Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2789
**ขอเปลี่ยนจากมังกรเด็กขั้นสี่ เป็นมังกรหนุ่มขั้นสี่นะ ดูเหมือนจะแปลความหมายผิดไปหน่อย
ตอนที่ 2789 ความเป็นไปได้ของมังกร
เนินเขาเนเธอร์ไฟร์ ถ้ำที่หุบเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ :
หลังจากคริมสันบีโลว์รายงานกลับมา และส่งพิกัดมาให้ ซือเฟิงก็ได้รีบเรียกรวมตัวทุกคนอย่างรวดเร็ว และทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบแปดคนก็ได้ออกเดินทางตรงไปยังพิกัดที่คริมสันบีโลว์ส่งมา
“เปลวไฟที่นี่ดูเหมือนมันจะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ” ยู่หลัวนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าความเหนื่อยล้าของร่างกายของเธอนั้นมันเพิ่มขึ้นหลังจากที่เธอเข้ามาในถ้ำ มันจึงทำให้ให้เธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างกังวลเล็กน้อย “ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งเราเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ลึกขึ้นเท่าไหร่ ความร้อนของเปลวไฟก็ยิ่งมีแต่จะมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งในอัตรานี้มันจะผลาญทั้งค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจ และค่าสตามิน่าของเราเร็วขึ้นไปอีกมาก”
“จริงๆนั่นแหละ พอได้เข้ามาที่นี่ความรู้สึกพวกนี้มันก็รุนแรงขึ้น และมันก็ทำให้ร่างกายกับจิตใจของเราแย่ลงเรื่อยๆ” วินเชเซอร์พยักหน้าให้กับคำพูดของยู่หลัว ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ภายใต้สภาพแวดล้อมที่รุนแรงแบบนี้ ฉันคิดว่าผู้เล่นส่วนใหญ่จะไม่สามารถแสดงพลังในการต่อสู้ออกมาได้อย่างเต็มที่แน่นอน”
ความร้อนก่อนหน้านี้มันเพียงแค่ผลาญค่าสตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขาไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ความร้อนในตอนนี้นอกจากมันจะผลาญค่า
สตามิน่า และค่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของพวกเขา มันยังทำให้พวกเขายังรู้สึกว่าตัวเองถูกแผดเผาตลอดเวลา และผิวของพวกเขาก็รู้สึกแสบร้อนมากๆ ซึ่งนี่มันจะส่งผลต่อพลังการต่อสู้ และสมาธิของพวกเขาในการต่อสู้มากๆ
ไม่ว่าผู้เล่นจะสามารถควบคุมการใช้สกิลและเวทย์ของตัวเองได้ดีแค่ไหน แต่ไหนในสภาพแวดล้อมแบบนี้การใช้สกิลและเวทย์ของพวกเขาก็จะยังคงได้รับผลกระทบแน่นอน ไม่เว้นแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่
ไลอ้อนฮาร์ทเองก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเมื่อเขาสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบ หลังจากนั้นเขาก็ได้มองไปยังซือเฟิงและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณซือเฟิง ถ้ำนี้มันค่อนข้างจะมีความพิเศษมากจริงๆ ฉันคิดว่าหลังจากเราเริ่มการต่อสู้ไปได้สักพัก เราควรจะล่อมังกรออกไปต่อสู้ด้านนอกถ้ำ เพราะสภาพแวดล้อมในถ้ำนั้นมันส่งผลกระทบต่อพลังการต่อสู้ของเราอย่างรุนแรงเกินไป”
“ฉันว่าการทำแบบนั้น มันจะมีแต่ทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่นะ !!” ซือเฟิงส่ายหัว ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เราต้องจัดการมังกรหนุ่มขั้นสี่ในถ้ำนี้ มันเป็นโอกาสเดียวของเรา มันจะเป็นเรื่องยากมากสำหรับเราที่จะไปเผชิญหน้ากับมังกรหนุ่มขั้นสี่ด้านนอกถ้ำ”
เผ่ามังกรนั้นเป็นเจ้าแห่งท้องฟ้า ถ้าพวกเขาออกไปนอกถ้ำจริงๆ เมื่อมองแค่ผิวเผินมันก็จะดูเหมือนว่าการทำแบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา แต่ในความเป็นจริง มันมีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงสำหรับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นขั้นสาม ซึ่งหากไม่มีสกิลหรือเวทย์พิเศษแล้ว ผู้เล่นขั้นสามก็จะบินไม่ได้ และในเวลานั้นผู้เล่นขั้นสามก็จะทำได้แค่มองดูจากด้านข้างเท่านั้น
สำหรับการจะพึ่งพาเรือเหาะมังกรสีเลือดนั้นมันเป็นเรื่องที่บ้ามากๆ ….
แม้ว่าเรือเหาะมังกรสีเลือดจะเป็นเรือเหาะขั้นสูง แต่มันก็จะทนการโจมตีทั่วไปจากมังกรหนุ่มขั้นสี่ได้ไม่เกินสามถึงสี่ครั้งแน่นอน เพราะท้ายที่สุดเรือเหาะนี้ถูกแบบมาให้ทนทานต่อการโจมตีขั้นสี่ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่ไม่ใช่กับการโจมตีที่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นห้าที่มังกรหนุ่มขั้นสี่สามารถจะโจมตีได้ และแค่การโจมตีขั้นห้าครั้งเดียวมันก็เกือบจะมากเกินพอที่จะทำลายเรือเหาะแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานซือเฟิงและคนอื่นๆก็ได้พบกับคริมสันบีโลว์ที่รออยู่ในถ้ำมาก่อนแล้ว
โดยใบหน้าของคริมสันบีโลว์ในตอนนี้นั้นดูไม่ค่อยดีนัก พูดกันตามตรงเธอดูหน้าซีดกว่าปกติมากๆ ….
“มีอะไร ?” ไลอ้อนฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น เมื่อได้เห็นสีหน้าของคริมสันบีโลว์
“ก็ไม่มีอะไร …” คริมสันบีโลว์กล่าวพลางส่ายหัวเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “ฉันแค่คิดว่าเราจะมีอกาสเอาชนะมังกรหนุ่มขั้นสี่ได้จริงๆงั้นหรอ ….”
“แม้ว่ามังกรหนุ่มขั้นสี่จะจัดเป็นสิ่งมีชีวิตที่แทบจะเป็นอมตะในหมู่ขั้นเดียวกัน แต่พวกเราก็ไม่ได้อ่อนแอนะ แล้วก็เราจะรู้ได้ยังไงถ้ายังไม่ได้ลอง ?” บัดดี้บลัดกล่าว ขณะที่มองไปยังคริมสันบีโลว์ที่เริ่มจะสูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ไป ก่อนที่เขาจะพูดอย่างมั่นใจต่ออีกว่า “อย่าลืมสิว่าเรามีผู้เล่นขั้นสี่เข้าร่วมปฎิบัติการครั้งนี้ถึงเก้าคน และมังกรหนุ่มตัวนี้ก็อยู่แค่ในขั้นสี่เท่านั้น”
อย่างไรก็ตามหลังจากเดินต่อมาในถ้ำได้อีกไม่นาน บัดดี้บลัดและคนอื่นๆก็ได้มาถึงโถงขนาดใหญ่ของถ้ำที่ซึ่งมันมีสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดลำตัวยาวกว่าหนึ่งร้อยเมตร และร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทองปรากฎขึ้นมาในสายตาของทุกคน
(มังกรทองหนุ่ม) (มังกร ระดับเทพนิยาย)
เลเวล 140
HP11,200,000,000/11,200,000,000
“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!”
