Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2591
ตอนที่ 2591 สถานที่พักกิลใหม่ของสภาสิบแปดปีก
ซือเฟิงนั้นแทบไม่สามารถจะเชื่อสายตาตัวเองเลย ขณะที่เขาจ้องมองไปยังชายชราที่สวมเสื้อคลุมสีเทา
นี่คือหนึ่งในผู้ทรงพลังที่แทบจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain อย่างแท้จริง !!!
เมื่อสังเกตเห็นความตกใจของซือเฟิง ความสนใจของอควาโรสก็พุ่งมาที่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่อย่างรวดเร็ว ตอนแรกเธอก็รู้สึกประหลาดใจมาก แต่อย่างไรก็ตามความผิดหวังก็ตามมาอย่างรวดเร็ว
เธอพึ่งจะสังเกตเห็นศักยภาพในการเติบโตของชายชราผู้นี้
“ช่างน่าเสียดาย” อควาโรสพูดพลางถอนหายใจ “การที่เขาอยู่ในขั้นสี่นั้นมันยอดเยี่ยมมากก็จริง แต่ด้วยศักยภาพในการเติบโตขององครักษ์ระดับลึกลับขั้นเงิน มันจะรั้งเขาไว้”
โดยปกติแล้วองครักษ์ส่วนตัวระดับทองแดง และระดับเหล็กลึกลับนั้นจะถูกจำกัดไว้ที่ขั้นสามเท่านั้น ในขณะที่องครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน แม้ว่าจะแข็งแกร่งกว่าทั้งสองระดับก่อนหน้า แต่พวกเขาก็จะชนเข้ากับกำแพงของขั้นสี่ และมีโอกาสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะเลื่อนไปเป็นขั้นห้าได้
มันมีผู้เล่นของ God domain มาถึงขั้นสามมากขึ้นทุกวัน และมันก็คงอีกไม่นานก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดไปจนถึงระดับสัตว์ประหลาดของมหาอำนาจต่างๆจะเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกเขา ซึ่งเมื่อพวกเขาทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของตัวเองเสร็จเรียบร้อย พลังของ NPC ขั้นสี่ก็จะถูกจำกัดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินที่ขั้นสี่นั้น พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดขั้นสี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่ได้เป็นอมตะในหมู่ขั้นเดียวกันเลย
“น่าเสียดาย ?” ซือเฟิงส่ายหัวและหัวเราะ เขาไม่ได้คิดจะพูดอะไรมากกว่านี้
“ครั้งนี้เราโชคดีมากหัวหน้ากิล ตอนนี้เรามีองครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลเพิ่มอีกสองคนแล้วได้แก่ การ์เดี้ยนไนท์ และออร่าเคิ่ล หากมีองครักษ์ส่วนตัวของหัวหน้ากิลอีกสองคนเข้าร่วม เราจะสามารถจัดทีมโจมตีบอสประจำพื้นที่ระดับสูงได้สบายๆเลย”
อควาโรสกล่าวด้วยความยินดี
ซือเฟิงนั้นเป็นหนึ่งในเค้าท์แห่งเมืองไวท์ริเวอร์ ดังนั้นเขาจึงมีอำนาจในการจะรับสมัครองครักษ์ส่วนตัวของตัวเองได้สี่คน ซึ่งหากเขายอมรับองครักษ์ระดับดาร์คโกลหน้าใหม่สองคนนี้ เขาก็จะสามารถใช้ช่องทั้งสี่ได้อย่างคุ้มค่าอย่างมากๆ เพราะท้ายที่สุดองครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลนั้นหายากอย่างไม่น่าเชื่อ และมหาอำนาจส่วนใหญ่ก็ยังไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว
“ฉันจะมอบองครักษ์ระดับดาร์คโกลสองคนนี้ให้ เธอและเสวี่ยเหวินโหรวไปตกลงกันเลยว่าจะเลี้ยงดูคนไหน พวกเธอทั้งคู่ต่างเป็นเค้าท์เช่นกัน ดังนั้นพวกเธอก็คงจะมีช่องพิเศษเหมือนกับฉันแหละ” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว “ส่วนฉันจะรับผู้อาวุโสที่สวมเสื้อคลุมสีเทาไป”
องครักษ์ระดับดาร์คโกลนั้นจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะตาย และการจัดทีมที่มีองครักษ์ระดับดาร์คโกลสี่คนหรือสูงกว่าเพื่อโจมตีบอสนั้นมันก็จะเป็นดั่งฝันเลย
อย่างไรก็ตามเขามักจะปฎิบัติการด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นแทนที่จะเก็บองครักษ์ระดับดาร์คโกลสองคนไว้กับตัวเอง สู้เขามอบให้เสวี่ยเหวินโหรวกับอควาโรสไปใช้ประโยชน์ดีกว่า เพราะท้ายที่สุดหญิงสาวสองคนนี้มักจะนำทีมไปล่าและโจมตีดันเจี้ยนเสมอ ซึ่งองครักษ์ระดับดาร์คโกลจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมของพวกเธอได้อย่างมาก
“แต่หัวหน้ากิล ผู้อาวุโสนั่นเป็นเพียงองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน ….” การตัดสินใจของซือเฟิงทำให้อควาโรสประหลาดใจ
ซือเฟิงนั้นเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีก ซึ่งเขาเป็นทั้งหน้าตาและไอค่อนของกิล แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการองครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลสองคน แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะเลือกองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลไปสักคน การเลือกองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินที่แม้ว่าจะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ไปนั้น จะทำให้เขากลายเป็นที่หัวเราะได้ ….
“องครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินคนนี้นั้นทรงพลังมากทีเดียว” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “แถมเขายังเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสี่ด้วย เขาสามารถจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเมืองใหญ่ๆในอาณาจักรหรือจักรวรรดิต่างๆของ God domain ได้เลย เขานั้นเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างแท้จริง”
อควาโรสนั้นมองว่าองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินไร้ค่า เนื่องจากการที่สภาสิบแปดปีกได้มีองครักษ์ไฟน์โกลมากกว่าสามสิบคนแล้ว แต่เธอคงลืมไปว่า แม้แต่มหาอำนาจต่างๆส่วนใหญ่ในระยะนี้ของเกมนั้นก็ยังมีองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลแค่สองถึงสามคนเท่านั้น ขณะที่บางกลุ่มไม่มีเลยด้วยซ้ำ
โดยปกติแล้วมหาอำนาจต่างๆจะปฎิบัติต่อองครักษ์ระดับลึกลับขั้นเงินเหมือนลูกของตัวเองด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินที่อยู่ในขั้นสี่เลย
เป็นที่รู้กันดีว่าองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินนั้นมีโอกาสจะเข้าถึงแค่ขั้นสี่เท่านั้น แถมไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้ด้วย อย่างไรก็ตามขั้นสี่นั้นไม่ใช่แค่จุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับผู้เล่น แต่มันยังเป็น NPC ด้วยเช่นกัน การเข้าถึงขั้นสี่นั้นเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับทุกคนเลยใน God domain
ไม่แม้แต่องครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลจะสามารถรับประกันได้ว่าจะไปถึงขั้นสี่ได้ เพราะองครักษ์ระดับนี้เพียงแค่มีโอกาสสูงเท่านั้นที่จะไปถึงขั้นสี่ แต่ไม่ได้รับประกันความสำเร็จ
จากข้อมูลที่ผู้เล่นในชีวิตที่ผ่านมาของเขาเก็บรวบรวมเป็นสถิติมานั้น องครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลมีโอกาสเพียงสามสิบเปอเซ็นต์ที่จะทำเควสเลื่อนขั้น เป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ ขณะที่โอกาสขององครักษ์ระดับดาร์คโกลจะอยู่ที่ประมาณสี่สิบเปอเซ็นต์ และแน่นอนว่าแม้ว่าเหล่าองครักษ์ส่วนตัวจะล้มเหลวในการทำเควสเลื่อนขั้น แต่พวกเขาก็สามารถจะลองท้าทายได้อีกครั้ง ซึ่งผู้เล่นจะต้องลงทุนทรัพยากรมากขึ้นเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่นั้นเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานมากสำหรับทั้งผู้เล่นและ NPC ขณะที่องครักษ์ส่วนตัวก็จะต้องรอหนึ่งเดือนเต็มก่อนที่พวกเขาจะท้าทายเควสเลื่อนขั้นใหม่ได้อีกครั้ง หลังจากล้มเหลว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการเลยว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการเลี้ยงดู NPC ขั้นสี่ขึ้นมา
สำหรับการรับสมัครองครักษ์ส่วนตัวที่เป็นขั้นสี่มาได้นั้น มันก็เป็นเหตุการณ์ที่แม้แต่ซือเฟิงที่ใช้ชีวิตมาสองชีวิตแล้วก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ และอย่างมากที่สุดผู้เล่นก็จะรับสมัครได้สูงสุดแค่ NPC ขั้นสามเท่านั้น แล้วค่อยเอามาดูแลจนมีขั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
หากเขาเปิดเผยข้อมูลของชายชราคนนี้ไป มหาอำนาจต่างๆในชีวิตที่ผ่านมาของเขาจะตายจากความอิจฉาแน่นอน
แม้ว่าศักยภาพในการเติบโตของจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่นี้จะเทียบไม่ได้เลยกับองครักษ์ระดับดาร์คโกล แต่ซือเฟิงก็ไม่ได้กังวลใดๆ เขามีไอเทมมากมายที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของ NPC และชายชราคนนี้ก็จัดว่าอยู่ในระดับท๊อปของพวกองครักษ์ระดับลึกลับขั้นเงิน ดังนั้นด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย เขาก็น่าจะอัพเกรดชายชราคนนี้ให้กลายเป็นองครักษ์ระดับไฟน์โกลได้
