Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2667
ตอนที่ 2667 รากฐานที่พุ่งทะยานราวกับติดจรวด
เมืองปีกสีเงิน สถานที่พักกิลสภาสิบแปดปีก ชั้นใต้ดินชั้นที่สอง :
ในขณะนี้ NPC มากกว่าสามร้อยคนกำลังยืนอยู่ในห้องโถงใต้ดินซึ่งมีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล ซึ่ง NPC เหล่านี้นั้นมีทั้งแก่ชราและบาดเจ็บมากๆ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามมากกว่าหนึ่งร้อยคนของสภาสิบแปดปีกนั้นอดไม่ได้ที่จะสับสน เมื่อเห็นการปรากฎตัวของ NPC เหล่านี้
“ด้วยสถานการณ์ภายนอกที่ตึงเครียดมากๆตอนนี้ เหตุใดหัวหน้ากิลจึงรวบรวมพวกเรามาที่นี่แทนที่จะให้พวกเราเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ?” ชายร่างสูงและผอมที่มีตราสัญลักษณ์กองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกติดอยู่ที่หน้าอกพึมพำอย่างงุนงง
ชายร่างสูงและผอมคนนี้นั้นเคยเป็นรองผู้บัญชาการของทีมนักผจญภัยมาก่อน เขาพึ่งจะเข้าร่วมสภาสิบแปดปีกเมื่อไม่นานมานี้และได้รับตำแหน่งสมาชิกสำรองของกองกำลังหลัก หลังจากที่ซือเฟิงออกจากทวีปด้านตะวันออกไปพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีความรู้ที่ชัดเจนมากนักว่ารากฐานของสภาสิบแปดปีกทรงพลังมากขนาดไหน
สิ่งที่ชายคนนี้เขาใจอย่างชัดเจนคือมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นทรงพลังมากขนาดไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มอนสเตอร์เหล่านี้เคลื่อนไหวกันเป็นกองทัพขนาดใหญ่ และพูดกันตรงๆการที่ตอนนี้มอนสเตอร์ Faux Saint หลายล้านตัวกำลังพุ่งเข้ามาหาเมืองปีกสีเงินนั้นมันก็นับเป็นหายนะอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามแทนที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันเมือง ซือเฟิงกับรวบรวมสมาชิกสำรองกองกำลังหลักของกิลที่อยู่ในขั้นสามทั้งหมดที่ได้รับมอบหมายให้ปกป้องเมืองปีกสีเงินลงมาที่ห้องโถงใต้ดินนี้ ในความเป็นจริงเขาให้พวกเขารอที่นี่เป็นเวลานานโดยไม่มีอะไรให้ทำเลย นอกจากการมองไปยัง NPC ที่ทั้งแก่ชราและบาดเจ็บเหล่านี้
นี่มันบ้ามากๆ !!!
ในขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหลายคนรู้สึกสับสนกับสถานการณ์นี้มากๆ
เมืองปีกสีเงินนั้นไม่ได้เป็นเมืองเล็กๆเลย มันมีสถานที่มากมายที่ต้องได้รับการปกป้อง ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขาต้องขอกำลังเสริมที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม และขั้นสองจากกิลเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะเวลาของพวกเขาเหลือน้อยมากแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขากับมาเสียเวลาไปราวสองชั่วโมงในการอยู่ที่นี่โดยไม่ได้ทำอะไรเลย
นี่มันทำให้ผู้เล่นที่มารวมตัวกันนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าซือเฟิงยอมแพ้เรื่องเมืองปีกสีเงินไปแล้วรึไง ?