หลังจากที่ทุกคนได้เห็นข้อมูลของมังกรทองหนุ่ม พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปาก
ค้างด้วยความตกตะลึง และแม้แต่ไลฟ์เลสธอร์นกับโซริทารี่ไนน์ที่เคยเห็นเจ้าชายปีศาจมาแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องอ้าปากค้าง และรู้สึกตกตะลึงมากเช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงออร่าที่น่ากลัวที่มังกรทองหนุ่มแผ่ออกมาเลย เพราะท้ายที่สุดเพียงแค่นอนอยู่มันก็ทำให้คนผู้คนที่อยู่ใกล้ๆแทบจะรู้สึกหายใจไม่ออกแล้ว นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่มันมี HP อีกหนึ่งหมื่นหนึ่งพันสองร้อยล้าน
ซึ่งแค่สกิลฟื้นฟูในระหว่างการต่อสู้นั้นมันก็มากพอที่จะทำให้ศัตรูของมันรู้สึกสิ้นหวังได้แล้ว
เมื่อเทียบแล้วในระหว่างการต่อสู้ ทุกๆห้าวินาทีมันจะสามารถฟื้นฟู HP ได้ราวห้าร้อยหกสิบล้าน ซึ่งเท่ากับว่ามันจะสามารถฟื้นฟู HP ของตัวเองได้ได้ราวหนึ่งร้อยสิบสองล้านทุกวินาที ขณะที่พวกผู้เล่นขั้นสี่ที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญหนึ่งคนนั้นจะสามารถสร้างความเสียหายได้ราวห้าสิบล้านต่อวินาที ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วพวกเขาเก้าคนจะสามารถสร้างความเสียหายรวมได้แค่สี่ร้อยห้าสิบล้านต่อวินาทีเท่านั้น โดยต่อให้มังกรทองหนุ่มนอนอยู่เฉยๆกับที่โดยไม่ตอบโต้พวกเขา พวกเขาก็ยังจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งเลยในการจะฆ่ามันให้ได้
นี่ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามังกรทองหนุ่มตรงหน้าของพวกเขานั้น เป็นมังกรที่แข็งแกร่งกว่ามังกรทั่วไปมาก ซึ่งหากวัดกันตามสายเลือดมันอ่อนแอกว่ามังกรศักสิทธิ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
แต่จากที่ได้กล่างมาข้างต้น มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้จะนอนอยู่เฉยๆให้พวกเขาระดมโจมตีและฆ่ามัน ท้ายที่สุดมันจะต้องเริ่มการตอบโต้บ้าง และเท่าที่ซือเฟิงรู้เมื่อวัดตามระดับสายเลือดของมันนั้น มันจะแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายอย่างโทเดลย่าสามถึงสี่เท่าเลย ซึ่งพูดตามตรงแม้ว่าพวกเขาจะมีผู้เล่นขั้นสี่มากกว่านี้อีกสองเท่าอยู่ในทีม แต่มันก็ยังไม่แน่เลยว่าพวกเขาจะสามารถฆ่ามันได้
และในเวลานี้ไลอ้อนฮาร์ท และสมาชิกคนอื่นๆของทีมนักผจญภัยสกายแฟร์ก็ได้เข้าใจแล้วว่าทำไมซือเฟิงถึงไม่จัดให้มีฮีลเลอร์อยู่ในห้าทีมของผู้เล่นขั้นสามเลย
เนื่องจากในการต่อสู้ครั้งนี้นั้น ผู้เล่นขั้นสามจะไม่ต่างอะไรไปจากมดปลวก พูดกันตามตรงพวกเขาไม่มีความสำคัญในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยซ้ำ และหากพวกเขาถูกมังกรทองหนุ่มโจมตีเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะตายทันทีแน่นอน พวกเขาไม่จำเป็นต้องได้รับการฮีลใดๆ
“มังกรทองหนุ่ม ?” ซือเฟิงมองไปที่มังกรทองหนุ่มที่เป็นเหมือนกับภูเขาลูกใหญ่ตรงหน้าเขา และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมา “ไม่น่าแปลกใจเลยที่เควสนี้ได้รับการประเมินว่าเป็นเควสระดับเทพนิยายที่อ่อนแอ”
