Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2737
ตอนที่ 2737 ซือเฟิงผู้มั่งคั่ง
เมืองปีกสีเงิน เขตทางใต้ :
บนถนนที่มีประชากรเบาบาง ผู้เล่นที่สวมเสื้อคลุมสีดำได้เดินอย่างช้าๆเข้าไปในตรอกซอกซอย โดยพวกเขาก็จะสังเกตสภาพแวดล้อมของพวกเขาเป็นครั้งคราวเพื่อป้องกันการถูกติดตาม
หลังจากพวกเขาทั้งสี่เดินเข้ามาในตรอกซอกซอยสักระยะ และตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีผู้เล่นคนใดติดตามพวกเขามาอย่างแน่นอน พวกเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“นี่แบล๊คเฟรมพยายามจะทำอะไรกัน ? ทำไมเราต้องมาพบเขาอย่างลับๆ และพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็นเราด้วย ?” การ์เดี้ยนไนท์หญิงผมยาวประหม่ากล่าวด้วยความไม่พอใจ
“บลู !!!” อิลูซะรี่เวิร์ด เครอลิคในชุดคลุมสีขาวศักสิทธิ์จ้องมองไปที่การ์เดี้ยนไนท์หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเธอด้วยความโกรธ “คราวนี้ฉันได้เลือกจะปล่อยผ่านหลายสิ่ง และพาคุณมาที่นี่ !!! คุณควรระวังคำพูดกับการกระทำของคุณให้มากหน่อยนะ !!!”
บลูเกาน์ เป็นรองผู้บัญชาการ และเป็นหัวหน้าแท๊งเกอร์ของกองกำลังหลักภายใต้คำสั่งของอิลูซะรี่เวิร์ด และเธอก็ติดสามอันดับแรกของพวกรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกิล แถมยังเป็นคนสนิทของอิลูซะรี่เวิร์ดด้วย ซึ่งเธอก็มีสิทสูงมากที่จะก้าวถึงตำแหน่งของรองหัวหน้ากิลในอนาคต แต่น่าเสียดายที่มันมีสิ่งหนึ่งที่บลูเกาน์ค่อนข้างจะย่ำแย่อย่างมาก ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่รุ่นเยาว์แทบทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนจากมหาอำนาจเป็น นั่นก็คือเธอไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยนอกจากกิลชั้นยอด หรือซุเปอร์กิล
หลังจากได้ยินคำตำหนิอย่างรุนแรงของอิลูซะรี่เวิร์ด การ์เดี้ยนไนท์หญิงก็ไม่กล้าจะพูดอะไรอีกต่อไป
“พี่สาวอิลูซะรี่ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ฉันสัญญา ดังนั้นได้โปรดพาฉันมาด้วยเถอะสำหรับเรื่องต่างๆในอนาคต” บลูเกาน์กล่าวอย่างน่าสงสาร
“ครั้งต่อไประวังไว้ให้มากด้วย” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวขณะที่เธอมองไปยังบลูเกาน์ด้วยท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น จากนั้นเธอก็หันไปหาอันยีลดิ้งฮาร์ท และมู่หลิงชาพลางพูดว่า “ฉันขอโทษจริงๆที่ทำให้พวกคุณต้องมาเห็นเรื่องตลกแบบนี้ ….”
“มันเป็นเรื่องปกติสำหรับผู้มาใหม่ที่จะหยิ่งผยองสักเล็กน้อย เพราะท้ายที่สุดแล้วความหยิ่งผยองมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอมาได้ถึงตรงนี้ เดี๋ยวในอนาคตเธอก็จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นเอง ฉะนั้นคุณไม่จำเป็นจะต้องมาขอโทษเราสำหรับเรื่องนี้หรอก ….” อันยีลดิ้งฮาร์ท เขาค่อนข้างจะคุ้นเคยกับสถานการณ์นี้เป็นอย่างดี
ในเกมเสมือนจริงอื่นๆ การเป็นหนึ่งในพวกหน้าใหม่ที่ติดอันดับต้นๆของกิลชั้นยอด มันก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การอวด เพราะท้ายที่สุดแค่กิลชั้นยอดกิลเดียว หรือไม่ก็ซุเปอร์กิลสักกิล มันก็มากเกินพอแล้วที่จะปกครองเกมเสมือนจริงในอดีต แล้วจะให้พวกหน้าใหม่ที่มีความสามารถสูงแบบนี้ไม่หยิ่งผยองได้อย่างไร ?