สำหรับพวกระดับสูงของสภาสิบแปดปีก เมืองปีกสีเงินอาจจะเป็นแค่หนึ่งในเมืองกิลที่กิลครอบครองอยู่ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นแบบตัวพวกเขาเองที่อาศัยอยู่ในเมืองปีกสีเงินมาตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่นี่มันคือบ้านของพวกเขา
ขณะที่ทุกคนกำลังบ่นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน ยู่หลานและเมลานโครอิคสไมล์ก็ได้เดินกลับขึ้นไปเปิดประตูห้องโถงใต้ดินชั้นดิน ก่อนที่พวกเธอทั้งสองจะทำความเคารพชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู และเดินขนาบข้างทั้งสองด้านของชายคนนี้กลับลงมาที่ห้องโถงใต้ดินในชั้นใต้ดินชั้นที่สองอีกครั้ง
“หัวหน้ากิล กองกำลังสำรองขั้นสามที่อยู่ในตำแหน่งของวิสเค้าท์หรือสูงกว่าทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว และพวกเขาก็ได้เซ็นสัญญารักษาความลับไว้แล้ว ซึ่งด้วยช่ององครักษ์ส่วนตัวที่พวกเขามีทั้งหมด เราน่าจะสามารถรองรับ NPC ทั้งหมดที่เรารวบรวมมาได้” เมลานโครอิคสไมล์กล่าวรายงานเบาๆกับซือเฟิง
“เอาล่ะ งั้นเราก็มาเริ่มกันเลย” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
แต่เดิมเขาได้เก็บเรื่องน้ำแห่งชีวิตไว้เป็นความลับสุดยอด เพราะท้ายที่สุดนี่มันจะช่วยให้เขามีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นในการรวบรวม NPC ที่แก่ชราและบาดเจ็บที่มีสเป็คตรงตามเป้าหมายของเขา อย่างไรก็ตามตอนนี้ God domain ได้พัฒนามาถึงจุดที่เรียกว่าล่อแหลมสำหรับหลายกิลแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสุดยอดได้อีกต่อไป
หลังจากที่ซือเฟิงกล่าวออกคำสั่ง เมลานโครอิคสไมล์ก็มองไปยัง NPC ที่ถูกรวบรวมมาตรงหน้าเธอ ก่อนที่เธอจะทำการแจกจ่ายน้ำแห่งชีวิตให้กับพวกเขาทุกคน ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันนี้มันก็ทำให้สมาชิกสำรองกองกำลังหลักสับสนมากๆ
“พวกเขากำลังทำอะไรกัน ?”
“มันช่างเป็นพลังชีวิตที่หนาแน่นมากๆ !!!”
“ทำไม NPC ทั้งหมดนั่นถึงดูตื่นเต้นจัง ?”
หลายคนนั้นรู้จักน้ำแห่งชีวิตใน God domain แต่มันก็ไม่ค่อยมีใครได้เห็นของจริงด้วยตาตัวเอง
ดังนั้นในสายตาของสมาชิกสำรองกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกตอนนี้ที่พวกเขามองเห็นก็คือ เมลานโครอิคสไมล์นั้นก็เพียงแค่แจกจ่ายโพชั่นที่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตให้กับ NPC ที่รวบรวมมมา อย่างไรก็ตามเมื่อ NPC ได้รับโพชั่นนี้ไป การแสดงออกที่ดูมืดมนและไร้ชีวิตของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นและมีความสุขทันที ขณะที่ดวงตาของพวกเขาทุกคนนั้นก็เปล่งประกายด้วยความหวัง ซึ่ง NPC ทุกคนต่างกล่าวขอบคุณเมลานโครอิคสไมล์อย่างตื่นเต้น และสาบานว่าจะภักดีต่อเธออย่างถึงที่สุด สถานการณ์นี้ทำให้สมาชิกสำรองกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกงงงวยมากๆ
พวกเขาทุกคนสามารถบอกได้เลยว่า NPC เหล่านี้นั้นไม่ใช่องครักษ์ส่วนตัว แต่เป็น NPC อิสระ และมันแทบจะไม่มีโอกาสเลยที่ NPC เหล่านี้จะแสดงความขอบคุณต่อผู้เล่นเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงการสาบานว่าจะภักดีต่อผู้เล่น
ในขณะที่สมาชิกสำรองกองกำลังหลักกำลังเต็มไปด้วยความสับสน ออร่าที่น่ากลัวก็ค่อยๆระเบิดออกมาจาก NPC เหล่านี้ทีละคนๆ
ก่อนหน้านี้ NPC ที่ถูกรวบรวมมาเหล่านี้ไม่สามารถจะเทียบได้กับ NPC ขั้นสองทั่วไปด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามตอนนี้แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังแผ่ออร่าซึ่งทำให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตการปรับแต่งตัวสั่นออกมา
เมื่อออร่าของ NPC มากกว่าสามร้อยคนนี้เข้าท่วมห้องโถงใต้ดิน มันก็ทำให้สมาชิกสำรองกองกำลังหลักของสภาสิบแปดปีกอดไม่ได้ที่จะเผลอก้าวถอยกลับไปด้วยท่าทีประหม่า ในขณะที่พวกเขาจ้องมองไปยัง NPC ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างระมัดระวัง ในตอนนี้พวกเขาสามารถบอกได้เลยว่าตราบใดที่ NPC เหล่านี้เอาแต่ใจขึ้นมา มันจะไม่มีใครในห้องโถงใต้ดินที่สามารถออกจากนี่ไปได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตอยู่
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามี NPC ในหมู่ NPC เหล่านี้จำนวนหนึ่งที่แผ่ออร่าที่น่ากลัวกว่าปกติมากๆออกมาจนมันทำให้พวกเขาหลายคนรู้สึกราวกับว่ากำลังยืนอยู่หน้าเหวลึก ซึ่งมันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่า NPC เหล่านี้นั้นไม่ใช่ NPC ขั้นสามทั่วไป
“โดเมนมานา ?!”
