Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2690
ตอนที่ 2690 เศษชิ้นส่วนโลหะที่ไม่รู้จัก
ช่างเป็นปรากฎการณ์ที่ทรงพลังมากๆ !!!
หัวใจของซือเฟิงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อเขาได้เห็นไอเทมมากกว่าหนึ่งโหลลอยอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ
เขาเคยเห็นไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์มามากมายหลายชนิด แต่เขาไม่เคยเห็นไอเทมที่มาพร้อมกับมนศักสิทธิ์เลย และนี่ก็นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้เห็นอะไรแบบนี้ ซึ่งมันมาจากไอเทมที่ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกดรอปออกมา
ปัจจุบันมานาทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีห้าสิบหลาของไอเทมเหล่านี้นั้นถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ไปทั้งหมด และแม้แต่มานาภายในร่างกายของเขาก็ยังหมดลงอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ หากผู้เล่นที่มีร่างมานาระดับเงินมายืนอยู่แทนที่เขาตรงนี้ พวกเขาจะหมดสติทันทีจากผลของเรื่องนี้แน่นอน
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ซือเฟิงก็ไม่กล้าที่จะลังเลนานเกินไป เขารีบก้าวไปข้างหน้า และพยายามจะเก็บไอเทมเหล่านี้เข้ากระเป๋าทันที
อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาแตะไอเทมที่ดรอปออกมา เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ได้ดังขึ้นมาที่หูของเขา
….
ระบบ : ไม่ควรเก็บไอเทมนี้ไว้ เนื่องจากมันมีผลการขับไล่มานาที่ทรงพลังมาก และการเก็บมันไว้ในกระเป๋าระดับอีปิคของคุณก็จะยังคงมีอันตรายในระดับหนึ่ง คุณต้องการเก็บไอเทมนี้ไว้ในกระเป๋าระดับอีปิคของคุณหรือไม่ ?
….
ไม่ควรเก็บไว้ ?
ซือเฟิงค่อนข้างประหลาดใจ เมื่อได้เห็นการแจ้งของระบบ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะประหลาดใจ แต่เขาก็ยังคงเลือกจะเก็บไอเทมนี้เข้ากระเป๋าอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดถ้าเขาไม่เก็บไอเทมนี้เข้ากระเป๋า เขาจะตายแน่นอนจากการที่มันทำให้พื้นที่โดยรอบไม่มีมานา
ในขณะที่ซือเฟิงค่อยๆเก็บไอเทมพวกนี้เข้ากระเป๋าทีละชิ้น สภาพมานาภายในถ้ำก็ค่อยๆฟื้นฟูขึ้น ซึ่งเมื่อเห็นแบบนี้ ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เกือบไปแล้ว !! หากฉันไม่ได้รับเก็บไอเทมพวกนี้เข้ากระเป๋า มันจะผลาญมานาของฉันหมดภายในสิบห้าวินาทีเลย ซือเฟิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และนั่งลงพลางตรวจสอบไอเทมทั้งสิบห้าชิ้นที่เขาเก็บมาทันที
ก่อนหน้านี้ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนั้นมันก็จัดว่าน่าประหลาดใจมากแล้ว เพราะมันสามารถทำให้มานาโดยรอบตัวผู้เล่นแข็งตัวทั้งหมดได้ ซึ่งสำหรับผู้เล่นที่พึ่งพาสกิลและเวทย์ในการต่อสู้เป็นหลักนั้น นี่มันก็นับว่าเป็นเรื่องร่ายแรงเลย
