Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2651
ตอนที่ 2651 อาณาจักรพินาศ
“อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นไม่มีอีกแล้วงั้นหรอ ? มันหายไปได้ยังไง ?”
ซือเฟิงตกตะลึงไปชั่วขณะ เมื่อเขาได้ยินรายงานของอควาโรส
แม้ว่ามันจะมีอาณาจักรอยู่มากมายหลายร้อยแห่งใน God domain แต่ความแข็งแกร่งที่แต่ละอาณาจักรมีนั้นมันก็ไม่เท่ากัน ในกรณีของอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นมันมีค่าความแข็งแกร่งอยู่กึ่งกลาง คือไม่ได้ดีและไม่ได้แย่ แม้ว่าประเทศของมันจะมีขนาดเล็กกว่าอาณาจักรสตาร์มูน แต่อำนาจของประเทศนั้นก็อ่อนแอกว่าอาณา
จักรสตาร์มูนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นซือเฟิงจึงพบว่ามันยากที่จะจินตนาการมากๆว่าจะมีอะไรที่สามารถทำให้อาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นหายไปได้
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา อาณาจักรต่างๆได้เริ่มเติบโตและล่มสลายไปก็หลังจากที่ผู้เล่นจำนวนมากเริ่มมาถึงขั้นสี่ และเริ่มเตรียมทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นห้ากันแล้ว
อย่างไรก็ตามใน God domain ในปัจจุบันนั้น นับประสาอะไรกับการเตรียมตัวเพื่อท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นห้า ตอนนี้ในเกมยังไม่มีผู้เล่นขั้นสี่แม้แต่คนเดียว ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เล่นในปัจจุบันจะสามารถทำลายอาณาจักรทั้งหมดได้
ถ้าไม่ใช่เพราะซือเฟิงรู้ว่าอควาโรสจะไม่ล้มเล่นกับเขาแบบนี้แน่นอนในเรื่องสำคัญเช่นนี้ เขาคงจะคิดว่าเธอล้อเล่นกับเขาจริงๆ
“เรายังไม่รู้รายละเอียดที่แน่นอน สิ่งที่เรารู้คืออาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นทั้งหมดนั้นถูกแยกออกไปจากโลกภายนอก แต่จากข้อมูลของผู้เล่นที่สามารถหลบหนีออกมาจากอาณาจักรได้ก่อนที่มันจะเกิดการแยกออกไป พวกเขาบอกว่าอยู่ๆมันก็มีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังจำนวนมากปรากฎตัวขึ้นในอาณาจักร และมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นก็พุ่งเป้ามาที่ผู้เล่นอย่างก้าวร้าว ในขณะเดียวกัน NPC ทั้งหมดที่มีขั้นสามหรือสูงกว่าขึ้นไปภายในเมืองของ NPC ทั้งหมด ไม่สูญหายก็ล้วนอยู่ในสภาพแปลกประหลาดจนพวกเขาไม่สามารถจะทำการรบได้ ด้วยเหตุนี้มอนสเตอร์ที่ทรงพลังที่พึ่งจะปรากฎขึ้นเหล่านี้จึงสามารถเข้ายึดครองเมืองของ NPC และเมืองกิลต่างๆในอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นได้อย่างรวดเร็ว”
“ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นทุกคนที่ถูกมอนสเตอร์เหล่านี้ฆ่ายังจะสูญเสียเลเวลไปถึงสิบเลเวล และวิญญาณของพวกเขาก็จะอ่อนแอจนถูกบังคับไม่ให้เข้าสู่ God domain เป็นเวลาสิบวัน สำหรับศพของผู้เล่น ถ้ามันไม่ได้กลายเป็นมอนสเตอร์ซะเอง มันก็จะกลายเป็นอาหารเสริมพลังให้มอนสเตอร์เหล่านี้”
“เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทวีปด้านตะวันออกแล้ว มหาอำนาจทุกกลุ่มล้วนส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ ขณะเดียวกันจักรวรรดิมังกรดำ และอาณาจักรต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงกับอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นก็ได้ส่งกองทัพ NPC ของพวกเขาไปตรึงตามแนวชายแดนไว้แล้วเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้นั้นมันก็ยังไม่มีใครได้รับข้อมูลอัพเดทใดๆ ในทางตรงกันข้าม ผู้เล่นที่ถูกส่งไปตรวจสอบกลับถูกมอนสเตอร์ซุ่มโจมตี และถูกฆ่าที่นั่น”
อควาโรสนั้นตกใจเหมือนกันเมื่อเธอได้รับข่าวนี้ เธอไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นใน God domain
มันอาจพอเข้าใจได้ หากเมืองหลักขนาดใหญ่ของ NPC บางเมืองประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่การที่อาณาจักรทั้งอาณาจักรประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ มันช่าง ….
