Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2453
ความเป็นไปได้ของเรือเหาะมังกรสีเลือด
“เรือเหาะ ?”
เมื่อสมาชิกของเผ่าศักสิทธิ์เห็นเรือเหาะมังกรสีเลือดขนาดมหึมา ดวงตาของพวกเขาก็แทบจะถลนออกจากเบ้า ซึ่งนี่รวมไปถึงแม๊คอาฟรี่ และพวกระดับสูงของเผ่าศักสิทธิ์คนอื่นๆด้วย
เรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นมีขนาดใหญ่มากๆ ก่อนหน้านี้ในตอนที่เทียบอะเม้าท์บินได้กับอะเม้าท์บนบกนั้น อะเม้าท์บนบกดูแคระไปเลย แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อนำอะเม้าท์บินได้มาเทียบกับเรือเหาะ อะเม้าท์บินได้นั้นไม่ต่างจากเด็กที่ยืนอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่เลย
“ดังนั้น นี่ก็คือเรือเหาะตามข่าวลืองั้นสินะ ?”
แม๊คอาฟรี่อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกับเจ้ายักษ์เหล็กสีแดงเข้มที่มีอักษรรูนและวงเวทย์มากมายถูกสลักอยู่ตามตัวเรือ และแม้แต่มานาของเรือมันก็ยังทำให้เขารู้สึกราวกับถูกสะกดจิตเลยทีเดียว
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในพวกระดับสูงของเผ่าศักสิทธิ์ เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับอาวุธสงครามบินได้ของสภาสิบแปดปีกมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามการได้เห็นมันด้วยตาตัวเองนั้นมันก็ยังทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงมากๆ
ต่อหน้ายักษ์เหล็กแบบนี้ มอนสเตอร์และผู้เล่นในระยะนี้ของเกมนั้นแทบจะไม่มีความหมายเลย
เมื่อทีมนักผจญภัยที่กำลังต่อสู้อยู่ในระยะไกลเห็นเรือเหาะมังกรสีเลือด บางคนถึงกับลืมว่าพวกเขาต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาไปชั่วขณะ และหลังจากโดนการโจมตีของมอนสเตอร์เข้าไป พวกเขาจึงฟื้นคืนสติมาได้
“นั่นคืออะไรกัน ?”
“อึก !! นี่พวกเขาจำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!!”
ตอนนี้สมาชิกของทีมนักผจญภัยบางคนนั้นถึงกับตัวแข็งค้างด้วยความตกตะลึงและหวาดกลัวมากๆ ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังเรือเหาะ และความมั่นใจที่พวกเขาเคยมีนั้นก็ลดลงไปมาก
“บอสเราจะทำยังไงดี ? ดูไอ้เวรนั่นสิ !!! เราเป็นเพียงแค่ทีมห้าร้อยคน แต่พวกเขากับเปิดเผยสิ่งนั้นออกมาเพื่อข่มขู่เรา !!!” ชายผู้ที่ถือดาบใหญ่โจมตีอยู่กล่าวพลางจ้องมองไปยังเรือเหาะที่อยู่ห่างไกล
ด้วยอาวุธที่พวกเขามีอยู่ในมือทั้งหมดตอนนี้ ความคิดที่จะต่อสู้กับยักษ์เหล็กตนนี้นั้นนับเป็นเรื่องตลกเลย มันจะคล้ายกับการพยายามขับไล่รถถังหรือเครื่องบินขับไล่ด้วยไม้ พลังการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายนั้นอยู่ในระดับที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ในขณะเดียวกัน ชายผู้แข็งแกร่งซึ่งเป็นผู้บัญชาการทีมนักผจญภัยทีมนี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเรือเหาะด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายสิบคนด้วยตัวเอง แต่เขาก็ยังคงมีความกล้าที่จะต่อสู้ และเขาก็มั่นใจด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถหนีจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ไปได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิต แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ทั้งหมดก็ตาม อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้น เขาไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถหนีไปได้
ในระยะนี้ของเกมนั้น ผู้เล่นทุกคนส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในเมืองของ NPC และที่สำคัญคือ พวกเขานั้นรู้ดีว่าเรือเหาะคืออะไร และแม้ว่าพวกเขาส่วนใหญ่จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าพวกมันทรงพลังมากขนาดไหน แต่มันก็เดาได้ง่ายเลย เพราะมันสามารถจะยิงปืนใหญ่เวทย์มนต์จากบนอากาศได้ และปืนใหญ่เวทย์มนต์ที่อ่อนแอที่สุดของมันก็ยังมีพลังเทียบเท่ากับการโจมตีที่สูงสุดของขั้นสาม ยิ่งไปกว่านั้นการโจมตีของปืนใหญ่เวทย์มนต์นี้ยังเป็นแบบ AOE ซึ่งผู้เล่นที่บินไม่ได้นั้นจะเป็นดั่งเป้าเคลื่อนที่สำหรับปืนใหญ่แบบนี้เลย
ตอนนี้ชีวิตทีมของเขานั้นอยู่ในความเมตตาของเรือเหาะลำนี้อย่างสมบูรณ์ หากผู้เล่นที่ขับเรือเหาะต้องการให้พวกเขาตาย พวกเขาก็จะตายโดยไม่มีโอกาสได้หนีด้วยซ้ำ ….
