Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2563
ตอนที่ 2563 ปราบปรามทุกคน กับสภาสิบแปดปีกที่ยิ่งกว่าบ้าคลั่ง
เมื่อ NPC ขั้นสามมากกว่าหนึ่งพันคนปรากฎตัวขึ้นด้านหลังของซือเฟิง ทั้งผู้เล่นสายความมืด สมาชิกสภาสิบแปดปีกและกองกำลังนรกต่างก็ตกตะลึง
ในอาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆ NPC ขั้นสามถือเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมากๆ และพวกเขาก็สามารถจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเมืองเล็กๆได้เลย
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับพึ่งจะอัญเชิญ NPC เหล่านี้มากกว่าหนึ่งพันคนมารวมตัวกัน แถมบางส่วนยังไม่ใช่ NPC เผ่ามนุษย์ด้วย นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!
นี่เรามี NPC จำนวนมากขนาดนี้แล้วงั้นหรอ ? เมื่อเสวี่ยเหวินโหรวเห็นกองอัศวินของซือเฟิง เธอก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความประหลาดใจมากเช่นกัน
เธอรู้มาระยะหนึ่งแล้วว่าซือเฟิงนั้นได้ลงทุนเหรียญจำนวนมากในการพัฒนากองอัศวินของกิล แต่เธอก็คิดว่ามันก็จะยังคงต้องใช้เวลานานในการสะสมและดูแล NPC ขั้นสามจำนวนมาก
ในระหว่างที่ซือเฟิงไปเยือนทวีปด้านตะวันตก เธอก็รู้สึกว่าพวกเขาจะโชคดีมากแล้ว หากได้รับอัศวินขั้นสามเพิ่มขึ้นมาอีกสองถึงสามร้อยคน แต่นี่ทุกอย่างมันกับไปไกลเกินกว่าความคาดหวังของเธอหลายเท่า
ด้วยอัศวินขั้นสามมากขนาดนี้ การเอาชนะกองทัพผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหนึ่งหมื่นคนนั้นก็จะไม่เป็นปัญหาเลยด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงกองทัพผู้เล่นขั้นสามมากกว่าหกพันคนตรงหน้าพวกเขา
เหตุผลนั้นง่ายมาก ค่าสถานะของ NPC ไม่เพียงแต่จะสูงกว่าผู้เล่นในเลเวลและขั้นเดียวกัน แต่พวกเขายังมีสกิลและเวทย์จำนวนมากอีกด้วย แถมอัตราความสำเร็จในการใช้สกิลและเวทย์ของพวกเขานั้นก็ยังอยู่เหนือผู้เล่นมากเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ God domain ได้รับการอัพเดทระบบมากขึ้น สติปัญญาและมาตราฐานการต่อสู้ของ NPC นั้นมันก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ และที่ขั้นสาม NPC นั้นจะมีความสามารถเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งเป็นอย่างน้อยเลย และบางคนอาจปราบปรามผู้เชี่ยวชาญการปรับแต่งหรือเหนือกว่าได้สบายๆเลย
นี่คือสาเหตุที่แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามก็จะยังคงถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว เมื่อพวกเขาทำการท้าทาย NPC ขั้นสาม
แน่นอนว่าความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่างทั้งสองฝ่ายก็คือมาตราฐานอุปกรณ์ของ NPC !!
การได้มาซึ่งอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดระดับไฟน์โกลหรือสูงกว่านั้น เลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย เป็นเรื่องที่ยากมากๆสำหรับผู้เล่น แต่อย่างไรก็ตาม แม้แต่ NPC ขั้นสามที่อ่อนแอที่สุดของ God domain และไม่ได้ถูกผัดโดยผู้เล่น พวกเขาก็ยังจะสวมใส่
เซ็ทอุปกรณ์ระดับดาร์คโกลเป็นอย่างน้อย
ในทางกลับกันอัศวินขั้นสามของสภาสิบแปดปีกส่วนใหญ่นั้นสวมใส่อุปกรณ์ระดับอีปิค และแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม ขอบเขตอนันต์ก็ยังจะต้องหนีจากอัศวินเหล่านี้ นับประสาอะไรกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามขอบเขตการปรับแต่ง
ผู้เล่นสายความมืดขั้นสามมากกว่าหกพันคนรอบๆซือเฟิงเริ่มถอยอย่างไม่รู้ตัว และพวกระดับสูงของมหาอำนาจต่างๆก็ล้วนมองมายังฉากนี้ด้วยความกลัวและประหลาดใจ
ไม่มีใครคิดเลยว่าความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีกจะน่ากลัวมากขนาดนี้ !!!
