Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2577
ตอนที่ 2576 การสำรวจดินแดนลับ
เมื่อซือเฟิงระบุความตั้งใจว่าเขาจะเดินทางไปยังดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ ทั้งบลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลด์ต่างก็พูดไม่ออก
มหาอำนาจต่างๆนั้นยังไม่เคยเข้าสู่ดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยสิบ ขนาดหนึ่งร้อยคนเลยด้วยซ้ำ ในความเป็นจริงพวกเขายังแทบไม่มีผู้เล่นที่ไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยสิบกันเลยด้วยซ้ำ และแม้ว่าดินแดนลับจะไม่เหมือนกับดันเจี้ยน แต่ก็ต้องบอกเลยว่ามันอันตรายกว่ามาก แม้แต่ในดินแดนลับที่ปลอดภัยที่สุด มันก็ยังสามารถเทียบได้กับดันเจี้ยน
ขนาดใหญ่พิเศษแบบทีม โหมดยาก และตอนนี้แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังไม่กล้าจะเข้าไปสำรวจดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบด้วย
แต่ตอนนี้ซือเฟิงกับพุดถึงการทำแบบนี้ขึ้นมาอย่างสบายๆราวกับว่าเขากำลังจะไปเยี่ยมชมตลาดท้องถิ่น ….
ครู่หนึ่งบลูเรนโบว์และผู้อาวุโสโกลนั้นสงสัยด้วยซ้ำว่าพวกเขาเล่นเกมเดียวกันกับซือเฟิงรึปล่าว
“อะไร ? มีปัญหาอะไรงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย เมื่อเขาเห็นสีหน้าตกตะลึงของตัวแทนทั้งสองกิล
“ไม่ เอ่อ …. ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่ฉันกังวลน่ะ เรากำลังพูดถึงดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบกัน ฉันกลัวว่าด้วยเลเวลและอุปกรณ์ในปัจจุบันของเรา …” ผู้อาวุโสโกลด์กล่าวอย่างเป็นห่วง
การเข้าสู่ดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ผู้เล่นขั้นหนึ่งก็สามารถเข้าไปได้ ปัญหาคือว่าพวกเขาจะสามารถออกจากดินแดนลับทั้งๆที่ยังมีชีวิตได้ไหมต่างหาก
มันไม่เหมือนกับดันเจี้ยน ความยากของดินแดนลับ และจำนวนของมอนสเตอร์ภายในนั้นมันไม่ได้ตายตัว แต่เป็นแบบสุ่ม และหากคนๆหนึ่งโชคดีทีมหนึ่งร้อยคนก็เพียงพอจะอยู่รอดได้ แต่ถ้าไม่โชคดี พวกเขาก็อาจต้องการทีมผู้เล่นตั้งแต่หนึ่งพันถึงห้าพันคนเลย …..