ในขณะที่ทีมนักผจญภัยกำลังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก อควาโรสและสมาชิกคนอื่นๆของสภาสิบแปดปีกก็ขึ้นเรือไปท่ามกลางการเฝ้าดูของสมาชิกเผ่าศักสิทธิ์
“รองผู้บัญชาการอาฟรี่ ฉันจะพยายามทำลายกำแพงให้ไวที่สุด และฉันต้องการให้คุณสร้างแนวป้องกันอยู่ที่ด้านล่างนี้เพื่อคอยปกป้องเรือเหาะจากมอนสเตอร์ที่บินได้และบินไม่ได้ที่จะไหลทะลักออกมาจากป้อมปราการ …” ซือเฟิงกล่าวกับแม๊คอาฟรี่ซึ่งยังคงยืนตกตะลึงอยู่
หากเป็นมหาอำนาจอื่นๆ พวกเขาจะต้องเข้าจากทางประตูหน้าที่มีประตูเดียวแน่นอน อย่างไรก็ตามด้วยเรือเหาะมังกรสีเลือดของซือเฟิง เขาจะสามารถเลือกโจมตีได้ทุกทิศทางที่เขาต้องการ
เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง แม๊คอาฟรี่ก็หายตกตะลึง และหันไปมองซือเฟิง พลางกล่าวว่า “คุณต้องการจะฝ่ากำแพงเข้าไปจริงๆงั้นหรอหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ? ป้อมปราการแห่งนี้นั้นอยู่รอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ และกำแพงของมันนั้นก็แข็งแกร่งกว่าป้อมปราการสมัยใหม่มากๆ ถึงแม้จะมีเรือเหาะก็ตาม แต่ฉันก็กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องท้าทายมากในการจะทำลายกำแพงให้ได้”
ตอนแรกนั้นเขายังคงไม่เชื่อว่าซือเฟิงจะสามารถยึดป้อมปราการแสงดาวได้จริงๆ อย่างไรก็ตามตอนนี้ เขาเริ่มเชื่อแล้วว่าซือเฟิงนั้นจะสามารถทำได้ ดังนั้นเขาจึงอยากจะให้ทำให้สำเร็จ เขาจึงได้กล่าวคำแนะนำออกไป
การเปิดช่องในแนวป้องกันของป้อมปราการนั้นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในการพยายามเข้ายึดครอง เพราะป้อมปราการทั้งหมดนี้นั้นมีคุณสมบัติที่จะซ่อมแซมตัวเองโดยอัตโนมัติได้ และหากผู้เล่นไม่สามารถใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนั้นได้ก่อนที่กำแพงจะเริ่มซ่อมแซมตัวเอง พวกเขาก็ไม่มีความหวังที่จะประสบความสำเร็จในการเข้ายึดป้อมปราการเลย
โดยปกติจุดอ่อนที่สุดในการป้องกันของป้อมปราการนั้นก็จะเป็นที่ประตูหน้า ซึ่งประตูจะมีความแข็งแกร่งทนทานน้อยกว่ากำแพงในระดับหนึ่ง
“ผ่อนคลายน่า เราน่าจะมีเวลาเพียงพอ ตราบใดที่กองกำลังสิงโตเงินสามารถช่วยป้องเราจากมอนสเตอร์บินได้ไว้ได้ เรือเหาะของเราก็จะไม่มีปัญหาแน่นอน” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ให้กับความกังวลของแม๊คอาฟรี่ “กองกำลังของคุณจะทำงานนี้ได้สำเร็จไหมล่ะ ?”