ยิ่งไปกว่านั้น แม้กระทั่งตอนนี้มันก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น
สถานการณ์นี้ทำให้ผู้เล่นหลายคนในอาณาจักรและจักรวรรดิใกล้เคียงต่างรู้สึกประหม่าด้วยความหวาดกลัวว่าประเทศของพวกเขาอาจเป็นรายต่อไปที่จะกลายเป็นเหมือนอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์น และหากเป็นเช่นนั้น เวลาและความพยายามทั้งหมดที่พวกเขาใช้ในการวางรากฐานของตัวเองในประเทศต่างๆนั้นจะสูญเปล่าไปเลย เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ มหาอำนาจต่างๆที่พัฒนาตัวเองในอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นก็แทบจะบ้าแล้ว
มหาอำนาจต่างๆที่เลือกจะพัฒนาในอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นนั้นได้ซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมากเอาไว้ แถมพวกเขายังสร้างเมืองกิลของตัวเองกันไว้อีกมากมาย อย่างไรก็ตามเนื่องจากอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นหายไปแบบนี้ การลงทุนของพวกเขาทั้งหมดจึงไร้ค่า และหลายกิลก็ต้องล่มสลายไปเพราะเหตุการณ์นี้
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้นั้น มันก็อดไม่ได้ที่จะทำให้อควาโรสเป็นกังวล
ผู้เล่นทุกคนที่ถูกฆ่าจะกลายเป็นมอนสเตอร์ หรือถูกนำไปเป็นอาหารเพื่อเสริมพลังให้กับมอนสเตอร์ ? เมื่อซือเฟิงได้ยินคำพูดของอควาโรส ชื่อของคนๆหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา อย่างไรก็ตามในไม่ช้า เขาก็เลือกจะส่ายหัวและปฎิเสธความคิดนี้ ‘แม้ว่าจักรพรรดิอสูรจะครอบครองมรดกเทพปีศาจ แต่เขาก็ไม่น่าจะมีพลังมากพอที่จะทำให้ NPC ทั้งอาณาจักรตกอยู่ในสภาวะนี้ และทำลายทั้งอาณาจักรได้
ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา วิหารเทพปีศาจนั้นได้สร้างปัญหามากมายให้กับทวีปด้านตะวันออก อย่างไรก็ตามในช่วงที่วิหารเทพปีศาจเริ่มกลายเป็นภัยคุกคามที่แท้จริง มันก็ได้มีผู้เล่นจำนวนมากมาถึงขั้นสี่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ปีศาจจากวิหารเทพปีศาจนั้นยังต้องใช้เวลาค่อนข้างมากในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวเอง อันที่จริงนับประสาอะไรกับวิหารเทพปีศาจในปัจจุบัน แม้แต่วิหารเทพปีศาจที่เจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดในอดีตก็จะยังไม่สามารถทำลายทั้งอาณาจักรได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
“หัวหน้ากิล เพราะเรื่องทั้งหมดนี้มันจึงทำให้กิลของเราตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย มันมีกิลมากมายที่แอบหลบซ่อนพัฒนาอย่างลับๆเริ่มจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ขณะเดียวกันผู้เล่นและมหาอำนาจจำนวนมากที่หลบหนีมาจากอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นก็กำลังเริ่มสงครามแย่งชิงแหล่งทรัพยากรต่างๆในอาณาจักรสตาร์มูน โดยตอนนี้มันทำให้อาณาจักรสตาร์มูนทั้งหมดยุ่งเหยิงอย่างมาก” อควาโรสพูดด้วยความหงุดหงิด “ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นหลายคนของอาณาจักรสตาร์มูนก็ได้เริ่มอพยพไปยังประเทศอื่นๆแล้ว ซึ่งมันทำให้จำนวนผู้เล่นในเมืองต่างๆของอาณาจักรนั้นลดลง ซึ่งมันก็ทำให้เศรษฐกิจของอาณาจักรเริ่มจะตกต่ำลง ….”
