Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2574
ตอนที่ 2574 หอคอยเทพโบราณ
เมืองป่าหิน ห้องรับรองชั้นบนสุดของโรงแรมอิสระ :
บลูเรนโบว์จากดาร์ครัปโซดี้ และผู้อาวุโสโกลด์จากเดียตี้โซไซตี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟา และมันก็มีความเงียบที่น่าอึดอัดเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาในห้องรับรองที่กว้างขวางและหรูหรา ในขณะที่เมจิคแฟลช และ ฟอเร้สต์ที่นั่งอยู่ข้างๆพวกเขาก็รู้สึกว่าจิตใจของตัวเองว้าวุ่นมากๆ
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายเกินไป !!
พวกเขาคิดว่าการพบกันครั้งก่อนของพวกเขากับซือเฟิงจะเป็นครั้งสุดท้าย และพวกเขาจะไม่ต้องเจอกันอีก พวกเขาคิดว่าความคิดของซือเฟิงที่ต้องการจะเป็นหุ้นส่วนกับกิลของพวกเขานั้นมันไม่มีอะไรมากไปกว่าความคิดที่ได้แค่ปราถนาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามไม่ถึงสองวันหลังจากการพบกันครั้งสุดท้าย พวกเขาก็ได้มาออกตามหานักดาบอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันซือเฟิงได้เปลี่ยนคำประกาศที่ดูราวกับคนบ้าของเขาให้กลายเป็นความจริง โดยที่เขาสามารถเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดที่เป็นเส้นชีวิตของโลกแห่งความมืดไว้ได้ หากมหาอำนาจกลุ่มใดในโลกแห่งความมืดหรือผู้เล่นคนใดต้องการจะเคลื่อนไหวต่อ และเร่งการพัฒนา พวกเขาก็จะต้องเดินทางเข้ามายังป่าใบไม้ผลิ
อย่างไรก็ตามการเรียกเก็บค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตของสภาสิบแปดปีกนั้นมันเรียกว่าการปล้นกันกลางวันแสกๆชัดๆ กิลเรียกเก็บเงินเป็นคริสตัลแห่งความมืดหนึ่งชิ้น หรือคริสตัลเวทย์มนต์ค่าสถานะที่มีค่าเท่ากันหนึ่งชิ้นต่อคน ….
คริสตัลเวทย์มนต์ค่าสถานะนั้นหายากกว่าคริสตัลเวทย์มนต์ทั่วไปมาก และผู้เล่นสายความมืดก็ต้องการคริสตัลแห่งความมืดเพื่อเติบโต ที่จริงต้องบอกว่าพวกเขาต้องการมันอย่างมาก และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดก็ยังแทบมีคริสตัลแห่งความมืดไม่พอใช้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้เล่นอิสระเลย แต่สภาสิบแปดปีกก็โหดร้ายมากพอที่จะเรียกเก็บคริสตัลแห่งความมืดเป็นค่าใช้ประตูเทเลพอร์ต
ที่แย่กว่านั้นคือพวกเขาไม่สามารถจะทำอะไรได้ และไม่สามารถเอาชนะสภาสิบแปดปีกได้ ….
เพื่อควบคุมประตูเทเลพอร์ตให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ สภาสิบแปดปีกได้สร้างบาเรียเวทย์มนต์ถาวรขึ้นรอบๆมันเหนือจากนั้นพวกเขาก็ประจำการเรือเหาะมังกรสีเลือดสองลำ หุ่นกลผู้พิทักษ์ระดับทองแดงแปดตัว อัศวินขั้นสามหกร้อยคน และอัศวินขั้นสอง สองพันคนไว้เพื่อเฝ้าประตู ซึ่งการป้องกันที่สภาสิบแปดปีกตั้งขึ้นรอบๆประตูเทเลพอร์ตนั้นมันจัดว่าน่ากลัวมากๆ ….
ต่อให้ส่งกองทัพผู้เชี่ยวชาญขั้นสามสองหมื่นคนมาก็ยังไม่สามารถจะทำอะไรกับการรักษาความปลอดภัยที่สูงแบบนี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงการลอบผ่านเลย ….
