Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2634
ตอนที่ 2634 ชื่อเสียงแพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันตก
กองกำลังแสงสีเงินนั้นเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของไมโทโลจี้ และแม้ว่ามันจะมีสมาชิกไม่มากนัก แต่สมาชิกทุกคนก็ล้วนมีพลังในการต่อสู้ที่น่าอัศจรรย์ ยิ่งไปกว่านั้นผู้เชี่ยวชาญทุกคนในกองกำลังนี้ล้วนมีวงเวทย์การต่อสู้คอยช่วยในการต่อสู้ และตลอดเวลาที่ผ่านมา กองกำลังแสงสีเงินนั้นก็เป็นตัวตนที่มหาอำนาจต่างๆหวั่นเกรงอย่างมาก
ในขณะเดียวกันแม้ว่าเมืองไวโอเล็ตไลท์จะเป็นเมืองกิลที่ถูกก่อตั้งร่วมกันโดยไวโอเล็ทซอร์ดและไมโทโลจี้ แต่เนื่องจากมันมีมหาอำนาจหลายกลุ่มที่เป็นพันธมิตรกับซุเปอร์กิลเหล่านี้ ดังนั้นมันจึงมีสมาชิกของมหาอำนาจมากมายหลายกลุ่มอยู่ในเมืองนี้
ข่าวเรื่องความพ่ายแพ่ของทีมแซนด์สตอร์มนั้นทำให้เกิดการพูดคุยกันอย่างดุเดือดในหมู่ของสมาชิกมหาอำนาจต่างๆที่พักผ่อนอยู่ในเมืองไวโอเล็ทไลท์ บางคนนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัยถึงความถูกต้องของข้อมูลด้วยซ้ำ
ในความเห็นของพวกเขากองกำลังแสงสีเงินของไมโทโลจี้นั้นเป็นดั่งตัวตนที่เป็นอมตะ และในระยะนี้ของเกม พวกเขาก็น่าจะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้เล่นใน God domain แล้ว ซึ่งการที่กองกำลังนี้จะมาพ่ายแพ่ให้กับกองกำลังของกึ่งมหาอำนาจอย่างสภาสิบแปดปีก มันจะเป็นไปได้อย่างไร ?
….
ในขณะที่มหาอำนาจต่างๆที่ปฎิบัติการอยู่ในเมืองไวโอเล็ทไลท์กำลังพูดคุย และพิจารณากันถึงเรื่องนี้ ไวท์เฟเธอร์ และผู้รอดชีวิตคนอื่นๆจากทีมของแซนด์สตอร์มก็กำลังยืนอยู่ในสถานที่พักกิลในห้องประชุมของไมโทโลจี้ โดยพวกเขาได้รายงานเรื่องนี้ให้กับรุ่นเยาว์ผมขาวตรงหน้าพวกเขา ซึ่งไวท์เฟเธอร์และคนอื่นๆนั้นก็ล้วนจ้องมองมายังรุ่นเยาว์ผมขาวคนนี้อย่างเต็มไปด้วยความเคารพ
ซึ่งนั่นเป็นเพราะรุ่นเยาว์ผมขาวคนนี้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก นั่นเป็นเพราะเยาวชนผมขาวคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก Prosciutto รองผู้บัญชาการของกองกำลังแสงสีเงิน ซึ่งมีฉายาว่าซิลเวอร์โกสต์
“นี่คุณกำลังบอกว่าสภาสิบแปดปีกมีสมาชิกมากกว่าหนึ่งร้อยคนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์แล้วงั้นหรอ ?” ซิลเวอร์โกสต์ถามอย่างใจเย็น ขณะที่เขาจ้องมองไปยังไวท์เฟเธอร์
“อืม นอกจากนี้ จากการตรวจสอบของเรา ก่อนหน้านี้โซริทารี่ฟรอสต์ และหยานเซี่ยวเฉียนจากหอการค้าอาซูนั้นก็ยังอยู่ห่างจากการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์มากๆ แต่หลังจากได้รับการฝึกพิเศษจากสภาสิบแปดปีก พวกเขากับปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์อย่างรวดเร็ว จนตอนนี้พวกเขามีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับไวน์ไฟเตอร์และคริมสันสตาร์แล้ว ….” ไวท์เฟเธอร์ตอบอย่างจริงจังพลางพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าสภาสิบแปดปีกจะยังคงมีความลับอยู่มากมายจริงๆ …” Prosciutto กล่าวแสดงความเห็น ขณะที่เขาตกอยู่ในห้วงความคิด