“ฉันเข้าใจแล้ว บอกไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆให้เตรียมตัวให้พร้อม เราจะกลับไปที่อาณาจักรสตาร์มูนทันที” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
เดิมทีเขาวางแผนที่จะไปขอความร่วมมือจากหอการค้าอาซูเพื่อไปสำรวจบริเวณพื้นที่ทะเลที่เป็นกลางนอกจักรวรรดิจันทราสีเงินเพื่อหาเกาะใดเกาะหนึ่งที่พวกเขาจะสามารถเข้ายึดครองได้ หากมีเมืองกิลอยู่ในเขตทะเลที่เป็นกลาง นั่นมันก็จะเป็นรากฐานสำหรับสภาสิบแปดปีกในการพัฒนาความแข็งแกร่งทางเรือในทวีปด้านตะวันตกได้
ณ จุดนี้ แหล่งทรัพยากรที่สามารถเข้าถึงได้ในทวีปหลักล้วนถูกครอบครองไปแล้ว และมันแทบจะไม่มีแหล่งทรัพยากรเหลือให้สภาสิบแปดปีกอ้างสิทอีกแล้ว ขณะเดียวกันในการที่จะพัฒนาในทวีปด้านตะวันตกให้ได้ สภาสิบแปดปีกจำเป็นจะต้องเข้าครอบครองหนึ่งในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อย หรือไม่ก็เขตทะเลที่มีเลเวลเท่ากันกับที่ว่านี้ อย่างไรก็ตามการจะตั้งหลักในแผนที่เป็นกลางเลเวลหนึ่งร้อยหีือมากกว่าให้ได้นั้น มันพูดง่ายกว่าทำ เพราะตอนนี้แม้แต่กิลท้องถิ่นส่วนใหญ่ก็ยังทำไม่ได้เลย ดังนั้นซือเฟิงจึงตัดสินใจจะนำสภาสิบแปดปีกไปพัฒนาที่เขตทะเลที่เป็นกลางนอกจักรวรรดิจันทราสีเงินในทวีปด้านตะวันตก
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงสถานกาณณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าแผนของเขาจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป
“แล้วไวโอเล็ตล่ะ ? ค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอใกล้จะไปถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้ว ถ้าเราออกไปตอนนี้ …” อควาโรสรีบถาม
“ปล่อยให้เธออยู่ที่นี่ และฝึกฝนต่อไป พวกเราจะกลับไปก่อน ….” ซือเฟิงตัดสินใจ “ยิ่งไปกว่านั้นเรายังต้องการผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังเพื่อปกป้องดินแดนของเราในทวีปด้านตะวันตก
“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะติดต่อไฟเออร์แดนซ์และคนอื่นๆทันทีเพื่อบอกให้พวกเขาเตรียมตัวให้พร้อม” อควาโรสพูดก่อนจะวางสายไป และรีบไปทำตามคำสั่งของซือเฟิง
สำหรับซือเฟิงเขาก็ไม่ได้อยู่เฉยๆอีกต่อไป เขารีบติดต่อต้วนฮันซานทันที
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เมื่อคิดว่าคุณติดต่อฉันมาอย่างกระทันหันแบบนี้ ในเวลานี้คุณคงได้รับข่าวเกี่ยวกับอาณาจักรเพอเพิ้ลธอร์นแล้วสินะ และคุณก็น่าจะต้องการให้หอการค้าอาซูของเราช่วยคุณและทีมของคุณให้เดินทางกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกได้ใช่ไหม ?” ต้วนฮันซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาลูบเคราของตัวเอง
“ผู้อาวุโสฮันซานนี่ช่างน่าทึ่งจริงๆ ถูกต้อง เราวางแผนที่จะกลับไปยังทวีปด้านตะวันออก อย่างไรก็ตามการพยายามจะส่งผู้เล่นกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกให้ได้ครบทั้งหมดซึ่งเป็นจำนวนราวหนึ่งร้อยคนหรือมากกว่านิดหน่อยนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับเรา ดังนั้นฉันจึงต้องการความช่วยเหลือจากหอการค้าอาซู” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “แน่นอนเรายินดีจะจ่ายตามราคาที่เหมาะสม”
ปัจจุบันการปฎิสัมพันธ์กันระหว่างสองทวีปหลักนั้นกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมหาอำนาจบางกลุ่มที่สามารถจะเดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักสองด้านได้นั้นก็เริ่มให้บริการ การเทเลพอร์ตแล้วด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกและหอการค้าอาซูเป็นพันธมิตรกันแล้ว ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้ว หอการค้าอาซูจึงจะไม่ปฎิเสธการที่จะส่งสมาชิกสภาสิบแปดปีกตามจำนวนที่ซือเฟิงต้องการกลับไปยังทวีปด้านตะวันออกแน่นอน
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณก็สุภาพเกินไปแล้ว ในเมื่อสองกิลของเราเพิ่งจะกลายเป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นเรามาลืมเรื่องค่าใช้จ่ายไปกันเถอะ” ต้วนฮันซานกล่าวพลางโบกมือ “เราหวังเพียงว่าเราจะได้ส่งรุ่นเยาว์บางส่วนของกิลเราไปเพื่อปฎิสัมพันธ์และฝึกฝนกับกิลของคุณให้ได้มากขึ้นเท่านั้น หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมคิดยังไงกับเรื่องนี้ ?”