ทางเลือกเดียวที่ผู้มาจากโลกแห่งความมืดจะสามารถทำได้คือมอบค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตให้กับสภาสิบแปดปีกอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่บลูเรนโบว์และคนอื่นๆรออยู่สักพัก ประตูห้องรับรองก็ถูกเปิดขึ้นอย่างกระทันหัน และแบล๊คเฟรม หัวหน้ากิลของสภาสิบแปดปีกก็เดินเข้ามา เขาคือสัตว์ประหลาดที่สามารถขับไล่กองทัพผู้เล่นหลายล้านคนได้
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นดูเหมือนเป็นคนที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในตอนนี้
เมื่อเขายืนอยู่หน้าประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืด เขาได้แผ่ออร่าที่น่าทึ่งและทรงพลังมากๆออกมา ซึ่งมันทำให้ทุกคนที่อยู่ต่อหน้าเขาหวาดกลัว แต่ตอนนี้พวกเขากับไม่สามารถตรวจจับออร่าของชายคนนี้ได้เลยราวกับว่าเขาเป็นเพียงผู้เล่นทั่วไป นี่มันคล้ายกับการพบกันครั้งแรกของบลูเรนโบว์และคนอื่นๆกับนักดาบคนนี้เลย เพราะตอนนี้นักดาบคนนี้นั้นดูเหมือนจะไม่มีอันตรายใดๆ
อย่างไรก็ตามแทนที่จะดูถูกใดๆซือเฟิง ตอนนี้พวกเขากับมองไปยังซือเฟิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับซือเฟิงมากนัก ในระหว่างการเจอกันครั้งสุดท้ายกับชายคนนี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้ เพราะซือเฟิงตอนนี้นั้นให้ความรู้สึกราวกับเป็นภูเขาใหญ่ที่ใครก็ไม่สามารถก้าวข้ามได้เลย
ในขณะที่บลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์เริ่มยืนขึ้นเพื่อทักทายเขา ซือเฟิงก็แสดงท่าทางให้พวกเขานั่งลง และไม่ต้องมีพิธีการอะไรมากนัก จากนั้นเขาก็เดินมานั่งลงด้านตรงข้าม ก่อนจะยิ้มและถามว่า “ฉันได้ยินมาว่าพวกคุณได้บอกหัวหน้ากิลของพวกคุณถึงข้อเสนอของฉันแล้ว กิลของพวกคุณต้องการจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกอย่างไร ?”
เมจิคแฟลชและฟอเร้สต์นั้นอดไม่ได้ที่จะกลอกตาเมื่อได้ยินคำถามของซือเฟิง คำประกาศของเขา และข้อเสนอของเขาแทบจะสลักลึกลงไปในกระดูกของหัวหน้ากิลพวกเขาด้วยซ้ำในตอนนี้ และพวกเขาก็จะจดจำมันไปตลอดชีวิต
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ข้อเสนอของคุณนั้นสร้างความพึงพอใจให้กับหัวหน้ากิลของเรามาก และเขาได้ระบุมาว่าตราบใดที่สภาสิบแปดปีกยินดีจะยกเว้นค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตให้กับสมาชิกกิลของเราทั้งหมด เราจะช่วยให้บริษัทการค้าแสงเทียนสามารถสร้างตัวเองขึ้นในเมือง NPC สำคัญของโลกแห่งความมืดได้ คุณคิดว่ายังไง ?” บลูเรนโบว์ถาม
แม้ว่าทั้งสองกิลของพวกเขาจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับเงื่อนไขของซือเฟิง แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น เพราะหากพวกเขาปฎิเสธไม่ยอมรับเงื่อนไขความต้องการของซือเฟิง กิลของพวกเขาจะยิ่งเสียเปรียบมากขึ้นมากในป่าใบไม้ผลิ เมื่อเวลาผ่านไป ….
“ยกเว้นค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตงั้นหรอ ?” หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ซือเฟิงก็พูดว่า “ได้ แต่ฉันอยากจะตั้งร้านสาขาของบริษัทการค้าแสงเทียนในเมือง NPC ทุกเมืองของโลกแห่งความมืดด้วย แน่นอนว่าสภาสิบแปดปีกจะจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเอง กิลทั้งสองของพวกคุณจำเป็นต้องจัดการเรื่องที่ดินให้เราเท่านั้น”
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณกำลังร้องขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โลกแห่งความมืดนั้นมีขนาดใหญ่กว่าจักรวรรดิโบราณของทวีปหลักด้วยซ้ำ แม้ว่ากิลทั้งสองของเราจะแข็งแกร่งที่สุดสามอันดับแรกในโลกแห่งความมืด แต่เราก็ควบคุมโลกแห่งความมืดจริงๆได้เพียงส่วนเล็กๆเท่านั้น เราไม่มีกำลังคนและทรัพยากรมากพอที่จะรับประกันการตั้งสาขาร้านค้าของบริษัทการค้าแสงเทียนในทุกเมือง NPC ได้” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าวพลางส่ายหัวด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ดาร์ครัปโซดี้ เดียตี้โซไซตี้ และเวิร์ลโดมิเนชั่น นั้นดูเหมือนจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อโลกแห่งความมืด แต่มันไม่สามารถจะพูดได้ว่าพวกเขาควบคุมโลกแห่งความมืดไว้ได้ทั้งหมด ….