“รองผู้บัญชาการ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพึ่งเปิดใช้งานประตูเทเลพอร์ตไปเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นทำไมไม่ให้ฉันจัดทีมใหม่ไปดักรอพวกเขาล่ะ ? ก่อนหน้านี้ที่เราแพ้ สาเหตุหลักๆมันก็มาจากด้านจำนวน หากเรามีคนมากกว่านี้ สภาสิบแปดปีกก็จะไม่มีข้อได้เปรียบเหนือเรามากนัก …” ไวท์เฟเธอร์แนะนำ
ตอนนี้ข่าวความพ่ายแพ้ของกองกำลังแสงสีเงินนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วมากๆ และพวกเขาจะกลายเป็นที่น่าหัวเราะท่ามกลางหมู่ของมหาอำนาจต่างๆแน่นอน หากพวกเขาไม่รีบจัดการเอาคืนสภาสิบแปดปีกอย่างรวดเร็ว
“นั่นไม่จำเป็น” Prosciutto กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ เขากล่าวต่อว่า “เนื่องจากสภาสิบแปดปีกต้องการจะขึ้นมามีชื่อเสียง เราก็จะทำตามความปราถนาของพวกเขา แพร่กระจายข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมาให้เร็วที่สุด ฉันเชื่อว่าจะมีคนมากมายสนใจความลับในการปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาของสภาสิบแปดปีกแน่นอน”
“รองผู้บัญชาการ แม้ว่าการทำแบบนั้นจะเป็นเรื่องดี แต่ฉันกลัวว่าจะไม่มีใครกล้าลงมือกับสภาสิบแปดปีก และท้ายที่สุดพวกเขาก็จะทำแค่เฝ้าดูสภาสิบแปดปีกเติบโตเท่านั้น …” ไวท์เฟเธอร์กล่าวอย่างเป็นห่วง
“ผ่อนคลายน่า ไม่ช้าก็เร็วเราจะทำเควสที่เทพปีศาจมอบหมายให้เราเสร็จ และในเวลานั้น อาณาจักรหรือจักรวรรดิต่างๆในทวีปหลักก็จะไม่ยอมเป็นเกราะกำบังให้กิลกึ่งมหาอำนาจแค่เพียงกิลเดียวอีกต่อไปแน่นอน ในขณะเดียวกัน ด้วยจำนวนทรัพยากรที่สภาสิบแปดปีกครอบครองอยู่ พวกเขาจะกลายเป็นเป้าหมายของมหาอำนาจต่างๆมากขึ้นเรื่อยๆแน่นอน เมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเลย …” Prosciutto กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เควสนั่นใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้วงั้นหรอ ?” ดวงตาของไวท์เฟเธอร์เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น เมื่อเธอได้ยินคำพูดของ Prosciutto
มันมีเควสที่สำคัญอยู่สองอย่างในศาลเจ้าเทพปีศาจ และการทำหนึ่งในเควสนั้นให้สำเร็จนั้นจะทำให้เกิดพายุไปทั่วทวีปด้านตะวันตกเลย และไมโทโลจี้ก็ได้เลือกจะท้าทายหนึ่งในเควสนี้แล้ว และแต่เดิมเธอก็คิดว่าพวกเขาน่าจะต้องใช้เวลาในการทำมันให้สำเร็จ
หากพวกเขาทำเควสนี้ได้สำเร็จจริงๆนั้น แม้ว่าสภาสิบแปดปีกจะเคลียร์การทดสอบโหมดฮีโร่ของดินแดนลับโบราณได้ มันก็จะไม่สำคัญอีกต่อไป และสภาสิบแปดปีกก็จะต้องประสบกับการถูกทำลายล้างแน่นอน
“เอาล่ะ รีบไปทำตามที่ฉันบอก นอกจากนี้ให้ส่งคนไปยังทวีปด้านตะวันออกเพื่อแจ้งให้รองหัวหน้ากิลโคลท์ชาโด้วทราบถึงความคืบหน้าของเรื่องนี้ และข้อมูลล่าสุดทั้งหมด เธอน่าจะรู้ดีว่าควรจัดการกับสภาสิบแปดปีกยังไง …” Prosciutto สั่ง
“เข้าใจแล้ว !!!” ไวท์เฟเธอร์ตอบก่อนจะออกจากห้องประชุมไป
ข่าวของสภาสิบแปดปีกที่มีผู้เชี่ยวชาญที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาได้หนึ่งร้อยเปอเซ็นต์มากกว่าหนึ่งร้อยคนแล้วได้ถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับสภาสิบแปดปีกขึ้นมาอย่างมากในทวีปด้านตะวันตก ในขณะเดียวกันมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกก็เริ่มเต็มไปด้วยความโลภและอิจฉาสภาสิบแปดปีก ซึ่งมันก็ทำให้กิลกลายเป็นจุดโฟกัสจนมหาอำนาจต่างๆเริ่มสืบสวนข้อมูล
ของกิลทันที
….
