Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2562
ตอนที่ 2562 ท้าทายโลกแห่งความมืด
ความเงียบนั้นเกิดขึ้นไปทั่วบริเวณ เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ เมจิคแฟลช และฟอเร้สจ้องมองไปยังนักดาบอย่างพูดไม่ออก พวกเขาไม่ได้คิดเลยว่าชายคนนี้จะเอาจริง ….
นี่มันบ้าชัดๆ !!
พวกเขานั้นคาดเดาว่าซือเฟิงได้ล้อเล่นกับพวกเขาที่โรงแรมอิสระ แต่ตอนนี้ชายคนนี้กับกล่าวย้ำความตั้งใจของเขาโดยมุ่งตรงไปที่ผู้เล่นอิสระ และมหาอำนาจต่างๆจากโลกแห่งความมืด ….
หลังจากนั้นครู่หนึ่งผู้เล่นสายความมืดทุกคนก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานออกมา
“นี่ชายคนนี้กำลังเล่าเรื่องตลกให้เราฟังรึปล่าว ?”
“นี่เขาคิดจริงๆหรอว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถเข้าจัดการประตูเทเลพอร์ตได้นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป …. นี่เขาคิดว่าตัวเองสามารถอ้างสิทความเป็นเจ้าของประตูเทเลพอร์ตนี้ได้โดยแค่กล่าวออกมางั้นหรอ ?”
“ชายคนนี้คิดว่าเขาเป็นใครกัน ?”
ช่วงเวลาหนึ่งผู้เล่นสายความมืดโดยรอบบริเวณนั้นล้วนแสดงความโกรธและเยาะเย้ยซือเฟิงออกมา ความกลัวก่อนหน้านี้ที่พวกเขามีต่อซือเฟิงนั้นได้ระเหยหายไปเหมือนกับหมอกในวันที่อากาศร้อน ในตอนนี้พวกเขาสงสัยด้วยซ้ำว่าซือเฟิงนั้นเต็มรึปล่าวถึงกล้ายั่วยุโลกแห่งความมืดทั้งโลกอย่างกล้าหาญแบบนี้
แบล๊คเฟรมกำลังพยายามจะทำอะไร ? นี่เขาไปโดนอะไรจนเสียสติมางั้นหรอ ? เขาไม่รู้หรอว่าโดยพื้นฐานแล้วคำกล่าวเมื่อครู่ของเขา คือ เขาพึ่งประกาศสงครามกับทุกคนจากโลกแห่งความมืด ? บลูเรนโบว์ขมวดคิ้ว ขณะที่จ้องมองไปยังซือเฟิงที่ยังคงดูสงบ
เมื่อพวกเขาได้ยินรายงานของเมจิคแฟลชกับฟอเร้สต์นั้น พวกเขาคิดว่าเจตนาความต้องการของซือเฟิงนั้นเป็นเรื่องตลก อย่างไรก็ตามตอนนี้ซือเฟิงได้ประกาศต่อหน้าสาธารณชนแล้วว่าแผนการของสภาสิบแปดปีกคือจะเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตนี้ ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องตลกที่ไม่ตลกแล้ว
จากที่เธอคิด นักดาบคนนี้นั้นไม่ประเมินตัวเองสูงเกินไป เขาก็ต้องบ้าไปแล้วแน่นอนที่พาตัวเองเข้าไปสู่เส้นทางแห่งการถูกทำลายล้างแบบนี้
แม้แต่ซุเปอร์กิลจำนวนหนึ่งที่ร่วมมือกัน ก็ยังไม่กล้าจะพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้ากองทัพของโลกแห่งความมืดเลย ไม่ต้องพูดถึงมหาอำนาจแค่กลุ่มเดียว เพราะท้ายที่สุดใครก็ตามที่ควบคุมประตูเทเลพอร์ตนี้ได้ มันก็เท่ากับว่าจะสามารถควบคุมโลกแห่งความมืดนี้ได้
นี่มันโง่เง่าเกินไป !!!