นี่คือสาเหตุที่การสำรวจดินแดนลับนั้นทำได้ยากกว่าการบุกโจมตีดันเจี้ยนแบบทีมในเลเวลเดียวกันมากๆ โดยปกติกิลจะต้องระดมสมาชิกจำนวนมากเพื่อบุกเข้าสู่ดินแดนลับ แต่หลังจากเลเวลหนึ่งร้อยเป็นต้นมา มันก็มีเพียงผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเท่านั้นที่มีโอกาสจะรอดชีวิต ผู้เชี่ยวชาญขั้นสองจะเป็นได้แค่ภาระเท่านั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือกิลไม่สามารถจะใช้กำลังพลทั้งหมดที่มีได้ พวกเขาทำได้แค่พึ่งพาผู้เชี่ยวชาญขั้นสามจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้กิลขนาดใหญ่ต่างๆรวมไปถึงมหาอำนาจจำนวนมากเลือกจะยังไม่สำรวจดินแดนลับเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่า แม้ว่าพวกเขาจะข้ามเกณฑ์เลเวลหนึ่งร้อยกันมาแล้วก็ตาม
“ผ่อนคลายน่า ตามใดที่ทุกคนทำตามคำสั่งของฉันอย่างเคร่งครัด มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆ” ซือเฟิงพูดอย่างสบายๆ
ในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา เมืองพิษนั้นมีชื่อเสียงในเรื่องความอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่ามหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจะส่งทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามไปหลายพันคน แต่พวกเขาก็ยังล้มเหลวในการบุกโจมตี มหาอำนาจต่างๆได้พิชิตดินแดนลับแห่งนี้ได้ก็หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาเริ่มจะมาถึงขั้นสี่กันแล้ว
อย่างไรก็ตามซือเฟิงไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเข้ายึดเมืองพิษ เขาต้องการเพียงแค่ชิ้นส่วนของดาบโซโลมอนที่ซ่อนอยู่ภายในเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขายังมีอาวุธเวทย์มนต์อย่าง Abyssal Blade ที่อยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน และแหวนแห่งกอสเปลอยู่ด้วย ซึ่งแหวนนี้จะมีประโยชน์อย่างมากในเรื่องนี้แน่นอน เพราะเมื่อเขากลายเป็นปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นกลางแล้ว เขาก็พบว่าเขาสามารถขยายเอฟเฟคของแหวนแห่งกอสเปลจนมีผลกับมอนสเตอร์ขั้นสี่ได้ ซึ่งนี่มันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้เขาในการได้รับชิ้นส่วนดาบอย่างมาก
ตอนนี้เขาขาดแค่เพียงจำนวนคนเท่านั้น ….
โดยทั่วไปแล้วมันจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอย่างน้อยหนึ่งพันคนจึงจะสามารถรับประกันความปลอดภัยในการบุกโจมตีดินแดนลับเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงแม้จะรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม สามร้อยคนของกองกำลังนรกไปแล้ว เขาก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสามเพียงแค่ห้าร้อยคนเท่านั้นอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขา ซึ่งมันก็เสี่ยงมากเกินไปที่จะพาทีมเล็กๆแค่นี้เข้าไปยังดินแดนลับ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบ อย่างไรก็ตามหากรวมผู้เชี่ยวชาญของดาร์ครัปโซดี้ และ เดียตี้โซไซตี้เข้าไปอีกมากกว่าสองร้อยคนนี้ เขาก็จะมีโอกาสมากขึ้นมากในการได้รับชิ้นส่วนดาบโซโลมอน
อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับคำยืนยันจากซือเฟิงแล้ว บลูเรนโบว์กับผู้อาวุโสโกลด์ก็ยังค่อนข้างไม่สบายใจอยู่ดี แต่เนื่องจากพวกเขาได้เซ็นสัญญากับซือเฟิงไปแล้ว พวกเขาจึงไม่สามารถจะกลับคำพูดของพวกเขาได้โดยไม่มีเหตุผลที่ดี