ในระหว่างที่ชื่อเสียงของสภาสิบแปดปีกแพร่กระจายไปทั่วทวีปด้านตะวันตกอย่างรวดเร็ว คริมสันสตาร์ก็ได้นำซือเฟิงและคนอื่นๆเข้าสู่การทดสอบโหมดฮีโร่
หลังจากทุกคนเดินผ่านประตูเทเลพอร์ตและเข้ามาในพื้นที่ทดสอบ พวกเขาก็เงียบลงทันที และสีหน้าที่จริงจังกับเคร่งขรึมก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขาทุกคน
เหตุผลของเรื่องนี้นั้นก็คือแรงโน้มถ่วงในพื้นที่ทดสอบ เพราะทันทีที่พวกเขาเข้ามาถึงที่นี่มันก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเหมือนกับน้ำหนักของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยกิโลกรัม ตอนนี้นับประสาอะไรกับการต่อสู้ แม้แต่การเดินปกติก็ยังนับเป็นเรื่องท้าทายมากแล้ว
นอกจากนี้ในอุโมงค์ที่พวกเขายืนอยู่ในขณะนี้ มันก็มืดอย่างมากจนลดทัศนวิสัยในการมองเห็นของพวกเขาลงไปอย่างมาก ในความเป็นจริงนอกเหนือจากด้านความรู้สึกแล้ว พวกเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขานั้นก็ทื่อลงไปอย่างมาก ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่ามาตราฐานประสาทสัมผัสทั้งห้าของพวกเขานั้นไม่สามารถเทียบกับผู้เล่นขั้นหนึ่งได้ด้วยซ้ำ
ส่วนที่แย่ที่สุดคือมันมีมอนสเตอร์นับหมื่นที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์อยู่ตรงหน้าของพวกเขา ซึ่งพวกมันมีอาวุธครบมือทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นระยะไกลหรือใกล้ และเมื่อมองไปยังฉากนี้ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสนามรบโบราณ
….
[นักรบไทรออล] (สิ่งมีชีวิตแห่งความมืด ลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่)
เลเวล 120
HP 100,000,000/100,000,000
[ไทรออลขั้นสูง] (สิ่งมีชีวิตแห่งความมืด แกรนลอร์ด)
เลเวล 121
HP 430,000,000/430,000,000
….
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้คิดหรือสรุปอะไรนั้น เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ได้ดังขึ้นมาที่หูของพวกเขา
….
ระบบ : คุณได้ค้นพบพื้นที่การทดสอบโหมดฮีโร่ ….
ระบบ : การทดสอบโหมดฮีโร่ถูกเปิดใช้งาน คุณมีเวลาห้าวันตามธรรมชาติในการเคลียร์การทดสอบ และรางวัลที่คุณจะได้รับมันก็จะขึ้นอยู่กับผลงานของคุณในการทดสอบ
….
“ห้าวัน ?! เราจะผ่านมอนสเตอร์จำนวนมากขนาดนี้ไปได้ยังไงในเวลาห้าวัน ?!” โฟลตติ้งไลท์กำลังสงสัยว่าระบบนั้นเล่นตลกกับพวกเขารึปล่าว เมื่อเขาจ้องมองไปยังนักรบไทรออล และไทรออลขั้นสูงจำนวนมหาศาลตรงหน้าเขา
มอนสเตอร์ในพื้นที่ทดสอบนั้นเป็นมอนสเตอร์ธรรมดา ซึ่งโดยปกติมันจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อผู้เชี่ยวชาญมากนัก อย่างไรก็ตามนั่นคือในโลกภายนอก แต่ในพื้นที่ทดสอบนี้นั้นประสาทสัมผัสทั้งห้าของผู้เล่นกับร่างกายล้วนถูกปราบปรามอย่างหนัก และแม้แต่ตัวผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนอย่างตัวเองเขาเองก็แทบจะแสดงพลังการต่อสู้ออกมาได้ไม่ถึงสามสิบเปอเซ็นต์ด้วยซ้ำ ในสภาพแวดล้อมแบบนี้
ในตอนนี้แค่การต่อสู้กับนักรบไทรออลมันก็สร้างปัญหาให้กับเขามากแล้ว ไม่ต้องพูดถึงไทรออลขั้นสูงเลย
ในขณะเดียวกันมันก็มีอยู่เพียงเส้นทางเดียวในพื้นที่การทดสอบ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับนักรบไทรออล และไทรออลขั้นสูงเหล่านี้ได้เลย และวิธีเดียวในการที่จะไปถึงบอสในการทดสอบได้ก็คือการฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้และค่อยๆเปิดเส้นทางไป
ในขณะเดียวกันคริมสันสตาร์ และไวน์ไฟเตอร์ซึ่งเริ่มมองโลกในแง่ดีเมื่อได้เห็นความแข็งแกร่งของสภาสิบแปดปีก ก็ตกตะลึงไปเช่นกัน เมื่อได้เห็นฉากล่าสุดนี้
