Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก - ตอนที่ 202
CF:บทที่ 202 หุ่นยนต์สู้รบ
นักวิจัยต่างขอโทษขอโพยอู๋ ฮ่าวเหริน และเขาก็เห็นว่าคนที่นี่ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในงานวิจัยและพัฒนา ล้วนเป็นคนจริงใจเพราะต่างมาขอโทษในสิ่งที่ทำผิดไป
จากนั้น ผู้คนก็มาห้อมล้อมอู๋ ฮ่าวเหริน และเริ่มที่จะ “ระดมยิง”คำถามใส่เขา และถามทุกคำถามเกี่ยวกับหุ่นยนต์
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการตั้งคำถามอู๋ ฮ่าวเหรินคิดว่า ช่างโชคดีเสียจริง เพราะเขาเรียนรู้เรื่องพวกนี้มามากเมื่อครั้งยังทำงานเป็นหุ่นยนต์
เช่นนั้นแล้ว เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาจากผู้เชี่ยวชาญ เราจึงต้องสำแดงสักหน่อย
“คุณอู๋ เราได้รู้และศึกษาเรื่องแม่เหล็กที่ใช้เทคโนโลยีตามที่คุณบอก แต่เรากลับพบว่าการใช้เทคโนโลยีไม่สามารถแก้ปัญหาภายในตอนนี้ได้เลย”
“คุณอู๋ ผมไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาความสมดุลของหุ่นยนต์ยังไง หุ่นยนต์เรามีปฏิกิริยาบางอย่างที่ล้มเหลวเสมอ”
“ครูครับ ดูวิจัยของผมหน่อย…”
“…”
เมื่อได้ฟังคำถามต่างๆของนักวิจัย อู๋ ฮ่าวเหรินถึงกับนิ่งไป ความปรารถนาที่จะรู้เรื่องหุ่นยนต์ของพวกเขาช่างไม่ต่างกับปีศาจ
“เอ่อ หยุดก่อน พวกคุณเล่นถามกันแบบนี้ แล้วคุณอู๋ ฮ่าวเหรินจะตอบอย่างไรล่ะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปที่โจ้ว เซวี่ยหง อย่างนึกขอบคุณ ก่อนจะกล่าวขึ้น “ท่านผู้เฒ่าโจ้ว อย่าเรียกผมว่าครูเลย ผมคงไม่เหมาะกับคำนั้นหรอกครับ”
“ไม่เลย คุณน่ะเป็นครู การวิจัยเรื่องหุ่นยนต์ของคุณก็นับว่าเป็นครูของผมได้จริงๆ นี่คุณอู๋ ผมไม่รู้เกี่ยวกับปัญหาของระบบควบคุมเลย เราจะมีวิธีแก้อย่างไรหรือครับ”
เขารู้สึกเวียนหัวเมื่อรู้สึกว่าต้องตามแก้ปัญหารอบตัวนี้อยู่คนเดียว ทั้งยังอยากจะถามคำถามที่อยากจะถามมาตั้งแต่แรก
“ท่านผู้เฒ่าโจ้ว ไม่ทราบว่าคุณพอจะมีอุปกรณ์อะไรที่สามารถเชื่อมต่อภายนอกได้ไหม ผมจะส่งข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับหุ่นยนต์ไปให้สำหรับงานวิจัยของคุณ ถ้ามีอะไรที่คุณไม่เข้าใจ ก็ถามผมได้ครับ”
อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นสายตาที่ทุกคนมองมา นี่เขาตอบคำถามไปทีละคนเขาจนไม่รู้ว่าตอบคนนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“อืม เป็นวิธีที่ดีเลย เจิ้ง หมิงเจิน พาคุณอู๋ไปกับคุณด้วย แล้วก็ลืมเรื่องนั้นไปเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง”
อู๋ ฮ่าวเหรินเดินตาม โจ้ว เซวี่ยหงไปยังบ้านที่ซ่อนอยู่ในหุบเขา พอไปถึงเขาก็ได้เห็นอะไรบางอย่าง
ในนี้มีอุปกรณ์อยู่มากมาย รวมถึงทหารบางนายที่กำลังควบคุมอุปกรณ์เหล่านั้น เห็นได้ชัดเลยว่ากำลังสอดส่องบริเวณโดยรอบ
“เป่า เฉิงจือแจ้งข้างนอก ให้เปิดการติดต่อภายนอกและให้คุณอู๋ ส่งข้อมูลบางอย่างมา”
“ครับ อาจารย์โจ้ว เดี๋ยวผมจะติดต่อข้างนอกให้”
ดูเหมือนว่ามาตรการการป้องกันภัยของที่นี่นั้นจะเข้มงวดมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเขตการติดต่อภายนอก พวกเขาต่างกลัวที่จะเข้าไปรวมกับพวกสายลับและการเปิดเผยเทคโนโลยีอย่างชัดเจน
ความเร็วของอู๋ ฮ่าวเหรินนั้นไวมาก ผ่านไป 2 นาที ข้อมูลทั้งหมดก็ได้รับการส่งต่อจากเขา
“ได้แล้วล่ะ”
“โจ้ว เหลา ข้อมูลทุกอย่างอยู่ในนั้นแล้ว คุณจะให้พวกเขาดูก่อนก็ได้ ถ้าพวกเขามีอะไรที่ไม่เข้าใจก็มาถามผมได้”
เมื่อโจ้ว เซวี่ยหง ได้การ์ดบรรจุข้อมูลจากอู๋ ฮ่าวเหรินแล้วนั้น มือของเขาก็สั่นรัว พลันถามขึ้น “ข้อมูลนี้จะรั่วหรือเปล่าถ้าส่งมาด้วยวิธีนี้”
อู๋ ฮ่าวเหรินยิ้มและพูดขึ้น “ไม่ต้องห่วงเลยครับ ด้วยเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ผมเชื่อว่าไม่มีใครบนโลกนี้จะขโมยข้อมูลไปได้”
“เรื่องจริงครับ ครู แฮกเกอร์ที่เจาะระบบทั่วโลกจะไม่เข้ามายุ่งกับระบบการป้องกันแบบเป็นทางการที่คุณอู๋ สร้างขึ้นมา และยิ่งไปกว่านั้นปัญญาประดิษฐ์ของพวกเรายังเป็นเทคโนโลยีที่ได้มาจากคุณอู๋ด้วย”
“ฉันคงแก่และตื่นเต้นเกินไปจนลืมเรื่องนั้น”
“อาจารย์โจ้ว เราได้ตรวจสอบการส่งผ่านข้อมูลของคุณอู๋อยู่ในตอนนี้ ไม่มีร่องรอยใดๆเหลือเลยครับ”
สิ่งนี้ทำให้ช่างต่างประหลาดใจไม่น้อย ไม่รู้เลยว่าอู๋ ฮ่าวเหริน กำจัดร่องรอยนั้นทิ้งไปได้อย่างไร
…
อู๋ ฮ่าวเหรินนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่พวกเขาเตรียมไว้ให้ มองไปยังผู้คนที่กำลังสาละวนอยู่ข้างล่าง พลางดื่มชาที่โจ้ว เซวี่ยหงเตรียมมาให้
มีคนบอกว่าคนธรรมดาไม่สามารถดื่มชาได้ จากสายตาของคนหนุ่มที่ชงชาให้เขา อู๋ ฮ่าวเหริน จึงรู้ว่านี่คือเรื่องจริง
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกเพลิดเพลินนั้นอยู่ได้เพียงไม่กี่นาที อาจารย์โจ้วก็เรียกตัวเขาไป จากนั้นจึงมีนักวิจัยระบบการออกแบบอาวุธที่อายุยังไม่มากนักเดินมาถามเขา “คุณอู๋ ผมสงสัยว่าคุณสามารถเพิ่มระบบอาวุธเข้าไปในตัวหุ่นยนต์ที่คุณออกแบบได้หรือเปล่า”
“ระบบอาวุธงั้นหรือ ตอนที่ผมออกแบบหุ่นยนต์ ผมเคยทดสอบดูอยู่ว่ามันจะได้ผลไหมหรือจะเอาเป็นแค่ตัวช่วยดี แต่ว่า ตอนหลังผมเห็นว่ายังมีปัญหาของระบบพลังที่ยังไม่ได้แก้ไข ดังนั้น ตัวหุ่นยนต์จึงขยายเป็นขนาดปัจจุบัน และผมก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่คุณพูดอย่างระบบอาวุธด้วย”
ถ้าจะบอกว่าเราออกแบบหุ่นยนต์ให้เป็นหุ่นยนต์สู้รบ แบบนั้นก็คงถึงเวลาที่จะถามว่าเขาต้องการจะทำอะไรเพื่อจะทำให้หุ่นยนต์นี้เป็นตัวอันตราย
“ถ้างั้นหุ่นยนต์ตัวนี้ เราสามารถเพิ่มระบบอาวุธในตัวมันได้ใช่ไหมครับ”