ดังนั้นพูดกันตามตรงมันจึงเป็นเรื่องธรรมดามากๆที่พวกหน้าใหม่เหล่านี้จะมีท่าทีดูถูก และหยิ่งผยองต่อกิลที่พึ่งถูกสร้างขึ้นมา
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตอนนี้มันแตกต่างออกไป ณ จุดนี้ God domain นั้นนับเป็นเกมเสมือนจริงที่ไม่เหมือนกับอะไรที่เคยมีมาในอดีตเลย โดยมันเป็นเกมที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศจำนวนมากก็ต่างให้ความสนใจและยื่นมือมาเข้าร่วม ดังนั้นอิทธิพลของมหาอำนาจต่างๆใน God domain จึงจะแตกต่างกับเกมเสมือนจริงอื่นๆหลายพันเท่า และโดยทั่วไปแล้วผู้คนก็จะไม่สามารถใช้สามัญสำนึกปกติตัดสินความแข็งแกร่งของกิลบางกิลที่ดำเนินการภายในเกมนี้ได้เลย
ในขณะเดียวกันเมื่อบลูเกาน์ได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา แต่ดวงตาของเธอก็แสดงถึงความไม่พอใจออกมา
“อย่างไรก็ตามฉันสงสัยจังว่าทำไมหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมถึงเรียกทั้งสองกิลของเรามาพบในตอนนี้ ? แถมเขายังสั่งให้เราเก็บเป็นความลับอย่างถึงที่สุดด้วย” มู่หลิงชากล่าว
สภาสิบแปดปีกในปัจจุบันนั้นเหมือนดวงอาทิตย์ในยามเที่ยงวัน และปัญหาในปัจจุบันที่พวกเขาประสบอยู่นั้นมันก็มีวิธีการแก้ไขที่ง่ายมาก ซึ่งนั่นก็คือการปล่อยให้บริษัทยักษ์ใหญ่จำนวนหนึ่งเข้ามาลงทุนในกิล
ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกมีเงินทุนและผู้สนับสนุนที่ทรงพลังมากเพียงพอ การรักษาขอบเขตอิทธิพลในปัจจุบันของกิลก็จะเป็นงานที่ง่ายมากๆ
อย่างไรก็ตามซือเฟิงกับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขากับขอให้อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันเข้ามาพูดคุยเรื่องธุรกิจแทน ซึ่งสถานการณ์นี้มันก็ทำให้มู่หลิงชาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าซือเฟิงจะแก้ปัญหาที่สภาสิบแปดปีกประสบอยู่ในปัจจุบันได้อย่างไร
“ฉันไม่สามารถแม้แต่จะคาดเดาความคิดของหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมได้ แต่ดูจากการกระทำของเขาที่ผ่านๆมา ฉันสงสัยว่านี่ก็คงจะไม่ใช่เรื่องราวที่ง่ายๆแน่นอน ….” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวพลางส่ายหัว
ซือเฟิงนั้นสร้างความประหลาดใจและปาฎิหาริย์มาให้เธอเห็นอย่างมากมาย ตอนนี้เธอคงจะไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆมากนัก หากเขาคิดจะสร้างปาฎิหาริย์อีกครั้ง เพราะท้ายที่สุดเรื่องล่าสุดที่สภาสิบแปดปีกทำก็คือช่วยให้ฟรอสต์ฮีฟเว่นได้ตำแหน่งสำรองของหนึ่งในสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปแล้ว
“เราไม่จำเป็นจะต้องคาดเดาอีกต่อไปแล้วล่ะ ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวพลางชี้ไปยังกำแพงสูงที่อยู่ห่างออกไปด้านหน้า ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “นั่นน่าจะเป็นสถานที่ที่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมบอกเรามา รีบเข้าไปข้างใน และมาดูกันเถอะว่าเขาเรียกพวกเราทำไม ….”