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้คัดเลือกให้ชายชราผู้นี้มาเป็นหนึ่งในองครักษ์ส่วนตัวของเขา
[แวร์ซาย] (องครักษ์ส่วนตัวของซือเฟิง)
เพศ : ชาย
อายุ : 76
ความภักดี : 75
ศักยภาพในการเติบโต : 74
เลเวล 112
อาชีพ : จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ขั้นสี่
เมื่อเธอเห็นข้อมูลของแวร์ซายแล้ว อควาโรสก็พูดไม่ออก หลังจากได้ทำการรักษาและฟื้นตัวแล้ว NPC ขั้นสามคนอื่นๆก็ไต่ไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบได้แล้วโดยเฉลี่ย ขณะที่การ์เดี้ยนไนท์ที่เป็นองครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลที่เธอรับสมัครมาก็มีเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดด้วยซ้ำ แต่แวร์ซายกับมีเลเวลเพียงหนึ่งร้อยสิบสองเท่านั้น ?
แวร์ซายนั้นยังไปไม่ถึงเลเวลที่กำหนดเพื่อจะท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ด้วยซ้ำ และเขาก็ยังมีเลเวลน้อยกว่าองครักษ์ส่วนตัวตรงนี้แทบทุกคนด้วย
“มันน่าจะถึงเวลาแล้ว การย้ายเมืองที่สาบสูญน่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว รวบรวมสมาชิกกองกำลังหลักทันที รวมทั้งผู้มาใหม่และแกนหลักที่มีศักยภาพทั้งหมดที่ได้เซ็นสัญญารักษาความลับกับเรา จากนี้ไปเมืองที่สาบสูญจะเป็นสำนักงานใหญ่ด้านการพัฒนาของเรา” ซือเฟิงกล่าวขณะที่เขามองไปที่เวลา
“นั่นคือทั้งหมดงั้นหรอหัวหน้ากิล ? แล้วความปลอดภัยของเมืองที่สาบสูญล่ะ ?”
อควาโรสถามอย่างเป็นห่วง
เทือกเขาปีศาจหมาป่านั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายกว่าป่าใบไม้ผลิมาก ดังนั้นการจะปกป้องฐานที่มั่นที่นี่ให้ได้จึงมีความท้าทายมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นเมืองที่สาบสูญยังเป็นเพียงเมืองขั้นพื้นฐานเท่านั้นด้วย
แต่ซือเฟิงกับต้องการกำลังเข้าประจำการแค่จำนวนไม่มากนัก และแม้จะรวมกองกำลังหลักของกิลไป แต่เมืองนี้ก็จะมีผู้เล่นประมาณห้าพันคนเท่านั้น ซึ่งมันไม่ควรจะสามารถต้านทานการบุกของมอนสเตอร์ในเทือกเขาปีศาจหมาป่าได้เลย
“โดยปกติเราอาจจะต้องกังวลเรื่องนี้เมื่อมีสมาชิกแค่นี้ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆ” ซือเฟิงกล่าวปลอบเพื่อนของเขา ขณะที่เขาเดินเข้าไปหาแวร์ซาย “เมื่อมีเขาที่นั่นด้วย เราจะไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆเรื่องความปลอดภัย”
“แต่เขาเป็นเพียงองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงิน เลเวลหนึ่งร้อยสิบสอง ….”
อควาโรสเถียง
“วางใจเถอะน่า แค่เขาก็มากเกินพอแล้ว …” ซือเฟิงกล่าวโดยไม่คิดจะอธิบายใดๆ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “แค่ทำตามคำสั่งของฉัน ….”
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไปจัดการทุกอย่างตามคำสั่งทันที ….” อควาโรสตอบตกลงอย่างสิ้นหวัง เมื่อซือเฟิงกล่าวมาแบบนี้นั้นเธอจึงไม่สามารถจะพูดอะไรมากได้
หลังจากนั้นในเวลาไม่ถึงสามสิบนาที สมาชิกหน้าใหม่ที่มีพรสวรรค์ของสภาสิบแปดปีกรวมทั้งแกนหลักที่ได้เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ใช้ม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตของกิลที่ซือเฟิงเตรียมไว้ให้เดินทางมาถึงเมืองที่สาบสูญ ซึ่งได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นเหมือนดินแดนมหัศจรรย์ในฤดูหนาวแล้ว