“เป็นไปได้อยู่แล้วครับ แต่เราจำเป็นต้องคิดคำนวณซ้ำๆในเรื่องระบบความสมดุลของหุ่นยนต์และการเปลี่ยนระบบควบคุม นอกจากนี้ ถ้าเริ่มติดตั้งระบบอาวุธแล้ว มันจะส่งผลให้หุ่นยนต์จุข้อมูลจำนวนมากเข้าไปในระบบพลังด้วย”
หลังจากได้ฟังคำตอบของอู๋ ฮ่าวเหริน แล้วนั้น นักวิจัยหนุ่มก็รู้สึกมีความสุขมาก พลางถามด้วยความกระตือรือร้น “ต้องปรับปรุงอย่างไรบ้างครับ”
“คุณต้องรู้ว่าเราจะใส่อาวุธชิ้นไหนเข้าไป จากนั้นก็ทดสอบระบบอาวุธก่อนที่จะทำการปรับปรุงใหม่ ผมไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับอาวุธนักหรอกครับ ฉะนั้นแล้ว ผมจึงไม่รู้วิธีปรับปรุงมัน ตัวคุณเองก็สามารถสร้างและทดสอบมันได้นะครับ”
ในตอนนี้เอง โจ้ว เซวี่ยหง ก็เดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้น “คุณอู๋ คุณคิดว่าเราสามารถสร้างหุ่นยนต์ด้วยอุปกรณ์พวกนี้ได้หรือเปล่า”
“ไม่มีปัญหาเลยครับ ผมคิดว่าหุ่นยนต์ที่สร้างด้วยอุปกรณ์พวกนี้ยังจะมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวที่ผมสร้างอีก อย่างน้อยก็ในแง่ของพลังที่หุ่นของผมไม่สามารถเทียบเคียงได้”
อู๋ ฮ่าวเหริน มองไปที่หุ่นยนต์ที่พวกเขาใช้ศึกษา แล้วจึงกล่าวขึ้นแทบจะทันที “ทำไมพวกคุณถึงต้องการสร้างหุ่นยนต์ของผม คุณสามารถนำเทคโนโลยีของหุ่นยนต์ที่ผมใช้เอาไปใช้กับหุ่นยนต์ที่คุณวิจัยก็ได้นี่ ด้วยวิธีแบบนี้ ถ้าคุณต้องการจะสร้างหุ่นยนต์สู้รบ คุณก็ไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องระบบอาวุธอีก”
โจ้ว เซวี่ยหง รู้สึกช็อค เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนว่ามันจะอ่อนแอจริงๆ การนำเทคโนโลยีเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับหุ่นยนต์ที่คุณศึกษาก็สามารถแก้ปัญหาไปได้หลายอย่าง
“ถ้าคุณไม่เข้าใจในปัญหาด้านเทคนิค ก็ถามผมได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องอาวุธล่ะก็ คุณเองก็สามารถแก้ไขมันได้”
“ขอบคุณนะ ขอบคุณมากจริงๆ ผมคิดว่าอีกไม่นานจะต้องสำเร็จ” โจ้ว เซวี่ยหง รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง คำพูดที่ย้ำเตือนของอู๋ ฮ่าวเหริน ทำให้เขากระจ่างขึ้นมาทันที
โจ้ว เซวี่ยหงวิ่งไปหานักวิจัยอีกทางหนึ่งและบอกในสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไป ปล่อยให้พวกเขาเปรียบเทียบเทคโนโลยีการผลิตหุ่นยนต์ของอู๋ ฮ่าวเหรินกับโครงการหุ่นยนต์ที่พวกเขาศึกษาเพื่อที่จะดูว่าพวกเขาสามารถใช้มันโดยตรงได้หรือเปล่า
เขามองผู้คนในสถาบันวิจัยเดินกันไปมา อู๋ ฮ่าวเหรินรู้มาก่อนหน้านี้นานแล้ว หุ่นยนต์สู้รบตัวแรกจะถือกำเนิดด้วยน้ำมือของมนุษย์
แม้ว่าเทคโนโลยีหลายๆอย่างของพวกเขาจะยังไม่ดีนัก แต่สำหรับการวิจัยเรื่องหุ่นยนต์ต่อสู้นั้น นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น
เมื่อไม่รู้จะทำอะไร อู๋ ฮ่าวเหรินจึงวิ่งขึ้นไปข้างบนเพื่อจิบชาอีกครั้ง
————————-