Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2621
ตอนที่ 2621 สามช่องสำหรับสามคน
ทุกคนในห้องประชุมนั้นยังคงเงียบ ขณะที่มีแสงไฟกระพริบในดวงตาของพวกเขา หลังจากได้ฟังคำพูดของหลงเซี่ยงหลง
“ถ้าแบล๊คเฟรมพูดความจริง และเขาสามารถช่วยผู้เชี่ยวชาญสามคนของเราทะลุขีดจำกัดร่างมานาหนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ได้ ฉันก็คิดว่าเรื่องนี้สามารถจะพูดคุยกันได้” ชายที่มีดวงตาสีแดงเข้มกล่าว “ความแข็งแกร่งแบบนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการทำเควสเลื่อนขั้นในอนาคต หากเราสามารถมีผู้เล่นขั้นสี่ได้จำนวนหนึ่งก่อนมหาอำนาจอื่น เราก็จะสามารถบุกโจมตีมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย หรือไม่ก็พวกดินแดนต้องห้ามที่ยังไม่มีใครเข้าไปได้ก่อนคนอื่น และเราก็อาจจะได้ครอบครองซากปรักหักพังโบราณบางแห่งก่อนใครเลย ถ้าเราโชคดี …”
“ฉันเห็นด้วย แม้ว่าความลับหลักของเราจะมีความสำคัญ แต่เราก็ต้องการนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่มีในตอนนี้ หากเราต้องการทำให้หอการค้าอาซูมั่นคงในอนาคต ซึ่งหากเรามีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่จำนวนหนึ่งตั้งแต่เนิ่นๆ มหาอำนาจอื่นๆก็จะไม่กล้ากำหนดเป้าหมายมาที่แหล่งทรัพยากรหลักของเราแน่นอน” หญิงสาวในชุดดสีขาวที่ชื่อบัตเตอร์ฟลายเบลกล่าวพลางพยักหน้า
ใน God domain มันมีแต่เหล่าผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับความเคารพนับถือ ซึ่งแม้ว่าตัวตนที่แข็งแกร่งจะไม่ช่วยกิลมากนักในเรื่องทรัพยากร แต่พวกเขาก็จะเป็นตัวยับยั้งศัตรูที่มีศักยภาพที่ดีอย่างมาก โดยเฉพาะหากผู้เล่นนั้นเป็นตัวตนขั้นสี่ ซึ่งในระยะนี้ของเกม หากพวกเขามีผู้เล่นขั้นสี่ มันก็จะไม่มีใครกล้าคิดจะโจมตีพวกเขาแน่นอน เพราะท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่นั้นอยู่คนละระดับกับผู้เชี่ยวชาญขั้นสามอย่างสิ้นเชิง
ด้วยผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่สามคน โดยเฉพาะกับผู้เชี่ยวชาญที่มีมาตราฐานการต่อสู้ที่พิเศษทั้งในเรื่องของเลเวลและขั้น มันจะทำให้หอการค้าอาซูสามารถปกป้องพื้นที่ทรัพยากรในปัจจุบันของตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไวโอเล็ตซอร์ดแน่นอน และเผลอๆในอนาคตหอการค้าก็จะมีความมั่นคงมากขึ้นด้วย
ในทางกลับกัน การยึดมั่นในเรื่องมรดกขอบเขตอนันต์ที่สมบูรณ์ของตัวเองต่อไป มันก็จะทำให้กิลมั่นคงเช่นกัน เพียงแต่ว่ามันจะไม่ช่วยให้กิลเติบโตขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของชายที่มีดวงตาสีแดงเข้ม และบัตเตอร์ฟลายเบล ผู้อาวุโสสูงสุดอิสระที่เหลือต่างก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที
ไม่มีใครสามารถจะทำไข่เจียวได้โดยไม่ทำให้ไข่แตก ตอนนี้ผลกำไรที่เกิดขขึ้นอาจได้มากกว่าความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นอย่างชัดเจน พวกเขาไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธข้อเสนอของสภาสิบแปดปีกเลย
“ฉันเองก็ไม่มีข้อโต้แย้งในการจะยอมรับข้อเสนอของแบล๊คเฟรม แต่เราจะเลือกสมาชิกสามคนที่ได้รับสิทกันยังไง ?” ต้วนฮันซานถามหลงเซี่ยงหลง
เมื่อได้ฟังคำถามของต้วนฮันซาน เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดก็หันไปมองตัวแทนของตระกูลหลงทันที
หลงเซี่ยงหลงได้เรียกพวกเขามาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไซเร้นวอร์นเดอร์ก็เป็นสมาชิกของสภาสิบแปดปีก ดังนั้นตระกูลหลงจึงจะอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในการเจรจาข้อตกลงเรื่องนี้
ช่องฝึกทั้งสามนี้มันมีคุณค่าอย่างไม่น่าเชื่อ และหากผู้เล่นที่ได้รับเลือกไปทั้งสามคนผ่านทะลุเกณฑ์หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ของร่างมาาเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของ God domain แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตอนันต์ก็ตาม และไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะอยู่ตระกูล หรือกลุ่มใดในหอการค้าอาซู แต่มันก็ยังจะทำให้หอการค้าอาซูได้รับอำนาจมากขึ้นแน่นอน ในความเป็นจริงช่องฝึกทั้งสามนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอำนาจครั้งใหญ่ในกิลเลย
“ฉันรู้ว่าทุกคนคิดอะไรอยู่ ….” หลงเซี่ยงหลงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ ขณะที่ทุกคนมองมายังเขาอย่างจริงจัง “มั่นใจได้ ตระกูลหลงจะไม่พยายามอ้างสิทเหนือช่องใดช่องหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่คู่ควร และแบล๊คเฟรมก็ได้แจ้งมาแล้วด้วยใช่ว่าเราจะเลือกผู้เล่นแบบมั่วๆไปได้ คนที่ได้รับเลือกทั้งสามจะต้องมีศักยภาพน่าทึ่งอยู่แต่เดิมแล้ว โดยทั้งห้าตระกูลจะมีสิทเลือกตัวแทนทั้งหมดนั่นแหละ และหากตัวแทนคนไหนทำได้ไม่ดีในการทดสอบ หรือมีความสามารถสู้สมาชิกสำรองไม่ได้ก็จะถูกแทนที่ พวกคุณคิดว่ายังไงล่ะ ?”
เมื่อหลงเซี่ยงหลงกล่าวจบ บัตเตอร์ฟลายเบลก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “ในกรณีนี้ฉันขอเสนอชื่อบอสเฟรม เราทุกคนรู้ถึงความแข็งแกร่งและศักยภาพของเขา ฉันแน่ใจว่าทุกคนคงนึกภาพออกว่ามันจะมีประโยชน์ต่อกิลแค่ไหน ถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น สำหรับพวกรุ่นเยาว์ โซริทารี่ฟรอสต์ควรจะเป็นคนที่ได้รับเลือก เพราะเขาเข้าสู่ขอบเขตโดเมนแล้ว ส่วนอีกคนก็น่าจะเป็นมูนซิลค์ คุณคิดว่ายังไง ?”
