Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2796
ตอนที่ 2796 การปรากฎตัวของแบล๊คเฟรม
ดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆมองไปที่ออทั่มแพล้นที่ใช้สกิลบลิ้ง เทเลพอร์ตออกไปด้วยดวงตาที่สิ้นหวังอย่างถึงที่สุด พวกเขานั้นต้องการจะเข้าหยุดออทั่มแพล้น อย่างไรก็ตามไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นยังไง พวกเขาก็ไม่สามารถจะหลุดจากพันธนาการของโซ่สีเลือดนี้ได้เลย พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่เฝ้าดูเท่านั้น
“บ้าชิบ !!!”
ในตอนนี้ดีไวน์ชาโด้วเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่เข้าใจมากๆว่าทำไมออทั่มแพล้นถึงสามารถเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่ได้เร็วขนาดนี้
ในแง่ของพลังการต่อสู้ ออทั่มแพล้นไม่ได้ติดแม้แต่ Top 20 ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบนเกาะดราก้อนฮาร์ทด้วยซ้ำ เขามีข้อได้เปรียบเหนือคนอื่นเพียงอย่างเดียวคือเขาเป็นครึ่งเอลฟ์ เขาจึงมีความสัมพันธ์กับเวทย์มนต์มากกว่าคนอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามความยากในการเลื่อนขั้น ขั้นสี่ของพวกครึ่งเอลฟ์ก็สูงกว่ามนุษย์เช่นกัน
ซึ่งหลักๆมันก็เป็นเพราะเรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้มีผู้เล่นจำนวนไม่มากนักที่เต็มใจจะเปลี่ยนเผ่าไปเดินในเส้นทางใหม่
อย่างไรก็การที่ออทั่มแพล้นกลายเป็นครึ่งเอลฟ์นั้นมันเป็นอุบัติเหตุ มันไม่ใช่ว่าเขาต้องการจะเปลี่ยนเผ่าด้วยตัวเอง แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวกับการสืบทอดอาชีพลับของเขา
อย่างไรก็ตามในตอนแรกนั้นออทั่มแพล้นทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสามสำเร็จช้ากว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกันค่อนข้างมาก แต่ในเวลานี้เขากับสามารถทำเควสเลื่อนขั้น ขั้นสี่ได้สำเร็จเร็วกว่าผู้เล่นส่วนใหญ่บนเกาะดราก้อนฮาร์ท ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไง เรื่องนี้มันก็ไม่น่าเชื่อเลย
“รองผู้บัญชาการ ทีมนักผจญภัยของเราไม่ได้รับอะเม้าท์บินได้พวกนี้มามากนี่นา นอกเหนือจากรองผู้บัญชาการของเราอีกสองคนที่อยู่บนเกาะดราก้อนฮาร์ทแล้ว ผู้ที่ได้รับมันไปก็คือ หัวหน้ายู่หลัวที่หายตัวไป ….” คลีนซิ่งเฟรมกล่าวขณะที่เธอมองไปยังอะเม้าท์บินได้ที่กำลังบินเข้ามา ซึ่งนี่มันก็ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะกล่าวต่ออย่างเป็นห่วงว่า “คนที่ควบคุมอะเม้าท์บินได้ให้บินเข้ามานั่นคือหัวหน้ายู่หลัวรึปล่าว ?”
“มันก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ …. แต่ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรแล้ว ….” ดีไวน์ชาโด้วยิ้มอย่างขมขื่น “ความแข็งแกร่งของออทั่มแพล้นในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งเราจะสามารถสู้ได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงยู่หลัวเลย”
เขาไม่ได้มีความหวังกับเรื่องนี้เลย แม้ว่ายู่หลัวจะบังเอิญกลับมาในฐานะผู้เล่นขั้นสี่ก็ตาม เพราะท้ายที่สุดแล้ว เธอนั้นเป็นเครอลิคซึ่งเป็นอาชีพสายซัพพอร์ท เธอจะไปต่อสู้กับออทั่มแพล้นที่เป็น Elementalist ได้ยังไงกัน ?
“ดีไวน์ชาโด้วพูดถูก พวกเขาไม่มีโอกาสจะต่อต้านรองผู้บัญชาการออทั่มแพล้นได้เลย สิ่งที่พวกคุณควรทำตอนนี้คือยอมกลับไปพร้อมกับเราดีๆ และไปเกลี้ยกล่อมผู้บัญชาการของพวกคุณให้ยอมแพ้ซะ” ในเวลานี้เอง ผู้หญิงในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินก็ปรากฎตัวขึ้นข้างๆดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆ ซึ่งเธอก็ทำให้พวกเขาตกใจมากๆ
ซึ่งผู้หญิงคนนี้นั้นมีอาชีพเป็นแรนเจอร์ และเธอก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหนึ่งในสี่รองผู้บัญชาการของวอร์บลัด อิ้งเฟเธอร์
“ไม่คาดคิดเลยนะเนี่ยว่ารองผู้บัญชาการสองคนของวอร์บลัดจะออกมาหยุดพวกเราด้วยตัวเอง นี่มันถือเป็นเกียรติจริงๆ” ดีไวน์ชาโด้วกล่าว พลางมองไปยังอิ้งเฟเธอร์ด้วยสายตาที่ถากถาง
มันไม่มีประโยชน์หรอกนะที่คุณจะมายั่วยุฉัน …” อิ้งเฟเธอร์กล่าวด้วยความดูถูก “แม้ว่าออทั่มแพล้นจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่คุณคิดจริงๆหรอว่าคุณจะสามารถหลบหนีออกไปได้ ? และพูดกันตามตรงถ้าเป็นในด้านการตามล่า และพลังดิบ ฉันเก่งกว่าออทั่ม
แพล้นนะ ….”
เมื่อได้ยินคำพูดของอิ้งเฟเธอร์ ดีไวน์ชาโด้วก็ได้หยุดพูดไป ….
ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน เขานั้นยอมรับเลยว่าอิ้งเฟเธอร์ทรงพลังมากๆ ในตอนที่อิ้งเฟเธอร์ยังไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน เขาก็ทำได้อย่างมากที่สุดแค่กดดันเธออย่างหนักเท่านั้น แต่ตอนนี้อิ้งเฟเธอร์เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมนแล้ว นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เธอได้รับอาวุธคันธนูที่เป็นเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานมาแล้ว พร้อมกับการที่เธอเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ได้สำเร็จ ซึ่งมันทำให้ความแข็งแกร่งของเธอก้าวกระโดดขึ้นไปอย่างมาก
และในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวนั้น เขาจะแพ้เธออย่างราบคาบแน่นอน
“อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวลไป ยู่หลัวจะไม่เจ็บปวดใดๆแน่นอน” อิ้งเฟเธอร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่มองไปยังดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆ “เนื่องจากเธอจะเป็นเหมือนกับพวกคุณในไม่ช้า ไม่มีใครสามารถจะหลบหนีจากวิสัยทัศน์ของรองผู้บัญชาการออทั่ม
แพล้นไปได้หรอก”
พูดจบอิ้งเฟเธอร์ก็ได้มองไปยังอินทรีมีเขาที่กำลังบินเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ตอนนี้ออทั่มแพล้นก็ไปปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าอินทรีตัวนี้แล้ว
ซึ่งด้วยความแข็งแกร่งในฐานะผู้เล่นขั้นสี่ของออทั่มแพล้น มันก็ทำให้อินทรีเขาเดียวนั้นอดไม่ได้ที่จะมองมายังเขาอย่างหวาดกลัวแบบเห็นได้ชัด
“นี่คิดว่าทำแบบนี้ฉันจะไม่สังเกตเห็นพวกคุณรึไง ?” ออทั่มแพล้นกล่าวอย่างดูถูก ขณะที่มองไปยังผู้เล่นทั้งหมดที่สวมเสื้อคลุมสีดำสนิทที่นั่งอยู่บนอินทรีตัวนี้ “ตอนนี้เหลือเพียงรองผู้บัญชาการสองคนของฮีฟเว่นเบลดที่อยู่บนเกาะ กับหัวหน้าเครอลิคยู่หลัวที่หายไปเท่านั้นที่มีอะเม้าท์บินได้แบบนี้ ดังนั้นให้ฉันเดาคุณคือยู่หลัวใช่ไหม ?”
ข้อมูลทั้งหมดของผู้เล่นในฮีฟเว่นเบลดนั้นเขาได้ทำการตรวจสอบมาโดยละเอียดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนก่อนที่จะเริ่มการกวาดล้างฮีฟเว่นเบลด ซึ่งที่เขาต้องทำแบบนี้ก็เพราะเขาต้องการจะให้การกวาดล้างเป็นไปโดยสะดวก
และสำหรับการหายตัวไปของยู่หลัวนั้น มันก็อยู่ในรายงานข้อมูลที่เขาได้รับมาเช่นกัน
ยู่หลัวไม่ได้พยายามจะหักล้างคำพูดของออทั่มแพล้น ตรงกันข้ามเธอกับมองไปยังออทั่มที่ลอยอยู่กลางอากาศ และกล่าวออกมาอย่างชัดเจนว่า “ฉันไม่คาดคิดมาก่อนเลยนะว่าคุณจะมาถึงขั้นสี่ได้เป็นคนแรกๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ทน่ะ …”
“ก็นะ แต่มันก็ยังมีอีกสลายสิ่งที่คุณไม่รู้นะเช่นการยุบตัวไปของฮีฟเว่นเบลด และการที่ตอนนี้คุณกลายเป็นเชลยของวอร์บลัดแล้ว !!!” ออทั่มแพล้นไม่ได้รู้สึกโกรธใดๆกับคำพูดของยู่หลัว ตรงกันเขากับหัวเราะเยาะออกมา “ตอนนี้คุณจะให้ฉันลงมือ หรือจะยอมตามฉันมาดีๆ ?”
อย่างไรก็ตามหลังจากออทั่มแพล้นพูดจบ เสียงหัวเราะเบาๆก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังของยู่หลัว
“รองผู้บัญชาการออทั่มแพล้น ไม่ได้เจอกันมาพักหนึ่ง ดูเหมือนว่าคุณจะพูดมากและดังกว่าแต่ก่อนอีกนะ ซึ่งมันน่ารำคาญจริงๆ ….”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นใบหน้าของออทั่มแพล้นก็ซีดลงไปเล็กน้อย และเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านหลังของยู่หลัวซึ่งเป็นต้นกำเนิดเสียง
“คุณคือ …” ออทั่มแพล้นนั้นแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลย เพราะเขาคุ้นเคยกับเสียงนี้มากๆ ซึ่งเสียงนี้มันก็เป็นของคนที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็เกลียดมากที่สุดเช่นกัน “แบล๊คเฟรม !!”
ชายคนนี้นั้นคือคนที่ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดทั้งทีมเกลียดมากที่สุด ในครั้งสุดท้ายที่พวกเขาปะทะกัน ชายคนนี้ทำให้วอร์บลัดกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของมหาอำนาจต่างๆบนเกาะดราก้อนฮาร์ท และเขาก็ยังทำให้วอร์บลัดแทบจะไม่เหลือที่ยืนบนเกาะ เขาจัดว่าเป็นเบอร์หนึ่งเลยสำหรับคนที่วอร์บลัดต้องการจะฆ่ามากที่สุด
“ใช่แล้ว เราพบกันอีกครั้งแล้วนะ …” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาถอดเสื้อคลุมสีดำของตัวเองออกและมองไปยังออทั่มแพล้น
ซึ่งในขณะที่ซือเฟิงทำแบบนี้นั้น สมาชิกทุกคนของทีมนักผจญภัยวอร์บลัดที่เฝ้าดูจากระยะไกลก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระสับกระส่าย สำหรับดีไวน์ชาโด้วและคนอื่นๆจากฮีฟเว่นนั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อมากๆ
ปัจจุบันชื่อของแบล๊คเฟรมนั้นเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว God domain ทั้งหมด
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นมาสักพักแล้วหลังจากการแข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำรองของสิบสองกิลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งที่หนึ่ง แต่เขาก็ยังคงเป็นหัวข้อพูดคุยของผู้เล่นหลายคนจนถึงทุกวันนี้
“ยอดเยี่ยม !!! มันเป็นหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมจริงๆ !!!” คลีนซิ่งเฟรมรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เมื่อได้เห็นซือเฟิง