เมื่อพวกเขาได้รู้มาจากการสืบสวนของพวกเขาว่าสภาสิบแปดปีกนั้นมีอัศวินขั้นสามเกือบหกร้อยคน การที่จะหาวิธีจัดการกับสภาสิบแปดปีกมันก็ทำให้พวกเขาปวดหัวอย่างมากแล้ว และหากพวกเขาต้องการจะยึดเมืองป่าหินให้ได้ พวกเขาก็รู้ดีว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆของทวีปหลักและทำงานอย่างหนัก
แต่ตอนนี้ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้รู้ว่าสภาสิบแปดปีกมีเรือเหาะห้าลำ แต่สภาสิบแปดปีกยังมีอัศวินขั้นสามมากกว่าที่พวกเขาได้รับรายงานมาสองเท่า นี่พวกเขาจะต่อสู้กับกองกำลังเช่นนี้ได้ยังไง ?
นี่คือเหตุผลที่เขาไม่ลังเลที่มอบพื้นที่เจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของป่าใบไม้ผลิให้พวกเรางั้นหรอ ? ตอนนี้บลูเรนโบว์เริ่มเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว ขณะที่เธอมองไปยังซือเฟิง
เธอนั้นคิดว่าชายคนนี้เป็นบ้าไปแล้วที่เลือกจะยอมแพ้ในพื้นที่ของป่าใบไม้ผลิถึงเจ็ดสิบเปอเซ็นต์ และเลือกจะเพิ่มความรุนแรงในการแข่งขันระหว่างกิลของเขากับโลกแห่งความมืด แต่เมื่อมองดูตอนนี้ มันก็เหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดไปอย่างมาก
ด้วยพลังการต่อสู้ที่มากมายขนาดนี้ มันจะไม่มีมหาอำนาจของโลกแห่งความมืด หรือผู้เล่นอิสระจากโลกแห่งความมืดคนใดกล้าแข่งขันเพื่อแย่งชิงพื้นที่ส่วนสามสิบเปอเซ็นต์ของป่าใบไม้ผลิที่สภาสิบแปดปีกครอบครองอยู่แน่นอน ในทางตรงกันข้ามดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากกว่ามากในการควบคุมพื้นที่เจ็ดสิบเปอเซ็นต์ของพวกเขา ท้ายที่สุดแล้วอิทธิพลส่วนใหญ่ของทั้งสองกิล
นั้นอยู่ในโลกแห่งความมืด และนอกนั้นพวกเขาก็แทบไม่มีอะไรเลย
หากผู้เล่นของโลกแห่งความมืดกลัวเกินกว่าที่จะเข้าแย่งชิงแหล่งทรัพยากรของสภาสิบแปดปีก มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะหันมาแย่งชิงพื้นที่ของเดียตี้โซไซตี้ และดาร์ครัปโซดี้แทน
“แม่งเอ้ย !! เป็นไปได้ยังไงกัน ?!!” ฟิวเรียสฮาร์ทรู้สึกราวกับว่าเขากำลังจะบ้า เมื่อเขาจ้องมองไปยัง NPC ขั้นสามมากกว่าพันคนที่อยู่ด้านหลังซือเฟิง เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสภาสิบแปดปีกถึงมี NPC ระดับนี้มากมายขนาดนี้ และทุกคนก็ล้วนสวมใส่อุปกรณ์ชั้นยอดทั้งหมดด้วย ….