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดอิสระต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบๆ
โดยปกติโอกาสแบบนี้ควรจะสงวนไว้สำหรับรุ่นเยาว์เท่านั้น แต่ซินฟูลเฟรมนั้นก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของหอการค้าอาซู ซึ่งถ้าเขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองได้ มันก็ไม่เพียงแต่จะทำให้หอการค้าอาซูมีอำนาจมากขึ้น แต่เขาก็ยังจะช่วยเสริมอำนาจให้กับเหล่าผู้อาวุโสสูงสุดอิสระในกิลด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้มีปัญหาเลยที่จะสละช่องฝึกหนึ่งช่องให้ซินฟูลเฟรม
ต้วนฮันซานเองก็ไม่ได้คัดค้านความคิดนี้ และพูดกันตรงๆเขาเห็นด้วยกับคำแนะนำทั้งหมดของบัตเตอร์ฟลายเบลเลยด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าตระกูลหลงจะพยายามอ้างสิทหนึ่งในสามช่องแบบไม่เป็นธรรม ซึ่งนั่นมันจะทำให้โซริทารี่ฟรอสต์ต้องแข่งขันอย่างหนักสำหรับช่องสุดท้ายที่เหลือไว้สำหรับตระกูลที่เหลือ และแม้ว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลต่างๆจะมีโอกาสน้อยมาก แต่มันก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีว่าฝ่ายอิสระของกิลปกปิดความแข็งแกร่งหรืออะไรไว้อีกหรือปล่าว …. ดังนั้นตอนนี้เมื่อแน่นอนว่าโซริทารี่ฟรอสต์จะได้รับหนึ่งช่องแล้ว เขาจึงไม่มีอะไรจะโต้แย้ง
“มูนซิลค์คงไม่ได้ ฉันยังไม่สามารถติดต่อเธอได้เลย …” หลงเซี่ยงหลงกล่าวพลางส่ายหัว “และแม้ว่าแบล๊คเฟรมจะให้เวลาเราสองวัน แต่เราก็ควรตัดสินใจให้ไวที่สุดในกรณีแบบนี้ …”
“ฉันขอแนะนำให้มอบช่องที่สามให้กับหยานเซี่ยวเฉียน เธอมีความสามารถเกือบจะเท่ามูนซิลค์ ทุกคนคิดว่ายังไง ?”
เมื่อได้ยินดังนี้ทุกคนในห้องก็มองไปยังหลงเซี่ยงหลงซึ่งเป็นผู้พูดด้วยความตกตะลึง ไม่เว้นแม้แต่ต้วนฮันซาน
ช่องฝึกทั้งสามนี้นั้นมีค่ามากๆ แต่หลงเซี่ยงหลงกับต้องการที่จะสละทั้งสาม ยิ่งไปกว่านั้นเขาพึ่งแนะนำให้ตระกูลต้วนอ้างสิทในช่องสุดท้ายที่เหลือไป
ตระกูลหลงและตระกูลต้วนนั้นมีความบาดหมางอย่างแทบไม่สามารถจะอยู่ร่วมกันได้ อย่างไรก็ตามตอนนี้หลงเซี่ยงหลงกับพึ่งแนะนำให้สมาชิกรุ่นเยาว์อีกคนของตระกูลต้วนได้รับช่องที่สามไป นี่มันไม่น่าเชื่อเลย !!!
ขณะเดียวกันภายในใจหลงเซี่ยงหลงนั้นก็ทำได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น ในขณะที่เขาเฝ้าดูความตกใจและความสับสนที่กวาดผ่านไปทั่วห้อง