แม้ว่าฮีฟเว่นเบลดจะไม่ใช่พันธมิตรของสภาสิบแปดปีก แต่ทั้งสองฝ่ายก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันในระดับหนึ่ง ซึ่งคราวนี้เป้าหมายที่พวกเขาต้องการจะหลบหนีออกจากเกาะดราก้อนฮาร์ทนั้น มันก็เป็นไปเพราะต้องการจะไปขอความช่วยเหลือจากสภาสิบแปดปีกนี่แหละ
แต่ตอนนี้ซือเฟิงซึ่งเป็นหัวหน้ากิลสภาสิบแปดปีกกับมาปรากฎตัวขึ้นที่นี่แล้ว นี่มันจึงนับเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
ยิ่งไปกว่านั้นซือเฟิงยังเป็นผู้เล่นขั้นสี่เหมือนกับออทั่มแพล้น ดังนั้นอย่างน้อยเขาก็น่าจะพอทำให้ออทั่มแพล้นเกรงกลัว และต้องระมัดระวังในการเคลื่อนไหวได้บ้างแน่นอน
ในขณะที่คลีนซิ่งเฟรมและคนอื่นๆกำลังเต็มไปด้วยความตื่นเต้น อิ้งเฟเธอร์ที่เฝ้าดูอยู่ใกล้ๆกับพวกเขาก็กล่าวอย่างเย็นชาออกมาว่า “อย่าพึ่งดีใจเร็วเกินไป !!! ครั้งสุดท้ายที่เขาปรากฎตัวขึ้นมาที่นี่ เขาทำให้ทีมนักผจญภัยวอร์บลัดของเรากลายเป็นที่หัวเราะเยาะบนเกาะดราก้อนฮาร์ท อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาน่าจะรู้ดีว่าทีมนักผจญภัยวอร์บลัดของเราไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถรับมือได้ง่ายๆอีกแล้ว !!!”
เมื่อพูดจบอิ้งเฟเธอร์ก็ได้จัดการยิงลูกธนูขึ้นฟ้า ก่อนที่ลูกธนูนี้จะแตกตัวออก และกระจายไปครอบคลุมรัศมีหมื่นหลา ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นโดยรอบสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
พร้อมกันนั้นพวกสมาชิกของวอร์บลัดที่อยู่บริเวณนี้ทั้งหมดก็ได้จัดการนำเอาหินแปลกๆบางอย่างออกมาจากกระเป๋าของพวกเขา และจัดการใช้มันเพื่อสร้างวงเวทย์บางอย่างทันที
หลังจากนั้นมันก็บังเกิดพายุขึ้นมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบ ซึ่งมันก็เป็นการกักขังซือเฟิงและคนอื่นๆอีกสามคนไม่ให้หนีออกไปได้ ในขณะเดียวกันค่าสถานะพื้นฐาน และร่างกายทางกายภาพของพวกเขาทั้งหมดก็ลดลงไปสามสิบเปอเซ็นต์ในเวลาอันสั้น
“มันแข็งแกร่งมาก ….” ซือเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากผู้เล่นมาถึงขั้นสี่แล้ว มันก็มีวงเวทย์จำนวนไม่มากนักที่สามารถจะลดค่าสถานะและร่างกางกายภาพของผู้เล่นขั้นสี่ลงไปได้มากขนาดนี้ และแม้แต่วงเวทย์ระดับปรมาจารย์ส่วนใหญ่ก็ยังจะไม่ให้ผลมากขนาดนี้เลย
นี่มันจึงเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากๆ
“ฮ่าๆๆๆ !!! หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณมันช่างรนหาที่จริงๆ !!! ตอนแรกคุกเทพแห่งท้องทะเลนั้นถูกเตรียมไว้ให้แค่พวกฮีฟเว่นเบลดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณปรากฎตัวขึ้นมาแบบนี้ ฉันก็จะให้คุณได้รู้ถึงผลของมันด้วยเช่นกัน !!!” ออทั่มแพล้นกล่าวพลางหัวเราะอย่างเย้ยหยันออกมา
ถ้าเขาไม่ได้มีผลของวงเวทย์นี้คอยช่วย เขาก็จะต้องหวาดกลัวซือเฟิงแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว ซือเฟิงนั้นน่าจะถือว่าเป็นผู้เล่นที่ไปถึงขั้นสี่เป็นคนแรกเลย ซึ่งนี่มันหมายความว่าซือเฟิงก็จะมีความรู้เกี่ยวกับขั้นสี่มากกว่าเขาแน่นอน และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่พวกเขาไม่ได้พบกัน ซือเฟิงก็น่าจะพัฒนาไปอีกมาก …..