ในโลกแห่งความมืด ผู้เล่นนั้นสามารถจะควบคุมเมือง NPC ได้บางส่วน และเมื่อควบคุมได้นั้น มันก็จะเป็นเรื่องยากมากที่ผู้อื่นจะเข้ามายุ่มย่ามในเมืองของพวกเขาได้ และสาเหตุนี้เองมันก็ทำให้กิลสามอันดับแรกที่แข็งแกร่งที่สุดแทบไม่ต้องกังวลว่าจะเจอกับการยั่วยุของกิลหรือผู้เล่นคนอื่นๆ
และหากให้พูดง่ายๆก็คือ แค่การตั้งบริษัทการค้าแสงเทียนขึ้นในเมือง NPC ขนาดใหญ่ที่สำคัญทุกเมืองของโลกแห่งความมืดนั้นก็จัดเป็นเรื่องที่ท้าทายมากแล้ว
ทั้งสองกิลนั้นจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้การต่อรองทั้งหมดในแต่ละเมืองเป็นไปได้อย่างดี แต่สำหรับข้อเรียกร้องล่าสุดของซือเฟิงนั้นต่อให้มีเวิร์ลโดมิเนชั่นมาร่วมด้วย มันก็ยังเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น
“อีกอย่างหนึ่ง มีบางอย่างที่เราต้องแจ้งให้คุณทราบหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” บลูเรนโบว์กล่าว “เนื่องจากการกระทำของคุณที่ประตูเทเลพอร์ต มันจึงทำให้มหาอำนาจที่ทรงพลังต่างๆของโลกแห่งความมืดเกลียดชังสภาสิบแปดปีกอย่างมาก ด้วยเหตุนี้กิลทั้งสองของเราจึงต้องรับความเสี่ยงมากเช่นกันจากการเป็นพันธมิตรกับคุณ ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจปีศาจยังได้เดินต่างเข้าสู่โลกแห่งความมืดมาเพื่อแอบชักชวนให้มหาอำนาจต่างๆเข้าร่วมเป็นพันธมิตร พวกเขาวางแผนที่จะท้าทายหอคอยเทพโบราณในโลกแห่งความมืด”
“โดยหอคอยเทพโบราณนี้มันมีความพิเศษมากๆ และมันอยู่มาตั้งแต่ในยุคที่โลกแห่งความมืดพึ่งถูกสร้างขึ้น และมันก็มีข่าวลือว่ามันเชื่อมโยงกับโลกอื่นๆนับพัน ซึ่งมันก็ยังไม่มีใครสามารถเคลียร์การทดสอบของหอคอยได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้น มหาอำนาจต่างๆก็เริ่มจะสามารถเปิดใช้บางส่วนของมันได้ แม้จะยังไม่ทั้งหมดก็ตาม ซึ่งหากเป็นแบบนั้นมหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดก็อาจมาถึงที่ทวีปหลักได้โดยไม่ต้องใช้ประตูเทเลพอร์ตที่คุณควบคุมอยู่ โดยพวกเขาน่าจะสามารถทำแบบนั้นได้โดยผ่านโลกอื่น”
อควาโรสและเสวี่ยเหวินโหรวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินข่าวนี้ หากสิ่งที่บลูเรนโบว์พูดมาเป็นความจริง นี่มันก็หมายความว่าสิ่งที่พวกเขาพยายามมาเพื่อเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตจะไร้ประโยชน์งั้นหรอ ?
“หอคอยเทพโบราณ ?” ซือเฟิงค่อนข้างคุ้นเคยชื่อนี้จากชีวิตที่ผ่านมาของเขา
หอคอยเทพโบราณนั้นเชื่อมต่อกับโลกอื่นนับพัน นอกจากนี้หอคอยนี้มันก็ยังเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้โลกแห่งความมืดได้รับการยอมรับว่าเป็นโลกพิเศษใน God domain อย่างไรก็ตามในชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นไม่มีใครสามารถเข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้ ดังนั้นมหาอำนาจต่างๆในโลกแห่งความมืดจึงไม่ได้สนใจจะท้าทายหอคอยเทพโบราณ เพราะท้ายที่สุดการจะเปิดใช้มันให้ได้จริงๆนั้นเป็นเรื่องยากมากๆ
แน่นอนว่าผู้ในปัจจุบันก็ไม่มีความหวังที่จะเปิดใช้งานหอคอยเทพโบราณทั้งหมดเช่นกัน แต่การเปิดใช้งานบางส่วนก็น่าจะทำได้
“ใช่แล้ว มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดได้หันมาสนใจหอคอยเทพโบราณแล้ว และหัวใจปีศาจเองก็มีข้อมูลกับทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ฉันคิดว่ามันคงจะใช้เวลาอีกไม่นานก่อนที่มหาอำนาจต่างๆจะรวมตัวกันเรียบร้อยและเริ่มท้าทายหอคอยเทพโบราณ” บลูเรนโบว์กล่าวพลางพยักหน้า
คริสตัลแห่งความมืดหนึ่งชิ้นต่อคนเป็นค่าใช้ประตูเทเลพอร์ตนั้นจัดเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และจะไม่มีใครยอมจ่ายแน่นอน ถ้าไม่จำเป็น ….
“จะเป็นยังไงถ้าฉันช่วยให้พวกคุณสามารถเข้าควบคุมหอคอยเทพโบราณได้ในระยะเวลาอันสั้น ?” ซือเฟิงถาม