Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2724
ตอนที่ 2724 ช่องว่างที่เหนือจินตนาการ
“จะเริ่มแล้ว !!!”
“ฉันสงสัยจังว่าแบล๊คเฟรมจะสามารถเข้ายึดพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้ได้ไหม ?!!”
“จากการประเมินของฉัน อย่างน้อยที่สุดแบล๊คเฟรมก็ไม่ได้กลัวการต่อสู้แบบกลุ่มแน่นอน อันเนื่องมาจากโดเมนมานาของเขา อย่างไรก็ตามในด้านของไมโทโลจี้ พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน ผู้ที่เป็นผู้นำในการป้องกันพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงแห่งนี้ก็คือ ซิลเวอร์โกสต์ Prosciutto ซึ่งกองกำลังภายใต้การควบคุมของเขาก็น่าทึ่งมากๆ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขาพึ่งจะฆ่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย เลเวลหนึ่งร้อยสิบไปเมื่อไม่นานมานี้ และความสำเร็จของพวกเขาก็ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทวีปด้านตะวันตกเลย”
“อึก !! พวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยงั้นหรอ ?! ในกรณีนี้แบล๊คเฟรมคงจะตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากจริงๆแล้ว ฉันได้ยินมาว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายล้วนมีโดเมนมานาเป็นของตัวเอง และเมื่อรวมเข้ากับค่าสถานะพื้นฐานที่น่ากลัวของพวกมัน ผู้เล่นไม่ควรจะเอาชนะพวกมันได้เลย”
ตอนนี้เหล่าผู้ชมทั้งหมดล้วนให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดในซือเฟิงและทีมหนึ่งร้อยคนของเขา มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าไม่มีใครในปัจจุบันที่อยากจะพลาดการต่อสู้ครั้งนี้ มหาอำนาจต่างๆที่อยู่ในห้อง VIP เองก็ได้เลิกสนใจสนามรบอื่นๆ และหันมาให้ความสนใจในซือเฟิงและทีมของเขาอย่างเดียวทันทีเช่นกัน
ในเวลานี้ ราวกับว่าได้เตรียมการมานานแล้วสมาชิกของไมโทโลจี้ได้เรียกบาเรียออกมาทันทีที่ทีมของซือเฟิงมาถึง โดยบาเรียนี้นั้นมันครอบคลุมรัศมีห้าร้อยหลาและล้อมรอบพื้นที่ทรัพยากรขั้นสูงรวมถึงทีมของซือเฟิงไว้ทั้งหมด และภายใต้ผลของบาเรียนี้ ไม่เพียงแต่ทุกคนในทีมของซือเฟิงจะรู้สึกว่าร่างกายของพวกเขาหนักขึ้นเท่านั้น แต่แม้แต่ค่าสถานะพื้นฐานของพวกเขาก็ยังเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว
“นี่คือ …. บาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูง ?!” มู่ฉินตกตะลึงอย่างมาก เมื่อได้เห็นว่าค่าสถานะของเธอลดลงไปมากแค่ไหน “เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
บาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงนั้นหาได้ยากมากๆใน God domain และการได้รับม้วนคัมภีร์วงเวทย์หนึ่งชุดสำหรับการเปิดใช้งานบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงมา มันก็จัดเป็นเรื่องที่น่าดีใจมากแล้ว
อย่างไรก็ตามเนื่องจากการแข่งขันในปัจจุบันห้ามการใช้เครื่องมือเวทย์มนต์ ดังนั้นผู้เล่นจึงสามารถพึ่งพาได้แค่ตัวเองเท่านั้นในการสร้างบาเรียเวทย์มนต์ขึ้น และมันก็มีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากๆสำหรับผู้เล่นที่จะใช้บาเรียเวทย์มนต์โดยไม่ใช้เครื่องมือเวทย์มนต์ช่วยเหลือ
เพียงแค่การจะใช้วงเวทย์ขั้นกลาง มันก็ต้องมีผู้เล่นถึงหนึ่งร้อยคนแล้ว และในบรรดาผู้เล่นหนึ่งร้อยคน มันจะต้องมียี่สิบคนอยู่ในมาตราฐานนักเวทย์ขั้นกลาง และห้าคนอยู่ในมาตราฐานนักเวทย์ขั้นสูง ไม่งั้นวงเวทย์จะไม่ทำงาน
ซึ่งหากวงเวทย์ขั้นกลางมีข้อกำหนดในการใช้ที่เข้มงวดขนาดนี้ ดังนั้นเราก็สามารถจะจินตนาการได้ง่ายๆเลยว่าข้อกำหนดในการใช้วงเวทย์ขั้นสูงนั้นมันจะเข้มงวดกว่านี้มากขนาดไหน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทีมของไมโทโลจี้กับใช้มันได้จริงๆ นี่มันไม่น่าเชื่อเลย
ในขณะเดียวกันบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงแบบนี้มันก็จะสามารถใช้ปราบปรามมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสามเลย
ในเวลานี้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นทุกคนนั้นล้วนหน้าซีดกันหมด พวกเขาไม่ได้เป็นแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในกิลด้วยซ้ำ และเมื่อเทียบกับทีมของมหาอำนาจต่างๆหลายทีม ทีมของพวกเขาก็ถือว่าผ่านค่าเฉลี่ยมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขามาโดนบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงลดค่าสถานะลงไปอีกสามสิบเปอเซ็นต์ มันจะเหลือสิ่งใดที่พวกเขาสามารถทำได้กัน ?
“นี่คือรากฐานของไมโทโลจี้งั้นหรอ ?”
“น่าทึ่งมากๆ !!! ด้วยสิ่งนี้แม้ว่าแบล๊คเฟรมจะใช้โดเมนมานาของเขา แต่เขาก็ยังคงจะมีปัญหาในการต่อต้านการปราบปรามของบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงนี้แน่นอน !!!”
ผู้ชมล้วนอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงของไมโทโลจี้
ในสนามรบที่ห้ามการใช้เครื่องมือเวทย์ และเครื่องมือช่วยเหลือต่างๆ การมีความสามารถที่จะใช้วงเวทย์ขั้นสูงเพื่อเรียกบาเรียเวทย์มนต์ขั้นสูงออกมานั้นจะทำให้ผู้ที่มีมันแทบเป็นอมตะเลย
แน่นอนบาเรียเวทย์มนต์ที่ถูกเรียกออกมาโดยผู้เล่นนั้น มันก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือมันผลาญมานาของผู้ที่รวมตัวกันเรียกออกมาในปริมาณมหาศาลมากๆ และหากผู้เล่นที่ทำหน้าที่ป้อนมานาให้กับบาเรียไม่ได้เติมมานาของพวกเขา มานาของพวกเขาจะหมดลงในสิบนาที
อย่างไรก็ตามในสนามรบแบบนี้สิบนาทีมันก็นานเกินพอที่จะตัดสินผลของการต่อสู้ทั้งหมด !!!
ในขณะที่ทุกคนกำลังประหลาดใจกับความสามารถของไมโทโลจี้ ผู้เล่นประมาณหนึ่งร้อยคนก็เริ่มเดินมาที่บริเวณหน้าพื้นที่ทรัพยากรสูงซึ่งทีมของซือเฟิงอยู่
โดยบุคคลที่เป็นผู้นำผู้เล่นเหล่านี้มาก็คือ รุ่นเยาว์ผมขาวที่มีใบหน้าน่ารัก อย่างไรก็ตามทุกคนก็รู้ดีว่ารุ่นเยาว์คนนี้นั้นมีอีกฉายาหนึ่งว่าซิลเวอร์โกสต์ และเขาก็เป็นหนึ่งในหัวหน้ารุ่นเยาว์ของไมโทโลจี้
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม เราพบกันอีกครั้งแล้ว ….” Prosciutto กล่าวทักทายซือเฟิงด้วยน้ำเสียงที่สงบมากๆ เขาไม่ได้แสดงความกระตือรือร้นใดๆที่จะต่อสู้ออกมาเลย ตรงกันข้ามมันกับเหมือนว่าเขากำลังทักทายเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานมากกว่า
เมื่อได้ยินคำพูดของ Prosciutto มู่ฉินก็มองไปยังซือเฟิงด้วยความประหลาดใจ
Prosciutto นั้นเป็นคนดังใน God domain และเขาก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรองผู้บัญชาการของหนึ่งในกองกำลังหลักของไมโทโลจี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และตอนนี้ต้องพูดว่าเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังหลักนี้ด้วยซ้ำ
“คุณรู้จักเขางั้นหรอ ?”
“อืม เราเคยพบกันครั้งหนึ่งในทวีปด้านตะวันตก” ซือเฟิงพยักหน้าตอบสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นและความประหลาดใจของมู่ฉิน มันไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะต้องปกปิดเรื่องนี้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็ได้สร้างฉากใหญ่ไว้ที่ป้อมปราการแสงดาว ซึ่งมหาอำนาจต่างๆในทวีปด้านตะวันตกนั้นก็รู้เรื่องที่เขาปะทะกับไมโทโลจี้อยู่แล้ว
“คุณนี่ช่างพูดได้ใจร้ายจริงๆหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” Prosciutto ถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “การต่อสู้ที่ป้อมปราการแสงดาวนั้นถือเป็นความอัปยศอดสูเพียงครั้งเดียวที่ฉันได้รับ นับตั้งแต่เข้าร่วมกับไมโทโลจี้ และความทรงจำเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนั้นของฉันก็ยังคงสดใหม่ แต่คุณไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันเลย”
“ความอัปยศอดสู ?” ซือเฟิงยิ้มและกล่าวว่า “นั่นก็พูดเกินไปหน่อยไหม ? คุณก็แค่เสียชื่อเสียงครั้งแรกเพราะฉันแค่นั้นเองไม่ใช่หรอ ?”
“หึ !!! แค่นั้นงั้นหรอ ?!!” Prosciutto ส่ายหัวก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “สำหรับคุณมันอาจจะแค่นั้น แต่สำหรับฉันมันคือความอัปยศอดสูอย่างถึงที่สุด !!!! ก่อนหน้านี้ฉันเคยบอกแล้วว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง เพียงแต่ว่าต้องบอกเลยจริงๆว่าการพบกันอีกครั้งของเรามันเร็วกว่าที่ฉันคาดการณ์ไว้มาก !!! และแม้ว่าฉันจะคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม แต่ฉันก็จะขอชดใช้ความอัปยศอดสูที่ฉันเคยได้รับมาก่อนเลยแล้วกัน !!!”
ทันทีที่ Prosciutto พูดจบ ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ปลดปล่อยออร่าของตัวเองออกมาทันที ซึ่งเมื่อออร่าของพวกเขารวมกัน มันก็ทำให้ดูเหมือนกับว่าเทพปีศาจกำลังจะลงมายังสนามรบเลย
ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสามหนึ่งร้อยคนนี้ มากกว่าสามสิบคนแผ่ออร่าที่เทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายออกมา ซึ่งมันทำให้สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นแทบจะเข่าอ่อน เมื่อได้สัมผัสถึงออร่านี้
“นี่คือ …. วงเวทย์การต่อสู้ขั้นสูง !!!”
“ผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามสิบคนที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ?!!”
“ไม่ !! นี่มันจะต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ !!! มันจะมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างกิลของเราได้อย่างไร ?!!”
ในเวลานี้สมาชิกฟรอสต์ฮีฟเว่น ในทีมซือเฟิงไม่ใช่แค่กลุ่มเดียวที่รู้สึกสิ้นหวังกับเรื่องนี้ แม้แต่มหาอำนาจต่างๆที่เฝ้าดูอยู่ในห้อง VIP ก็มีท่าทีไม่ต่างไปจากพวกเขามากนักเช่นกัน
“แน่นอนเลยว่าช่องว่างนั้นใหญ่กว่าที่เราคิดไว้มาก”
อันยีลดิ้งฮาร์ทยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังทีมหนึ่งร้อยคนของไมโทโลจี้ที่กำลังเผชิญหน้ากับทีมของซือเฟิง
ใช่แล้ว !!! นี่มันคือความแข็งแกร่งของห้าซุเปอร์กิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสินะ !!!”
โลกแห่งความจริงนั้นถือว่าการดำรงอยู่ของมหาอำนาจต่างๆนั้นแข็งแกร่งเป็นอันดับสองรองจากห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้คิดว่าเลยว่ามันจะมีช่องว่างระหว่างอันดับสองและอันดับหนึ่งมากขนาดนี้
มันจบแล้ว !! มันจบแล้วจริงๆ !!! ช่องว่างมันใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง ?!!
ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำจิตใจของมู่ฉิน เมื่อเธอมองไปยังเหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่กำลังใกล้เข้ามา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่าสามสิบคนที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ตอนนี้เธอกลัวและไม่กล้าแม้แต่จะต้องหายใจด้วยซ้ำ ….
เธอรู้มานานแล้วว่าไมโทโลจี้นั้นไม่ใช่กิลที่จะรับมือด้วยได้ง่ายๆ และความแข็งแกร่งของพวกเขาในฐานะที่เป็นหนึ่งในห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นก็ยังแสดงออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตามเธอก็คิดเลยว่าส่วนที่พวกเขายังไม่แสดงออกมา มันจะยังคงมีอยู่มาก และน่ากลัวขนาดนี้
“แบล๊คเฟรม !!! ครั้งนั้นที่คุณเอาชนะฉันได้ มันก็เป็นเพราะร่างมานาของคุณ !!!” แซนสตอร์มกล่าว พลางยิ้มอย่างพึงพอใจและมองไปยังซือเฟิง “ในครั้งนี้ฉันจะทำให้คุณรู้ว่าพลังที่แท้จริงคืออะไร !!!”
“ถ้าครั้งที่แล้วคุณยังทำไม่ได้ ฉันก็กลัวว่าครั้งนี้คุณจะยังทำไม่ได้เหมือนเดิมนะ …” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว ในขณะที่แซนสตอร์มพุ่งเข้ามา
“ยังคงทำตัวดื้อรั้นแม้จะเผชิญหน้ากับความตาย ? คราวนี้ฉันอยากเห็นจริงๆว่าคุณจะมีกลอุบายใดอีก !!!” แซนดร์สตอร์มกล่าวพลางเร่งความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขาให้เพิ่มขึ้น
และก่อนที่สมาชิกของฟรอสต์ฮีฟเว่นจะทันได้ตอบสนองใดๆ แซนด์สตอร์มก็มาปรา
กฎตัวขึ้นตรงหน้าของซือเฟิงแล้ว โดยกริชที่เขาถืออยู่ในมือก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นเงางูและพุ่งเข้าใส่หัวใจของซือเฟิง
“กลอุบาย ?” ซือเฟิงส่ายหัวเมื่อเห็นฉากนี้ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป
ตู้ม !!!
พายุที่รุนแรงปกคลุมไปทั่วสนามรบ ฝุ่นล้วนฟุ้งไปหมดจากการปะทะกันครั้งนี้
“เป็นไปได้ยังไง ?!”
ช่วงเวลาต่อมาทุกคนก็จ้องมองไปยังร่างสองร่างที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝุ่นด้วยความตกตะลึง
ในเวลานี้กริชของแซนสตอร์มนั้นอยู่ห่างจากหัวใจของซือเฟิงเพียงครึ่งนิ้ว แต่ในขณะเดียวกันก่อนที่ใครจะทันได้รู้ซือเฟิงก็จับข้อมือของแซนสตอร์ม และป้องกันการโจมตีจากกริชของแซนสตอร์มไว้ได้แล้ว
เป็นไปได้ยังไง ?!
แซนสตอร์มตกตะลึง เมื่อเห็นว่าซือเฟิงจับข้อมือเขาได้