เขาตายแน่ !!! เขาตายแน่นอน !!! ฟิวเรียสฮาร์ทหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เขามองไปยังซือเฟิง
ต้องขอบคุณคำประกาศของซือเฟิงจริงๆที่มันจะทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจต่างๆ และผู้เล่นอิสระทั้งหมดของโลกแห่งความมืดจะพุ่งเป้าไปที่การกำจัดสภาสิบแปดปีกแน่นอน แม้ว่าหัวใจปีศาจจะไม่ยั่วยุใดๆก็ตาม พวกเขาจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงจนกว่าพวกเขาจะลบสภาสิบแปดปีกให้หายออกไปจากป่าใบไม้ผลิได้แน่นอน เพราะหากพวกเขาไม่ทำแบบนี้ พวกเขาอาจจะโดนผู้เล่นจากทวีปหลักดูถูกได้ว่าไร้น้ำยา
เมื่อเสียงหัวเราะโดยรวมของเหล่าผู้เล่นสายความมืดหายไป แต่ละคนก็หันมาจ้องมองซือเฟิงโดยแผ่เจตนาการฆ่าที่รุนแรงออกมา ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามบางคนถึงกับชักอาวุธของพวกเขาออกมา และเตรียมจะสอนบทเรียนให้กับนักดาบผู้หยิ่งผยองนี้
“ช่างน่าเสียดายหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ฉันคิดว่าคุณจะฉลาดกว่านี้และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรถอย กับเมื่อไหร่ควรก้าวต่อไป แต่ดูเหมือนส่าดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้จะคิดมากเกินไปสำหรับเรื่องของคุณ” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวพลางส่ายหัว จากนั้นเขาก็หันหลังกลับโดยไม่ได้คิดจะพูดอะไรกับซือเฟิงอีกต่อไป
หน่วยเรือเหาะห้าลำนั้นอาจน่าประทับใจ แต่มันก็ไม่ได้น่ากลัวพอที่จะบังคับให้กองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืดต้องถอยกลับ แม้ว่าอาวุธสงครามนี้จะน่ากลัวและมีศักยภาพที่ร้ายแรง แต่อัตราการโจมตีของพวกมันก็ยังต่ำมาก เมื่อพลังการรบของทั้งสองฝ่ายไม่มีความแตกต่างกันมากนัก เรือเหาะห้าลำอาจจะเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์และช่วยพลิกกระแสการต่อสู้ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อพลังการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากๆ เรือเหาะห้าลำนั้นก็ไม่สามารถจะพลิกกระแสการต่อสู้ได้แน่นอน
และที่ขั้นสามนั้น เหล่าผู้เล่นระดับผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็มีความว่องไวมากพอที่จะหลบหลีกการโจมตีของเรือเหาะได้ ตราบเท่าที่มีระยะห่างระหว่างกันมากเพียงพอ นอกจากนี้กองทัพรุกรานของโลกแห่งความมืดยังมีอะเม้าท์บินได้มากกว่าห้าสิบตัว ซึ่งโดยรวมแล้ว พวกเขาก็ควรจะมีพลังการต่อสู้ทางอากาศมากพอๆกับสภาสิบแปดปีก
เมื่อดอร์นโดมิแน้นซ์ออกไป ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่อยู่รอบๆซือเฟิงก็ยิ้มเยาะ และเริ่มเข้าล้อมกรอบเขา
ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบหนึ่งพันคนนั้นชี้อาวุธของตัวเองมายังซือเฟิง และแผ่เจตนาฆ่าฟันที่ชัดเจนออกมา ซึ่งการกระทำของพวกเขานั้นเมื่อรวมกันมันก็ทรงพลังมากพอจะเปลี่ยนบรรยากาศโดยรอบให้กลายเป็นอึดอัดได้เลย
ขณะเดียวกันผู้เล่นสายความมืดขั้นสองที่เข้ามาที่ป่าใบไม้ผลิเพื่อร่วมสนุกนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น เมื่อได้เห็นฉากนี้
แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากมายนัก แต่กองทัพของโลกแห่งความมืดกับมีมากมาย
เมื่อเหลือระยะน้อยกว่าห้าสิบหลาระหว่างผู้เชี่ยวชาญสายความมืดกับซือเฟิง มันก็มีร่างหลายร่างที่เริ่มกระโดดลงมาจากเรือเหาะแต่ละลำ
ในพริบตาผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบห้าร้อยคนก็เข้ามาอยู่รอบๆตัวซือเฟิง และทุกคนก็แผ่ออร่าที่รุนแรงยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญขั้นสามของโลกแห่งความมืดออกมา
