Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2661
ตอนที่ 2661 อัพเกรดวิญญาณมังกรดำ
“มหัศจรรย์มาก !! นี่คือรากฐานที่แท้จริงของมือแห่งนักบุญงั้นหรอ ?!”
“แม้หลังจากได้มาเห็นจุดนี้แล้ว แบล๊คเฟรมก็ยังกล้าที่จะต่อสู้ แน่นอนเขานั้นกล้าหาญจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ God domain ในปัจจุบันไม่ได้เป็นอย่างที่เคยเป็นมาก่อนอีกต่อไป ไม่งั้นด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของเขา เขาอาจจะพลิกทั้งหมดได้จริงๆ”
“ช่างโง่เขลานัก !!! เขายังคงเป็นคนที่ดื้อรั้นจริงๆ !!! นี่เขาคิดหรอว่าทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิมจริงๆ !!!”
….
เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเห็นท่าทีที่ยังคิดจะสู้ต่อของซือเฟิง บ้างก็หัวเราะเยาะ บ้างก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวัง และบ้างก็มีท่าทีรำคาญ
ความแข็งแกร่งของซือเฟิงที่เขาแสดงออกมาในการต่อสู้ก่อนหน้านี้นั้นมันน่าเหลือเชื่อมาก และการจะเรียกเขาว่าสัตว์ประหลาดมันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง
แต่น่าเสียดายที่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดที่แท้จริง ความแข็งแกร่งของซือเฟิงนั้นก็จัดว่าไม่มีอะไรเลย และเต็มที่เขาก็จะสามารถทำได้แค่ซื้อเวลาให้ได้นานที่สุดเท่านั้น ซึ่งหากเขาเลือกจะถอยเมื่อมีโอกาส และไม่ไปยั่วยุเธ้าซั่นอายจากมือแห่งนักบุญ เขาก็คงจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ในขณะที่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆกำลังพูดคุยกัน Abyssal Blade ในมือของซือเฟิงก็แปรเปลี่ยนเป็นเมฆสีดำสนิทและเข้าปกคลุมเขาไปอย่างสมบูรณ์ ก่อนที่มันจะขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเมฆสีดำนี้ขยายตัวจนปกคลุมรัศมีหกสิบหลา เสียงคำรามของมังกรก็ดังก้องไปทั่วสนามรบ ซึ่งมันได้ทำให้วิญญาณของทุกคนสั่นสะท้าน
ก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองต่อเสียงคำรามนี้ กรงเล็บสีดำขนาดมหึมาก็โผล่ออกมาจากเมฆสีดำข้างไอรอนทูชทันที ซึ่งในขณะที่เป็นแบบนี้นั้น กรงเล็บก็ได้ทำให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ในบริเวณที่มันผ่านทั้งหมด ซึ่งมันก็ชัดเจนเลยว่าพื้นที่โดยรอบนั้นไม่สามารถจะทนต่อพลังการโจมตีของกรงเล็บนี้ได้
ไม่นานหลังจากที่กรงเล็บขนาดมหึมาปรากฎขึ้น เสียงคำรามที่ดังขึ้นอีกครั้งของมังกรก็ได้ช่วยกระจายเมฆสีดำออกไป และเมื่อเมฆจางลง ร่างของมังกรดำที่สูงสี่สิบเมตรก็ปราฎขึ้นมาในสายตาของทุกคน และแม้ว่ามังกรดำตจะยังคงยืนอยู่อย่างเงียบๆ แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความกลัวที่ไม่อาจอธิบายได้ที่ได้เข้าเกาะกุมจิตใจของเขา ขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยังมังกรดำ
“มังกร ?!”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!”
ทุกคนตกตะลึงมากจริงๆ เมื่อได้เห็นมังกรดำ
มังกรนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ผู้เล่นทุกคนใน God domain รู้จัก เนื่องจากตัวตนของมันนั้นมีความหมายเหมือนกับ “การทำลายล้าง” ใน God domain โดยผู้เล่นนั้นสามารถจะค้นหาเรื่องราวที่มังกรตัวหนึ่งทำลายอาณาจักรหรือจักรวรรดิต่างๆในชั่วข้ามคืนได้จากห้องสมุดของเมือง NPC ทั่วไป
อย่างไรก็ตามตอนนี้มันกับมีมังกรปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าของพวกเขาจริงๆ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้เล่นทุกคนโดยรอบบริเวณจะมีท่าทีแบบนี้
เมื่อเธ้าซั่นอายและสมาชิกของมือแห่งนักบุญคนอื่นๆเห็นมังกรดำ ใบหน้าของพวกเขาก็ซีดลงอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่ามังกรดำเบื้องหน้าของพวกเขานั้นเป็นตัวตนที่แท้จริงไหม แต่แรงกดดันที่มันแผ่ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย คะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของมังกรดำนั้นก้าวกระโดดและเหนือกว่าพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
สายพันธุ์โบราณ ?