“แน่นอนเลยว่าเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา การมีปฎิสัมพันธ์กันของเราทั้งสองฝ่ายก็จะช่วยให้เราแต่ละฝ่ายพัฒนาตัวเองกันไปได้เร็วขึ้นด้วย ฉันจะปฎิเสธได้ยังไง ….” ซือเฟิงตอบอย่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับข้อเสนอของต้วนฮันซาน เขาไม่เคยคิดเลยว่าหอการค้าอาซูจะเลือกทำข้อเสนอแบบนี้
ข้อเสนอนี้นับเป็นข่าวดีสำหรับซือเฟิงด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดเขาจะได้รับแรงงานมาใช้งานฟรี ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังสามารถบอกได้เลยว่าหอการค้าอาซูพยายามจะแสดงความปราถนาดีกับสภาสิบแปดปีก ดังนั้นโดยปกติเขาจึงจะไม่ปฎิเสธ
“ขอบคุณมากหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมที่ยอมรับข้อเสนอนี้ …” ต้วนฮันซานกล่าว “หลังจากนี้สิ่งที่คุณต้องทำก็คือการไปที่เมืองเพอเพิ้ลไลท์พร้อมกับทีมของคุณ โซริทารี่
ฟรอสต์และคนของเขาจะพาคุณไปยังจุดเทเลพอร์ตเอง”
“ตามนั้น …” ซือเฟิงพยักหน้าก่อนที่จะตัดสายไป จากนั้นเขาก็ออกจากห้องพักที่เขาเช่า และเดินไปที่ลานเทเลพอร์ตของเมืองไลท์ฟอร์จ
หลังจากสมาชิกของสภาสิบแปดปีกมารวมตัวกันที่ลานเทเลพอร์ตแล้ว พวกเขาก็ออกจากดินแดนลับโบราณทันที จากนั้นทีมของโซริทารี่ฟรอสต์จำนวนรวมสี่สิบคนก็ได้นำสมาชิกสภาสิบแปดปีกไปยังจุดเทเลพอร์ตเพื่อเดินทางกลับไปยังทวีปด้านตะวันออก
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เนื่องด้วยจำนวนคนในครั้งนี้ เราจึงสามารถจะใช้ประโยชน์จากจุดเทเลพอร์จแบบสุ่มนี้ได้เท่านั้น และเมื่อเปิดใช้งาน ทุกคนจะถูกเทเลพอร์ตไปยังสถานที่แบบสุ่มในทวีปด้านตะวันออก ดังนั้นเมื่อไปถึง ทุกคนจำเป็นจะต้องหาหนทางเดินทางไปยังอาณาจักรสตาร์มูนด้วยตัวเอง ..” โซริทารี่ฟรอสต์กล่าวขณะที่เขาชี้ไปที่ซากปรักหักพังโบราณเบื้องหน้าเขา
“นั่นไม่ใช่ปัญหา …” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
ในบรรดาจุดเทเลพอร์ตที่ผู้เล่นสามารถใช้เดินทางไปมาระหว่างทวีปหลักทั้งสองด้านได้ จุดเทเลพอร์ตที่สามารถเทเลพอร์ตผู้เล่นจำนวนมากได้จะไม่สามารถระบุพิกัดตายตัวได้ แม้ว่าคุณสมบัติของมันจะแย่สักเล็กน้อย แต่มันก็ไม่มีอะไรเลยเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่ผู้เล่นจะได้รับจากการเทเลพอร์ตเพื่อเดินทางข้ามทวีปหลักทั้งสองด้าน
เมื่อเห็นว่าซือเฟิงไม่ได้คัดค้านใดๆ โซริทารี่ฟรอสต์จึงหยิบกุญแจออกมา และเปิดใช้งานจุดเทเลพอร์ตบริเวณซากปรักหักพังโบราณทันที
ทันใดนั้นหลุมดำขนาดมหึมาก็ปรากฎขึ้นตรงกลางของซากปรักหักพังและดูดซับมานาโดยรอบเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“เร็วหน่อย !! ประตูเทเลพอร์ตนี้จะเปิดเพียงสิบห้าวินาทีเท่านั้น !! และเมื่อมันหายไป เราจะสามารถเปิดใช้งานมันได้อีกครั้ง หลังจากผ่านไปสิบวันเท่านั้น !!” โซริทารี่
ฟรอสอต์กล่าวอย่างรีบร้อน
หลังจากได้ยินคำเตือนของโซริทารี่ฟรอสต์ ซือเฟิงและคนอื่นๆก็รีบกระโดดเข้าไปในหลุมดำ และหายตัวออกไปจากซากปรักหักพังโบราณทันที