Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2761
ตอนที่ 2761 เลเวลที่พุ่งขึ้นราวกับจรวด
“มันตายแล้วใช่ไหม ?”
“เกือบไปแล้ว !! ตอนแรกฉันคิดว่ามันจะเป็นเราทุกคนซะอีกที่จะตาย !!!”
“ฉันจะไม่เข้าใกล้มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายอีกเลย ก่อนที่ฉันจะไปถึงขั้นสี่ !!! สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มันไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นขั้นสามอย่างเราจะทำอะไรกับมันได้เลย !!!”
หลังจากที่ทุกคนเห็นร่างของโทเดลย่าถูกผ่าออกเป็นสองซีก และตายลง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะทรุดตัวลง และถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาที่พวกเขาสามารถทำได้สำเร็จ และเอาตัวรอดจากการตายในครั้งนี้มาได้
และเมื่อหลายคนปรับอารมณ์กันแล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขที่ตัวเองนั้นโชคดีและรอดมาได้จริงๆ
สำหรับอิลูซะรี่เวิร์ด และอันยีลดิ้งฮาร์ท ทั้งคู่เหนื่อยเกินกว่าที่จะใส่ใจกับโทเดลย่าแล้ว ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาต้องมันการมันก็เพียงแค่นั่งลงพักต์ผ่อน และผ่อนคลายจิตใจ
อย่างไรก็ตามก่อนที่ใครจะทันได้พักหายใจดี เสียงสวดมนศักสิทธิ์ก็ดังลงมาจากท้องฟ้า ซึ่งเสียงสวดมนต์นี้มันก็ดังก้องไปทั่วบริเวณจนทำให้ทุกคนรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
ตามที่คาดหวังไว้จากการได้รับเฟิร์สคิลมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายตัวแรกในเทือกเขาที่ถูกทำลาย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้สกิล Divine Providence และโจมตีบอสปิดงาน แต่คุณภาพของไอเทมที่มันดรอปก็ยังสามารถจะทำให้เกิดเสียงสวดมนต์ศักสิทธิ์ได้ ซือเฟิงซึ่งนอนอยู่บนพื้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสถานการณ์นี้ ….
ซึ่งที่ซือเฟิงไม่สามารถจะจะใช้สกิล Divine Providence และโจมตีบอสเพื่อปิดงานได้ มันก็เป็นเพราะลอร์ดแห่งดินแดนไม่ได้เปิดโอกาสให้เขาเลย ดังนั้นเขาจึงต้องใช้โฟร์เบโร่โจมตีปิดงานแทน
ในขณะที่เสียงสวดมนต์ศักสิทธิ์กำลังดังก้องไปทั่ว มันก็มีแสงสว่างเข้ามาปกคลุมผู้รอดชีวิตทั้งหมด ซือเฟิงซึ่งตอนแรกอยู่ในเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบห้า และมี EXP อยู่ที่เจ็ดสิบแปดเปอเซ็นต์นั้นก็ได้เลื่อนเลเวลไปเป็นเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ด และมี EXP อยู่ที่สี่เปอเซ็นต์ทันที
สำหรับคนอื่นๆ ทุกคนนั้นมีเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสามเลเวล โดยบางคนนั้นก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นถึงสี่เลเวล ซึ่ง EXP ที่พวกเขาได้รับอย่างมากมายมหาศาลนี้ มันทำให้พวกเขาตกตะลึงมากๆ
“นี่มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายให้ EXP มากมายขนาดนี้เลยงั้นหรอ ?!”
“ด้วย EXP จากโทเดลย่า เราจะประหยัดเวลาในการล่าไปได้อย่างน้อยครึ่งเดือนเลย …”
“มันเป็นเรื่องน่าเสียดายนะที่สมาชิกในทีมของเราส่วนใหญ่ตายไป ไม่งั้นพวกเขาก็จะประหยัดเวลาในการล่าไปได้มากเช่นกัน ….”