เมื่อเจอกับกองกำลังแบบนี้ แม้แต่กองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งหมื่นคนก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญขั้นสามที่เข้าร่วมกองทัพรุกรานในครั้งนี้นั้นยังมาจากกิลและทีมนักผจญภัยต่างๆจำนวนมาก ดังนั้นการจะบังคับบัญชาพวกเขาให้ทำตามคำสั่งที่เหมาะสมได้จึงเป็นไปได้ยากมากๆ และแน่นอนว่ามันก็ไม่มีใครอยากทำหน้าที่เป็นปืนใหญ่และตายอย่างไร้จุดหมาย
หากกองทัพผู้รุกรานของโลกแห่งความมืดมีข้อได้เปรียบอย่างแท้จริงเหนือสภาสิบแปดปีก ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเหล่านี้จะไม่ลังเลที่จะลงมือแน่นอน อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์มันได้เปลี่ยนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และมันจะไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนในกองทัพผู้รุกรานของโลกแห่งความมืดที่เต็มใจจะลงมือในสถานการณ์แบบนี้แน่นอน
NPC ขั้นสามจำนวนมากกว่าหนึ่งพันคนที่ยืนรอคำสั่งของซือเฟิงอยู่ ทำให้ผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นตัวแข็งค้างเป็นหินเลย ตอนนี้พวกเขาล้วนจ้องมองไปยังซือเฟิง และ NPC ของเขาอย่างเงียบงัน ขณะที่ทีมของบลูฟอร์สนั้นก็ล้วนจ้องมองมายังฉากนี้อย่างพูดไม่ออก
แม้แต่กองกำลังนรกก็ยังเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างมาก
ก่อนมาที่นี่พวกเขาได้ยอมรับกันแล้วว่าความตายกำลังจะมาถึงพวกเขา เพราะท้ายที่สุดกองทัพของโลกแห่งความมืดมีจำนวนมากกว่าพวกเขาอย่างมหาศาล และแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังมากกว่าเมื่อวัดกันที่ความแข็งแกร่งรายบุคคล แต่พวกเขาก็จะไม่สามารถฆ่าผู้เล่นทั้งหมดนี้หรือทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ถอยไปได้ก่อนที่ค่าสตามิน่าแฃละค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาจะหมดลง อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าสถานการณ์จะพัฒนาจนมาถึงแบบนี้ได้ กองทัพของโลกแห่งความมืดจำนวนหลายล้านคนที่เดินทัพเข้ามาในป่าใบไม้ผลิอย่างไม่กลัวเกรงสิ่งใดได้หยุดชะงักลง และไม่มีผู้เล่นคนใดในโลกแห่งความมืดที่กล้าจะก้าวไปข้างหน้าเลย ทุกคนนั้นยืนอยู่นิ่งๆราวกับถูกแช่แข็งอยู่หน้าประตูเทเลพอร์ต
หลังจากความเงียบชั่วขณะ ดอร์นโดมิแน้นซ์ก็โผล่ออกมาจากฝูงชน มาเผชิญหน้ากับซือเฟิงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ชายคนนี้ไม่ได้ดูถูกซือเฟิงอีกแล้ว และเขาก็เต็มไปด้วยความระมัดระวังตัวอย่างมากขณะจ้องมองไปยังซือเฟิง
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณนี่มันน่าทึ่งมากจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมคุณถึงก่อตั้งเมืองป่าหินขึ้นในป่าใบไม้ผลิได้ และยังยืนหยัดครอบครองมันมาได้จนถึงตอนนี้ …” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวพลางปรบมือให้กับซือเฟิงด้วยความชื่นชม “เนื่องจากทุกคนที่นี่ได้เห็นการแสดงความแข็งแกร่งของทุกคุณเรียบร้อยแล้ว ฉันในฐานะตัวแทนของกิลและทีมนักผจญภัยราวครึ่งโลกแห่งความมืดจะขอประกาศว่าเราจะไม่เข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างสภาสิบแปดปีกกับมหาอำนาจต่างๆ คุณคิดว่าข้อตกลงนี้น่ายอมรับไหม หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?”