สัตว์ร้าย ?
เมื่อเทียบกับมังกรดำตัวนี้ ชนชั้นสิ่งมีชีวิตของสิ่งมีชีวิตในบริเวณนี้ล้วนดูไร้ค่าไปเลย
“ก่อนหน้านี้คุณถามฉันซะเยอะแยะเลยสินะ งั้นฉันขอถามกลับแบบง่ายๆอย่างเดียวแล้วกันว่าคุณจะทำยังไงกับสถานการณ์นี้ ?” ซือเฟิงถามอย่างใจเย็น ในขณะที่เขามองจ้องมองไปที่ไอรอนทูชที่ยังคงยืนตกตะลึงอยู่ข้างๆกรงเล็บของเขา
หลังจากค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของเขามาถึงมาตราฐานขั้นสี่แล้ว เขาไม่เพียงแต่จะควบคุมสกิลและเวทย์ของเขาได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่เมื่อเขาอยู่ในร่างมังกร มันยังดูสมจริงขึ้นมากด้วย ตอนนี้คะแนนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของเขานั้นเพิ่มขึ้นไปอยู่ใกล้กับราชันมังกรดำที่แท้จริงมากขึ้น และ ณ จุดนี้ แม้ว่าร่างราชันมังกรดำของเขาจะอยู่ในขั้นสาม แต่ค่าสถานะพื้นฐานของเขาก็เทียบมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย สายพันธุ์โบราณในเลเวลเดียวกันเลย
เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ตอนนี้ความกลัวก็เข้าปกคลุมในจิตใจของไอรอนทูชอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกว่าการกลายร่างเป็นมังกรดำของแบล๊คเฟรมจะผลักดันให้เขาไปถึงมาตราฐานของมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายทั่วไปเท่านั้นไม่ใช่หรอ ? เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?! ไอรอนทูชรู้สึกสับสน เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาตรงหน้าเขา
มือแห่งนักบุญนั้นรู้มานานแล้วถึงความสามารถในการกลายร่างเป็นมังกรของซือเฟิง อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นในแง่ของค่าสถานะพื้นฐาน ชนชั้นสิ่งมีชีวิต มังกรที่ซือเฟิงได้กลายร่างมาเป็นในตอนนี้มันอยู่ในระดับที่แตกต่างไปจากรายงานอย่างสิ้นเชิง
ในตอนนี้นับประสาอะไรกับไอรอนทูช และสมาชิกคนอื่นๆของมือแห่งนักบุญ แม้แต่อิลูซะรี่เวิร์ดก็ยังตกตะลึงกับสถานการณ์นี้
จักรพรรดิคริมสันได้รวบรวมข้อมูลมามากมายเกี่ยวกับการต่อสู้ของสภาสิบแปดปีกกับเมืองปีศาจ และโดยปกติแล้วในข้อมูลนั้นก็กล่าวถึงรูปแบบมังกรที่ซือเฟิงใช้ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับมังกรดำตอนนั้นที่โจมตีเมืองปีศาจกับมังกรดำตอนนี้นั้น มันดูเหมือนสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าเธอจะมองดูมังกรดำผ่านกระจกเวทย์มนต์ แต่เธอก็สามารถสัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความตาย และการทำลายล้างที่หลั่งออกมาอย่างชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังรู้สึกได้แบบบางๆว่ามานาโดยรอบสนามรบนั้นกำลังถูกดึงดูดเข้าหามังกรดำ ซึ่งมันทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่านี่เป็นเพียงมังกรดำขั้นสาม
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับออร่า และชนชนชั้นสิ่งมีชีวิตของมังกรดำ มังกรดำก็ได้ยกกรงเล็บของตัวเองขึ้น
Peng!
หลังจากนั้นสถานที่บริเวณที่ไอรอนทูชยืนอยู่ และพื้นที่รอบๆก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่ว่างเปล่าสีดำสนิท ซึ่งสมาชิกของมือแห่งนักบุญหลายสิบคนที่ยืนอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ก็หายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว สำหรับไอรอนทูชในปัจจุบันที่มีร่างสูงหกเมตรนั้น ตอนนี้เขานอนแผ่หราอยู่ในปล่องภูเขาไฟซึ่งอยู่ห่างจากตำแหน่งเดิมของเขาประมาณสามสิบหลา และมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามีรอยแตกกระจายไปทั่วเกราะสีเงินของเขาบริเวณที่ทำหน้าที่หุ้มแขน ขณะที่ HP ของไอรอนทูชก็ลดลงไปมากกว่าสองล้าน
ความเงียบสงัด ….
