Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก - ตอนที่ 205
CF:บทที่ 205 ไม่ได้รีบร้อน
อู๋ ฮ่าวเหรินพบว่ามีรูปถ่ายหุ่นยนต์มากมายบนอินเทอร์เน็ต ดูเหมือนว่ากลุ่มคนข้างต้นไม่ได้เตรียมที่จะซ่อนข้อมูลไว้เลยเพราะซ่อนข้อมูลไปก็ไม่มีความหมาย
ถ้าหุ่นยนต์ที่เขาสร้างขึ้นเอาไปใช้ในสนามรบ คงจะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม บนเว็บไซต์ทางการของฟิวเจอร์กรุ๊ปตอนนี้ พื้นที่กระดานสนทนาแทบจะระเบิดด้วยข้อความเรื่องหุ่นยนต์ มีคนหลายคนถามว่า ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะพัฒนาหุ่นยนต์เป็นลำดับต่อไปหรือเปล่า
มีคนจากข้างล่างตะโกนมาว่าจะใช้เงิน 10 ล้านหยวนซื้อหุ่นยนต์
“พี่ชาย คนที่มีวิดีโอในตอนนั้นน่ะ ส่งมาให้ผมหน่อย ผมตั้งใจจะซื้อสักพันตัวเลย”
“อย่าคิดถึงเรื่องนั้นเลย ไม่มีใครส่งวิดีโอออกไปทั้งนั้น คนในฟิวเจอร์กรุ๊ปยังให้เงินนายขาดไป 1000 หยวนและนายไม่ต้องสนเรื่องนั้นหรอก ทุกๆเดือน เงินเดือนที่ต่ำที่สุดในกลุ่มลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในร้านค้าพิเศษคือหนึ่งหมื่นหยวน บ้าจริง ตอนนี้ฉันล่ะนึกเสียใจที่ทิ้งโอกาสสมัครไปในตอนนั้น”
“นั่นนายยังไม่แย่ที่สุดหรอก ฉันได้ยินมาว่าตอนแรก มีผู้ชายสองคนได้รับเชิญให้เป็นผู้จัดการ และสองคนนั้นเกลียดฟิวเจอร์กรุ๊ปที่อยู่ในอำเภอเล็กๆ ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธ จนตอนนี้ไปนั่งหลบมุมร้องไห้ ผู้จัดการเผิงเฟยที่เคยไปสมัครกับพวกเขา มีค่าตัวสิบล้านแล้วตอนนี้ หลังจากเดือนนี้ไป เขาคงจะได้เงินโบนัสอีกเป็นร้อยล้านแน่ๆ”
“สิ่งที่ฉันชื่นชมที่สุดคือเว่ย หมิง ผู้จัดการเครื่องดื่ม ในเวลานี้ เมื่อเครื่องดื่มขายหมดไปแล้ว โบนัสของเขาคงจะไปถึงสิบล้าน”
“นายนี่หาเรื่องเฉไฉ ฉันแค่ต้องการวิดีโอการแสดงหุ่นยนต์ ฉันได้ยินมาว่ามีการแสดงกังฟูด้วยนะ”
“เลิกคิดเถอะ พี่ ไม่มีใครเอาวิดีโอในตอนนั้นมาได้เลย นี่เป็นหนึ่งในญาติของผมที่มาบอกตอนที่เขาทำงานในฟิวเจอร์กรุ๊ป”
“ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ สิ่งประดิษฐ์ชิ้นต่อไปนั่นจะเป็นหุ่นยนต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปหรือเปล่า”
“ใครจะรู้ ผมได้ยินมาว่า หุ่นยนต์นี้ก็แค่ของเล่นที่ประธานฟิวเจอร์กรุ๊ปสร้างขึ้นมา ไม่ใช่แบบเดียวกับที่เราเห็นพวกคนเก่งๆเล่นสักหน่อย”
อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหัว ในตอนนี้ไม่สามารถผลิตหุ่นยนต์ได้ เขาเพียงปล่อยมันออกไปเพื่อผลักดันการพัฒนาหุ่นยนต์และเตรียมการอะไรบางอย่าง
อีกอย่างหนึ่งที่เขาไม่ได้ทำก็คือการสะสมของโบราณ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการอัพเกรดของระบบซองแดง เขาสนใจอารยธรรมล้ำยุคพวกนั้นเสียจริง และในตอนนี้ที่โรงแรมอำเภอหยุนลง โฮเวิร์ดรู้สึกกระวนกระวายและเสียใจที่รับงานนี้มา