การทำลายประตูหน้านั้นเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างจุดอ่อนให้กับแนวป้องกันของป้อมปราการ แต่หากผู้เล่นเปิดเส้นทางส่วนที่เป็นกำแพงเลยเลย มอนสเตอร์ที่อยู่ภายในป้อมปราการนั้นก็จะจัดการได้ง่ายกว่ามาก
กำแพงของป้อมปราการนั้นถูกเสริมด้วยวงเวทย์จำนวนมากซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นโครงข่ายทั้งหมดและล้อมรอบป้อมปราการเอาไว้ และมันก็สามารถที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรและผู้เป็นเจ้าของป้อมได้ด้วย นี่คือมอนสเตอร์ที่อยู่ภายในป้อมนั้นมีความยากที่จะเอาชนะได้มากกว่าสัตว์ประหลาดในแผนที่ล่ามาก
อย่างไรก็ตาม หากผู้เล่นสามารถทำลายส่วนหนึ่งของกำแพงได้ พวกเขาอาจจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับวงเวทย์ในป้อมได้ และในทางกลับกัน สิ่งนี้มันก็น่าจะช่วยให้บัฟความแข็งแกร่งที่มอนสเตอร์ภายในป้อมได้รับลดลงไปด้วย
น่าเสียดายที่การทำลายแพงนั้นเป็นเรื่องยากมากกว่าการทำลายประตูหน้าหลายเท่า สำหรับผู้เล่นทั่วไป ซึ่งมันทำให้แต่ละกองกำลังที่มาโจมตีป้อมปราการส่วนใหญ่นั้นจะเลือกโจมตีประตูหน้าเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งของกองกำลังสิงโตเงินในปัจจุบัน บวกกับเรือเหาะของเขา และความสามารถของสมาชิกสภาสิบแปดปีก ซือเฟิงจึงเลือกหนทางนี้ เพราะเขาคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ ….
แม้แต่ป้อมปราการที่อ่อนแอที่สุดในหุบเขาดาวก็ยังได้รับการป้องกันโดยมอนสเตอร์หลายแสนตัว และในจำนวนนี้มันก็มีลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่หลายพันตัว กับแกรนลอร์ดอีกหลายร้อยตัว ยิ่งไปกว่านั้น มอนสเตอร์เหล่านี้นั้นยังจะเกิดใหม่ขึ้นมา หลังตายไปในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งหากผู้เล่นไม่มีค่าความเสียหายมากพอที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมดให้ได้อย่างรวดเร็ว มอนสเตอร์เหล่านี้ก็อาจจะเกิดใหม่ขึ้นมาได้เรื่อยๆจนกวาดล้างกองทัพมหาอำนาจนับแสนได้อย่างง่ายดายเลย
แน่นอนว่าผู้เล่นนั้นไม่จำเป็นจะต้องฆ่ามอนสเตอร์ทั้งหมดเพื่อเข้ายึดป้อมปราการให้ได้ สิ่งที่พวกเขาต้องทำนั้นมันก็มีเพียงแค่ต้องฆ่าบอสผู้พิทักษ์ประจำป้อมปราการให้ได้ แต่อย่างไรก็ตามการจะทำให้ได้นั้น มันก็ยังต้องล่อมอนสเตอร์บางส่วนให้ออกไปภายนอกป้อมเพื่อกำจัดให้ได้ ไม่งั้นมอนสเตอร์เหล่านั้นจะจัดเป็นปัญหาใหญ่มากในระหว่างการสู้กับบอสผู้พิทักษ์ …
อย่างไรก็ตาม โชคดีที่มันมีแค่สิ่งมีชีวิตสายธาตุระดับต่ำเท่านั้นที่คอยปกป้องป้อมปราการแสงดาวอยู่ และพวกเขามันก็ไม่ได้ฉลาดมากนัก ซึ่งก็รวมไปถึงพวกมอน
สเตอร์ระดับเทพนิยายด้วย พวกมันเน้นทำทุกอย่างตามสถานการณ์มากกว่า
หากป้อมปราการถูกยึดครองไว้โดยเอลฟ์เวทย์มนต์ มันจะไม่มีผู้เล่นคนใดสามารถเข้ายึดมันได้แน่นอนจนกว่าผู้เล่นจะพากันไปถึงอย่างน้อยที่ขั้นห้า
“นั่นไม่มีปัญหา ตราบใดที่เราไม่ต้องรับมือกับพวกมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย มันก็ไม่มีทางที่มอนสเตอร์ที่ถูกล่อออกมา และไม่ได้รับบัฟจากป้อมจะทำลายแนวของกองกำลังสิงโตเงินได้” แม๊คอาฟรี่กล่าวอย่างมั่นใจ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงแอบหวังให้ซือเฟิงเปลี่ยนใจเข้ามาโจมตีประตูหน้าแทน เพราะมันจะทำได้ง่ายกว่ามาก และถ้าพวกเขาสามารถเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ มันก็จะเป็นดั่งการแสดงปาฎิหาริย์ในทวีปด้านตะวันตกเลย และชื่อของพวกเขาก็จะถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ของ God domain
“เยี่ยมมาก !!! จากนี้ฉันขอฝากการออกคำสั่งทุกอย่างของกองกำลังไว้ให้กับคุณ รองผู้บัญชาการแม๊คอาฟรี่” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม พลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นเขาก็ขึ้นเรือเหาะมังกรสีเลือดไป และทิ้งส่วนที่เหลือไว้ให้กับแม๊คอาฟรี่ ซึ่งคุ้นเคยกับกองกำลังสิงโตเงินมากกว่าจัดการ
คนใกล้ชิดของแม๊คอาฟรี่และคริมสันวิชนั้นต่างพูดไม่ออกเลย ขณะที่พวกเขาเฝ้ามองซือเฟิงขึ้นเรือเหาะมังกรสีเลือดไป เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกเขานั้นมีโอกาสจะเข้ายึดป้อมปราการแสงดาวได้ แต่ซือเฟิงกับเลือกจะทำวิธีที่ยาก ….
