Red Envelope อั่งเปาทะลุโลก - ตอนที่ 206
CF:บทที่ 206 ลิ้มรสผลไม้รสขม
ตอนนี้โฮเวิร์ดรู้แล้วว่าตนรู้สึกอย่างไร เพียงแต่สถานการณ์ในกลุ่มตอนนี้ไม่มีทางเลือก
ถ้าผู้บริหารของฟิวเจอร์กรุ๊ปเข้าไปต่อรองกับรัฐบาลล่ะก็ ก็เท่ากับพวกเขาต้องโทษถึงตาย ในตอนนั้น เพื่อที่จะแก้ไขผลกระทบของเรื่องนี้ กลุ่มรัฐบาลจึงไม่ลังเลที่จะอุทิศตัวพวกเขาเองทั้งหมดเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะให้อภัย
ข้อเท็จจริงก็คือ เหตุผลที่ทำไมคนพวกนี้จึงกระตือรือร้นที่จะแก้ปัญหา นั่นก็เป็นเพราะพวกพวกเขารู้สึกได้ถึงการตอบสนองจากบางคนในรัฐบาล และรัฐบาลเองก็ต้องการอุทิศตัวพวกเขาเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการปรองดองจากฟิวเจอร์กรุ๊ป
และในเวลานั้น ทรัพยากรและผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาควบคุมอยู่นั้นก็มีแนวโน้มจะกลายเป็นหมากที่รัฐบาลใช้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปจะให้อภัย
และในตอนนั้น พวกมันก็มีอยู่มากเกินไปจนปล่อยเรื่องอื้อฉาวของรัฐบาลออกมา
สำหรับคนที่ชื่นชอบพวกมัน ความตายเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดอย่างเห็นได้ชัด
“สัญญากับเขา เราได้เซ็นสัญญากันแล้ว กรุณาบอกให้เขารักษาสัญญาด้วย”
เสียงนั้นทำเอาโฮเวิร์ดประหลาดใจเล็กน้อย ถ้าคนเหล่านี้ตามผู้บริหารได้ทัน เขาก็คงไม่แย่แบบนี้
แต่เขาก็โล่งใจในท้ายที่สุด หลังจากนี้ เขาก็ไม่ต้องคอยติดต่อกับคนเพี้ยนๆพวกนี้ การถูกคนพวกนี้ข่มขู่ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนัก โดยเฉพาะกับพวกคนที่กำลังบ้าคลั่ง มันเหมือนกับเดินอยู่บนเส้นลวด และอาจจะตกมาตายเมื่อไหร่ก็ได้
เมื่อ อู๋ ฮ่าวเหรินออกมาจากห้องประชุม เขาก็ได้ยินว่าโฮเวิร์ดรอเขาอยู่ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
คนพวกนี้ต่างกลัวว่าตัวเองจะต้องดื่มเลือดของพวกเขาเองในตอนนี้ นั่นเป็นความเจ็บปวดยิ่งกว่าการฆ่าพวกเขาโดยตรง นี่คือบาปจากการทำร้ายตัวเองและไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้
ดูเหมือนว่ากิจการด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าบำบัดจะมาถึงจุดจบ
แต่กับคนพวกนี้ ในฐานะของผู้ผลิตอิสระ ปัญหาในการสร้างสามารถแก้ไขได้
นอกจากนี้ เขาไม่จำเป็นต้องไปจัดการช่องทางการขนส่งในประเทศเหล่านั้น แต่เป็นคนพวกนี้ที่ช่วยเขาแก้
“ท่านสมาชิกสภาโฮเวิร์ด เขาดูเป็นคนดีนะ แล้วนี่ใกล้จะเสร็จแล้วใช่ไหม”
“ครับ ในที่สุดผมก็แก้ปัญหานี้ได้ ผมไม่เคยเข้าร่วมอะไรพวกนี้อีกเลย พวกเขาเห็นด้วยกับสัญญา แล้วก็คุณสามารถส่งใครสักคนไปดูแลผลิตภัณฑ์ได้”
“ถือว่าเป็นข่าวดีเลยนะ ไว้เดี๋ยวผมจะส่งคุณไปรับของพวกนั้นนะ”
“หวังว่านี่คงจะเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของเรา”
ในขณะที่มองโฮเวิร์ดเดินออกไป
อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหน้า ไม่ว่าจะยังไง คนในประเทศนั้นจะต้องตำหนิรัฐบาลเรื่องที่ขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้