ในตอนนี้มันเหมือนกับว่าเวลาได้หยุดลงไป ….
….
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?” ชายที่มีท่าทางดุร้ายจากจักรพรรดิคริมสันพึมพำและอ้าปากค้าง
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนที่มีค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายเทียบได้กับแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกัน มันก็แทบไม่มีสิ่งใดใน God domain ที่จะสามารถหลบสายตาเขาได้
อย่างไรก็ตามเขาแทบมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เลย นอกเหนือจากลำแสงสีดำที่แสดงออกมาผ่านกระจกเวทย์มนต์แล้ว มันก็ตามมาด้วยเสียงดังของการปะทะกันเท่านั้น และประสาทสัมผัสของเขาก็ยังไม่ได้รับข้อมูลอื่นๆเลย
….
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขางั้นหรอ ?! เพอเพิ้ลอายซึ่งยืนอยู่ห่างจากซือเฟิงในระยะทางสั้นๆเต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงอย่างไม่อาจจะอธิบายได้ เมื่อเธอได้เห็นฉากล่าสุดที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเธอ
เมื่อเทียบกับสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่กำลังชมการต่อสู้ผ่านกระจกเวทย์มนต์นั้น เธอผู้ซึ่งอยู่ใกล้ซือเฟิงเข้าใจได้ดีกว่าอย่างชัดเจนเลยว่าพลังโจมตีของซือเฟิงนั้นมันมีมากแค่ไหน
ผู้เชี่ยวชาญระดับสัตว์ประหลาด ?
มอนสเตอร์ขั้นสี่ ?
สิ่งเหล่านี้จัดว่าไม่มีอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจที่เหนือกว่าอย่างเทียบไม่ติดแบบนี้
ในขณะเดียวกันเมื่อเห็นฉากนี้ หน้าของเธ้าซั่นอายและสมาชิกมือแห่งนักบุญคนอื่นๆซีดลงอย่างมาก
นี่ซือเฟิงยังเป็นมนุษย์อยู่รึปล่าว ?
แม้ว่าไอรอนทูชจะแข็งแกร่งกว่า Faux Saint Devourer แต่ซือเฟิงก็สามารถจะปราบปรามเบอเซิกเกอร์ผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย แบบเดียวกับที่เขาทำกับ Faux Saint Devourer
สำหรับไอรอนทูชที่พึ่งจะตั้งตัวและยืนขึ้นได้ในปล่องภูเขาไฟนั้น ตอนนี้เขาก็ไม่สามารถทำอะไรอื่นได้ นอกจากมองมายังซือเฟิงที่อยู่ในร่างมังกรดำอย่างหวาดกลัว
เกือบไปแล้ว !!!
เขาเกือบไปแล้ว !!!
หากไม่ใช่เพราะเขามีปฎิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมากๆและสามารถป้องกันตัวเองได้ทันเวลา ผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยกรงเล็บนั้นจะเกินกว่าเขาจะรับไหวแน่นอน
“ดูเหมือนว่าปฎิกิริยาของคุณจะค่อนข้างเร็วนะ คุณสามารถป้องกันการโจมตีของฉันได้ด้วย …” ซือเฟิงพูดอย่างใจเย็นขณะที่เขามองลงไปยังไอรอนทูช “อย่างไรก็ตามคุณจะสามารถป้องกันการโจมตีของฉันได้สักกี่ครั้งกัน ?”
แม้ว่าซือเฟิงจะทำการโจมตีเมื่อครู่นี้แบบลวกๆ แต่มันก็ยังมีพลังของเทคนิคการต่อสู้ขั้นสูงแฝงอยู่ หากไอรอนทูชไม่สามารถยกแขนและอาวุธของเขาขึ้นได้ทันเวลา เขาจะต้องเจอกับผลลัพธ์ที่ยิ่งกว่านี้แน่นอน
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังจะโจมตีต่อ เธ้าซั่นอายก็ก้าวมาข้างหน้า
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟราม ฉันยอมรับว่าคุณนั้นทรงพลังมากๆ แต่คุณก็ไม่ควรจะบังคับให้เราจนมุมหนักแบบนี้นะ เป้าหมายของมือแห่งนักบุญคือการรักษาเสถียรภาพใน God domain เท่านั้น” เธ้าซั่นอายกล่าวอย่างเย็นชา “ถ้าคุณฆ่าไอรอนทูชตอนนี้ และทำลายสมดุล ทั้งมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญจะไม่ปล่อยให้สภาสิบแปดปีกหลุดออกไปจากเบ็ดแน่นอน และในเวลานั้นเมืองปีกสีเงินกับเมืองสภาสิบแปดปีกก็จะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพแห่งความโกรธเกรี้ยวจำนวนนับสิบล้าน !!”
มันเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อกว่ามอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายจะเกิดขึ้นมาได้ ดังนั้นทั้งมอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญจึงให้ความสำคัญกับมอนสเตอร์ Faux Saint Devourer ที่เป็นมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายมาก และตอนนี้ไอรอนทูชก็ได้รวมร่างเข้ากับ Faux Saint Devourer แล้วเป็นกการชั่วคราว ซึ่งการฆ่าไอรอนทูชนั้นมันก็จะเทียบเท่ากับการฆ่า Faux Saint Devourer ไปด้วย ซึ่งนี่มันไม่ใช่สิ่งที่มอนสเตอร์ Faux Saint และมือแห่งนักบุญจะทนได้
….
เมื่อเห็นเธ้าซั่นอายพยายามข่มขู่ซือเฟิง มหาอำนาจที่ได้เห็นฉากนี้ก็ล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจมากๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยนับตั้งแต่ที่มือแห่งนักบุญปรากฎตัวขึ้นมาที่พวกเขาเห็นมือแห่งนักบุญทำแบบนี้ โดยปกติกิลจะทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง และไม่เคยสนใจจะเจรจาต่อรองหรือข่มขู่ด้วยซ้ำ
“ดูเหมือนว่า เธ้าซั่นอายจะถูกต้อนจนมุมแล้วจริงๆในครั้งนี้ ฉันสงสัยจังว่าแบล๊คเฟรมจะทำอะไรต่อ ?”
“เขาจะทำอะไรได้นอกจากต้องปล่อยคนเหล่านี้ไป ไม่ต้องพูดถึงสภาสิบแปดปีกเพียงกิลเดียวเลย แม้มหาอำนาจต่างๆในประเทศข้างเคียงหลายแห่งจะทำงานร่วมกัน พวกเขาก็จะไม่สามารถปกป้องตัวเองจากมือแห่งนักบุญ และมอนสเตอร์ Faux Saint หลายสิบล้านตนได้แน่นอน”
….
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่สมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมอยู่กำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซือเฟิงก็เหลือบไปมองเธ้าซั่นอาย และพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบมากๆว่า “แล้วไง ?”
หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็ได้ใช้สกิลลมหายใจมังกรใส่ไอรอนทูช ซึ่งมันทำให้ไอรอนทูชได้รับบาดเจ็บสาหัสไปเลย และในสถานะนี้ไอรอนทูชก็ไม่สามารถจะสู้ต่อไปได้อีกแล้ว
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ตรงเข้าไปทุบตีไอรอนทูชจน HP ของเขาลดลงเรื่อยๆไม่หหยุด ในขณะที่ตัวไอรอนทูชนั้นก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
“คุณ !!!”
ใบหน้าของเธ้าซั่นอายแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเกรี้ยวกราด เมื่อเขาเห็นการกระทำของซือเฟิง
“นี่เขาบ้าไปแล้วงั้นหรอ ?”
“นี่เขาไม่กลัวการตอบโต้ของมอนสเตอร์ Faux Saint กับมือแห่งนักบุญงั้นหรอ ?”
“คราวนี้สภาสิบแปดปีกจบสิ้นแล้ว !!! จบสิ้นอย่างแท้จริงแล้วแน่นอน !!!”
เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่ชมอยู่ได้เห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าซือเฟิงจะเลือกเพิกเฉยต่อภาพรวมและทำการฆ่าไอรอนทูช
ภายในเวลาไม่ถึงหกนาทีนับตั้งแต่ที่ซือเฟิงเริ่มการโจมตี HP ของไอรอนทูชซึ่งแต่เดิมยังคงมีอยู่หลายร้อนล้านก็ลดลงไปจนเหลือศูนย์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะตายลง และร่างของเขาก็ล้มลงกับพื้น สำหรับเธ้าซั่นอายและสมาชิกคนอื่นๆ พวกเขาทำได้แค่เฝ้าดูด้วยสีหน้าตกตะลึงเท่านั้น ไม่มีใครกล้าจะขยับตัวทำอะไรแม้แต่นิเดียว ….