“นี่มัน ยอดเยี่ยมจริงๆ !!!”
ทุกคนนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ และพึมพำออกมาอย่างโล่งอก เมื่อได้เห็น EXP มากมายที่โทเดลย่ามอบให้ ในแง่หนึ่งพวกเขาก็รู้สึกขอบคุณที่นี่มันทำให้พวกเขาสามารถประหยัดเวลาได้มาก ในทางกลับกันพวกเขาก็แอบรู้สึกผิดต่อเหล่าผู้เล่นที่ตายไป เพราะไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ได้รับ EXP จากการโจมตีนี้ แต่พวกเขายังจะเสียเลเวลไปหนึ่งเลเวลด้วย หลังจากฟื้นคืนชีพขึ้นมา และแม้ว่าอิลูซะรี่เวิร์ดกับฮีลเลอร์คนอื่นๆในทีมจะใช้สกิลฟื้นคืนชีพให้พวกเขา แต่พวกเขาก็ยังจะต้องเสีย EXP ไปราวห้าสิบเปอเซ็นต์อยู่ดี
มีเพียงซือเฟิงเท่านั้นที่ยังคงไม่สะทกสะท้านกับสถานการณ์นี้
นอกเหนือจากเรื่องที่ว่าการโจมตีครั้งนี้มันเกิดขึ้นหลังจากการอัพเดทครั้งใหญ่ครั้งแรก เพียงแค่ข้อเท็จจริงที่ว่าโทเดลย่านั้นเป็นมอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยาย และลอร์ดแห่งดินแดน มันก็หมายความว่า EXP ที่ผู้เล่นจะได้รับจากการฆ่ามันได้นั้นก็มหาศาลมากแล้ว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องผลของเสียงสวดมนต์ที่ช่วยเพิ่ม EXP ให้กับพวกเขาขึ้นไปอีกเช่นกัน
นอกจากนี้โทเดลย่ายังเป็นมอนสเตอร์ เลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบแปด ขณะที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ในทีมนั้นยังมาไม่ถึงเลเวลหนึ่งร้อยยี่สิบด้วยซ้ำ ดังนั้นโบนัส EXP ที่ระบบจะให้แก่ผู้เล่นในเรื่องนี้ก็จะมีอีกมหาศาลด้วย
อย่างไรก็ตาม มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะเลื่อนเลเวลได้อย่างรวดเร็วแบบนี้อีกในอนาคต เพราะท้ายที่สุดแต่ละภูมิภาคของเทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นมีลอร์ดแห่งดินแดนเพียงตัวเดียว ซึ่งมันจะใช้เวลาห้าวันหรือมากกว่านั้นในการเกิดใหม่ ยิ่งไปกว่านั้นลอร์ดแห่งดินที่จะเกิดใหม่ มันยังไม่ได้ฟิคว่าจะต้องเป็นตัวเดิมด้วย
ดังนั้นแม้ว่าทีมของพวกเขาจะสามารถเอาชนะโทเดลย่า และมีข้อมูลของมันทั้งหมดแล้ว แต่ข้อมูลมันก็จะไร้ประโยชน์ เพราะลอร์ดแห่งดินแดนที่จะเกิดตัวต่อไปในภูมิภาคนี้มีสิทสูงมากที่จะเป็นตัวอื่น
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้เล่นจะได้พบกับลอร์ดแห่งดินแดนตัวเดิมหลายๆครั้งในดินแดนต้องห้ามแบบ เทือกเขาที่ถูกทำลาย และต่อให้เจอซ้ำบอสก็มักจะมีอะไรแปลกใหม่มาเซอไพรส์ผู้เล่นเสมอ และทำการฆ่ามันยากขึ้นมาก
ซือเฟิงค่อยๆยืนขึ้นอย่างช้าๆ พลางมองไปที่เพื่อนร่วมทีมของเขา และกล่าวว่า “เริ่มฟื้นคืนชีพคนอื่นๆได้แล้ว ธอร์น นำคนอื่นๆจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนรอบๆ อย่าให้มีมอนสเตอร์มาซุ่มโจมตีเรา”