เขาไม่ได้ต้องการที่จะเสียช่องนี้ไป แต่น่าเสียที่มูนซิลค์ ซึ่งเป็นรุ่นเยาว์และผู้สมัครที่เหมาะสมเพียงคนเดียวของตระกูลหลงนั้นไม่อยู่ และไม่สามารถจะติดต่อได้ ดังนั้นหลงเซี่ยงหลงจึงไม่มีทางเลือกอื่น แถมรองลงมาจากมูนซิลค์ก็ต้องเป็นตัวเขาเอง อย่างไรก็ตามเนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยของเขากับสภาสิบแปดปีกนั้นทำให้เขาไปไม่ได้อย่างแน่นอน เขาจะไม่ยอมลดความภาคภูมิใจของตัวเองลงและไปหาแบล๊คเฟรมแน่นอน และแม้ว่าจะยังเหลือเบิร์นนิ่งโอลอยู่ แต่การพยายามจะโน้มน้าวให้ผู้อาวุโสคนอื่นเห็นถึงศักยภาพของชายหนุ่มมันก็เป็นเรื่องยากมาก เพราะท้ายที่สุดในหอการค้าอาซูมันก็มีคนที่แข็งแกร่งเท่ากับเบิร์นนิ่งโอลอยู่จำนวนหนึ่งด้วย
เนื่องจากตระกูลหลงยังไงก็ต้องสูญเสียช่องไปอยู่แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงคิดจะมอบมันให้กับตระกูลต้วนเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างกันลง และเพิ่มการสนับสนุนขึ้น เพราะไม่ว่าในกรณีใด ตระกูลหลงก็ยังคงมีไซเร้นวอร์นเดอร์อยู่แล้ว ซึ่งเธอก็ยังมีโอกาสจะได้รับอะไรอีกมากมายจากสภาสิบแปดปีก ยิ่งไปกว่านั้นการส่งหยานเซี่ยวเฉียนไปแทนเบิร์นนิ่งโอลนั้น มันก็จะเป็นการปฎิบัติตามข้อกำหนดของซือเฟิงได้เป็นอย่างดีด้วย ซึ่งมันจะทำให้หลายอย่างไม่มีปัญหาในภายหลัง เพราะศักยภาพของเธอได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นรองเพียงแค่โซริทารี่ฟรอสต์เท่านั้น”
“ผู้อาวุโสหลง เราไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้ ถ้าคุณไม่มีปัญหาอะไรเช่นกันน่ะนะ …” บัตเตอร์ฟลายเบลกล่าวอย่างใจเย็น
มันไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดคนใดคัดค้านข้อเสนอของหลงเซี่ยงหลง เพราะท้ายที่สุดแล้วหยานเซี่ยวเฉียนนั้นค่อนข้างจะมีความสามารถ และอยู่ห่างจากขอบเขตโดเมนเพียงครึ่งก้าวเท่านั้น เธอนับเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุดรองจากมูนซิลค์อย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันไม่มีปัญหาใดๆ … หลังจากนี้ฉันจะติดต่อแบล๊คเฟรมทันที …” หลงเซี่ยงหลงประกาศปิดท้ายการประชุม จากนั้นเขาก็หันไปหาต้วนฮันซานและพูดว่า “ผู้อาวุโสต้วน โปรดเตรียมโซริทารี่ฟรอสต์และหยานเซี่ยวเฉียนให้พร้อม เมื่อเราเซ็นสัญญากับสภาสิบแปดปีกแล้ว เราจะส่งพวกเขาไปที่ป้อมปราการแสงดาวทันที”
“ไม่มีปัญหา เมื่อเราเซ็นสัญญาแล้ว ฉันจะพาพวกเขาไปที่นั่นด้วยตัวเองเลย …” ต้วนฮันซานกล่าวพลางพยักหน้า
หลังจากนั้นทุกคนก็คุยกันว่าจะส่งใครบ้างไปที่ดินแดนลับโบราณของไวโอเล็ตซอร์ด และทันทีที่ทุกอย่างได้บทสรุป เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดต่างก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ทันที
หนึ่งชั่วโมงหลังจากการประชุมสิ้นสุดลง หลงหวู่ชางที่เป็นตัวแทนของหอการค้าอาซูก็ได้เซ็นสัญญาความร่วมมือกับซือเฟิงทันที ซึ่งซือเฟิงไม่เพียงแต่จะได้รับอู่ต่อเรือขนาดกลาง รวมทั้งที่ดินทำเลทองในเมืองโอเชี่ยนไทน์ แต่เขายังได้รับคลังขนาดเล็กในเมืองเป็นของขวัญด้วย
ในขณะเดียวกัน ในห้องโถงเทเลพอร์ตของเมืองอาซู ….
