Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2685
ตอนที่ 2685 ค่าตอบแทนที่ใจกว้าง และเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่
ทันทีที่ซือเฟิงพูดจบ เคิร์สแมนเซอร์หญิงและสมาชิกฟรอสต์ฮีฟเว่นคนอื่นๆก็หายจากอาการตกตะลึงและหวาดกลัว และในตอนนี้การดูถูกทั้งหมดที่พวกเขาเคยมีต่อสภาสิบแปดปีกนั้นก็ได้หายไป
จำนวนผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดที่สภาสิบแปดปีกมีอยู่ในปัจจุบันอาจไม่สามารถเทียบกับมหาอำนาจต่างๆได้ อย่างไรก็ตามด้วยโดเมนมานาของซือเฟิง เขาจะสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของทีมขึ้นได้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นหากมหาอำนาจต่างๆไม่มีวิธีจัดการกับโดเมนมานา มันก็ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะส่งผู้เชี่ยวชาญขั้นสามกี่คนมา
ตามล่าซือเฟิง เพราะท้ายที่สุดทุกอย่างจะจบลงด้วยการที่ผู้เชี่ยวชาญของพวกเขาตายทั้งหมดแน่นอน
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณช่างเป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ในกรณีนี้ฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันคือมู่ฉิน รองหัวหน้ากิลของฟรอสต์ฮีฟเว่น และฉันมาที่นี่ในนามกิลของฉันเพื่อเชิญให้สภาสิบแปดปีกเข้าร่วมกับพันธมิตรของฟรอสต์ฮีฟเว่น” มู่ฉินกล่าวโดยมองไปที่ซือเฟิง
“พันธมิตรของคุณ ?” ซือเฟิงมองไปที่มู่ฉินด้วยความสับสน
เท่าที่เขาจำได้ฟรอสต์ฮีฟเว่นเดินตามเส้นทางของหมาป่าเดียวดายมาตลอด โดยไม่เคยสร้างพันธมิตรกับผู้อื่นเลยในชีวิตที่ผ่านมาของเขา
“ถูกต้อง ว่ากันตามตรงคุณสามารถพิจารณาได้ว่ามันเป็นพันธมิตรที่กำหนดเป้าหมายไปยังมอนสเตอร์ Faux Saint” มู่ฉินอธิบายพลางพยักหน้า “ตราบเท่าที่สภาสิบแปดปปีกเข้าร่วมเป็นพันธมิตร ไม่เพียงแต่เราจะโจมตีและป้องกันมอนสเตอร์ Faux Saint ด้วยกัน แต่เรายังจะแบ่งปันข้อมูลมากมายให้กับสภาสิบแปดปีก โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมและการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ Faux Saint ซึ่งด้วยเรื่องนี้ หากมอนสเตอร์ Faux Saint พยายามจะเริ่มปฎิบัติการขนาดใหญ่ เราก็จะเตรียมพร้อมสำหรับมันได้ทัน”
“เงื่อนไขในการรับสมัครคืออะไร ?” ซือเฟิงถาม
สำหรับสภาสิบแปดปีกในปัจจุบัน ข้อเสนอเรื่องความช่วยเหลือในการโจมตีและป้องกันมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นไม่ได้มีความสำคัญเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตามข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมและการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ Faux Saint นั้นมันเป็นสิ่งที่เขาสนใจอย่างมาก แม้ว่าสมาชิกสภาสิบแปดปีกจะสามารถรวบรวมข้อมูลมากมายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ แต่ขอบเขตของข้อมูลที่กิลมีมันก็จัดว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับข้อมูลของมหาอำนาจต่างๆที่ทำงานร่วมกันเพื่อค้นหาข้อมูล