อย่างไรก็ตามตอนนี้ไอเทมที่ผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกดรอปออกมา มันกับน่าทึ่งยิ่งกว่า เพราะพวกมันสามารถขับไล่มานาภายในรัศมีห้าสิบหลาออกไปได้ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่มานาภายในร่างกายของเขา ซึ่งนี่มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเจอและไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
หากผู้เล่นได้พบกับไอเทมพิเศษเหล่านี้ และไม่มีวิธีการจัดเก็บที่เหมาะสม พวกเขาอาจจะพบกับความตายได้เลย
และแม้ว่าซือเฟิงจะแอบรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กๆ แต่เขาก็ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองไม่ให้รีบตรวจสอบไอเทมเหล่านี้ได้
หลังจากที่ซือเฟิงได้ใช้สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำแล้ว เขาก็ต้องเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ เพราะสิ่งที่เขาได้รับทั้งหมดคือชื่อ “เศษชิ้นส่วนโลหะที่ไม่รู้จัก” และข้อมูลที่ว่าแต่เดิมนั้นมันเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธ
อึก !! นี่มันเคยเป็นส่วนหนึ่งของอาวุธแบบไหนกัน ?!! มันจะไม่น่าทึ่งเกินไปหน่อยงั้นหรอ ?! แค่เศษชิ้นส่วนเพียงอย่างเดียวของมันนั้นก็จัดว่าทรงพลังมากแล้ว !!! แม้แต่อาวุธระดับตำนานก็ยังไม่ทรงพลังมากขนาดนี้เลย !!! ซือเฟิงรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้เห็นข้อมูลที่สกิลตรวจสอบที่ผสานเข้ากับตราทองคำบอกมาเพียงเล็กน้อย
ใน God domain ไอเทมระดับตำนานมักจะเสื่อมสภาพกลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน เนื่องจากส่วนประกอบหลักของพวกมันได้รับความเสียหายซึ่งทำให้พวกมันไม่สามารถจะแสดงพลังที่แท้จริงได้ อย่างไรก็ตามในกรณีที่อาวุธระดับตำนานพังลงเอง มันจะไม่ได้กลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนาน มันจะกลายเป็นขยะ มันจะกลายเป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานได้ก็ต่อเมื่อ พวกมันถูกนำมาสร้างขึ้นใหม่โดยใช้ชิ้นส่วนจากอาวุธระดับตำนานเท่านั้น
แต่ตอนนี้แม้จะไม่ได้ผ่านการสร้างใหม่มา แต่ชิ้นส่วนในกระเป๋าของเขาก็ยังคงแสดงเอฟเฟคขับไล่มานาที่ทรงพลังมากๆ ซึ่งแม้แต่อาวุธระดับตำนานที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยได้ยินมาก่อน มันก็ยังไม่มีพลังแบบนี้เลย
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ไม่ได้คิดเรื่องมากนัก เพราะท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเขาต้องโฟกัสกับเรื่องตรงหน้า เมื่อเขาตรวจสอบโลหะพวกนี้และพักผ่อนจนเพียงพอแล้ว เขาก็กลับมาเริ่มเคลื่อนไหวต่อทันที
เนื่องจากตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนั้นมอบพลังของมรดกให้ด้วย ดังนั้นเขาจึงทำการฆ่าพวกมอนสเตอร์เหล่านี้พร้อมกับขุดไปหาเศษชิ้นส่วนมรดกๆพร้อมกัน ซึ่งมันนับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย
อย่างไรก็ตามเมื่อซือเฟิงทำการใช้โฮลี่ดีวอร์แบบง่ายๆขุดซ้ำแล้วซ้ำเล่านั้น มันก็จะมีมอนสเตอร์ที่เป็นผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกนี้ปรากฎขึ้นมาเรื่อยๆทุกกการโจมตีสามถึงสี่ครั้งเลย ซึ่งมันทำให้ความคืบหน้าของเขานั้นไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วเท่าที่เขาคิดไว้ตอนแรก
ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่รุนแรงภายในนี้ มันก็ทำให้อัตราการฟื้นฟูค่าสตามิน่าและค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของซือเฟิงช้าลงมาก และแม้ว่าเขาจะดื่มพวกโพชั่น และใช้เครื่องมือขั้นสูงช่วย แต่ความเร็วในการฟื้นฟูตอนนี้ของเขามันก็เท่ากับเขาอยู่ในเมืองทั่วไปเท่านั้น
โชคดีที่ซือเฟิงนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับดินแดนมรดกขั้นสี่อยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมการล่วงหน้ามาแล้ว โดยเขาได้สั่งให้เมลานโครอิคสไมล์ทำการกักตุนและสร้างโพชั่นกับเครื่องมือขั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับอัตราการฟื้นฟูพวกนี้จำนวนมากไว้ให้เขา และคนอื่นๆที่เป็นพวกระดับสูงในคลังกิล ดังนั้นปัจจุบันเขาจึงมีไอเทมเหล่านี้เหลือพอไว้ใช้แบบต่อเนื่องสองเดือนเต็มเลย
ในขณะที่ซือเฟิงทำการขุด และฆ่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกไปเรื่อยๆ ค่า EXP ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถใช้โฮลี่ดีวอร์แบบง่ายๆได้เชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามยิ่งเขาฆ่าผู้พิทักษ์เส้นทางชั้นนอกมากขึ้นเท่าไหร่ จำนวนเศษชิ้นส่วนโลหะประหลาดที่เขาได้รับนี้มันก็ยิ่งลดลงมากเท่านั้น
ในตอนแรกการฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้ให้เศษชิ้นส่วนโลหะประหลาดนี้นับสิบชิ้น แต่ต่อไปมันก็ลดลงเหลือเลขหลักเดียว และในที่สุดตอนนี้เขาก็ได้รับมาเพียงหนึ่งหรือสองชิ้นจากการฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้หนึ่งตัว
ในขณะที่ซือเฟิงทำแบบนี้นั้น เวลาก็ค่อยๆผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในที่สุดมันก็ผ่านไปเก้าวันแล้ว ซึ่งในเก้าวันนี้หลังจากการล่าอย่างต่อเนื่อง มันก็ทำให้ซือเฟิงมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบสี่แล้ว และถ้าไม่ใช่เพราะคำสาปของเทพปีศาจเขาก็คงจะมาถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้าแล้วด้วย
สำหรับการสะสมพลังของมรดกนั้นตอนนี้เขามีอัตราความสำเร็จที่แปดสิบสามเปอเซ็นต์แล้ว ซึ่งอยู่ห่างจากขั้นต่ำตามข้อกำหนดเพียงสองเปอเซ็นต์ ในการจะเปิดใช้งานมรดกขั้นสี่ ส่วนเศษชิ้นส่วนโลหะที่ไม่รู้จักนั้นเขาก็รวบรวมมาได้เก้าสิบหกชิ้น
ในขณะเดียวกัน มันก็มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในโลกภายนอกในช่วงเก้าวันนี้