จากนั้นตัวแทนทั้งสองก็ได้ติดต่อกิลของพวกเขาเพื่อให้ทำการรวบรวมผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมาอย่างลับๆ ในขณะเดียวกันซือเฟิงก็ได้เรียกรวมตัวผู้เชี่ยวชาญของสภาสิบแปดปีก และกองกำลังนรก
ในโลกแห่งความมืด ข่าวการเป็นพันธมิตรระหว่างสภาสิบแปดปีก กับดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และความสับสนวุ่นวายก็เริ่มเกิดขึ้นไปทั่ว เมื่อบรรดาผู้เล่นอิสระของโลกแห่งความมืดได้รู้ว่าสมาชิกของกิลทั้งสองจะสามารถใช้ประตูเทเลพอร์ตได้ฟรี ซึ่งมันก็ทำให้หลายคนเริ่มมาสมัครเข้ากิลทั้งสอง
“ผู้อาวุโสฮาร์ท เวิร์ลโดมิเนชั่นได้ทำตามคำแนะนำของหัวใจปีศาจในการเป็นหัวหอกเข้าโจมตีสภาสิบแปดปีก แต่ถึงกระนั้นตอนนี้ชื่อเสียงของกิลก็ตกต่ำลงอย่างมาก แถมยังกลายเป็นความอัปยศและความน่าอับอายของโลกแห่งความมืด เพื่อให้เรื่องแย่ลง ตอนนี้ดาร์ครัปโซดี้ และเดียตี้โซไซตี้ ก็ได้รับความนิยมอย่างไม่น่าเชื่อจากผู้เล่นอิสระ หลังจากได้ร่วมมือกับสภาสิบแปดปีก หากคุณยังไม่สามารถเสนออะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กับเวิร์ลโดมิเนชั่นของเราได้ เราก็คงจะต้องทำแบบเดียวกันกับทั้ง
สองกิล” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าวกับฟิวเรียสฮาร์ทซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามของเขาในห้องรับรองอย่างเย็นชา
“โปรดมั่นใจได้เลยหัวหน้ากิลดอร์น เราเป็นคนเชิญให้เวิร์ลโดมิเนชั่นมาเข้าร่วมสถานการ์นี้ ดังนั้นเราจะไม่ปล่อยให้กิลของคุณต้องทนทุกข์กับมันแน่นอน แล้วก็ไม่ใช่ว่าคุณต้องการจะแก้แค้นสภาสิบแปดปีกงั้นหรอ ? หัวหน้ากิลดอร์น” ฟิวเรียสฮาร์ทถาม “สภาสิบแปดปีกไม่เพียงแต่จะครอบครองเมืองป่าหินที่เป็นที่นิยม แต่กิลยังควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดอยู่ด้วย อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยเรื่องนี้เอง มันทำให้มหาอำนาจต่างๆเริ่มจะรู้สึกไม่พอใจในการพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วของสภาสิบแปดปีกแล้ว”
“ฉันต้องการสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่คำสัญญาที่ว่างเปล่า !!!” ดอร์นโดมิแน้นซ์คำรามพลางกลอกตา เขาเข้าใจตรรกะของฟิวเรียสฮาร์ท แต่ปัญหาคือตอนนี้ไม่มีใครสามารถจะทำอะไรกับสภาสิบแปดปีกได้
“เราได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจต่างๆมาอย่างลับๆ นอกจากนี้เรายังได้ยืมอาวุธและอุปกรณ์จำนวนมากมาด้วย หากเวิร์ลโดมิเนชั่นยินดีที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา เราจะให้คุณยืมเซ็ทอุปกรณ์ระดับไฟน์โกล เลเวลหนึ่งร้อยห้า ห้าสิบเซ็ท และเซ็ทอุปกรณ์ระดับดาร์คโกล เลเวลหนึ่งร้อยห้าอีกสิบเซ็ทเป็นเวลาสิบวันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวพลางยิ้มอย่างใจเย็น “คิดว่ายังไงล่ะ ? แม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ยังหาอุปกรณ์พวกนี้มาได้อย่างยากลำบาก แต่เวิร์ลโดมิเนชั่นกับสามารถจะยืมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ หากเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา ซึ่งด้วยเซ็ทเหล่านี้กิลของคุณจะสามารถโจมตีดันเจี้ยนเลเวลหนึ่งร้อยได้สบายๆ เพื่อรับเอาอาวุธและอุปกรณ์ชั้นยอดมาเป็นของตัวเอง นอกจากนี้เมื่อเรายึดหอคอยเทพโบราณได้แล้ว เวิร์ดโดมิเนชั่นยังจะได้รับส่วนแบ่งห้าเปอเซ็นต์ของหอคอยด้วย มันนับเป็นข้อเสนอที่ดีกว่าที่ดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้ได้จากสภาสิบแปดปีกอีก คุณไม่คิดงั้นหรอ ?”
“หื้ม ? นี่คุณสามารถรับเอาเซ็ทอุปกรณ์ระดับนี้มาได้มากมายเลยงั้นหรอ ?” ข้อเสนอของฟิวเรียสฮาร์ททำให้ดอร์นโดมิแน้นซ์ประหลาดใจ
เขาไม่นึกเลยว่าหัวใจปีศาจและมหาอำนาจต่างๆในโลกภายนอกจะไม่พอใจสภาสิบแปดปีกมากขนาดนี้จนลงทุนทำแบบนี้
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หัวหน้ากิลดอร์น แค่เซ็นสัญญาแล้วเราจะส่งมอบเซ็ทอุปกรณ์ให้ทันที” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวกระตุ้นพลางหัวเราะเบาๆ
“ดีล !! ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ !!” ดอร์นโดมิแน้นซ์กล่าว
“ดีมาก !!! ฉันจะรีบติดต่อรองหัวหน้ากิลทันที และคุณจะได้รับเซ็ทอุปกรณ์ตามข้อตกลงในครึ่งวัน” ฟิวเรียสฮาร์ทกล่าวโดยไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยกับท่าทีขงดอร์นโดมิแน้นซ์ เพราะมันจะมีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปฎิเสธข้อเสนอนี้
หลังจากเซ็นสัญญากันเรียบร้อย ฟิวเรียสฮาร์ทก็ออกจากสถานที่พักกิลของเวิร์ลโดมิเนชั่นกลับไปยังเมืองปีศาจ
“ทุกอย่างเรียบร้อยไหม ?” เฟรมมิ่งไลท์เงยหน้าขึ้นถาม เมื่อเห็นว่าฟิวเรียสฮาร์ทเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขา
“เรียบร้อย มหาอำนาจต่างๆของโลกแห่งความมืดได้ตกลงที่จะเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับเรา เราสามารถจะโจมตีหอคอยเทพโบราณได้ทุกเมื่อ …” ฟิวเรียสฮาร์ทรายงาน
“ดี !” เฟรมมิ่งไลท์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขายิ้มและพูดต่อว่า “สภาสิบแปดปีกจะต้องคิดว่าฉันทำอะไรไม่ถูกแน่นอน เมื่อกิลได้เข้าควบคุมประตูเทเลพอร์ตที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความมืดได้ แต่น่าเสียดายที่สภาสิบแปดปีกไม่รู้เลยว่าการกระทำของตัวเองนั้นได้สร้างความโกรธแค้นและเกลียดชังขึ้นมากขนาดไหน”
สภาสิบแปดปีกนั้นไม่มีภูมิหลังใดๆ แต่ตอนนี้กิลกับนั่งอยู่บนภูเขาแห่งความมั่งคั่งและทรัพยากร ซึ่งมันอาจกล่าวได้ว่ากิลได้ผูกขาดทรัพยากรทั้งหมดของโลกแห่งความมืด ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว มหาอำนาจต่างๆจึงจะไม่ยอมปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่นอน
ดังนั้นโดยที่ไม่ต้องกระทำการใดๆ ตอนนี้มหาอำนาจต่างๆและบริษัทมากมายจึงเข้ามาหาเขาด้วยตัวเอง โดยประกาศความตั้งใจที่จะจัดหาทรัพยากรทุกประเภทให้เพื่อแลกกับการลากสภาสิบแปดปีกลงมาจากภูเขาแห่งความมั่งคั่งและทรัพยากรนี้
ซึ่งตราบใดที่หัวใจปีศาจยึดหอคอยเทพโบราณได้ กิลก็จะสามารถผลักดันให้สภาสิบแปดปีกเข้าสู่ยุคมืดได้
หากสภาสิบแปดปีกยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเชื่อฟังในตอนแรกกิลก็จะสูญเสียแค่ป่าใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ตอนนี้กิลจะต้องสูญเสียทุกอย่าง และท้ายที่สุดแล้วจากข้อมูลที่เขาได้รับมา กองอัศวินของสภาสิบแปดปีกนั้นก็ถูกจำกัดให้อยู่ได้แค่ในป่าใบไม้ผลิเท่านั้นด้วย