“มอนสเตอร์ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีจำนวนมากเท่านั้น แต่พวกมันยังอยู่ใกล้กันมากด้วย และแม้ว่าเราจะเลือกจะหลอกล่อพวกมันมาสักตัวเพื่อฆ่า แต่ฉันก็คิดว่าอีกหลายพันจะตามติดมาแน่นอน นอกจากนี้มอนสเตอร์ทั้งหมดนี้ยังสามารถจะโจมตีในระยะไกลได้ และการต่อสู้กับการหลบหลีกมอนสเตอร์พวกนี้สำหรับพวกเราจะมีปัญหามากแน่นอน” ไวน์ไฟเตอร์ขมวดคิ้ว ขณะที่มองไปยังมอนสเตอร์จำนวนมหาศาลในทางเดินของอุโมงค์ตรงหน้าเขา แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าการทดสอบโหมดฮีโร่นั้นเป็นเรื่องยาก แต่เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะยากขนาดนี้ ด้วยร่างกายของพวกเขาตอนนี้ที่ถูกปราบปรามอย่างหนัก การพยายามต่อสู้กับมอนสเตอร์ทั้งหมดนี้จะเป็นเรื่องยากมากแน่นอน
“ลองมองดูใกล้ๆสิ อาวุธของมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นเต็มไปด้วยเอฟเฟคทะลุทะลวง นี่ไม่ต้องพูดถึงแท๊งเกอร์ทั่วไปเลย แม้แต่แท๊งเกอร์ชั้นยอดก็จะแท๊งมอนสเตอร์พวกนี้ได้แค่หยิบมือเท่านั้น และความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจจะนำเราไปสู่ความตายได้เลย และไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นนักเวทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญระยะประชิดชั้นยอดก็จะช่วยเหลือเราได้แค่เล็กน้อยเท่านั้นในเรื่องนี้” คริมสันสตาร์กล่าวด้วยรอยยิ้มขมขื่นที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ ขณะที่เธอชี้ไปเป้าไปยังมอนสเตอร์ทั้งหมด “ทางเลือกเดียวของเราคือให้ผู้เล่นระยะไกลของเราคอยโจมตีมอนสเตอร์เหล่านี้ และลดจำนวนของพวกมันลงไปเรื่อยๆ ขณะที่พวกระยะประชิดคอยล่อและแท๊งให้ อย่างไรก็ตาม หากทำแบบนี้ การจะฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้ให้ได้ทั้งหมดในเวลาเพียงห้าวันนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้เลย …”
เมื่อได้ยินคำพูดของคริมสันสตาร์ ต้วนฮันซานและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆของหอการค้าอาซูก็พยักหน้าเห็นด้วย
ผู้เชี่ยวชาญระยะประชิดคนใดที่ยังไปไม่ถึงขอบเขตอนันต์จะถูกฆ่าอย่างรวดเร็วแน่นอน หากพวกเขาพยายามจะต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้ด้วยตัวเองมากกว่าหนึ่งตัว อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมของพวกเขามีผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดน้อยเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะเร่งมือและเข้าต่อสู้ตรงๆได้ ซึ่งการทำตามแบบที่คริมสันสตาร์ว่า มันก็จะเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด เพียงแต่ว่ามันจะมีประสิทธิภาพต่ำมาก
อย่างไรก็ตามซือเฟิงนั้นไม่ได้คิดแบบนั้น เขาได้ออกคำสั่งให้คริมสันสตาร์ทำการโจมตีด้วยเวทย์ระยะไกลเพื่อดึงดูดมอนสเตอร์ และให้ทุกคนถล่มโจมตีด้วยทุกอย่างที่มีทันที โดยที่เขาและสมาชิกสภาสิบแปดปีกจะทำหน้าที่เป็นแนวหน้าคอยดึงดูดและตรึงมอนสเตอร์ไว้ให้
ซึ่งแผนของซือเฟิงนั้นทำให้คริมสันสตาร์ ไวน์ไฟเตอร์ และผู้เชี่ยวชาญของหอการค้าอาซูหลายคนตกตะลึงมากๆ อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนองได้ ซือเฟิงก็ได้สั่งให้ผู้เชี่ยวชาญหนึ่งร้อยคนของสภาสิบแปดปีกเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว และสมาชิกสภาสิบแปดปีกเหล่านี้ก็พุ่งเข้าใส่มอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ใกล้ๆโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย