Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2672
ตอนที่ 2672 อยู่ที่นี่ตลอดไป
“นี่ … พวกนั้นไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?!”
“นี่องครักษ์ส่วนตัวสองคนนั้นอยู่ระดับไหนกัน ?”
ผู้เล่นอิสระต่างอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เมื่อได้เห็นองครักษ์ส่วนตัวสองคนของยู่หลานกำลังทำหน้าที่เคลียร์ทางบริเวณประตูหน้าของเมือง
แม้ว่าพวกมอนสเตอร์ Faux Saint จะอ่อนแอลง แต่องครักษ์ส่วนตัวขั้นสามทั่วไปก็ไม่น่าจะสามารถจัดการกับพวกมันได้ ในความเป็นจริง แม้ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจส่งผลให้องครักษ์ส่วนตัวขั้นสามถูกฆ่าในทันทีโดยพวก Faux Saint Destroyers จำนวนมาก
อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือจากองครักษ์ส่วนตัวของตัวเองสองคน ยู่หลานกับสามารถเคลียร์ทางบริเวณประตูหน้าของเมืองที่มีมอนสเตอร์ Faux Saint อยู่มากกว่าหนึ่งหมื่นตัวอย่างง่ายดาย
“องครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลสองคน ?”
เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดเห็นองครักษ์ส่วนตัวสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆยู่หลาน ดวงตาสีเทาเงินของเธอก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
ความสำเร็จที่องครักษ์ส่วนตัวสองคนของยู่หลานพึ่งจะสามารถทำได้นั้นมันจัดเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ แม้ว่าจะใช้มอนสเตอร์อัญเชิญขั้นสี่ก็ตาม ดังนั้นคำอธิบายอย่างเดียวที่ซือเฟิงคิดได้สำหรับสถานการณ์นี้มันก็คือ องครักษ์ส่วนตัวทั้งสองคนนั้นอยู่ในระดับดาร์คโกล เนื่องจากมันมีเพียงแต่องครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลเท่านั้นที่จะมีพลังทัดเทียมกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่
อย่างไรก็ตามใน God domain ปัจจุบันนั้น ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์ระดับดาร์คโกล หรือต่ำกว่านั้นลงมาอย่างระดับไฟน์โกล มันก็จัดว่าหายากมากๆ มันหายากกว่าอาวุธระดับอีปิคเลเวลหนึ่งร้อยหรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
แม้จะเป็นกิลชั้นยอด แต่จักรพรรดิคริมสันก็มีองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกลแค่หกคนเท่านั้น ขณะที่องครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลนั้นพวกเขาไม่มีเลย แต่ยู่หลานกับมีสองคนเป็นของตัวเอง
สิ่งที่อิลูซะรี่เวิร์ดไม่รู้ก็คือองครักษ์ส่วนตัวของยู่หลานสองคนนี้นั้น มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่เป็นระดับดาร์คโกล ขณะที่อีกคนเป็นระดับไฟน์โกล อย่างไรก็ตามด้วยความสามารถพิเศษของราชันเวทย์มนต์เคร็ก มิดแลนด์ มันจึงทำให้องครักษ์ส่วนตัวทั้งสองได้รับพลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นผลให้ปัจจุบันพวกเขามีความแข็งแกร่งที่สามารถเทียบกับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้
อย่างไรก็ตามอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ยังไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายกับการพัฒนาที่ไม่คาดคิดนี้ ในความเป็นจริงการแสดงออกของพวกเขาตึงเครียดมากขึ้น เพราะมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ถูกเคลียร์ออกไปนั้นได้พุ่งมาข้างหน้าอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังดูมีท่าทีดุร้ายและบ้าคลั่งมากกว่าเดิมมาก
