใหม่ๆก็น่าจะดี
เมื่อลงมาจากครั้งบิน อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้ยืนอยู่กับพวกเขาที่หน้าเครื่องบินเพื่อถ่ายรูปที่ระลึก ซึ่งทำให้ทหารพวกนี้มีความสุขมาก แม้แต่ผู้กองเองยังมาขอรูปถ่ายไปรูปหนึ่ง บอกว่าจะส่งไปให้ลูกสาวอายุ 8 ขวบของเขาดู
แม้สังคมจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งที่คนพวกนี้รักและหวงแหนนั้นไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ความเชื่อเพียงอย่างเดียวของพวกเขามีเพียงการปกป้องครอบครัวและประเทศชาติของพวกเขา
ออกจากสนามบิน, อู่ฮ่าวเหรินก็นั่งรถของฐานวิจัยหุ่นยนต์และมองดูท้องฟ้าข้างนอกที่เริ่มมืดแล้ว