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์มันแตกต่างออกไป เพราะตอนนี้พวกเขาได้จัดการใช้วงเวทย์คุกเทพแห่งท้องทะเลแล้ว ซึ่งแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ยังจะต้องถูกปราบปรามอย่างหนักภายใต้ผลของวงเวทย์นี้
สำหรับผู้เล่นขั้นสี่ การที่ค่าสถานะพื้นฐานถูกปราบปรามนั้นอาจจะไม่ได้ส่งผลอะไรมากนัก อย่างไรก็ตามมันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันออกไปสำหรับร่างกายทางกายภาพ เพราะท้ายที่สุดการปราบปรามร่างกายทางกายภาพให้ลดลงสามสิบเปอเซ็นต์นั้นมันจะส่งผลกระทบใหญ่มากต่อผู้เล่นขั้นสี่ และผลกระทบนี้มันก็จะยิ่งมากขึ้นในการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นขั้นสี่ด้วยกันเอง ….
ด้วยช่องว่างของร่างกายทางกายภาพนี้ แม้ว่าซือเฟิงจะมีค่าสถานะที่น่าทึ่ง แต่มันก็ยังคงยากมากสำหรับซือเฟิงที่จะต่อกรกับเขาได้
“คุกเทพแห่งท้องทะเลนี้มันก็ไม่เลว แต่น่าเสียดายที่การใช้มันกับฉันนั้นเป็นการสูญเปล่า ….”
ซือเฟิงนั้นรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงผลของวงเวทย์คุกเทพแห่งท้องทะเลนี้ และเขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าวงเวทย์โบราณนี้มันยังไม่สมบูรณ์ การที่จะทำให้วงเวทน์โบราณนี้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้นั้น มันน่าจะต้องใช้ปรมาจารย์นักเวทย์สิบสองคนหรือมากกว่านั้นเล็กน้อย ….
เอฟเฟคที่ซือเฟิงโดนอยู่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบพลังที่แท้จริงของวงเวทย์นี้ ….
“หยิ่งผยองเหมือนเดิมเลยนะ !!!” ออทั่มแพล้นมองไปที่ซือเฟิงด้วยแววตาเย้ยหยัน ก่อนที่เขาจะโบกคทาของตัวเอง “มาดูกันว่าคุณจะยังรักษาหน้าของตัวเองได้นานแค่ไหน เมื่อความตายเข้ามาอยู่ใกล้คุณขนาดนี้ !!!”
เมื่อออทั่มแพล้นกล่าวจบ โซ่สีเลือดหลาบสิบเส้นก็ปรากฎขึ้นรอบๆตัวซือเฟิงและมันก็เริ่มพุ่งเข้าไปหาซือเฟิง โดยเป้าหมายของมันนั้นก็ชัดเจนเลยคือการต้องการจะพันธนาการซือเฟิงเอาไว้
เวทย์ขั้นสี่ โซ่แห่งเลือด !!!
เมื่อเห็นว่าโซ่สีเลือดหลายสิบเส้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา ซือเฟิงก็ได้จัดการแผ่ระลอกคลื่นมานาออกมาจากร่างของเขา ซึ่งมันก็ทำให้โซ่สีเลือดทั้งหมดนี้หยุดลงในระยะหนึ่งหลาห่างจากซือเฟิง และไม่สามารถจะเข้าใกล้เขาได้เลย
จากนั้นมันก็เสียงหนึ่งดังเข้ามาที่หูของออทั่มแพล้น
“เวทย์พันธนาการนี้มันก็ค่อนข้างดีนะ แต่น่าเสียดายที่เลือกใช้มันผิดคน !!!”