เมื่ออิลูซะรี่เวิร์ดและคนอื่นๆได้เห็นกำแพงสูงที่อันยีลดิ้งฮาร์ทชี้ไป พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าตรอกเล็กๆที่ลึกมากแห่งนี้จะสามารถปกปิดโครงสร้างขนาดใหญ่แบบนี้ได้ด้วย
แม้ว่ากำแพงจะมีความสูงแค่ประมาณสิบเมตรหรือมากกว่านั้นนิดหน่อย แต่พื้นที่ที่กำแพงตั้งอยู่มันก็มีขนาดใหญ่มากๆ โดยกำแพงนี้นั้นมันมีอาณาเขตเทียบเท่ากับสนามฟุตบอลอย่างง่ายดาย และหากวัดจากอาณาเขตของกำแพง สิ่งก่อสร้างที่อยู่ภายในกำแพงนี้ก็น่าจะเป็นสิ่งก่อสร้างขั้นสูงเป็นอย่างน้อยที่สุด แต่กระนั้นมันก็ยังไม่มีใครค้นพบการมีอยู่ของมันจนถึงตอนนี้ ซึ่งเมื่อกลุ่มสี่คนมาถึงบริเวณประตูเหล็กของกำแพงนี้ พวกเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง
องครักษ์สี่คนที่ทำหน้าที่ป้องกันประตูนั้นล้วนเป็นองครักษ์ระดับไฟน์โกล เลเวลมาก
กว่าหนึ่งร้อยสามสิบ และมันมีแม้กระทั่งนักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นสาม ที่เป็นองครักษ์ระดับดาร์คโกลที่ปกป้องประตูนี้อยู่ ระดับการรักษาความปลอดภัยของที่นี่มันน่าอัศจรรย์มากๆ
ในระยะนี้ของเกม หาก NPC ทั้งห้าคนนี้ทำงานร่วมกัน พวกเขาจะสามารถทำลายล้างทีมผู้เล่นขั้นสาม จำนวนหนึ่งพันคนได้อย่างง่ายดายเลย
ยิ่งไปกว่านั้นกิลขนาดใหญ่ต่างๆก็ล้วนปฎิบัติต่อองครักษ์ส่วนตัวระดับไฟน์โกล และดาร์คโกลของพวกเขาเป็นเหมือนสมบัติล้ำค่า โดยพวกเขาได้อัดฉีดแทบทุกอย่างที่พวกเขามีเพื่อจะทำให้องครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้พัฒนาตัวเองให้ได้ไวที่สุด และเพื่อให้องครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้ปลอดภัยมากที่สุด แต่ในทางกลับกันสภาสิบแปดปีกกับใช้องครักษ์ส่วนตัวที่ล้ำค่าเหล่านี้ในฐานะทหารเฝ้าประตู
“ที่นี่คือทรัพย์สินส่วนตัว พวกคุณมีธุระอะไรที่นี่ ?” องครักษ์ระดับไฟน์โกลในชุดเกราะหนังสีเทาถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มของอันยีลดิ้งฮาร์ท
“เราได้รับคำเชิญมาจากหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าว พลางรีบหยิบเอกสารคำเชิญที่มีตราประทับรับรองของหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกออกมาโชว์ทันที
“ตราประทับถูกต้อง …” แอสซาซินขั้นสามในชุดเกราะหนังสีเทาพยักหน้า หลังจากเขาตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องแล้ว “โปรดตามฉันมา”
“โอเค”
จากนั้นกลุ่มของอันยีลดิ้งฮาร์ทก็ได้ติดตามแอสซาซินขั้นสามผ่านเข้าประตูไป
เมื่อเดินผ่านบริเวณทางเข้า เข้ามา อันยีลดิ้งฮาร์ทและคนอื่นๆก็อ้าปากค้างโดยอัตโนมัติ
“ห้องเทเลพอร์ต ?!”
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?! ห้องเทเลพอร์ตไม่ได้จำกัดให้มีแค่เฉพาะพวกที่เป็นประเทศแล้วงั้นหรอ ?!”