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกับเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว สภาสิบแปดปีก และเรือเหาะของพวกเขาคือผู้ที่มีอำนาจเหนือปฎิบัติการทั้งหมดนี้
“มาดูกันว่า เขายังจะแอ๊คแบบนี้ต่อไปได้ไหม หากแผนของเขาล้มเหลว …” คริมสันวิชกล่าวพลางเดาะลิ้นของเธอ แต่ถึงแม้เธอจะพูดอย่างนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังเรือเหาะด้วยความอิจฉา ถ้าเธอมีเรือเหาะแบบนี้นั้นเธอจะสามารถเหยียบย่ำสัตว์ประหลาดที่แท้จริงได้สบายๆเลย
ในขณะที่ทีมนักผจญภัยที่อยู่ห่างไกลลังเลว่าควรจะทำอย่างไรดี กองกำลังสิงโตเงินก็เริ่มเคลื่อนขบวนเข้าจัดแนวเตรียมป้องกันเรือเหาะมังกรสีเลือด ในขณะที่ปืนใหญ่มานาของเรือเริ่มรวบรววมพลังงาน
เครื่องเครืองยนต์ระดับทองแดงของเรือนั้นได้เริ่มขับเคลื่อนพลังของปืนใหญ่มานาทันที และในทันใดนั้นปืนใหญ่มานาก็เริ่มดูดซับมานาโดยรอบ ซึ่งมันทำให้แม้แต่ผู้เล่นที่อยู่ในระยะหนึ่งพันหลารอบพวกเขานั้นก็ยังรู้สึกได้ถึงมานาที่บ้าคลั่ง
ก่อนที่กองกำลังสิงโตเงินจะจัดแนวของพวกเขาเพื่อรอทำการป้องกันเรือเหาะมังกรสีเลือดเรียบร้อย ลำแสงสีขาวดำก็ถูกยิงออกจากปืนใหญ่พุ่งเข้าไปใส่กำแพงทางด้านตะวันตกของป้อมปราการสตาร์ไลท์
ตู้ม !!
กำแพงนั้นระเบิดทันที และคลื่นกระแทกที่รุนแรงที่เกิดขึ้นจากการโจมตีนี้ก็ทำให้ผู้เล่นทุกคนในระยะหลายร้อยหลานั้นแทบยืนไม่อยู่เลยทีเดียว ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่าปืนใหญ่นี้ใช้ได้ผลกับกำแพง
เมื่อฝุ่นจางลง ฉากตรงหน้ามันก็เผยให้เห็นรอยแตกขนาดใหญ่ที่กำแพงทางทางด้านตะวันตก และลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายธาตุบนกำแพงนั้นก็ได้สูญเสีย HP ไปมากกว่าหนึ่งในสามจากการโจมตี ….
“ปืนใหญ่มานานั่นทรงพลังมากขนาดไหนกัน ?” คริมสันวิชอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เธอนั้นเคยเห็นปืนใหญ่มานามาก่อน แต่อย่างไรก็ตามเธอไม่เคยเห็นปืนใหญ่มานาที่สามารถจะกลืนกิน HP มากกว่าหนึ่งในสามของลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้เลยในการโจมตีเดียว ….
ก่อนที่หลายคนจะทันได้ฟื้นคืนจากอาการตกตะลึง ปืนใหญ่มานาทั้งสิบเอ็ดกระบอกของเรือเหาะมังกรสีเลือดก็เริ่มชาร์จอีกครั้ง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ลำแสงสีขาวดำก็พุ่งเข้าถล่มกำแพงทางด้านตะวันตกของป้อมปราการสตาร์ไลท์