ในช่วงเวลาต่อมา Faux Saint Destroyers หลายร้อยตัวก็เปล่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวออกมาก่อนที่พวกมันจะรวมกลุ่มกัน และใช้เทคนิคการต่อสู้หลอมรวมเข้าใส่กลุ่มของยู่หลาน ซึ่งมันทำให้พลังในการโจมตีของพวกมันตอนนี้เทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายขั้นสี่ และในพริบตาการโจมตีแบบนี้มากกว่าสามสิบการโจมตีก็ถูกปล่อยเข้าใส่ยู่หลานและองครักษ์ส่วนตัวสองคนของเธอ
สำหรับมอนสเตอร์ Faux Saint ที่ติดอยู่ในรอยแยก พวกมันก็ปีนขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และกลับมาเข้าร่วมกองทัพเพื่อโจมตีวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีกสีเงินต่อ
“แน่นอนเลยว่าองครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลสองคนนั้นมันไม่มากพอที่จะใช้เปลี่ยนแปลงอะไรได้ ความแข็งแกร่งของกองทัพ Faux Saint มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นในปัจจุบันจะสามารถต้านทานได้เลย”
เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆเห็นฉากนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
องครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่จะสามารถหาได้ผ่านโชคเท่านั้น และในสนามรบ องครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลก็สามารถที่จะแสดงพลังออกมาได้มากกว่ามอนสเตอร์ระดับเทพนิยายในเลเวลเดียวกันด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามพลังขององครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลนั้นจะน่ากลัวก็ต่อเมื่อพวกเขาต้องรับมือกับกองทัพจำนวนไม่มากนักที่เหมาะกับจำนวนของตัวเองเท่านั้น และเมื่อพูดถึงกองทัพมอน
สเตอร์ Faux Saint ในปัจจุบันนี้ ความพยายามขององครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลสองคนจึงจัดว่าไม่มีประโยชน์อะไรมากนักเลย เพราะท้ายที่สุดไม่ว่า NPC ขั้นสามจะทรงพลังมากขนาดไหน พวกเขาก็ยังไม่สามารถจะฆ่าลอร์ดบอสผู้ยิ่งใหญ่ในเลเวลเดียวกันหรือใกล้เคียงกันได้ในการโจมตีเดียว ไม่ต้องพูดถึงแกรนลอร์ดหรือเหนือกว่านั้นเลย
กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นจะสามารถตรึงองครักษ์ส่วนตัวระดับดาร์คโกลสองคนของยู่หลานไว้ได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้ Faux Saint Destroyers หลายร้อยตัว และแม้ว่าในท้ายที่สุดองครักษ์ระดับดาร์คโกลสองคนจะสามารถจัดการ Faux Saint Destroyers หลายร้อยตัวลงได้ แต่กว่าตอนนั้นจะมาถึงเมืองปีกสีเงินก็คงจะล่มสลายไปก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตามในตอนที่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint กำลังจะเริ่มโจมตีอีกระลอก วงเวทย์อัญเชิญสีเงินก็ปรากฎขึ้นบริเวณด้านนอกกำแพงเมืองปีกสีเงินอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งพอนับรวมๆแล้วมันก็มีมากกว่าสามร้อยวงเลย จากนั้นมันก็มีร่างหลายร่างโผล่ออกมาจากวงเวทย์เหล่านี้
หลังจากนั้น สกิลและเวทย์ที่เป็น ไฟ น้ำแข็ง สายฟ้า และลมจำนวนมากก็ถูกใช้โจมตีเข้าใส่มอนสเตอร์ Faux Saint ที่อยู่นอกเขตวงเวทย์ป้องกันของเมือง
ตู้ม … ตู้ม … ตู้ม …
ชั่วครู่หนึ่ง มานาธาตุจำนวนมากก็เข้าท่วมท้นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint และมันก็ทำให้มอนสเตอร์ Faux Saint จำนวนนับไม่ถ้วนกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และเสียงของพวกมันก็ดังก้องไปทั่วเมืองปีกสีเงิน
“นี่ …. เป็นไปได้ยังไง ?!”
เมื่อสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าชมอยู่ เห็นมอนสเตอร์ Faux Saint ตัวแล้วตัวเล่าถูกทำให้ปลิวกระเด็นออกมาด้วยสภาพน่าสังเวชมากๆ ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง ….