มังกรทองหนุ่มขั้นสี่นั้นมีพลังต่อสู้ที่ใกล้เคียงกับพลังการต่อสู้ขั้นกลาง ของพวกขั้นห้าโดยทั่วไป และเจ้าชายปีศาจโฟร์เบโร่ที่เขาเคยอัญเชิญออกมานั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันเลย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตรงหน้าพวกเขานั้นจะสามารถจัดการกับผู้เล่นขั้นสี่ได้อย่างง่ายดายเลย
หากพวกเขาต้องการจะต่อสู้กับมังกรทองหนุ่มแบบนี้จริงๆ พวกเขาควรจะมีผู้เล่นขั้นสี่ที่สวมใส่อาวุธและอุปกรณ์ระดับตำนานแบบครบทั้งตัว ไม่งั้นพวกเขาก็ควรจะวิ่งหนีไปให้ไกลมากกว่า
“คุณซือเฟิง แม้ว่าฉันจะไม่อยากพูดก็ตาม …. แต่ฉันคิดว่าการฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้มันน่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับทีมของเรา” ไลอ้อนฮาร์ทกล่าวพลางมองไปยังซือเฟิง และส่ายหัว
ตอนแรกที่เขายังไม่ได้เห็นมังกรทองหนุ่มขั้นสี่นั้น เขาก็ยังพอมีความมั่นใจในการจะเอาชนะมันอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามหลังจากได้มาเห็นตัวมันจริงๆแล้ว เขาจึงได้รู้ว่าต่อหน้ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตัวนี้ ผู้เล่นขั้นสี่นั้นแทบไม่ได้ต่างไปจากแมลงที่มันสามารถจะบดขยี้ได้ง่ายๆเลย
สำหรับทีม NPC ขั้นสี่ พวกเขาอาจจะมีความหวังเล็กๆที่จะล้มมันลงได้
“ไม่ !!” ซือเฟิงส่ายหัว โดยที่ดวงตาของเขายังคงมีความมุ่งมั่นอยู่ “ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลยซะทีเดียว เพียงแต่ว่าเราจะต้องเดิมพันครั้งใหญ่กันสักหน่อย”
เขาจำเป็นที่จะต้องฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่เพื่อที่จะทำเควสระดับเทพนิยายที่อ่อนแอให้สำเร็จให้ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่รอเขาอยู่หากเขาทำเควสระดับนี้ล้มเหลว และในเวลาเดียวกันนี่ก็เป็นโอกาสเดียวของเขา เขาไม่ได้มีเวลามากนัก เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าเขาจะถูกขับไล่ออกจากโลกยุคโบราณของ God domain เมื่อไหร่ โดยมันอาจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
และนี่ยังไม่นับรวมเรื่องจุดประสงค์หลักในการมาที่นี่ของเขาที่ต้องการจะมารวบรวมวัสดุที่จำเป็นในการใช้การสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กอีก ทุกอย่างมันตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไม่แน่นอนทั้งหมด
“เดิมพันครั้งใหญ่ ?” ไลอ้อนฮาร์ทรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง
ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ หลังจากได้เห็นมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ตรงหน้าแล้ว ทำไมเขาถึงยังคิดว่าพวกเราทั้งหมดยังมีความหวังในการจะฆ่ามันได้ ? ไลอ้อนฮาร์ทอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำในใจ
“ผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ท เดี๋ยวฉันจะเริ่มร่ายเวทย์บางอย่าง ซึ่งมันจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนมากๆ คุณช่วยนำคนไปเปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันครอบคลุมเราหน่อย ฉันไม่ต้องการจะให้มังกรทองหนุ่มรู้ตัวในตอนที่กำลังร่ายเวทย์” ซือเฟิงกล่าวออกคำสั่งกับไลอ้อนฮาร์ท ก่อนที่เขาจะมองไปยังทุกคนและออกคำสั่งต่ออีกว่า “สำหรับในการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ยู่หลัว หยวนเว่ยให้คอยซัพพอร์ทผู้บัญชาการไลอ้อนฮาร์ทอย่างเต็มที่ ส่วนคนอื่นๆคอยปกป้องทีมฮีลเลอร์ไว้ สำหรับทีมฮีลเลอร์ให้คอยทำการฮีลสิ่งมีชีวิตที่ฉันอัญเชิญมา อย่าให้ขาดตอนแม้แต่วินาทีเดียว”