ต้องขอบคุณสารอาหารเหลวระดับ S ห้าสิบขวดที่มู่ฉินให้ไว้เป็นมัดจำ เพราะท้ายที่สุดตอนนี้ซือเฟิงนั้นต้องการสารอาหารเหลวระดับ S หนึ่งขวดต่อวันแล้วเพื่อพัฒนาสมองของเขา ซึ่งเมื่อมีเพียงพอ และได้ใช้อย่างเพียงพอสำหรับตัวเองแบบนี้ มันก็ทำให้สภาพร่างกายของซือเฟิงดีขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม หากเขาต้องการจะฟื้นฟูตัวเองกลับไปสู่สภาวะสูงสุด เขาก็ยังคงต้องใช้โพชั่นแห่งชีวิตอยู่ดี
นอกเหนือจากนั้นแล้วสมาชิกสภาสิบแปดปีกก็เริ่มทยอยออกมาจากเขาวงกตเชิงพื้นที่ในพื้นที่แห่งความโกลาหลทีละคนๆ อย่างไรก็ตามไฟเออร์แดนซ์ อควาโรส เสวี่ยเหวินโหรว และผู้เล่นคนอื่นๆที่ประมาณสองโหลได้ใช้เส้นทางที่ต่างออกไปในตอนที่อยู่ในเขาวงกตเชิงพื้นที่ ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงติดอยู่ภายใน
ซึ่งเมื่อสมาชิกกองกำลังหลักส่วนใหญ่ของสภาสิบแปดปีกกลับมากันแล้วนั้น สภาสิบแปดปีกก็เริ่มกลับเข้าสู่สถานะรุ่งเรืองอีกครั้ง เพราะคนเหล่านี้ได้บุกเข้าโจมตีดันเจี้ยนขนาดใหญ่พิเศษต่างๆอย่างบ้าคลั่งจนสามารถรวบรวมวัสดุหายากมากมายมาเก็บไว้ในคลังกิลได้
และเมื่อรวมกับวัสดุหายากที่นำกลับมาจากทวีปด้านตะวันตก ตอนนี้เมลานโครอิคสไมล์และคนอื่นๆจึงสามารถเริ่มผลิตอาวุธและอุปกรณ์เลเวลหนึ่งร้อยสิบได้จำนวนมาก ซึ่งมันก็ทำให้สภาสิบแปดปีกกลับมานำมหาอำนาจต่างๆในประเทศข้างเคียงโดยรอบทันทีเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง พร้อมกันนั้นมันก็ทำให้มีผู้เล่นและทีมนักผจญภัยมากมายที่ต้องการจะสมัครเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก
อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้มันก็มีการเปิดเผยเรื่องที่น่าตกตะลึงมาก
ตัวตนที่แท้จริงของหัวหน้ากิลลึกลับแห่งสภาสิบแปดปีก แบล๊คเฟรม ถูกเปิดเผยแล้ว !!!
เมื่อข้อมูลนี้แพร่กระจายออกไป มหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันออกนั้นก็ล้วนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับอันยีลดิ้งโซล จักรพรรดิคริมสัน และศาลาลับ รวมไปถึงมหาอำนาจต่างๆอีกจำนวนหนึ่งที่เป็นพันธมิตรกับสภาสิบแปดปีก ไม่มีใครคิดเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะเป็นกิลที่ไม่มีภูมิหลังใดๆจริงๆ แถมมันยังเป็นกิลที่ชายหนุ่มอย่างซือเฟิงพัฒนาขึ้นมาใหม่โดยไม่มีอะไรเลยตั้งแต่ต้น
ในขณะเดียวกันนี่มันก็ทำให้มหาอำนาจต่างๆไม่หวาดกลัวอีกต่อไป พวกเขาเริ่มปฎิบัติการโจมตีสมาชิกภายในของสภาสิบแปดปีกอย่างลับๆ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ทุ่มเงินให้กับเหล่าศิษย์บางส่วนเพื่อให้ทรยศศูนย์ฝึกฮีฟเว่นรัมเบิ้ล แถมยังทำการแย่งลูกค้าจากแฟลตฟอร์มการต่อสู้เสมือนจริงด้วย นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่พวกเขาเสนอผลประโยชน์จำนวนมหาศาลในการรับสมัครสมาชิกแกนหลักของสภาสิบแปดปีกไปเข้าฝ่ายตัวเองอีก ซึ่งมันทำให้กิลต้องปวดหัวมากๆในทุกวัน
“หัวหน้ากิลในตอนนี้มีสมาชิกแกนหลักจำนวนหนึ่งของเราได้ยื่นเรื่องขอลาออก
จากกิลแล้ว แถมตอนนี้ศูนย์ฝึกและโรงฝึกต่างๆยังเริ่มเข้ามาท้าทายเรามากขึ้นจนมันทำให้ศิษย์ของเราหลายคนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งปรมาจารย์เหล่ยเปาก็ได้ถูกผู้ที่อยู่ได้ในระดับครึ่งก้าวก่อนจะกลายเป็นสุดยอดปรมาจารย์ที่แท้จริงที่มีตัวตนลึกลับท้าทายในระหว่างทางกลับบ้าน ซึ่งผลมันก็จบลงด้วยการที่ปรมาจารย์เหล่ยเปาพ่ายแพ้ และบาดเจ็บหนัก ซึ่งคนๆนี้ได้เตือนปรมาจารย์เหล่ยเปาว่า ให้ออกจากสภาสิบแปดปีกซะ เพราะมันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มหาอำนาจหลายกลุ่มก็ได้เริ่มส่งตัวแทนเข้ามาที่สำนักงานใหญ่หลักของเราแล้ว พวกเขาบอกว่าตราบใดที่เรายอมให้พวกเขาเป็นผู้ถือหุ้นของสภาสิบแปดปีก พวกเขาจะช่วยจัดการปัญหาทั้งหมดนี้ให้” เหลียงจิงรายงานด้วยความไม่พอใจ
“อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้นั้นยังคงไม่ใช่เรื่องที่สำคัญที่สุด ปัญหาใหญ่ที่สุดตอนนี้คือซัพพลายเอ้อร์ที่เคยจัดหาพวกสารอาหารเหลวระดับ S และเครื่องมือต่างๆให้เราได้ปฎิเสธที่จะทำธุรกิจกับเรา ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ยังไม่มีใครมอบหมายงานให้กิลเราอีกต่อไป ซึ่งในอัตรานี้เราจะสามารถพึ่งพาแค่การแลกเปลี่ยนเหรียญทองเป็นเครดิตเท่านั้นเพื่อให้การดำเนินการประจำวันของกิลเป็นไปได้โดยไม่ติดขัด”
“ฉันเข้าใจ ในตอนนี้ให้ใช้รายได้ของเมืองปีกสีเงินเพื่อเติมเต็มช่องว่าง” ซือเฟิงกล่าวพลางพยักหน้า “ว่าแต่รู้รึยังมหาอำนาจกลุ่มไหนส่งคนมาทำร้ายเหล่ยเปา ?”
“ฉันได้ตรวจสอบกับศาลาลับแล้ว แม้ว่าอีกฝ่ายจะปกปิดตัวตนไว้ค่อนข้างดี แต่ศาลาลับก็ยังคงสามารถหาตัวคนทำมาให้เราได้ ซึ่งนั่นมันก็คือ ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดแห่งเกาะดราก้อนฮาร์ท” เหลียงจิงกล่าว
“วอร์บลัด ?” ดวงตาของซือเฟิงเต็มไปด้วยความเย็นชาทันที เมื่อเขาได้รับข้อมูลนี้ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชามากๆว่า “ดูเหมือนว่ามหาอำนาจต่างๆเหล่านี้จะคิดว่าสภาสิบแปดปีกสามารถถูกกดดันได้ง่ายๆสินะ นี่พวกเขาเชื่อจริงๆหรอว่าฉันจะไม่สามารถทำอะไรกับพวกเขาได้ ?”
“หัวหน้ากิล เราไม่ได้มีข้อได้เปรียบใดๆเลยบนเกาะดราก้อนฮาร์ท เราไม่มีฐานที่มั่นของเราที่นั่นแบบเป็นกิจจะลักษณะ ยิ่งไปกว่านั้นสตาร์ลิ้งและมหาอำนาจอื่นๆอีกสองสามกลุ่มพร้อมกับวอร์บลัดก็ยังได้เข้ายึดป้อมปราการขนาดกลางได้แล้วด้วย ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้เราก็จำเป็นจะต้องใช้กองกำลังขนาดใหญ่ในการจัดการกับพวกเขา หากแต่ว่าถ้าเราเคลื่อนกองกำลังขนาดใหญ่ เมืองป่าหิน กับเมืองปีกสีเงินของเราก็จะปราศจากการป้องกันทันทีนะ เราต้องใช้กองกำลังขนาดใหญ่นี้ป้องกันเมืองทั้งสองของเรา….” เมื่อเหลียงจิงได้ยินคำพูดของซือเฟิง เธอก็พยายามจะห้ามการกระทำที่บุ่มบ่ามของเขาทันที
ฉันรู้น่า เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง …” ซือเฟิงพูดอย่างใจเย็น ก่อนที่เขาจะกระโดดกลับเข้าสู่ห้องเกมเคบิคของเขา และล๊อคอินกลับเข้าสู่ God domain