แม้ว่าตัวตนของโฟร์เบโร่จะทำให้มอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆหวาดกลัว และหนีไป แต่มันกก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่นิดหน่อยที่พวกเขาจะถูกซุ่มโจมตี และท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรที่จะระวังไว้ก่อน เพราะหากพวกเขาถูกซุ่มโจมตีตอนนี้ สภาพของพวกเขาคงดูไม่จืดแน่นอน
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่เราเอง”
ไลฟ์เลสธอร์นพยักหน้า ก่อนจะออกไปลาดตระเวนรอบๆพร้อมกับคลีนซิ่งวิสเซิล และคนอื่นๆ
สำหรับหยานย่า อิลูซะรี่เวิร์ด และเหล่าฮีลเลอร์คนอื่นๆที่ยังรอดชีวิต พวกเขาก็เริ่มฟื้นคืนชีพสมาชิกในทีมที่ถูกฆ่าไปโดยวิญญาณกลืนกินทันที
แม้ว่าคนเหล่านี้จะตายลง เพราะว่าพวกเขาถูกดูดค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจไปจนเหือดแห้ง แต่วิญญาณของพวกเขาก็ไม่ได้รับความเสียหาย ดังนั้นการฟื้นคืนชีพพวกเขาจึงยังเป็นไปได้ เพียงแต่ว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานะอ่อนแอเป็นเวลาหลายชั่วโมงหลังคืนชีพ และจะไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ทันทีก็เท่านั้น
ในขณะที่คนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่กับงานของตน ซือเฟิงก็เดินไปที่ศพของโทเดลย่าอย่างช้าๆและรอให้ไอเทมที่ดรอปปรากฎขึ้น
สำหรับเรื่องไอเทมที่ดรอปจากโทเดลย่า มันไม่มีสมาชิกคนใดของอันยีลดิ้งโซล และจักรพรรดิคริมสันคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
เพราะท้ายที่สุดซือเฟิงก็เป็นผู้จัดทีมนี้ และก่อนพวกเขาจะออกเดินทาง พวกเขาก็ได้ตกลงกันแล้วว่าทุกการค้นพบ และไอเทมที่พวกเขาจะได้รับระหว่างการเดินทางครั้งนี้จะเป็นของซือเฟิงทั้งหมด ซึ่งมันนับเป็นข้อตกลงพื้นฐานของทั้งสามกิล
ยิ่งไปกว่านั้น แม้จะไม่มีข้อตกลง แต่เหล่าผู้เชี่ยวชาญของจักรพรรดิคริมสัน และอันยีลดิ้งโซลที่ร่วมเดินทางมากับซือเฟิงทั้งหมดก็รู้สึกละอายเกินกว่าจะขอไอเทมใดๆ
ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขามีบทบาทในการสนับสนุนเท่านั้น และแทบไม่ได้ทำอะไรเลยในระหว่างการโจมตี แถมที่จริงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะซือเฟิงควบคุมโฟร์เบโร่ให้โจมตีปิดฉากอย่างรุนแรงในครั้งสุดท้าย ตอนนี้พวกเขาก็คงจะตายลงไปทั้งหมด และไม่มีใครได้รับอะไรแม้กระทั่ง EXP แล้ว
และพูดกันตามตรงการ การได้รับ EXP มหาศาลจนมีเลเวลเพิ่มขึ้นมาสามถึงสี่เลเวล ซึ่งช่วยประหยัดเวลาการเก็บเลเวลในโลกภายนอกของพวกเขาไปราวสิบห้าวันนี้ มันก็จัดว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่คุ้มค่ามากแล้วในการเดินทางมาที่เทือกเขาที่ถูกทำลาย นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาได้เรียนรู้ และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเทือกเขาที่ถูกทำลายมาอีก ซึ่งด้วยข้อมูลนี้มันจะทำให้กิลทั้งสองมีช่วงเวลาที่ง่ายขึ้นมากในการสำรวจที่นี่ในอนาคต
หวังว่าไอเทมที่ดรอปออกมาจะไม่แย่เกินไปนะ …. ฉันขอหนังสือสกิลขั้นสี่สักหนึ่งถึงสองเล่มหรือไม่ก็เศษชิ้นส่วนคำแนะนำมรดกก็ได้ …. ซือเฟิงอดไม่ได้จะภาวในใจ เมื่อเห็นเมฆดำบนท้องฟ้าค่อยๆกระจัดกระจาย
เมื่อเทียบกับโลกภายนอก เทือกเขาที่ถูกทำลายนั้นอันตรายกว่ามากๆ และมันก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้ามาแบบมั่วๆเพื่อแสวงหาโชคลาภ ไปจนถึงหวังจะร่ำรวยได้ง่ายๆ
ในทางตรงกันข้ามไม่ว่าจะเป็นดินแดนต้องห้ามสำหรับมนุษย์ หรือดินแดนต้องห้ามสำหรับทุกชีวิต มันก็จัดเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยทรัพยากรและมรดกจำนวนมาก
ใน God domain ปัจจุบัน อาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆนั้นล้วนเข้าควบคุม และเก็บมรดกขั้นสามไว้อย่างหนาแน่น ในกรณีของมรดกขั้นสี่ แม้ว่าอาณาจักร และจักรวรรดิต่างๆจะแทบไม่มีเลย แต่ดินแดนต้องห้ามนั้นยังคงมีพวกมันที่รอการค้นพบอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นมรดกขั้นสี่หรือสูงกว่านั้น เพราะดินแดนต้องห้ามนั้นมันมีความอุดมสมบูรณ์กว่าในด้านนี้มากกว่าโลกภายนอกมาก
ในขณะเดียวกัน หลังจากผู้เล่นมาถึงขั้นสี่แล้ว มันก็มีสามวิธีที่พวกเขาสามารถจะใช้ปรับปรุงตัวเองได้
วิธีแรกที่ง่ายที่สุดก็คือการอัพเกรดอาวุธและอุปกรณ์ของพวกเขา โดยไอเทมที่เหมาะสม มันก็จะจัดว่าหาได้ง่ายในระดับหนึ่งในอาณาจักรและจักรวรรดิต่างๆ
วิธีที่สองนั้นยากกว่าวิธีแรกอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นก็คือการได้รับหนังสือสกิลและเวทย์ขั้นสี่มาเพื่อเรียนรู้ หลังจากมาถึงขั้นสี่แล้ว นอกเหนือจากการใช้คะแนนสกิลมรดกเพื่อรับเอาสกิลมรดกขั้นสี่ มันก็ยังมีการที่ผู้เล่นสามารถจะไปควานหาหนังสือสกิลและเวทย์ขั้นสี่มาเพื่อเรียนรู้สกิลและเวทย์เพิ่มเติมได้ อย่างไรก็ตามแผนที่ในอาณาจักร และจักรวรรดิ รวมไปถึงแผนที่เป็นกลางทั่วไปนั้นมันไม่ดรอปหนังสือสกิลและเวทย์ขั้นสี่เลย มันจะมีแต่เพียงในดินแดนต้องห้ามเท่านั้นที่ดรอป โดยมันจะดรอปจากมอนสเตอร์ระดับเทพนิยายหรือสูงกว่าขึ้นไป และอัตราการดรอปของมันก็ต่ำมากๆ
นี่เป็นเพราะว่าบ่อยครั้งการดวลกันของผู้เล่นขั้นสี่นั้นจะขึ้นอยู่กับจำนวนสกิลและเวทย์ขั้นสี่ที่พวกเขามี เนื่องยจากสกิลและเวทย์ขั้นสี่นั้นมีความแข็งแกร่งกว่าสกิลและเวทย์ขั้นสามมาก ซึ่งมันก็สามารถจะใช้ฆ่าเป้าหมายของผู้ใช้ได้ในทันที
ดังนั้นหลังจากมาถึงขั้นสี่แล้ว การได้รับหนังสือสกิลและเวทย์ขั้นสี่มาจึงนับเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้เล่นเลย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่เหมือนกับพวกไอเทม สกิลและเวทย์แบบนี้จะไม่ได้ดรอปเมื่อผู้เล่นตาย
วิธีที่สามนั้นก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยากพอกัน ซึ่งนั่นก็คือการได้รับคำแนะนำจากมรดกขั้นสี่หรือสูงกว่า
หลังจากผู้เล่นมาถึงขั้นสี่แล้ว เรื่องเลเวลนั้นจะไม่ได้มีความสำคัญกับพวกเขามากเท่าเมื่อก่อนอีกต่อไป และแม้ว่าผู้เล่นไปถึงเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ และปฎิบัติตามเงื่อนไขขั้นต่ำในการเลื่อนเป็นขั้นห้าได้แล้ว แต่มันก็ใช่ว่าผู้เล่นจะสามารถเลื่อนไปเป็นขั้นห้าได้ทันที
การเลื่อนขั้นมาเป็นขั้นห้านั้นยากกว่าการเลื่อนขั้นมาเป็นขั้นสี่มาก
สำหรับวิธีการเลื่อนขั้นมาเป็นขั้นสี่นั้น ผู้เล่นก็จะต้องไปค้นหาดินแดนมรดกขั้นสี่ของตน และเรียนรู้กับรับเอามรดกขั้นสี่มาในเวลาที่กำหนด
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้มีอะไรแบบนี้สำหรับการเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้า ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องทำเควสเลื่อนขั้นที่ยุ่งยาก และไม่จำเป็นต้องค้นหาสถานที่แบบสุ่ม
แต่การจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขั้นห้านั้น มันตรงไปตรงมากว่านั้นมาก ผู้เล่นเพียงแค่ต้องเพิ่มค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาให้ขึ้นไปถึงขั้นห้า จากนั้นพวกเขาก็ต้องสร้างร่างมานาของตนขึ้นใหม่ ซึ่งจะช่วยให้แก่นแท้ของพวกเขาบรรลุการปรับปรุงในเชิงคุณภาพ
นี่คือวิธีๆที่จะทำให้คนๆหนึ่งกลายเป็นนักบุญได้ !!!
เมื่อไปถึงขั้นห้า ผู้เล่นจะไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป ชนชั้นสิ่งมีชีวิตของพวกเขาจะไปถึงระดับที่เรียกได้ว่าพิเศษมาก นี่เหตุผลว่าทำไมถึงมีผู้เล่น และ NPC เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงขั้นห้าได้ใน God domain และผู้ที่ทำได้นั้นก็ถือเป็นมังกรและฟีนิกซ์ในหมู่พวกเดียวกันเลย ….
ขั้นตอนแรกในการจะเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าให้ได้ก็คือ การต้องทะลุขีดจำกัดร่างมานาที่ถูกสร้างขึ้นในตอนตัวเองเป็นขั้นสามไปให้ได้ แม้ว่านี่มันอาจจะดูเหมือนเป็นขั้นตอนที่ไม่สำคัญ แต่มันก็จะช่วยเหลือผู้เล่นได้อย่างมาก เมื่อพวกเขาพยายามสร้างร่างมานาของตัวเองขึ้นใหม่ในขั้นสี่
ซึ่งในขณะเดียวกันไวโอเล็ตคลาวด์ก็ได้ก้าวผ่านขั้นแรกในเส้นทางไปสู่ขั้นห้าแล้ว
ในขณะเดียวกันคำแนะนำมรดกนั้นก็จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถทำความเรื่องมานาได้มากขึ้น เนื่องจากพวกมันมักจะบันทึกสิ่งที่ตัวตนที่ทรงพลังในอดีตเข้าใจเกี่ยวกับมานาไว้ ขณะที่บางคนยังบันทึกไว้กระทั่งวิธีการและประสบการณ์ในการสร้างร่างมานาขึ้นใหม่ด้วย
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ซือเฟิงเลือกที่จะรับคำแนะนำมรดกจากนักบุญแห่งดาบคริมสันดาบอย่างไม่ลังเล
ที่ขั้นสาม แม้ว่าผู้เล่นจะเคยสร้างร่างมานามาแล้ว แต่ผู้เล่นก็ยังจะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากมากๆในการสร้างร่างมานาของพวกเขาขึ้นใหม่ตอนที่เป็นขั้นสี่ หากผู้เล่นต้องการจะเลื่อนไปเป็นขั้นห้า เพราะพวกเขาจะต้องสร้างร่างมานาที่แข็งแกร่งกว่าเดิมราวสิบเท่า พวกเขาจึงจะสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นห้าได้ ซึ่งเรื่องความยากของการทำแบบนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงเลย ….
ดังนั้นคำแนะนำมรดกจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง มันมีเพียงแต่การได้เรียนรู้เกี่ยวกับมานา และร่างมานาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเท่านั้นที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างร่างมานาที่ผ่านเกณฑ์และทำให้พวกเขาทะลุไปขั้นห้าได้ ไม่งั้นพวกเขาก็จะต้องติดอยู่ที่ขั้นสี่ไปตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม การได้รับคำแนะนำมรดกนั้นพูดง่ายกว่าทำ และเศษชิ้นส่วนคำแนะนำมรดกก็หายากไม่ได้ด้อยไปกว่าเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานเลย โดยทั่วไปมันก็จะมีแค่เฉพาะบอสของดินแดนต้องห้ามที่มีสถานะเป็นลอร์ดแห่งดินแดนหรือสูงกว่าเท่านั้นที่จะมีโอกาสดรอปมันเล็กน้อย ….
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่มีผู้เล่นอิสระเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงขั้นห้าได้
เพราะท้ายที่สุดแล้วนับประสาอะไรกับการโซโล่กับบอสระดับผู้อาวุโสเทพนิยายในเลเวลเดียวกัน แม้แต่การโซโล่กับบอสระดับผู้อาวุโสเทพนิยายที่มีเลเวลต่ำกว่าก็ยังเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ โดยปกติแล้วการบุกโจมตีมอนสเตอร์ระดับนี้จำเป็นจะต้องมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่เข้าร่วมด้วยหลายคน และต่อให้จะมีผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่โซโล่ฆ่าบอสระดับนี้ได้จริงๆ แต่มันก็ใช่ว่าบอสทุกตัวจะดรอปเศษชิ้นส่วนคำแนะนำมรดกออกมา นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่กิลต่างๆล้วนแข่งขันกันอย่างบ้าคลั่งในเรื่องนี้เพื่อแย่งชิงทั้งบอส และเศษชิ้นส่วนคำแนะนำมรดกกัน นี่มันจึงทำให้ความยากในการจะเข้าถึงขั้นห้าของผู้เล่นอิสระนั้นมันเพิ่มสูงขึ้นมาก
เว้นแต่ว่าจะมีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งเพียงพอ หรือพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์ ไม่งั้นขั้นห้ามันแทบจะอยู่ไกลเกินเอื้อมของผู้เล่นอิสระไปตลอดกาล
ในขณะที่ซือเฟิงกำลังภาวนาในใจ และมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า ไอเทมจำนวนมากก็หล่นลงมารอบๆตัวเขา ซึ่งไอเทมเหล่านี้ก็ได้ดึงดูดมานาในรัศมีหลายร้อยหลาเข้ามาแทบทั้งหมด
เมื่อซือเฟิงเห็นรูปสลักหินแปลกๆของมอนสเตอร์ท่ามกลางไอเทมเหล่านี้ ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที
รูปสลักสัตว์อสูรโบราณ ?! นี่มอนสเตอรตัวนี้กลืนกินสมบัติของเทพโบราณไปงั้นหรอ ?!