บลูเกาน์นั้นแทบจะไม่เชื่อสายตาของเธอ เมื่อเธอเห็นห้องเทเลพอร์ตที่เป็นอาคารสูงห้าชั้นตรงหน้าของเธอ เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถสร้างอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้ในเมืองปีกสีเงิน
แม้กระทั่งตอนนี้วงเวทย์เทเลพอร์ตก็ยังนับว่าเป็นสิ่งที่หายากอย่างไม่น่าเชื่อในหมู่มหาอำนาจต่างๆ ไม่ต้องพูดถึงห้องเทเลพอร์ตที่สมบูรณ์แบบนี้เลย ห้องเทเลพอร์ตอาจมีอยู่ทั่วไปในเมืองของ NPC แต่สำหรับเมืองกิลนั้น มันจัดเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถจะเพิ่มความโดดเด่นให้เมืองกิลได้เลย โลกของ God domain นั้นมันใหญ่โตมากๆ และผู้เล่นก็จะต้องใช้เวลานานมากๆในการเดินทางไปยังแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย แม้จะใช้อะเม้าท์บินได้ก็ตาม นี่ไม่ต้องพูดถึงอะเม้าท์บนบกที่จะใช้เวลาในการเดินทางนานกว่าอะเม้าท์บินได้เลย
มหาอำนาจต่างๆรวมไปถึงบรรดาทีมนักผจญภัยนั้นยินดีจะจ่ายในราคามหาศาลเลย หากนั่นหมายความว่าพวกเขาจะสามารถเทเลพอร์ตได้โดยตรงไปยังที่ใดที่หนึ่งที่อยู่ใกล้กับแผนที่เป็นกลางเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อยได้โดยตรง เพราะท้ายที่สุดเวลานั้นเป็นตัวแทนของทั้งเงินและโอกาสสำหรับคนเหล่านี้ พวกเขานั้นต่างจากผู้เล่นทั่วไป พวกเขาไม่สามารถจะรอ และค่อยๆก้าวหน้าไปแบบผู้เล่นทั่วไปได้
“นี่คือสาเหตุที่หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมบอกให้พวกเรามาพบเขาอย่างลับๆงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทยิ้มอย่างขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังห้องเทเลพอร์ต
“นี่มันน่าจะเป็นสิทธิพิเศษอย่างหนึ่งที่มอบให้กับกิลที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากวิหารเทพสงคราม” อิลูซะรี่เวิร์ดกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา ด้วยสิทพิเศษนี้ การจะพัฒนาเมืองกิลจะเป็นดั่งการตัดเค้กชิ้นหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเมืองปีกสีเงินยังมีสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยม และตั้งอยู่ในพื้นที่เชิงกลยุทธ์ด้วย
“ถูกต้อง นี่มันเป็นหนึ่งในสิทธิพิเศษของกิลที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ”
ทันใดนั้นเสียงๆหนึ่งก็ดังมาเข้าหูของอิลูซะรี่เวิร์ดและคนอื่นๆเพื่อตอบคำถามในใจของพวกเขา
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม ห้องเทเลพอร์ตนี้ใช่เรื่องสำคัญทางธุรกิจที่คุณต้องการจะพูดคุยกับเราหรือไม่ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถามด้วยความสับสนเล็กน้อย ขณะที่เขาชี้ไปยังห้องเทเลพอร์ต
ห้องเทเลพอร์ตนั้นจัดเป็นเครื่องมือในการพัฒนาระดับพระเจ้าเลย และเมื่อรวมเข้ากับโครงสร้างการป้องกันเมืองของเมืองปีกสีเงิน ตราบใดที่สภาสิบแปดปีกเผยแพร่การมีอยู่ของห้องเทเลพอร์ตออกไป เมืองปีกสีเงินก็จะไม่มีปัญหาในการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วแน่นอน การเข้ามามีส่วนร่วมของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลนั้นจะไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนักในเรื่องนี้ ในความเป็นจริงกิลทั้งสองกิลของพวกเขาจะต้องขอความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกแทนด้วยซ้ำ
“ก็ใช่ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ….” ซือเฟิงพยักหน้า จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉันยังบอกพวกคุณทันทีไม่ได้ โปรดตามฉันมา ….”
หลังจากพูดจบซือเฟิงก็เดินเข้าไปในอาคารห้องเทเลพอร์ตทันที
หลังจากที่อันยีลดิ้งฮาร์ท มู่หลิงชา อิลูซะนี่เวิร์ด และบลูเกาน์ ได้มองหน้ากันและกันแล้ว พวกเขาก็รีบเดินตามซือเฟิงไปทันที