ในส่วนของราคานั้นก็สูงถึง 30% สูงกว่าราคาในประเทศอื่นๆ แน่นอนว่า ไม่มีอะไรทำเขาได้เพราะคนที่ขายผลิตภัณฑ์ไม่ใช่คนของฟิวเจอร์กรุ๊ป แต่เป็นกลุ่มคนทั่วไป ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาต้องการลดต้นทุน ที่ทำได้ก็คงเป็นการขึ้นราคาสินค้า เมื่อ อู๋ ฮ่าวเหรินโพสท์ข่าวนี้บนเว็บไซต์ทางการ ผู้คนมากมายต่างไม่เชื่อว่าในอนาคตจะมีกลุ่มที่ร่วมมือกันกับยุโรปและอเมริกาผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าบำบัด
แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวการเปิดพื้นที่ที่ปิดไว้ทำให้ผู้คนมีความสุข ในที่สุดพวกเขาก็สามารถซื้อของชิ้นนี้ได้แล้ว
แต่ทว่าเมื่อได้เห็นราคาของผลิตภัณฑ์ ความรู้สึกของผู้คนก็เปลี่ยนจากความสุขเป็นความโกรธทันที บนกระดานสนทนานั้น พวกเขาต่างตั้งคำถามกับฟิวเจอร์กรุ๊ปว่าทำไมราคาของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ถึงสูงลิ่ว
อู๋ ฮ่าวเหรินจึงโพสท์เหตุผลไปตามตรงโดยบอกพวกเขาไปว่าวัสดุทั้งหมดของเครื่องไฟฟ้าบำบัดนั้นล้วนแล้วแต่ผลิตขึ้นจากราคาตลาดค้าวัสดุสากล
เหตุการณ์นี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ประเทศที่เซ็นสัญญากลับฟิวเจอร์กรุ๊ปต่างตำหนิถึงเรื่องการขายราคาต่ำกันในกลุ่ม
เมื่อเห็นอิทธิพลที่เกิดจากเหตุการณ์นี้ พวกเขาจึงคิดได้ในทันทีว่าเป็นสิ่งที่ฉลาดมากที่จะขายวัสดุในราคาอย่างต่ำ
เมื่อรู้ถึงทัศนคติของผู้คนในประเทศที่มีต่อรัฐบาล และมองเห็นผู้คนในประเทศนั้นที่โกรธเกรี้ยว
มีข้อขัดแย้งสองประการ คือปล่อยให้พวกเขารู้สึกกดดันเหมือนเดิมหรือได้รับการรักษาที่ดีมาก
อู๋ ฮ่าวเหรินเห็นว่าผลของเหตุการณ์นี้จบสิ้นแล้ว และเขาก็ไม่ต้องการสนใจเรื่องการตำหนิบนกระดานสนทนาว่าเครื่องไฟฟ้าบำบัดมีการกั๊กราคาไว้หรือเปล่า
ในตอนนี้ ผู้คนต่างรวมตัวกันอยู่บนเกาะ ดูข่าวทางอินเทอร์เน็ตและข้อมูลย้อนหลังจากที่บ้าน ดูแย่ลงไปอีก
พวกเขาเห็นว่าไม่ว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไร ผู้โชคร้ายก็คือตัวเองอยู่ดี
ตอนนี้ ปัญหาเรื่องการเสียเงินได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ปัญหาภายในประเทศดูจะยังไม่ได้รับการแก้ไข และมีแนวโน้มจะดูแรงขึ้นด้วย
“ฮ่าๆ ตลกจริงๆ นี่พวกเราตกลงไปในกับดักตอนเริ่มต้นหรือเปล่า เพราะไม่ว่าเราจะเลือกอะไร สุดท้ายเจ้านั่นก็ลงโทษเราอยู่ดี ฉันตัดสินใจว่าจะอยู่บนเกาะนี้สักพักเพราะตัวเองก็ไม่ได้มีวันหยุดยาวมานานแล้ว”
“ใช่ ฉันก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว ฉันคิดว่ามันจะแก้ไขได้ แต่ที่ไหนได้กลับเป็นกับดักอีกตัวนึงต่างหาก จะว่าไปก็ดีกว่าเมื่อก่อนล่ะนะ แล้วเดี๋ยวฉันก็จะส่งจดหมายลาออกไปที่จีนทีหลัง”
“ตอนนี้เรากลายเป็นแพะรับบาป หวังแค่ว่าพวกนั้นจะไม่ทำอะไรเกินไปนัก”
ศัตรูของพวกเขาเปลี่ยนไป ไม่มีคำขู่มาจาก อู๋ ฮ่าวเหรินแล้ว แต่มาจากบางคนในรัฐบาลแทน
เพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ รัฐบาลทำได้แค่ตำหนิคนที่ริเริ่มแผนการเท่านั้น
ในกรณีนี้ พวกเขาอยู่ขั้วตรงข้ามกับประชาชน ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อที่จะปกปิดข้อเท็จจริงที่ว่าการผลิตเครื่องไฟฟ้าบำบัดจะนำไปสู่ผลลัพธ์นี้ พวกเขาจึงต้องแบกรับความผิดนี้ไว้
เริ่มแรกนั้น รัฐบาลไม่ควรแบกรับความผิดนี้ แต่ตอนนี้ด้วยความโง่เขลาของพวกเขา รัฐบาลจึงต้องทนแบกรับ และรัฐบาลเองก็อยากจะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น จากนั้นก็จะเก็บเรื่องความสัมพันธ์ไว้ก่อน
ถ้ามีโอกาสที่จะต่อต้านฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วยรัฐบาลจากประเทศของตน พวกเขาคงเลือกที่จะไม่ต่อต้าน
การตอบสนองของประเทศเหล่านั้นรวดเร็วมากอย่างเห็นได้ชัด รัฐบาลเองไม่มีสิทธิ์ที่จะปล่อยให้นักธุรกิจขายวัสดุให้กับบริษัทในราคาที่ต่ำ และรัฐบาลยังไม่ควรจ่ายค่าอุปโภคบริโภคของประชาชน
สิ่งที่พวกเขาติดตามก็คือการค้าเสรี ประชาธิปไตย ความเท่าเทียมกัน ไม่ใช่อำนาจ ดังนั้น ราคาของเครื่องไฟฟ้าบำบัดจึงไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ
เมื่อคุณรู้สึกสูญเสียความสนใจ ก็ลงนรกไปพร้อมกับประชาธิปไตยนี้ซะ ภายใต้กระดานสนทนาระดับประเทศที่เผยออกมา ความพอใจของผู้คนที่มีต่อหลายรัฐบาลนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
บางสื่อออกความเห็นด่วนเกี่ยวกับเรื่องนี้ การเล่นของ อู๋ ฮ่าวเหรินนั้นดูจะใหญ่ไปหน่อยและมีผลต่อความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในหลายประเทศ
หลังจากเสร็จเรื่องพวกนี้แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินนั่งอยู่ในออฟฟิศพลางดูจดหมายสมัครงานของนักวิจัย
“จี้ คุณแน่ใจนะว่านี่เป็นเป็นผู้ก่อตั้งในช่วงการสำรวจจักรวาล”
“คนนี้ล่ะ ฉันมั่นใจ แต่ก็อีก 80 ปีนับจากตอนนี้ เขายังไม่มีความสามารถตรงนี้เลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินหัวเราะก่อนจะพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “ดีแล้วที่มั่นใจ ผมว่าชายคนนี้น่ะเป็นอัจฉริยะ เขากำลังจะได้ก้าวเข้าสู่ยุคการสำรวจจักรวาลเป็นก้าวแรก ส่งอีเมลไปและบอกให้เขารู้ด้วยว่าบริษัทเราจ้างเขาเข้าทำงาน”
ตลอดเวลาที่เกิดเหตุการณ์นี้ อู๋ ฮ่าวเหรินจึงได้รู้ว่าเขาทำพลาดแล้ว ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่ใช่คนๆเดียวที่มีชื่อเก็บไว้ในประวัติศาสตร์
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาได้รายชื่อจากจี้แล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากยกเลิกแผนชิงตัวคนเก่ง เขาเห็นว่าแม้จะรู้เขาคนนั้นเป็นใครและต้องการจะเอาตัวมาที่บริษัทของเขา นั่นคงเป็นไปไม่ได้
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างทำงานอยู่สถาบันวิจัยลับ ส่วนบางคนอยู่ในโรงเรียน ถ้าเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ใครจะรู้ล่ะว่าอัจฉริยะอาจจะกลายเป็นขยะไปก็ได้
———————–