ซึ่งด้วยข้อมูลดังกล่าวเขาจะเข้าใจการเคลื่อนไหวและกิจกรรมของมอนสเตอร์ Faux Saint ได้ดีขึ้น และสามารถทำให้สภาสิบแปดปีกเตรียมการหลายสิ่งล่วงหน้าได้ อย่างไรก็ตามปัญหามอนสเตอร์ Faux Saint นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถจัดการได้ในระยะสั้น ในความเป็นจริงมอนสเตอร์ Faux Saint จะยังคงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสภาสิบแปดปีกในอนาคตด้วย
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณคิดมากเกินไปแล้ว มันไม่ได้มีเงื่อนไขใดๆหรอกในเรื่องนี้ ….” มู่ฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอ “แต่ถ้าให้ฉันต้องพูดสักข้อ มันก็น่าจะเป็นการต้องได้รับการยอมรับจากฟรอสต์ฮีฟเว่น”
“นั่นหมายความว่าสภาสิบแปดปีกได้รับการยอมรับแล้วงั้นหรอ ?” ซือเฟิงถามอย่างสงสัย
“แน่นอน นอกจากนี้นอกเหนือจากการเชิญสภาสิบแปดปีกเข้าร่วมพันธมิตรแล้ว ฉันยังต้องการจะขยายคำเชิญไปยังสภาสิบแปดปีกเพื่อให้เข้าร่วมปฎิบัติการลับที่พันธมิตรของเรากำลังวางแผนอยู่” มู่ฉินกล่าวอย่างจริงจัง
“ปฎิบัติการลับ ? นี่มันเป็นภาคบังคับที่เราจำเป็นต้องเข้าร่วม โดยไม่สามารถปฎิเสธได้รึปล่าว ?” ซือเฟิงถาม เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าที่จริงจังและเต็มไปด้วยความตื่นเต้นของมู่ฉิน
“มันไม่ใช่ภาคบังคับ แต่ถ้าสภาสิบแปดปีกเต็มใจจะช่วยเหลือ ฉันสามารถจะมอบค่าตอบแทนให้กับคุณเป็นการส่วนตัวได้ ตัวอย่างเช่น ฉันสามารถให้สารอาหารเหลวระดับ S แก่คุณได้ห้าสิบขวด ซึ่งมันเป็นสิ่งที่มหาอำนาจต่างๆกำลังต้องการอย่างเร่งด่วน” มู่ฉินกล่าว
สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นคนอื่นๆที่ยืนอยู่ข้างๆมู่ฉินหันมามองเธอด้วยความตกตะลึง
“มู่ฉิน คุณคิดอะไรอยู่ ?! นั่นมันเป็นความลับสุดยอดเลยนะ !!! แม้จะเป็นในกลุ่มพันธมิตร แต่มันก็มีแค่อีกสองกิลเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วม !!! หากคุณเชิญสภาสิบแปดปีกเข้าร่วม แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสสูงสุดของกิลเราจะเห็นด้วย แต่อีกสองกิลก็จะต่อต้านอย่างแน่นอนในเรื่องนี้ !!!” เคิร์สแมนเซอร์หญิงกล่าวบ่นมู่ฉิน
เคิร์สแมนเซอร์หญิงไม่ได้แปลกใจมากนักที่มู่ฉินตกลงให้สภาสิบแปดปีกเข้าร่วมพันธมิตรของพวกเขา เพราะท้ายที่สุดด้วยสิทธิประโยชน์ที่เมืองปีกสีเงินมี และโดเมนมานาของซือเฟิง สภาสิบแปดปีกจึงมีคุณสมบัติมากเพียงพอ
อย่างไรก็ตามการเชิญสภาสิบแปดปีกเข้าร่วมในปฎิบัติการลับของพันธมิตรนั้นมันเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ปฎิบัติการลับที่มู่ฉินกล่าวถึงนั้นมันไม่ใช่เรื่องธรรมดา ฟรอสต์ฮีฟเว่นและมหาอำนาจอีกสองกลุ่มได้จ่ายไปอย่างมหาศาลเพื่อรับเอาโอกาสนี้มา ซึ่งการที่มู่ฉินมาเชิญให้สภาสิบแปดปีกเข้าร่วมด้วย มันบ้าชัดๆ !!!
“ผ่อนคลายน่า การมีส่วนร่วมของสภาสิบแปดปีกจะมาจากส่วนแบ่งของฉัน ด้วยวิธีนี้มหาอำนาจอีกสองกลุ่มจะไม่มีปัญหาใดๆแน่นอน” มู่ฉินตอบอย่างไม่ไยดี
“นี่คุณบ้าไปแล้วจริงๆงั้นหรอ ?! ต่อให้คุณทำแบบนี้ได้โดยไม่มีใครสามารถห้ามได้ แต่ถ้าลุงหงและคนอื่นๆเกิดไม่พอใจคุณ คุณก็จะเจอกับปัญหาใหญ่ได้นะ !!!” เคิร์สแมนเซอร์หญิงกล่าวด้วยความสับสน
ในฐานะทายาทของบริษัทโบลเดอร์ หนึ่งในสามบริษัทหลักที่สนับสนุนฟรอสต์ฮีฟเว่น มู่ฉินนั้นมีช่องจำนวนมากสำหรับปฎิบัติการลับที่กำลังจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหากมู่ฉินมอบช่องเหล่านี้ให้กับสมาชิกสภาสิบแปดปีก หัวหน้ากิลของฟรอสต์ฮีฟเว่น และบรรดาผู้อาวุโสสูงสุดของกิลบางส่วนจะต่อต้านเธอแน่นอน ในความเป็นจริงหากการเข้าร่วมของสภาสิบแปดปีกส่งผลเสียต่อปฎิบัติการ มันก็อาจส่งผลต่อสถานะของบริษัทโบลเดอร์ในฟรอสต์ฮีฟเว่นได้ด้วย
ในขณะเดียวกันเมื่อเห็นว่าเคิร์สแมนเซอร์หญิงหยุดพูดแล้ว มู่ฉินก็จ้องมองมาที่ซือเฟิงต่อ
“คุณคิดยังไงกับเรื่องนี้ หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ?” มู่ฉินถามซ้ำอีกครั้ง
“เราจะได้รับสารอาหารเหลวระดับ S ห้าสิบขวดก็ต่อเมื่อปฎิบัติการสำเร็จใช่ไหม ?” ซือเฟิงถามหลังจากครุ่นคิด
ตอนนี้เขาโหยหาสารอาหารเหลวระดับ S อย่างมาก และนอกจากความต้องการส่วนตัวแล้ว เขายังต้องการสารอาหารเหลวระดับ S อีกจำนวนมากมาไว้ใช้พัฒนาเหล่าแกนหลักของสภาสิบแปดปีก สภาสิบแปดปีกนั้นแตกต่างจากมหาอำนาจต่างๆ
เพราะกิลไม่ได้มีบริษัทใดๆสนับสนุนอยู่ ดังนั้นกิลจึงมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากๆในการรวบรวมสารอาหารเหลวระดับ S
เขาต้องยอมรับเลยว่ามู่ฉินจับจุดอ่อนของสภาสิบแปดปีกได้ถูกจุดจริงๆ
“ไม่ใช่ สารอาหารเหลวระดับ S ห้าสิบขวดนั้นเป็นค่ามัดจำ และหากปฎิบัติการสำเร็จ ฉันจะจ่ายให้คุณเพิ่มอีกห้าสิบขวด ….” มู่ฉินตอบคำถามของซือเฟิงด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ ฉันยอมรับคำเชิญของคุณในนามของสภาสิบแปดปีก” ซือเฟิงกล่าว เมื่อเขาได้ยินว่าค่าตอบแทนคือสารอาหารเหลวระดับ S หนึ่งร้อยขวด เขาจึงตอบรับข้อเสนอโดยไม่ลังเล “ปฎิบัติการลับนี้จะเกิดขึ้นเมื่อใด ? และต้องส่งผู้เล่นไปกี่คน ?”
“ฉันยังบอกเวลาที่แน่นอนไม่ได้ แต่เมื่อพิจารณาจากพัฒนาการในปัจจุบัน น่าจะต้องใช้เวลาอีกสิบเอ็ดถึงสิบสองวันก่อนที่ปฎิบัติการจะสามารถเริ่มได้ สำหรับเรื่องจำนวน มันจะดีที่สุดถ้าคุณส่งผู้เล่นมาไม่เกินสิบคน” มู่ฉินตอบหลังจากครุ่นคิด จากนั้นเธอก็ชี้ไปยังเคิร์สแมนเซอร์หญิงข้างๆเธอและพูดว่า “เมื่อการเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉันจะให้หลี่ฉวนมาแจ้งให้คุณทราบ”
“ยอดเยี่ยม งั้นฉันจะได้เตรียมการทั้งหมดที่จำเป็นไว้รอล่วงหน้า ….” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า
หลังจากที่ซือเฟิงตกลงรับคำเชิญของมู่ฉินแล้ว ทั้งสองคนก็ได้ทำการเซ็นสัญญากันอย่างเป็นทางการ และก่อนจะเริ่มปฎิบัติการลับมู่ฉินจะจัดหาสารอาหารเหลวระดับ S ห้าสิบขวดให้กับสภาสิบแปดปีกก่อน และตราบใดที่ปฎิบัติการลับสำเร็จ มู่ฉินก็จะส่งเพิ่มให้อีกห้าสิบขวดภายในสองวันหลังจากปฎิบัติการลับเสร็จสิ้น
“หัวหน้ากิล หัวหน้าตั้งใจจะเข้าไปมีส่วนร่วมในปฎิบัติการลับของฟรอสต์ฮีฟเว่นจริงๆงั้นหรอ ?” ยู่หลานถามอย่างเป็นห่วง เมื่อกลุ่มของมู่ฉินออกจากห้องรับรองไป “ความจริงที่ว่าฟรอสต์ฮีฟเว่นเต็มใจจะมอบสารอาหารเหลวระดับ S ให้เราหนึ่งร้อยขวดนั้น มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่าปฎิบัติการลับนี้ยากแค่ไหน และในความเป็นจริงปฎิบัติการลับนี้อาจมีความเสี่ยงสูงมาก ซึ่งหากมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น สตาร์ลิ้ง และมือแห่งนักบุญก็อาจจะฉวยโอกาสนี้ได้”
ตอนนี้เมืองปีกสีเงินนั้นได้รับการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดใหญ่ขั้นพื้นฐานแล้ว ซึ่งจำนวนผู้เล่น มหาอำนาจ และองค์กรต่างๆที่เข้ามาปฎิบัติงานในเมืองปีกสีเงินกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากการประมาณการในปัจจุบัน พวกเขาสามารถทำเงินได้มากกว่าสามแสนเหรียญทองต่อวันจากการเก็บค่าเข้าเมืองเพียงอย่างเดียว และหลังจากหักใช้จ่ายต่างๆทั้งหมดที่จำเป็น พวกเขาก็เหลือกำไรมากกว่าหนึ่งแสนเหรียญทองต่อวันเลย ซึ่งสิ่งนี้ยังไม่รวมรายได้จากด้านอื่นๆในเมืองด้วยซ้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทขนส่ง
พูดง่ายๆก็คือตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องไปแบกรับความเสี่ยงๆใดเลย เพราะพวกเขามีความสามารถในการจะสะสมเงินให้ได้มากพอที่จะซื้อสารอาหารเหลวระดับ S จำนวนมากด้วยตัวเองแล้ว เพียงแต่มันจะต้องใช้เวลานานหน่อยก็เท่านั้น
“ฉันเข้าใจ แต่เราก็ต้องมีชีวิตรอดให้ได้นานพอนะถึงจะหาเงินจำนวนนั้นมาได้ ….” ซือเฟิงตอบด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะปฎิเสธข้อเสนอของมู่ฉินเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดแล้ว สารอาหารเหลวระดับ S ในตอนนี้นั้นจัดว่ามีค่าและหายากๆ แม้แต่กับฟรอสต์ฮีฟเว่นก็ตาม ซึ่งการที่มู่ฉินเสนอเป็นค่าตอบแทนให้เขามากขนาดนี้ มันก็แปลว่าปฎิบัติการลับนี้จะต้องมีปัญหา และมีความยากอย่างน่าเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตามสารอาหารเหลวระดับ S หนึ่งร้อยขวดนี้จะช่วยบรรเทาความกดดันของสภาสิบแปดปีกไปได้มาก นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว ดังนั้นการซื้อสารอาหารเหลวระดับ S ด้วยตัวเองจึงจะทำได้ยากยิ่งกว่าเดิมแน่นอน
หลังจากซือเฟิงพูดคุยกับยู่หลานเรียบร้อย เขาก็ได้มอบหมายงานที่จำเป็นทั้งหมดในเมืองปีกสีเงินให้เธอ ก่อนที่เขาจะแอบเดินลงไปยังห้องหลักของชั้นใต้ดินชั้นที่สองที่อยู่ใต้คฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง และจากนั้นเขาก็หยิบม้วนคัมภีร์ที่ขาดรุ่งริ่งออกมาจากกระเป๋าของเขา
แม้ว่าฉันจะไม่สามารถเตรียมการรับมือเหตุการณ์ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ แต่เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานทั้งหมดในอนาคตจะราบรื่นขึ้น ฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเลื่อนขั้นไปยังขั้นต่อไปให้เร็วที่สุด !!!
ซือเฟิงกัดฟันของเขา ขณะที่เขาคลี่ม้วนคัมภีร์ที่ขาดรุ่งริ่งที่เขาได้รับมาจากลิชโบราณโซล๊อคออกมา และเริ่มร่ายเวทย์ที่ม้วนคัมภีร์บันทึกไว้ ….