ในขณะนี้แม้แต่ยู่หลานก็ยังตกตะลึงกับสถานการณ์นี้ แม้ว่าเธอจะรู้ว่าซือเฟิงและเมลานโครอิคสไมล์ได้รวบรวม NPC ที่แก่ชราและเจ็บป่วยเหล่านี้มาด้วยจุดประสงค์อะไร แต่เธอก็ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะดำเนินการอะไรที่มันทะเยอทะยานมากแบบนี้
ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงแต่จะเปลี่ยน NPC ที่แก่ชราและบาดเจ็บพวกนี้ให้กลับเป็นเสือที่มีชีวิตชีวา แต่ในหมู่ NPC เหล่านี้มันยังมีสามคนที่สามารถสร้างโดเมนมานาได้ด้วย นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย
โดยปกติโดเมนมานาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้นจะมีเพียง NPC ขั้นสี่เท่านั้นที่สามารถสร้างและครอบครองมันได้ โดเมนมานานั้นเป็นความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดระหว่าง NPC ขั้นสาม และขั้นสี่ และมันก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ NPC ขั้นสี่สามารถเอาชนะ NPC ขั้นสามได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้มันก็ยังเป็นเพราะโดเมนมานานี่เองที่ทำให้มือแห่งนักบุญนั้นไม่เคยกล้ายื่นมือเข้ามาแตะต้องเมืองปีกสีเงินแบบเป็นกิจจะลักษณะ เพราะท้ายที่สุดเมืองปีกสีเงินนั้นได้รับการปกป้องจากราชันเวทย์มนต์ เคร็ก มิดแลนด์ ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว ซึ่งต่อหน้าราชันเวทย์มนต์นั้น ผู้เล่นขั้นสามก็จะไม่ต่างอะไรไปจากมดปลวกเลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้จาก NPC มากกว่าสามร้อยคนที่นี่ มันมีสามคนที่มีโดเมนมานาแล้ว ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่าสามคนนี้นั้นอยู่ห่างจากขั้นสี่เพียงก้าวเดียว
ยอดเยี่ยม !!! การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ค่อนข้างดีทีเดียว !!! ซือเฟิงเองก็รู้สึกประหลาดใจกับผลลัพธ์นี้
แม้ว่าจะไม่มี NPC ขั้นสี่อยู่ในหมู่ NPC ที่ได้รับการฟื้นฟูครั้งนี้ แต่เพียงแค่ได้รับ NPC ขั้นสาม สามคนที่มีโดเมนมานามามันก็จัดว่าน่าทึ่งมากแล้ว เพราะท้ายที่สุดตราบใดที่ NPC ขั้นสามทั้งสามนี้ได้รับทรัพยากรเพียงพอ ยังไงพวกเขาก็จะกลายเป็น NPC ขั้นสี่ได้แน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจาก NPC ขั้นสามทั้งสามคนนี้แล้ว คุณภาพของ NPC ที่เหลือก็ยังจัดว่าดีมากๆเช่นกัน
ในบรรดา NPC ที่เหลือนั้น มันมี 1 คน ที่มีศักยภาพในการเติบโตอยู่ในระดับดาร์คโกล มี 11 คน ที่มีศักยภาพในการเติบโตระดับไฟน์โกล และมี 151 คน ที่มีศักยภาพในการเติบโตระดับลึกลับขั้นเงิน ส่วนที่เหลือก็มีศักยภาพในการเติบโตระดับเหล็กลึกลับทั้งหมด
ใน God domain NPC ที่มีศักยภาพในการเติบโตอยู่ในระดับไฟน์โกลหรือสูงกว่าขึ้นไปนั้น ผู้เล่นจะต้องใช้โชคอย่างมากกว่าจะค้นพบได้สักคน และอควาโรสก็ได้เคยทำการรวบรวม NPC ที่เจ็บป่วย และแก่ชรามาจากหลายประเทศรอบหนึ่งแล้ว ดังนั้นความจริงที่ว่า NPC ที่ถูกรวบรวมมาแบบเดียวกันในรอบที่สองมีศักยภาพขนาดนี้ มันก็จัดว่าน่าทึ่งมากแล้ว
เพราะท้ายที่สุด NPC ขั้นสามที่มีศักยภาพในการเติบโตระดับไฟน์โกลหรือสูงกว่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะใช้ปราบปรามผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนขั้นสามในปัจจุบัน และแม้แต่มหาอำนาจต่างๆก็ครอบครอง NPC ระดับนี้อยู่ไม่ถึงหยิบมือ
อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับพึ่งจะได้รับมาเพิ่มอีกสิบห้าคน แถมสามคนในนี้ยังใช้โดเมนมานาได้ด้วย โดยสองคนอยู่ในระดับไฟน์โกล ขณะที่อีกหนึ่งคนอยู่ในระดับดาร์คโกล หากมหาอำนาจต่างๆได้รู้ถึงสถานการณ์นี้ พวกเขาจะต้องอิจฉาสภาสิบแปดปีกอย่างมากแน่นอน
ในขณะเดียวกันหลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบในห้องโถง ซือเฟิงก็ได้หันไปมองสมาชิกสำรองกองกำลังหลักที่มารวมตัวกันต่อหน้าเขา
“เอาล่ะ หยุดฝันกลางวันกันได้แล้ว เข้าแถวตามหมายเลขที่พวกคุณถูกกำหนดมา และเริ่มเซ็นสัญญากับ NPC เหล่านี้” ซือเฟิงพูดพลางปรบมือ
คำพูดของซือเฟิงนั้นทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นในหมู่ผู้เล่นที่มารวมตัวกัน
“อึก !! นี่มันเรื่องจริงงั้นหรอ ?!”
“แม้แต่ NPC ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังอยู่ในระดับเหล็กลึกลับใช่ไหม ?”
“เราสามารถทำสัญญากับ NPC เหล่านี้ให้มาเป็นองครักษ์ส่วนตัวของเราได้จริงๆงั้นหรอ ?”
ทุกคนนั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในความฝัน เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ความจริงที่ว่ากิลสามารถรับสมัคร NPC ที่ทรงพลังจำนวนมากมายได้มันก็จัดว่าน่าทึ่งมากแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากับได้รับแจ้งว่าพวกเขาสามารถรับสมัคร NPC เหล่านี้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของตัวเองได้ พวกเขานั้นแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเองจริงๆ
ในระยะนี้ของเกม กิลชั้นสูงต่างๆยังถือว่าองครักษ์ส่วนตัวระดับเหล็กลึกลับเป็นสมบัติประจำกิลด้วยซ้ำ ซึ่งโดยปกติจะมีเพียงแต่เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดของกิลเท่านั้นที่จะมีสิททำสัญญากับ NPC เหล่านี้ สำหรับองครักษ์ส่วนตัวระดับลึกลับขั้นเงินหรือสูงกว่าขึ้นไป มันล้วนตกเป็นของหัวหน้ากิล หรือไม่ก็พวกผู้บริหารระดับสูงในกิลที่มีหน้าที่สำคัญทั้งหมด คนอื่นๆนั้นไม่ควรคิดที่จะได้รับมา
อย่างไรก็ตามตอนนี้สภาสิบแปดปีกกับกำลังปล่อยให้สมาชิกสำรองกองกำลังหลักของกิลได้เซ็นสัญญากับองครักษ์ส่วนตัวที่มีตั้งแต่ระดับเหล็กลึกลับหรือสูงกว่าขึ้นไปทั้งหมด สถานการณ์นี้มันวิเศษซะยิ่งกว่าการที่กิลมอบอาวุธระดับอีปิคเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยให้พวกเขาทุกคนด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามในเวลาไม่นานนักทุกคนก็สลัดความตกตะลึงและความงุนงงออก พลางีรบไปต่อแถวตรงหน้าของซือเฟิงทันที
สำหรับการแจกจ่าย NPC นั้น ซือเฟิงได้เลือกให้ผู้เล่นทุกคนไปต่อแถวเซ็นสัญญากับ NPC ที่มีศักยภาพในการเติบโตระดับลึกลับขั้นเงินก่อน ส่วน NPC ที่มีศักยภาพในการเติบโตระดับดาร์คโกลสองคน ซือเฟิงได้เลือกจะมอบให้เมลานโครอิคสไมล์ และยู่หลานอย่างละคน และเขาก็ได้เลือกจะมอบ NPC ที่มีศักยภาพในการเติบโตระดับไฟน์โกลอีกสองคนให้เหลียงจิง ซึ่งด้วยวิธีนี้ มันจะทำให้พวกเขาทั้งสามคนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของตัวเองอีกต่อไป เมื่อทำการเดินทางไปรอบๆ God domain สำหรับ NPC ที่มีศักยภาพในการเติบโตระดับไฟน์โกลที่เหลือ เขาได้เลือกจะมอบให้เหล่าคนที่ทำประโยชน์ให้กับกิลมากที่สุดในหมู่คนเหล่านี้ ซึ่งเมื่อเห็นสิ่งนี้ สมาชิกสภาสิบแปดปีกคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความอิจฉา
นั่นคือองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลเลยนะที่พวกเขากำลังพูดถึง !!!