“มอนสเตอร์อัญเชิญ ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ไลอ้อนฮาร์ทและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะมองไปยังมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ที่อยู่ห่างออกไป พวกเขานึกไม่ออกเลยว่ามอนสเตอร์อัญเชิญแบบไหนที่จะสามารถรับมือกับมังกรทองหนุ่มขั้นสี่ได้ แต่พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะปฎิบัติตามคำสั่งของซือเฟิงทันที
หลังจากนั้นไลอ้อนฮาร์ทก็ได้นำคนจำนวนหนึ่งไปทำการเปิดใช้งานวงเวทย์ขั้นสูงที่ช่วยกันทุกคนออกจากโลกภายนอกเพื่อให้มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ไม่รู้ตัวในสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ
“คุณซือเฟิง ทุกอย่างเรียบร้อย คุณสามารถเริ่มได้ทุกเมื่อ !!” ไลอ้อนฮาร์ทตะโกนบอกซือเฟิงผ่านแชททีม …
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยตามที่ไลอ้อนฮาร์ทบอก ซือเฟิงก็ได้หยิบไบเบิ้ลแห่งความมืดออกมาจากกระเป๋าของเขา และเริ่มร่ายเวทย์
ในตอนแรกเขาไม่ได้ต้องการจะใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดเลย อย่างไรก็ตามเขาไม่มีทางเลือก และเขาก็รู้ตัวดีว่าหากเขาใช้มันในครั้งนี้ เขาก็จะใช้ไบเบิ้ลแห่งความมืดได้อีกแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้นในช่วงเวลาที่เขายังเป็นผู้เล่นขั้นสี่ แล้ววิญญาณของเขาก็จะถูกพลังแห่งความมืดกลืนกิน
แต่อย่างไรก็ตามหากเขาต้องการจะฆ่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่ให้ได้ เขาก็จำเป็นที่จะต้องใช้มัน ….
ในขณะนี้เองเมื่อซือเฟิงเริ่มทำการร่ายเวทย์จากไบเบิ้ลแห่งความมืด พลังเวทย์ภายในวงเวทย์ก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก และน่ากลัว ซึ่งตรงกันข้ามกับด้านนอกที่เต็มไปด้วยความร้อน
อย่างไรก็ตามหลังจากซือเฟิงเริ่มร่ายเวทย์ไปได้เพียงสิบวินาที มังกรทองหนุ่มขั้นสี่ก็ลืมตาตื่นขึ้น และคำรามออกมา ก่อนจะโจมตีทำลายวงเวทย์ขั้นสูงของพวกเขาลงทันที ซึ่งสิ่งนี้มันทำให้ทุกๆคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงมากๆ พวกเขาไม่นึกเลยว่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่จะยังคงสัมผัสได้ถึงตัวตนของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะใช้วงเวทย์ขั้นสูงแล้วก็ตาม
เมื่อเห็นดังนี้นั้นไลอ้อนฮาร์ทก็อดไม่ได้ที่จะรีบตะโกนถามซือเฟิงว่า “ยังไม่เสร็จอีกหรอคุณแบล๊คเฟรม ?!”
หากซือเฟิงยังไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้ พวกเขาน่าจะได้ถูกสังหารหมู่กันทั้งหมดจริงๆแน่นอน ….
“เสร็จแล้ว !!! ฉันเสร็จแล้ว !!!” ซือเฟิงที่เร่งรีบเพิ่มความเร็วของตัวเองขึ้น หลังจากเห็นว่าวงเวทย์ขั้นสูงถูกทำลายไปตะโกนตอบ
เมื่อซือเฟิงพูดจบ บริเวณเหนือถ้ำก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำที่มืดมิด ก่อนที่ประตูหินที่มีขนาดใหญ่กว่ามังกรทองหนุ่มขั้นสี่จะปรากฎออกมาจากหลุมดำนี้ และก่อนที่มังกรทองหนุ่มขั้นสี่จะทันได้ตอบสนองใดๆเพิ่มเติม ประตูหินนี้ก็ค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