อีกด้านหนึ่ง ซือเฟิงก็ได้เดินทางมาที่เมืองพิษพร้อมกับสมาชิกกองกำลังหลัก
ของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้
ในขณะที่ผู้เล่นสายความมืดเหล่านี้ก้าวเข้าสู่ดินแดนลับ ตัวของพวกเขาก็สั่นสะท้าน มันมีหมอกสีดำปกคลุมผืนดินอยู่ และพวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังเดินอยู่บนก้อนเมฆ เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในนั้น แถมพวกเขายังรู้สึกหนาวและหิวอย่างกระทันหัน อีกทั้งประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขาและความเร็วในการตอบสนองนั้นมันก็อ่อนแอลงอย่างชัดเจน ที่นี่พวกเขาจะแสดงพลังการต่อสู้ตามปกติที่พวกเขามีได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามหมอกสีดำนี้ไม่ได้เป็นส่วนที่เลวร้ายที่สุด ส่วนที่เลวร้ายที่สุดจริงๆคือเหล่ามอนสเตอร์ที่มีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยสิบห้าในป่ารอบๆเมืองพิษที่พวกเขากำลังเดินทางผ่าน และแม้แต่ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกนี้ก็ยังเป็นลอร์ดบอสขั้นสูง ขณะที่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่และแกรนลอร์ด โดยพวกนี้นั้นคือวิญญาณเร่ร่อน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสมาชิกของกองทัพปกป้องเมืองพิษก่อนที่จะถูกหมอกสีดำกลืนกินไป และยิ่งพวกเขาเข้าใกล้มอนสเตอร์เหล่านี้มากเท่าไหร่ พลังสึกกร่อนในพื้นที่ก็ยิ่งส่งผลต่อพวกเขามากเท่านั้น
แน่นอนเลยว่ามันมีมอนสเตอร์มากมายที่นี่ ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เมื่อเขามองไปยังวิญญาณเร่ร่อนที่อยู่ใกล้ๆ เพราะตอนนี้ดินแดนลับแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะมีมอนสเตอร์มากกว่าในชีวิตที่ผ่านมาของเขา แต่พลังแห่งความตายที่นี่มันก็ยังหนาแน่นขึ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามมันก็เพียงพอที่จะยับยั้งเขาจากการสำรวจที่นี่
ซือเฟิงได้หันไปหาโคล่าและคนอื่นๆก่อนจะกล่าวว่า “เริ่มล่อพวกมอนสเตอร์กันได้แล้ว แต่อย่าให้มากเกินไป สักห้าหรือหกร้อยตัวต่อรอบก็เพียงพอแล้ว …”
คำสั่งของซือเฟิงนั้นทำให้สมาชิกของดาร์ครัปโซดี้และเดียตี้โซไซตี้พูดไม่ออก
พวกเขาแน่ใจว่าพวกเขาจะได้ตายแน่นอนด้วยซ้ำ หากต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่นี่หนึ่งร้อยตัวพร้อมกัน ไม่ต้องพูดถึงห้าร้อยตัวเลย เพราะท้ายที่สุดในแผนที่นี้มันมีพลังแห่งความตายอยู่หนาแน่นเกินไป และมอนสเตอร์ทั้งหมดที่นี่ก็ล้วนมีเลเวลหนึ่งร้อยสิบห้าหรือสูงกว่า ดังนั้นการพยายามต่อสู้กับพวกมันห้าถึงหกร้อยตัวพร้อมกันจะเป็นการฆ่าตัวตายแน่นอน !!!
“รับทราบ”
อย่างไรก็ตามโคล่า ไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆก็ไม่ได้สะทกสะท้านใดๆกับคำสั่งของซือเฟิง พวกเขารีบพุ่งเข้าไปในป่าด้านหน้า และเริ่มล่อกับดึงดูดค่าความโกรธของวิญญาณเร่ร่อนกันทันที ….