ด้วยความแข็งแกร่งขององครักษ์ส่วนตัวระดับไฟ์โกล คนๆหนึ่งจะไม่ต้องกังวลเลย แม้จะต้องไปเผชิญหน้ากับทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม หนึ่งร้อยคนก็ตาม ในความเป็นจริงทีมผู้เชี่ยวชาญขั้นสาม หนึ่งร้อยคน มักจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลด้วย
“นี่มันวิเศษมากๆ !!! เมื่อเพิ่มองครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้เข้าไป เราก็ไม่น่าจะมีปัญหาใดๆในการจะป้องกันการโจมตีของกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint !!!” ยู่หลานถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อเห็นการแจกจ่ายองครักษ์ส่วนตัวเสร็จสิ้นแล้ว
แม้ว่าเมืองปีกสีเงินจะเป็นเพียงเมืองขั้นสูง แต่สภาสิบแปดปีกก็ได้ลงทุนทั้งเงินและทรัพยากรจำนวนมากไปในการพัฒนาเมือง และแม้ว่าความสามารถในการป้องกันของมันอาจจะไม่สามารถเทียบเคียงได้กับเมืองป่าหิน หรือเมืองสภาสิบแปดปีก แต่มันก็นับว่าไม่ได้ต่างกันมากนัก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเมืองนี้มีหอคอยเวทย์มนตห้าแห่ง พร้อมกับ NPC ขั้นสี่คอยปกป้องอยู่ และด้วยการเพิ่มขึ้นมาขององครักษ์ส่วนตัวขั้นสามเหล่านี้ มันจึงไม่น่าจะมีปัญหาใดๆในการจะปกป้องเมืองจากมอนสเตอร์ Faux Saint
“ป้องกัน ?” ซือเฟิงส่ายหัวออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดของยู่หลาน และเขาก็กล่าวต่อว่า “เนื่องจากพวกนั้นกล้าจะเข้ามาที่นี่ พวกเขานั้นก็ไม่ควรคิดว่าจะได้กลับออกไปทั้งๆที่ยังมีชีวิต !!!”
หลังจากพูดจบ ซือเฟิงก็ได้มอบหมายให้เมลานโครอิคสไมล์และยู่หลานไปจัดเตรียมการป้องกันเมืองปีกสีเงิน ส่วนตัวเขานั้นก็ได้มุ่งหน้าไปยังคฤหาสถ์ของลอร์ดผู้ปกครองเมืองปีกสีเงิน
ภายในห้องควบคุมของคฤหาสลอร์ดผู้ปกครอง ซือเฟิงได้หยิบหินมานาออกมาหกร้อยก้อน และจัดเรียงมันไว้เหนือวงเวทย์หลัก
สมุดบันทึกมานานั้นบันทึกหลายสิ่งที่น่าทึ่งไว้มากมาย และตอนนี้ซือเฟิงก็เลือกจะนำมันออกมาใช้หนึ่งสิ่ง ซึ่งนั่นก็คือวงเวทย์ที่จะช่วยยกระดับพลังของวงเวทย์อื่นๆให้ขึ้นไปสู่ระดับใหม่ทั้งหมด
แน่นอนว่าการทำแบบนี้มันก็จะมีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน โดยการทำแบบนี้มันจะเพิ่มพลังของวงเวทย์เป้าหมายขึ้นสามเท่าชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อผลของมันหมดลง วงเวทย์เป้าหมายก็จะตกอยู่ในสถานะอ่อนแอระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับผลที่ได้รับแล้ว มันก็จัดว่าคุ้มค่าทีเดียว
เมื่อซือเฟิงวาดวงเวทย์พิเศษรอบหินมานาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสาสีแดงเข้มก็ได้โผล่ออกมาจากกวงเวทย์หลัก
หลังจากนั้นเสียงประกาศของระบบก็ดังขึ้นมาที่หูของซือเฟิง
….
ระบบ : เมืองปีกสีเงินมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดในการจะเลื่อนขั้นเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานแล้ว คุณต้องการจะอัพเกรดเมืองเลยไหม ?