“นี่เราจะไปฝึกกับสภาสิบแปดปีกกันจริงๆหรอ ลุงฮันซาน ?” หยานเซี่ยวเฉียนถามต้วนฮันซานด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันกลัวว่าถ้าเราทำแบบนี้ และไวโอเล็ตซอร์ดรู้เรื่องเข้า เราจะหมดสิทกลับไปฝึกกับพวกเขานะ และผู้ฝึกสอนทอร์เร้นก็น่าจะยอมแพ้ในตัวพวกเราเลย”
แม้ว่าเธอและโซริทารี่ฟรอสต์จะเป็นสมาชิกของหอการค้าอาซู และในตอนที่พวกเขาไปฝึกที่ไวโอเล็ตซอร์ดได้นั้น มันก็เป็นเพราะเรื่องธุรกิจ แต่ทั้งสองก็ถือว่าเป็นศิษย์ของทอร์เร้น และการไปฝึกกับสภาสิบแปดปีกแบบนี้มันจะเท่ากับการตบหน้าทอร์เร้นเลย เพราะมันเหมือนพวกเขาจงใจจะบอกว่าการฝึกกับสภาสิบแปดปีกมีค่ามากกว่า
“แม้ว่าการฝึกฝนของไวโอเล็ตซอร์ดจะให้ประสิทธิภาพอย่างน่าอัศจรรย์ แต่นี่มันเป็นโอกาสพิเศษ เธอคิดว่าการได้รับช่องเหล่านี้มาเป็นเรื่องง่ายรึไง ? และฉันก็คิดว่าเธอจะไม่ได้รับโอกาสแบบนี้อีกในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียงสภาสิบแปดปีกเท่านั้นที่สามารถจะทำการฝึกแบบที่ว่านี้ได้” ต้วนฮันซานบอกกับหยายเซี่ยวเฉียนอย่างเย็นชา
“ลุงฮันซาน ฉันเห็นด้วยกับเซี่ยวเฉียนนะ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่เราจะสามารถปลดล๊อคศักยภาพสูงสุดของร่างมานาเราได้ แต่โอกาสในการปรับปรุงมาตราฐานและเทคนิคการต่อสู้ของเรานั้นยากที่จะมีมากๆ ซึ่งเราก็ได้พยายามอย่างเต็มที่จนได้รับคำแนะนำจากผู้ฝึกสอนทอร์เร้น ถ้าเขารู้ว่าเราออกไปฝึกกับสภาสิบแปดปีก ฉันคิดว่าเขาคงจะไม่ยอมสอนและแนะนำเราอีกต่อไป …” โซริทารี่ฟรอสต์กล่าว
แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าสภาสิบแปดปีกนั้นมีความสามารถสูงมากในการช่วยให้ผู้เล่นสามารถปลดล๊อคศักยภาพของร่างมานาได้ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันก็น่าจะเป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะทำได้ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับการฝึกที่พวกเขาจะได้รับจากไวโอเล็ตซอร์ด
เหตุผลเดียวที่เขาแพ้ไซเร้นวอรนเดอร์ ในความคิดของเขาคือเป็นเพราะเขายังไม่สามารถปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์ และถ้าเขาสามารถทำได้เมื่อไหร่ การจะเอาชนะเธอให้ได้ก็จะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากแน่นอน และเขาก็ยังคงเชื่อว่าการปรับปรุงมาตราฐานและเทคนิคการต่อสู้นั้นคือหนทางที่จะไปสู่พลังที่แท้จริง
“พวกคุณไปฝึกกับสภาสิบแปดปีก แค่เพื่อปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของพวกคุณ พวกคุณไม่ได้ไปที่นั่นเพื่อเรียนรู้เทคนิคใดๆสักหน่อย มันจะไม่ขัดแย้งกับการฝึกของผู้ฝึกสอนทอร์เร้นแน่นอน ฉันแน่ใจว่าเขาจะไม่มีปัญหากับเรื่องนี้” ต้วนฮันซานตอบ “และตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว เราควรจะรีบไปที่ป้อมปราการแสงดาวได้แล้ว เราไม่ควรปล่อยให้สภาสิบแปดปีกรอนาน”
เมื่อกล่าวจบต้วนฮันซานก็ได้นำหยานเซี่ยวเฉียนและโซริทารี่ฟรอสต์ รวมทั้งสมาชิกของหอการค้าอาซูอีกจำนวนหนึ่ง เทเลพอร์ตไปยังเมือง NPC ที่อยู่ใกล้กับป้อมปราการแสงดาวที่สุดทันที