ในขณะนี้มันมีองครักษ์ส่วนตัวอีกมากกว่าสามร้อยคนยืนอยู่นอกเมืองปีกสีเงิน ซึ่งทุกคนล้วนมีออร่าที่น่ากลัว และมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาไม่ใช่องครักษ์ส่วนตัวธรรมดา
นอกเหนือจากสมาชิกของมหาอำนาจต่างๆที่กำลังชมผ่านกระจกเวทย์มนต์อยู่นั้น ผู้เล่นอิสระที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเช่นกัน ตอนนี้จิตใจของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“นี่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม ? …”
อันยีลดิ้งฮาร์ทสงสัยว่าเขากำลังฝัน ในขณะที่เขาเฝ้าดูองครักษ์ส่วนตัวมากกว่าสามร้อยคนกำลังต่อสู้อยู่ที่นอกเมืองปีกสีเงิน ในฐานะรองหัวหน้ากิลของอันยีลดิ้งโซล เขาเคยเห็นองครักษ์ส่วนตัวที่ทรงพลังมากๆมาก่อน อย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้เห็นองครักษ์ส่วนตัวที่ทรงพลังจำนวนมากขนาดนี้
แม้ว่าเหล่าองครักษ์ส่วนตัวที่พึ่งปรากฎตัวขึ้นมาใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่จะอ่อนแอกว่าองครักษ์ส่วนตัวทั้งสองคนของยู่หลาน แต่พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าองครักษ์ส่วนตัวทั่วไปมากๆ ในความเป็นจริง แม้แต่องครักษ์ส่วนตัวที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขาก็ยังทำให้อันยีลดิ้งฮาร์ทรู้สึกไร้พลังจะต่อกรได้
ในขณะเดียวกันหลังจากอิลูซะรี่เวิร์ดได้เห็นองครักษ์ส่วนตัวมากกว่าสามร้อยคนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสายตาหันไปมองซือเฟิงที่อยู่ใกล้ๆ
นี่คือเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลังความมั่นใจของเขางั้นหรอ ?
องครักษ์ส่วนตัวมากกว่าสามร้อยคนนี้ ทุกคนล้วนแข็งแกร่งกว่าแกรนลอร์ดในเลเวลเดียวกัน และในระยะนี้ของเกม มันก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้แต่กับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะมีอะไรแบบนี้
มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย หากจะบอกว่าตราบใดที่มีองครักษ์ส่วนตัวมากกว่าสามร้อยคนเหล่านี้อยู่ ยังไงซะเมืองปีกสีเงินก็จะไม่มีวันล่มสลายแน่นอน
แต่เดิม NPC นั้นก็มีค่าสถานะพื้นฐานมากกว่าผู้เล่นอยู่แล้ว แต่หลังจากที่กลายเป็นองครักษ์ส่สนตัวของผู้เล่น พวกเขาก็จะได้รับค่าสถานะพื้นฐานเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อยสิบเปอเซ็นต์ และเมื่อรวมกับบัฟที่ได้รับจากวงเวทย์ของเมือง มันจึงทำให้องครักษ์ส่วนตัวขั้นสามเหล่านี้แข็งแกร่งกว่าทหาร NPC ขั้นสามของเมืองมาก ซึ่งตอนนี้มันอาจกล่าวได้ว่าการป้องกันของเมืองปีกสีเงินนั้นแข็งแกร่งกว่าเมืองหลักขนาดใหญ่ของ NPC บางเมืองด้วยซ้ำ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทหาร NPC ส่วนใหญ่ที่พบในเมืองหลักขนาดใหญ่ของ NPC ล้วนอยู่ในขั้นสอง มันมีพวกขั้นสามอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และข้อดีเพียงอย่างเดียวที่ทหารในเมือง NPC มีเหนือกว่ากองกำลังองครักษ์ส่วนตัวของสภาสิบแปดปีกก็คือ เลเวลเท่านั้น