“นี่ …”
เมื่อเห็นกำลังเสริมของซือเฟิง ผู้เล่นสายความมืดจากโลกแห่งความมืดที่กำลังรุกเข้ามาก็หยุดชะงักลง ขณะที่พวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ต่างก็ประหลาดใจมากเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะรวบรวมความแข็งแกร่งมาได้มากขนาดนี้
เมื่อผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเกือบห้าร้อยคนนี้มาเข้าร่วมการต่อสู้ กิลที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกของโลกแห่งความมืดก็จะไม่สามารถเทียบกับกองกำลังของสภาสิบแปดปีกได้อีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะทำงานร่วมกันก็ตาม และเมื่อรวมกับเรือเหาะที่ลอยลำอยู่เหนือพวกเขานั้น หากพวกเขาตัดสินใจเริ่มการต่อสู้ด้วยกองกำลังของกิลที่แข็งแกร่งที่สุดของกิลสามอันดับแรกจากโลกแห่งความมืด มันก็จะเป็นการเชื้อเชิญให้สภาสิบแปดปีกเข้ามาฆ่าพวกเขาก็เท่านั้น
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงกล้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ สภาสิบแปดปีกนั้นน่าเกรงขามจริงๆ …” ดอร์นโดมิแน้นซ์หยุดฝีเท้าลงและมองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นสามรอบๆซือเฟิง แต่เขาก็ส่ายหัว และพูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามฉันกลัวว่านั่นจะยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะโลกแห่งความมืดนะ”
ในขณะที่เขาพูดจบนั้น มันก็มีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากขึ้นอย่างมากเข้าล้อมกรอบซือเฟิง และภายในเวลาไม่ถึงสามสิบวินาที กลุ่มผู้เชี่ยวชาญสายความมืดขั้นสามจำนวนมากกว่าหกพันคนก็ได้เข้าร่วมการล้อมนี้ แม้แต่บลูฟอร์สและพรรคพวกของเขาที่เป็นสมาชิกสภาสิบแปดปีกจากเขตหนึ่งที่เคยเข้าร่วมการต่อสู้มาหลายครั้งก็ยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อได้เห็นฉากนี้
“บลู นายคิดว่าหัวหน้ากิลกำลังพยายามจะทำอะไรกัน ? นี่เราจะไม่ต่อสู้กับทุกคนที่นี่จริงๆใช่ไหม ?” เบสท์รีนคาเนชั่น หัวหน้าทีมลำดับที่สองของเขตหนึ่งถามด้วยความกังวล
เขาเคยเฝ้าดูและต่อสู้ในสงครามมาหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับผู้เล่นนับหมื่นคน แต่เมื่อเทียบกับกองทัพรุกรานจากโลกแห่งความมืดแล้ว กองทัพอื่นๆนั้นไม่น่ากล่าวถึงเลย แม้แต่กองทัพจำนวนนับหมื่นก็จะเป็นได้แค่ของอุ่นเครื่องเท่านั้นสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนมากกว่าหกพันคน หากกองกำลังนี้เข้าสู่ดาร์คเดน พวกเขาจะสามารถกวาดผ่านทุกพื้นที่ได้โดยไร้ปัญหาใดๆ และแม้ว่าทุกเขตจะรวมตัวกัน แต่พวกเขาก็จะไม่รอดแน่นอน
ในขณะเดียวกันสภาสิบแปดปีกมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอยู่น้อยกว่าห้าร้อยคน และแม้จะมีสัตว์ประหลาดอยู่ในหมู่คนเหล่านี้มากมาย แต่ด้วยจำนวนที่แตกต่างกันเกินไป ยังไงซะพวกเขาก็ไม่มีโอกาสจะชนะแน่นอน
“ฉันไม่รู้ แต่แม้พวกเราจะแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ มันก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคตแน่นอน เพราะมันคงไม่มีใครจะได้รับโอกาสให้เผชิญหน้ากับกองทัพที่น่ากลัวแบบนี้ง่ายๆแน่นอน” บลูฟอร์สตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่น เขาต้องยอมรับเลยว่าการกระทำของซือเฟิงในครั้งนี้มันบ้าคลั่งมากๆ อย่างไรก็ตามนี่มันก็ทำให้เลือดของเขาเดือดพล่านด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้วในระยะนี้ของเกมใครกันจะกล้าท้าทายกองทัพแบบนี้ ?