เขารู้ว่าคนพวกนั้นข่มขู่เขา
คนพวกนั้นต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถ้าการต่อรองนี้ยังไม่จบสิ้น คนในรัฐบาลจะต้องผลักดันพวกเขาออกเพื่อสยบความโกรธของผู้คน
มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆที่ใช้เครื่องไฟฟ้าบำบัด ผลกำไรของผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือทำให้อเมริกาที่จองไม่ได้หัวเสียไม่น้อย
แน่นอนล่ะ ประเทศทางยุโรปที่ตามฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ได้รู้สึกสบายใจมากนักในตอนนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของผู้ก่อการร้าย อีกทั้งผู้คนก็ไม่รู้วิธีป้องกันตัวเอง
ตอนนี้ แม้กระทั่งสิทธิ์ในการซื้อของของพวกเขายังถูกพรากไปเพราะความโง่เขลาของรัฐซึ่งทำให้ประชาชนกลายเป็น “ผู้ตกอยู่ในอันตราย”
โฮเวิร์ดเรียกกลุ่มเข้ามาถามในสิ่งที่พวกเขาคิดอีกครั้งเพราะไม่เข้าใจพวกคนที่ตอนนี้อีกเพียงก้าวเดียวก็จะตกหน้าผาแล้ว
เมื่อไม่เห็นด้วยกับสัญญา แต่ให้เขามาที่นี่เพื่อพูดต่อ เขาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ผู้บริหารของฟิวเจอร์กรุ๊ปควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง แบบนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงมันนี่
เมื่อ อู๋ ฮ่าวเหรินกลับมาที่อำเภอหยุนหลงก็เย็นแล้ว เขาจึงมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านซุยฉุย
เมื่อเขาเข้าบริษัทในวันถัดมา เขาเจอกับโฮเวิร์ดที่กำลังรอเขาอยู่ห้องโถงชั้นหนึ่ง ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะมีท่าทีรีบร้อนเสียจริง
“ท่านวุฒิสภา คุณเซ็นสัญญาในนามของพวกเขาหรือของชาวอเมริกา เข้ามาคุยกับผมเพื่อทำการนัดหมายหน่อยได้ไหม”
โฮเวิร์ดยิ้มแหยๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “คุณอู๋ ทำไมถึงถามผมตรงๆแบบนั้น ผมรู้สึกเสียใจจริงๆที่เข้ามาทำงานของพวกเขา แล้วตอนนี้ก็ถอนตัวไม่ได้อีก”
เมื่อเดินเข้าไปในห้องประชุมตรงชั้นหนึ่ง อู๋ ฮ่าวเหรินหันไปมอง โฮเวิร์ดพลางเอ่ยถาม
“แล้วพวกเขาเห็นด้วยกับสัญญาไหม”
“ไม่เลย ถ้าพวกเขาเห็นด้วย ผมก็คงไม่ต้องมา พวกเขาต้องการ…”
“ท่านวุฒิสภาโฮเวิร์ด ถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องบอกผม เดี๋ยวผมจะทำให้เรื่องนี้ชัดเจนจนพวกเขาต้องเลือกที่จะยอมแพ้เอง ถ้างั้น เรามาคุยกันถึงเรื่องการแสดงเมื่อเร็วๆนี้ในสหรัฐฯกันดีกว่า ถ้ารัฐบาลอเมริกาอนุญาตเงื่อนไขบางอย่างให้ผม ผมก็คงจะช่วยแก้ปัญหา…”
โฮเวิร์ดจ้องไปที่ อู๋ ฮ่าวเหรินอย่างนึกกลัว เขารู้สึกเศร้าแทนคนพวกนั้นที่ทำให้อัจฉริยะเช่นชายคนนี้ไม่พอใจ
“ถ้างั้น ผมจะส่งข่าวนี้ไปให้พวกเขา และถ้าพวกเขาไม่เห็นด้วย ผมจะกลับบ้านเลยนะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองคนจากรัฐสภาด้วยสถานะพิเศษบางอย่างก่อนจะเอ่ยถาม “ข้อเท็จจริงแล้ว ผมสับสนมากเลย พวกเขาก็รู้ว่าตัวเองต่อรองอะไรไม่ได้แล้ว และทำไมยังปล่อยให้คุณมาอีกล่ะ”