ในขณะเดียวกันแม้ว่ากองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint จะมีข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนอย่างท่วมท้น แถมในกองทัพยังมีแกรนลอร์ดอีกมากกว่าหนึ่งแสนตัว แต่หอคอยเวทย์มนต์ของเมืองปีกสีเงินนั้นก็ค่อนข้างจะพิเศษ ในตอนนี้เมื่อมอนสเตอร์ Faux Saint ไม่สามารถจะโจมตีและทำลายวงเวทย์ป้องกันของเมืองลงได้ เนื่องจากการรบกวนจากบรรดาองครักษ์ส่วนตัว ดังนั้นพวกมันก็จะไม่เป็นอะไรมากไปกว่าเป้าหมายมีชีวิตสำหรับหอคอยเวทย์มนต์ และอาวุธสงครามต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้เล่นของเมืองปีกสีเงินกำลังรู้สึกยินดีกับความแข็งแกร่งที่สภาสิบแปดปีกแสดงออกมา Faux Saint Devourers ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปสามตัวในตอนแรกก็เสร็จสิ้นกระบวนการกลืนกิน Faux Saint Destroyers จำนวนหนึ่งเพื่อฟื้นฟูตัวเองแล้ว และตอนนี้พวกมันก็ได้กลับเข้าไปรวมกลุ่มกับ Faux Saint Devourers อีกห้าตัวแล้ว
“ดี !!! ในที่สุดพวกมันก็ฟื้นตัวแล้ว !!!” เธ้าซั่นอายเต็มไปด้วยความสุข เมื่อเขาได้เห็นฉากนี้
ก่อนหน้านี้ซือเฟิงได้ทำให้พวกเขาหมดหนทางอย่างสมบูรณ์ และทำให้ Faux Saint Devourers สามตัวหมดสภาพจะต่อสู้ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ Faux Saint Devourers จึงยังไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้
แต่พอตอนนี้ Faux Saint Devourers แปดตัวได้กลับมารวมกลุ่มกันแล้ว ดังนั้นพวกมันจึงจะสามารถแสดงพลังความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้
ในช่วงเวลาต่อมา Faux Saint Devourers ทั้งแปดก็สบตากัน และหลังจากเห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งหมดคิดตรงกันแล้ว Faux Saint Devourers ทั้งแปดตัวก็ได้จัดการใช้หอกของตัวเองหลอมรวมกัน และโจมตีตรงไปยังจุดเดียวบนวงเวทย์ป้องกันของเมือง ซึ่งทุกๆที่ที่การโจมตีนี้ตัดผ่าน มันทำให้เกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ แถมยังทำให้ทุกอย่างในรัศมีห้าสิบหลารอบมันแปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่าทั้งหมด และมันก็เห็นได้ชัดว่าการโจมตีนี้มันทรงพลังมากกว่าการโจมตีที่ Faux Saint Devourers ทั้งห้าตัวเคยใช้ร่วมกันมาก่อน
“ขั้นห้า ?”
อิลูซะรี่เวิร์ดชะงักไป เมื่อเธอได้เห็นการโจมตีล่าสุดที่กำลังเข้ามา เพราะเธอสามารถบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าการโจมตีที่สามารถทำให้เกิดปรากฎการณ์หลายอย่างพร้อมกันได้แบบนี้นั้นจะต้องมีมาตราอยู่ในขั้นห้าแน่นอน
ซึ่งการโจมตีแบบนี้นั้น มันทรงพลังมากพอจะทำให้พลังงานสำรองของวงเวทย์ป้องกันของเมืองหลัก NPC ขนาดใหญ่หมดลงได้ทันทีเลยด้วยซ้ำ
ถึงจะรู้ทั้งหมดนี้ แต่อิลูซะรี่เวิร์ด และ อันยีลดิ้งฮาร์ทก็ทำได้แค่เฝ้าดูการโจมตีใกล้เข้ามาเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วในปัจจุบัน มันไม่มีผู้เล่นขั้นสาม หรือ NPC ขั้นสามคนใดที่จะสามารถหยุดการโจมตีนี้ได้ และสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ในตอนนี้ก็คือ การภาวนาให้วงเวทย์ป้องกันของเมืองปีกสีเงินสามารถทนรับการโจมตีนี้ได้ก็เท่านั้น
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่การโจมตีนี้กำลังจะโจมตีโดนวงเวทย์ป้องกันของเมือง ชายคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมที่ดูหรูหรา และถือคทาสีดำสนิทก็ปรากฎตัวขึ้นที่นอกเมืองปีกสีเงิน จากนั้นชายคนนี้ก็ยื่นคทาเข้าไปรับการโจมตีที่กำลังเข้ามา
ซึ่งทันทีที่เขาทำแบบนี้นั้น วงเวทย์สีฟ้าครามขนาดมหึมาที่ซ้อนทับกันสามชั้นก็ปรา
กฎขึ้นที่ปลายคทาของชายคนนี้ ก่อนที่ชายคนนี้จะจัดการเบี่ยงเบนการโจมตีนี้ให้ไปโจมตีเข้าใส่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่อยู่โดยรอบแทน ซึ่งมันก็ทำให้บรรดามอนสเตอร์ Faux Saint ที่โดนเข้าไปล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งหมด
“การโจมตีถูกป้องกันเอาไว้ได้งั้นหรอ ?”