แม้แต่มหาอำนาจต่างๆของทวีปหลักก็ยังกลัวกองทัพผู้รุกรานจากโลกแห่งความมืด แต่นั่นไม่ใช่สำหรับสภาสิบแปดปีก หากพวกเขาต้องแพ้และล่มสลายจริงๆ พวกเขาก็จะไปพร้อมกับความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
แถมนี่ยังเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากจริงๆที่จะได้ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามพร้อมกันจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งหากใครในหมู่พวกเขารอดไปได้จากตรงนี้ มันก็จะช่วยหนุนการพัฒนาของคนๆนั้นในอนาคตแน่นอน
ทันทีที่บลูฟอร์สกล่าวจบ ซือเฟิงก้าวไปข้างหน้าผ่านวงป้องกันของกองกำลังสภาสิบแปดปีกและไปเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายพันคนจากโลกแห่งความมืดโดยตรง
“ดูเหมือนว่าพวกคุณจะยังไม่เข้าใจกันนะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ขณะที่มองไปยังผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจากโลกแห่งความมืดรอบตัวเขา และเขาก็พูดต่อย่างใจเย็นว่า “ตั้งแต่เริ่ม ฉันบอกพวกคุณแล้วว่าฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งให้พวกคุณทราบเท่านั้น ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อเจรจาใดๆ เนื่องจากพวกคุณต้องต้องการทดสอบความอดทนของฉัน ดังนั้นฉันก็เสียใจที่จะต้องแจ้งให้พวกคุณรู้ว่า พวกคุณเลือกคู่ต่อสู้ผิดแล้ว !!!”
หลังจากล่าวจบ ซือเฟิงก็ดึงโทเค่นออกมาจากกระเป๋าของเขา และเริ่มร่ายเวทย์ โดยมันเป็นเวทย์แบบง่ายๆที่มีเพียงแค่ไม่กี่บรรทัดเท่านั้น และผู้ที่เข้าร่วม God domain ใหม่ๆก็จะสามารถร่ายได้ง่ายๆเลยทีเดียว
ก่อนที่เหล่าผู้เล่นสายความมืดจะทันได้ล้อเลียนซือเฟิงเพราะความโง่เขลาของเขา วงเวทย์หลายวงก็ปรากฎขึ้นอย่างรวดเร็วหลังนักดาบ และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาที พวกมันก็กลายเป็นสปาร์เชี่ยลเกต และเมื่อประตูเสร็จสมบูรณ์ NPC ในชุดเครื่องแบบที่สวยงามก็เดินเข้ามาในป่าใบไม้ผลิบริเวณนี้เหมือนกับกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
โดย NPC เหล่านี้นั้นมีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ และอยู่ในขั้นสามทั้งหมด แถมในหมู่ NPC เหล่านี้มันยังมี NPC จากเผ่าอื่นอยู่ด้วยอีกจำนวนหนึ่ง และในพริบตา NPC มากกว่าหนึ่งพันคนก็ได้เข้าร่วมสนามรบ ….