ในขณะที่ดอร์นโดมิแน้นซ์พูดจบ พวกระดับสูงของกิลกับทีมนักผจญภัยต่างๆจากโลกแห่งความมืดก็ล้วนพยักหน้าเห็นด้วย
หากสภาสิบแปดปีกอ่อนแอนั้น พวกเขาก็คงจะเข้าร่วมกับมหาอำนาจต่างๆจัดการกับกิลโดยไม่มีปัญหาใดๆ แต่ตอนนี้พวกเขาได้เห็นแล้วว่ากิลนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ต่อให้พวกเขาร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆ การเข้ายึดเมืองป่าหินก็ยังแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย และมันจะทำให้พวกเขาสูญเสียโดยไม่จำเป็นด้วยซ้ำ หากต้องเผชิญหน้ากับสภาสิบแปดปีกในการต่อสู้
“ดอร์นโดมิแน้นซ์ !!! คุณทำได้ยังไงกัน ?!!” ฟิวเรียสฮาร์ทร้องลั่นออกมาด้วยความโกรธ เมื่อเขาเห็นดอร์นโดมิแน้นซ์ยอมจำนนต่อสภาสิบแปดปีก
เพื่อกระตุ้นให้มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดโจมตีสภาสิบแปดปีก หัวใจปีศาจได้นำเสนอผลประโยชน์มากมายให้กับเวิร์ลโดมิเนชั่น อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์มันกลับตาลปัตร และดอร์นโดมิแน้นซ์ก็ได้ตัดสินใจจะยอมแพ้
และเมื่อเวิร์ลโดมิเนชั่นยอมแพ้ มหาอำนาจอื่นๆของโลกแห่งความมืดนั้นก็จะไม่กำหนดเป้าหมายมาที่สภาสิบแปดปีกเช่นกัน
อย่างไรก็ตามก่อนที่ฟิวเรียสฮาร์ทจะทันได้สาปแช่งดอร์นโดมิแน้นซ์ต่อ ซือเฟิงก็ส่ายหัว
“หัวหน้ากิลดอร์น จะต้องให้ฉันบอกคุณสักกี่ครั้งคุณถึงจะจำใส่หัวของคุณได้ ? ฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งให้คุณและพวกของคุณทราบว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปสภาสิบแปดปีกจะทำหน้าที่จัดการประตูเทเลพอร์ตนี้ และในอนาคตกิลของฉันก็จะเรียกเก็บค่าใช้งานสำหรับทุกคนที่ต้องการใช้มันด้วย นี่ฉันยังพูดไม่ชัดเจนพองั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าว ก่อนที่เขาจะมองไปรอบๆและพูดต่อว่า “ฉันไม่สนหรอกว่าพวกคุณจะร่วมมือกับมหาอำนาจต่างๆโจมตีเมืองป่าหินรึปล่าว …”
ดอร์นโดมิแน้นซ์ที่ตั้งใจจะพูดมากกว่านี้นั้นพูดไม่ออกทันที แม้แต่ฟิวเรียสฮาร์ทที่กำลังจะสาปแช่งดอร์นโดมิแน้นซ์ต่อก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
นี่ชายคนนี้บ้าไปแล้วงั้นหรอ ? ดอร์นโดมิแน้นซ์ได้ประกาศแล้วว่าผู้เล่นจากโลกแห่งความมืดนั้นจะไม่กำหนดเป้าหมายไปที่สภาสิบแปดปีก และเมืองป่าหิน แต่เขาก็ยังคงยืนยันที่จะเข้าจัดการประตูเทเลพอร์ตเนี่ยนะ ? นี่เขาต้องการจะเป็นศัตรูกับโลกแห่งความมืดทั้งโลกจริงๆงั้นหรอ ? เมื่อเมจิคแฟลชได้ยินคำตอบของซือเฟิง เขาก็พูดไม่ออกเช่นกัน
นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่สภาสิบแปดปีกจะสามารถหวังให้มันเกิดขึ้นได้แล้ว แต่แทนที่จะตกลง ซือเฟิงกับยืนยันในความเป็นเจ้าของประตูเทเลพอร์ต เขามันบ้าชัดๆ !!!