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึง โดยเฉพาะกับเธ้าซั่นอายที่ดวงตาของเขานั้นแทบจะถลนออกจากเบ้า
นี่มันเป็นการโจมตีขั้นห้า !!!
กระนั้นมันกับถูกเบี่ยงเบนออกไปอย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตามก่อนที่ทุกคนจะทันได้หายตกตะลึง ชายคนนี้ก็ได้จัดการโบกคทาของเขาอีกครั้ง
หลังจากนั้นสายฟ้าสีดำนับโหลก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า และโจมตีเข้าใส่ Faux Saint Devourers ทั้งแปดตัวอย่างรุนแรง ซึ่งมันก็ราวกับว่า Faux Saint Devourers ทั้งแปดนี้ถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งชน เพราะพวกมันถูกกดให้จมลึกลงไปบนพื้นดินเรื่อยๆทุกครั้งที่โดนการโจมตีนี้ ในขณะที่ HP ของพวกมันนั้นก็ลดลงในอัตราที่มองเห็นได้ชัดเลย ส่วนออร่าชีวิตของพวกมันนั้นก็อ่อนแอลงเรื่อยๆเช่นกัน
“นี่ ….”
ทุกคนต่างพูดไม่ออก เมื่อพวกเขาได้เห็นหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่แปดหลุมที่มีความลึกหกเมตรก่อตัวขึ้นในสนามรบอย่างกระทันหัน
ความแข็งแกร่งที่ชายคนนี้พึ่งจะแสดงออกมานั้นไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่าทรงพลังอีกต่อไป นี่มันเรียกได้ว่าท้าทายโลกทัศน์ของพวกเขาในทางปฎิบัติด้วยซ้ำ
“แม่งเอ้ย !!! NPC ขั้นสี่นั่นทรงพลังมากขนาดนี้ได้ยังไง ?!!” เธ้าซั่นอายจ้องมองไปที่ชายในชุดคลุมที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
พวกเขาได้ทำการรวบรวมข้อมูล และวิจัยเกี่ยวกับเคร็ก มิดแลนด์ ซึ่งเป็น NPC ขั้นสี่ที่คอยปกป้องเมืองปีกสีเงินมาแล้ว ซึ่งตัวตนของ NPC คนนี้ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มือแห่งนักบุญนั้นไม่กล้าจะเข้าใกล้เมืองปีกสีเงินตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา และพวกเขาก็พึ่งจะมาบุกล้อมเมืองตรงๆแบบนี้หลังจากที่ซือเฟิงทำการฆ่า Faux Saint Devourers ก่อนหน้านี้ไปหนึ่งตัวแล้วเท่านั้น ….
อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเคร็ก มิดแลนด์ มันก็ไปไกลเกินกว่าที่พวกเขาคิดไว้ไปอีกอย่างมาก
แถมในตอนนี้เพื่อทำให้เรื่องแย่ลงราชันเวทย์มนต์ผู้นี้ก็กำลังทำการใช้คำสาปขั้นสี่ สองคำสาปติดกัน โดยไม่ได้ร่ายเลย
“ผู้บัญชาการ เราไม่สามารถจะดำเนินการต่อไปได้ทั้งๆแบบนี้ ถ้าเราสู้ต่อไป ฉันกลัวว่า NPC ขั้นสี่นั่นจะฆ่า Faux Saint Devourers ทั้งแปดตัวลงได้ในไม่ช้า และเมื่อเป็นแบบนั้น หัวหน้ากิลได้เอาเราตายแน่นอน …” แรนเจอร์ เลเวลหนึ่งร้อยสิบห้า ขั้นสามที่อยู่ข้างๆเธ้าซั่นอายกล่าวแนะนำอย่างรีบร้อน เมื่อเขาเห็นว่า Faux Saint Devourers ทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
ต่อหน้าราชันเวทย์มนต์เคร็ก มิดแลนด์ Faux Saint Devourers ทั้งแปดตัวนั้นไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้เลยแม้แต่น้อย และ HP ของพวกมันก็ลดลงอย่างรวดเร็วมากๆ ซึ่งมันก็จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น ก่อนที่ HP ของพวกมันทั้งหมดจะลดลงถึงศูนย์
หากไม่ใช่เพราะเคร็ก มิดแลนด์ ถูกจำกัดขอบเขตการใช้พลังไว้เพราะเมืองปีกสีเงิน บางทีเขาอาจจะทำลายกองทัพทั้งหมดของมอนสเตอร์ Faux Saint ลงได้ด้วยตัวเองเลย
“ถ่ายทอดคำสั่งของฉันออกไป ให้มอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งหมดทำการถอยทัพทันที” เธ้าซั่นอายพูดอย่างไม่เต็มใจ ในขณะที่เขามองดู HP ของ Faux Saint Devourers ลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นก็แทบจะไม่สามารถโจมตีวงเวทย์ป้องกันของเมืองปีกสีเงินได้เลย
พวกเขาแพ้แล้ว แพ้แล้วอย่างแท้จริง ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นการที่พวกเขาแพ้ และประสบความสูญเสียถึงสองครั้งติดต่อกัน
“เข้าใจแล้ว !!!” แรนเจอร์ขั้นสามพยักหน้า ก่อนจะรีบถ่ายทอดคำสั่งของเธ้าซั่นอายไปยังสมาชิกของมือแห่งนักบุญคนอื่นๆ
หลังจากนั้นสมาชิกของมือแห่งนักบุญก็หยิบคริสตัลแปลกๆออกมาจากกระเป๋าของพวกเขา และเริ่มร่ายเวทย์ และทันใดนั้นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่โจมตีเมืองปีกสีเงินอยู่ก็เริ่มถอย และกระจายตัวกันหนี ราวกับพวกมันได้รับหมายเรียก
เมื่อเห็นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ถอยกลับ ผู้เล่นในเมืองปีกสีเงินก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ผู้เล่นหลายคนนั้นถึงกับส่งเสียงเชียร์และเฉลิมฉลองออกมาด้วยซ้ำ เพราะท้ายที่สุดนี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆนับตั้งแต่ที่เกิดการระบาดของมอน
สเตอร์ Faux Saint ที่ผู้เล่นได้รับชัยชนะครั้งใหญ่เหนือพวกมัน
อย่างไรก็ตามซือเฟิงยังคงยืนอยู่เหนือประตูหลักของเมือง และไม่ได้แสดงความตื่นเต้นใดๆบนใบหน้าของเขา ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนสายตาหันไปมองป่าที่อยู่ห่างไกล
“ถอยหนี ? นี่พวกคุณคิดว่าเมืองปีกสีเงินเป็นสถานที่ที่พวกคุณจะสามารถเข้ามาได้ทุกเมื่อที่ต้องการงั้นหรอ ?” ซือเฟิงกล่าว จากนั้นเขาก็หยิบม้วนคัมภีร์อัญเชิญองครักษ์ส่วนตัวของเขาออกมาจากกระเป๋า และคลี่มันออก “เมื่อพวกคุณมาถึงที่นี่แล้ว ก็จงอยู่ที่ตลอดไปเถอะ !!!”