“ตามข้อเท็จจริง ผมไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะพวกเขานั้นคิดว่าคุณอู๋เป็นคนใจดี พวกเขาอาจจะแค่อยากสู้ แต่ว่า ดูเหมือนการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเขาจะไม่สำเร็จ”
“สำหรับพวกเขา ผมไม่ใช่คนใจดีหรอก ผมก็แค่นักธุรกิจ แต่ก็นะ คุณก็บอกพวกเขาไปได้นี่ว่าผมมีเวลาเหลือเฟือ ไม่ได้รีบร้อนอะไร”
หลังจากมอง อู๋ ฮ่าวเหรินเดินออกไปจากห้องประชุม โฮเวิร์ดจึงนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า
เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินกลับไปถึงที่ทำงาน เขาก็ได้แจ้งกับเลขาหวัง หลานว่าเขาจะจัดการประชุมสั้นๆที่ห้องประชุม
เมื่อเข้าไปในที่ทำงาน อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปยังรายชื่อของคนที่เข้ามาสมัครงานบริษัทในช่วงนี้ และเห็นว่าจำนวนผู้สมัครในตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปมีจำนวนมากขึ้น
โชคร้ายจริงๆที่ไม่มีผู้สมัครคนไหนเหมาะสมเลยสักคน อู๋ ฮ่าวเหรินถึงกับเงียบไป
“จี้หาคนที่เหมาะๆหน่อยสิ”
เพียงไม่นาน ข้อมูลของคนมากมายก็ปรากฏขึ้นบนคอมพิวเตอร์ของ อู๋ ฮ่าวเหรินเขาส่งจดหมายเชิญไปให้โดยตรง
“กิ๊ง ก่อง”
“เข้ามา”
“ท่านผู้บริหารครับ นี่คือใบสมัครฝ่ายวัสดุที่ทางฝ่ายบุคคลส่งมา ทั้งหมดนี้คือใบสมัครฝ่ายวัสดุของนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์บางส่วน แผนกบุคคลเองยังตัดสินใจกับคนพวกนี้ไม่ได้ครับ”
“อืม นักวิจัยหรือ”
อู๋ ฮ่าวเหรินพลิกและมอง จนเมื่อเปิดไปยังหน้าที่สาม คนทั้งหมดในนั้นทำเอาเขาตะลึง
เพราะเขาเจอชื่อที่คุ้นเคยของฝ่ายวัสดุในอนาคต ชื่อได้ปรากฏขึ้นแล้ว คนส่วนใหญ่ผู้ที่ทิ้งชื่อพวกเขาไว้แบบนี้ได้ก็จะมีแต่คนที่มีอิทธิพลสูงในประวัติศาสตร์
“ท่านผู้บริหาร พนักงานของเรารออยู่ที่ห้องประชุมแล้วครับ”
“อืม จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินเองกำลังเดินกลับไปตรวจสอบเพื่อดูว่าใช่คนๆนั้นไหม ถ้าใช่ คนอัจฉริยะที่แท้จริงเช่นเขาต้องได้รับคัดเลือกมาทำงานที่บริษัทนี้อย่างแน่นอน
โฮเวิร์ดผู้ทิ้งฟิวเจอร์กรุ๊ปไป กลับมายังโรงแรมก่อนจะโทรเรียกกลุ่มคนที่ซ่อนตัวอยู่บนเกาะ
“ถ้านายไม่เห็นด้วยกับสัญญา ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนั้นอีก และอีกอย่างเขาเลือกให้นายต้องเป็นคนเสียเงินอีก”
“ไม่มีโอกาสเลยงั้นหรือ”
“ใช่ ฉันคิดว่านายควรจะเลือกให้เร็ว เขาดูพร้อมจะคุยกับรัฐบาลเรื่องเงื่อนไขและเข้ามาช่วยแก้ปัญหาส่วนรวม นั่นไม่ใช่สิ่งที่นายควรได้เห็น”
“แต่ก็นะ เขาขอให้ฉันบอกนายว่าเขามีเวลาเหลือเฟือ ไม่ได้รีบร้อนอะไร”
ทันทีที่โฮเวิร์ดพูดจบก็เกิดเสียงกระแทกอะไรบางอย่าง
———————–