ช่วงเวลาต่อมา หลังจากที่ทั้งสี่ก้าวเข้าสู่วงเวทย์เทเลพอร์ตในห้องเทเลพอร์ต พวกเขาก็พบว่าตัวเองได้มาอยู่ในเมืองสกายสปริงของอาณาจักรทวินทาวเวอร์
อย่างไรก็ตามในเวลานี้เมืองสกายสปริงนั้นมีผู้เล่นไม่มากนัก และประชากรกว่าเก้าสิบเก้าเปอเซ็นต์ของเมืองก็ล้วนเป็น NPC ทั้งหมด ซึ่งเมื่อ NPC เหล่านี้เห็นกลุ่มของอันยีลดิ้งฮาร์ท พวกเขาก็เริ่มจับตาดูทั้งกลุ่มด้วยความอยากรู้อยากเห็นราวกับว่าพวกเขาพึ่งได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตที่หายาก
“ไปกันเถอะ ที่นี่มันมีคนอยู่มากเกินไป” หลังจากมองไปที่ NPC จำนวนมากที่มองมายังพวกเขา ซือเฟิงก็ได้หยิบม้วนคัมภีร์เทเลพอร์ตแบบกลุ่มขั้นสามออกมา และจัดการเปิดใช้งานมันทันที
ก่อนที่อันยีลดิ้งฮาร์ทและคนอื่นๆจะทันได้ตอบสนอง พวกเขาก็ได้มาอยู่ห่างจากเมืองสกายสปริงมากกว่าหนึ่งหมื่นหลาแล้ว
หลังจากนั้นซือเฟิงก็ได้เรียกอินทรีสายฟ้าออกมา และพาทั้งกลุ่มเดินทางไปเป็นเวลานานมากกว่าครึ่งชั่วโมง และในท้ายที่สุดทั้งกลุ่มก็ได้มาถึงหอคอยโบราณที่สูงทะลุเมฆ โดยหอคอยนี้นั้นสามารถบอกได้เลยว่ามันสูงกว่าหนึ่งพันเมตร
“หอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ?” อิลูซะรี่เวิร์ดจำหอคอยโบราณนี้ได้ทันที เธอถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมเราถึงมาที่นี่กัน ?” เธอนั้นรู้เกี่ยวกับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับของอาณาจักรทวินทาวเวอร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นนับเป็นพื้นที่เก็บเลเวลที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้เล่นที่ยังมาไม่ถึงเลเวลหนึ่งร้อย และแม้ว่าค่าเข้าสู่หอคอยนี้จะคิดเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคน แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่ตายภายในหอคอย พวกเขาก็จะสามารถล่าภายในหอคอยต่อไปได้เรื่อยๆนานเท่าที่พวกเขาต้องการ
ในระยะแรกของเกมนั้น กิลขนาดใหญ่ต่างๆได้นำพวกสมาชิกหน้าใหม่ของพวกเขามาที่นี่เพื่อที่จะให้เก็บเลเวลได้อย่างรวดเร็ว แต่หลังจากการเปิดตัวของแพ๊คเสริมใหม่หลายแพ๊ค มันก็มีจุดเก็บเลเวลอื่นๆอีกมากมายให้ใช้งาน และเนื่องจากมอนสเตอร์ภายในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับนี้ไม่ได้ดรอปไอเทมดีๆเลย ดังนั้นกิลขนาดใหญ่ต่างๆจึงเปลี่ยนสถานที่เก็บเลเวลให้กับพวกสมาชิกหน้าใหม่ของพวกเขา และเลือกจะไม่มาที่นี่แล้ว ….
แถมตอนนี้เนื่องจากเลเวลเฉลี่ยของผู้เล่นนั้นมาถึงหนึ่งร้อยกันแล้ว ดังนั้นหอคอยแห่งพันธสัญญาลับจึงจัดว่ากลายเป็นอดีตที่ไม่มีใครสนใจไปแล้ว ….
“เรามาที่นี่เพื่อจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง” ซือเฟิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ
“หื้ม ?” อิลูซะรี่เวิร์ดประหลาดกับคำพูดของซือเฟิง “แต่เราผ่านเลเวลหนึ่งร้อยมาไกลแล้วนะ ….”
“ขีดจำกัดในปัจจุบันของหอคอยแห่งพันธสัญญาลับนั้นไม่ใช่เลเวลหนึ่งร้อยอีกต่อไป” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว “ก่อนการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก หอคอยแห่งนี้เปิดให้เข้าไปเก็บเลเวลถึงแค่ชั้นที่สิบแปดเท่านั้น และย้อนกลับไปตอนนั้นมันก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นเลเวลเก้าสิบเก้าที่จะมาเก็บเลเวล อย่างไรก็ตามตอนนี้หอคอยเปิดให้เข้าไปเก็บเลเวลถึงชั้นที่สามสิบหกแล้ว และมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างในก็มีเลเวลสูงถึงประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบ”
“รองหัวหน้ากิลอิลูซะรี่ ฉันแน่ใจว่าคุณจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไรถูกไหม ?”
เมื่อซือเฟิงกล่าวจบ ดวงตาของอิลูซะรี่เวิร์ดและอันยีลดิ้งฮาร์ทก็สว่างวาบขึ้นด้วยความตื่นเต้น
ปัจจุบันเนื่องจากมันมี NPC จำนวนมากแข่งขันกันเพื่อทำเควสเควสและล่ามอนสเตอร์ มันจึงส่งผลให้ผู้เล่นประสบกับความยุ่งยากมากๆ และพูดกันตามตรงตอนนี้สิ่งที่ผู้เล่นในปัจจุบันขาดที่สุดก็คือ เลเวล
หากผู้เล่นสามารถเข้าไปล่ามอนสเตอร์ในหอคอยแห่งพันธสัญญาลับได้อย่างอิสระด้วยการจ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์แค่หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคน ความเร็วในการเก็บเลเวลของพวกเขามันก็จะเร็วกว่าที่พวกเขาสามารถทำได้ในโลกภายนอกมากๆ
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณหมายถึงว่าคุณจะให้เราทำการปิดล้อมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับและผูกขาดมันไว้ให้สมาชิกของเราเองใช่ไหม ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทถามด้วยความตื่นเต้นที่แฝงมาในน้ำเสียงของเขา
เดิมทีแค่การที่ผู้เล่นจะไปให้ถึงเลเวลหนึ่งร้อยนั้นมันก็จัดว่ายากมากอยู่แล้ว และด้วยการที่ต้องแข่งขันเพิ่มเติมกับ NPC ความท้าทายทั้งหมดนี้มันก็ยิ่งมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามหากสภาสิบแปดปีก อันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันมีวิธีการที่จะทำให้สมาชิกของพวกเขาสามารถไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบได้อย่างรวดเร็ว และเริ่มท้าทายเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้ ความเร็วในการพัฒนาของกิลพวกเขามันก็จะเหนือกว่ามหาอำนาจอื่นๆมาก
“ไม่ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดล้อมหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ ….” ซือเฟิงกล่าวพลางส่ายหัว
“งั้นคุณต้องการทำอะไร ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทที่ได้รับคำตอบจากซือเฟิงเต็มไปด้วยความสับสน
“ฉันต้องการจะปิดล้อมเมืองสกายสปริงทั้งเมือง !!!” ดวงตาของซือเฟิงเปล่งประกายขึ้นมา เมื่อเขาประกาศเรื่องนี้ “นอกเหนือจากสมาชิกของสามกิลเราแล้ว เราจะห้ามไม่ให้คนภายนอกเข้าสู่เมืองสกายสปริง !!”
“ปิดล้อมเมืองสกายสปริงทั้งเมืองงั้นหรอ ?” อันยีลดิ้งฮาร์ทตกตะลึง
“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม นั่นมันจะไม่ยากเกินไปหน่อยหรอ ?” อิลูซะรี่เวิร์ดถามด้วยความสับสน “แม้ว่าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับจะช่วยให้เราสามารถเก็บเลเวลได้เร็วขึ้น แต่กำลังพลที่ต้องใช้ในการปิดล้อมเมือง NPC นั้นมันก็ต้องใช้มหาศาลมากๆ และด้วยสถานะปัจจุบันของเกม กิลทั้งสามกิลของเราจะต้องจ่ายในราคาที่สูงมากแน่นอน หากต้องการจะทำแบบนั้น”
เนื่องจากจำนวนประชากร NPC ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก มันจึงทำให้มหาอำนาจต่างๆขาดแคลนกำลังคน ในขณะเดียวกัน แม้เมืองสกายสปริงจะไม่ใช่เมืองที่ได้รับความนิยมมากนัก แต่จำนวนผู้เล่นที่อยู่ในเมืองมันก็ยังมีเกินหนึ่งแสนคน ซึ่งจำนวนกำลังพลที่จะต้องใช้ในการปิดล้อมและไล่ผู้เล่นเหล่านี้ออกจากเมือง มันไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเลย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่ากิลทั้งสามของพวกเขาจะต้องส่งผู้เล่นเข้ามาประจำการในเมืองในระยะยาว
“ถ้าเราทำสิ่งนี้แค่เพื่อเรื่องของพื้นที่เก็บเลเวล มันก็จะเป็นการเสียเปล่าแน่นอนที่จะทำการปิดล้อมเมืองทั้งเมือง” ซือเฟิงกล่าวจากนั้นเขาก็เดินไปที่หอคอยแห่งพันสัญญาลับ พลางชี้ไปที่วงเวทย์เทเลพอร์ตที่ชั้นสองที่จะนำไปสู่ชั้นสิบเก้า ก่อนที่จะมองไปที่อิลูซะรี่เวิร์ดและคนอื่นๆ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดต่อว่า “แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมีมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสามของอาชีพต่างๆ ?”