Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2802
ตอนที่ 2802 พลังของดาบแสงแห่งสองโลก
เมื่อดาบของซือเฟิงปะทะกับการโจมตีของซาบริจด์ มันก็ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นไปทั่วบริเวณ
ตู้ม !
คลื่นที่เกิดขึ้นหลังจากการปะทะกันของทั้งสองนั้นกระจายตัวออกไปยังรัศมีหลายร้อยหลารอบๆโดยตรง ผู้เล่นขั้นสามนั้นไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากต้องถูกบังคับให้ถอยไปหลายก้าว ขณะที่ผู้เล่นขั้นสองนั้นปลิวกระเด็นไปไกลนับสิบหลา
“ป้องกันไว้ได้ ?”
“เขาทำได้ยังไงกัน ?!”
เหล่าผู้ชมที่อยู่ไกลออกมามองไปยังซือเฟิงที่ยังคงยืนอยู่ที่ตำแหน่งเดิมของเขาอย่างสบายๆด้วยความรู้สึกตกตะลึง
การที่ซือเฟิงสามารถเผชิญหน้ากับสกิลของ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบได้แบบนี้นั้น มันก็ชัดเจนเลยว่าทั้งสองฝ่ายมีความเท่าเทียมกันแทบทุกๆด้าน
ในตอนนี้นับประสาอะไรกับเหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ แม้แต่ซาบริจด์ที่เป็นผู้โจมตีเองก็ยังตกตะลึงมากเช่นกัน
“ตกตะลึงงั้นหรอ ?” เมื่อเห็นท่าทีของเขา ซือเฟิงก็มองไปที่ซาบริจด์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “ดูเหมือนว่ารองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองก็จะมีดีแค่นี้สินะ …”
แม้ว่าซือเฟิงจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทซาบริจด์เลย
ดาบแสงแห่งสองโลกนั้นได้ช่วยปรับปรุงค่าสถานะของเขาอย่างมาก และมันก็ช่วยให้สกิลดาบทั้งหมดของเขาแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้เขายังมีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่บนร่างกายหลายชิ้น ซึ่งเมื่อรวมทุกอย่างด้วยกันนั้น มันก็ทำให้ค่าสถานะซือเฟิงสูงลิ่วจนน่ากลัวมากๆ
แถมซาบริจด์ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบที่เขาต่อสู้ด้วยนั้นก็มีเลเวลมากกว่าเขาแค่ราวยี่สิบเลเวลเท่านั้น ซึ่งหากจะมีสิ่งใดที่ซาบริจด์เหนือกว่าเขานั้น มันก็แค่พวกสกิลและเวทย์มนต์ขั้นสี่ที่ซาบริจด์จะมีมากกว่าเขาเท่านั้น
“ชายหนุ่ม คุณนี่ช่างรนหาที่ตายจริงๆ !!!” เมื่อซาบริจด์ได้ยินคำพูดของซือเฟิง ความโกรธของเขาก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น
ทันใดนั้นดาบในมือของซาบริจด์ก็เริ่มรวบรวมมานาโดยรอบในรัศมีหลายพันหลาเข้ามาควบแน่นกัน ซึ่งมันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าก่อนหน้านี้นั้นซาบริจด์ยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดที่มี
และหลังจากรวบรวมมานาได้มากจนเพียงพอแล้ว ซาบริจด์ก็แยกร่างออกมาหลายร่าง ก่อนจะพุ่งเข้ามาโจมตีซือเฟิงอย่างรวดเร็ว
สกิลขั้นสี่ ทลายเงา !
ในตอนนี้แม้ว่าซือเฟิงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตโดเมน แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขามากๆที่จะแยกว่าอันไหนคือร่างจริง และร่างปลอมของซาบริจด์
และก่อนที่ซือเฟิงจะทันได้ตอบสนองได้ อักษรรูนที่เป็นเปลวไฟจำนวนมากก็ได้ปรา
กฎขึ้นบนดาบของซาบริจด์
สกิลต้องห้ามขั้นสี่ สปาร์คเบลด !!
ทันใดนั้นด้วยการเหวี่ยงดาบใช้สกิลของซาบริจด์ มันก็ทำให้การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขานี้ กลายเป็นดาบหลายสิบเล่มพุ่งเข้าหาซือเฟิง ซึ่งมันไม่มีทางเลยที่ซือเฟิงจะหลบได้
“ยอดเยี่ยมจริงๆ !!! สมแล้วที่เป็นรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมือง เขาสามารถจะใช้สกิลขั้นสี่ได้จนถึงจุดที่เขาสามารถจะผสานสองสกิลเข้าด้วยกันได้ !!!” เมื่อได้เห็นการโจมตีที่กำลังเข้ามาหาเขา ซือเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซาบริจน์อย่างชื่นชม
การจะทำแบบนี้ให้ได้นั้น มันยากกว่าการผสานการโจมตีนับสิบครั้งแบบปกติให้เป็นครั้งเดียวซะอีก และตัวตนขั้นสี่ที่สามารถทำแบบนี้ได้นั้นก็จะล้วนได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งเหนือกว่าพวกตัวตนขั้นสี่ทั่วไปมาก
“หายไปซะ !!!”
ซาบริจด์ตะโกน ก่อนที่เขาจะเร่งความเร็วของเขาขึ้นอีก เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่ได้วางแผนจะให้โอกาสใดๆแก่ซือเฟิง และเขาก็ต้องการจะปิดงานนี้ให้ได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นการโจมตีทั้งหมดนี้กำลังใกล้เข้ามา ซือเฟิงก็ได้จัดการเปิดใช้งานสกิลของตัวเองเช่นกัน
สกิลมรดกขั้นสี่ โดเมนดาบ !!!
ทันใดนั้นดาบเวทย์มนต์เจ็ดเล่มก็ปรากฎขึ้นรอบๆซือเฟิง และเนื่องจากความแข็งแกร่งของมานาของซือเฟิงนั้นได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ ดังนั้นในเวลานี้ดาบเวทย์มนต์ทั้งหมดของเขาจึงควบแน่นเป็นสสารที่สมบูรณ์ ก่อนที่ซือเฟิงจะควบคุมพวกมันเพื่อทำการใช้วงโคจรดาบ
ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม !
เสียงระเบิดนั้นดังขึ้นเป็นชุดๆ ขณะที่คลื่นกระแทกที่เกิดจากการปะทะกันของทั้งสองนี้ก็สะท้อนและส่งผลไปถึงประตูเมืองดราก้อนฮาร์ท โดยคลื่นกระแทกแต่ละครั้งนั้นทำให้พื้นดินทั่วบริเวณแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และท้ายที่สุดแล้วมันก็ทำให้ประตูเมืองดราก้อนฮาร์ทที่มีค่าความทนทานหนึ่งแสนสามหมื่น ลดลงไปเหลือค่าความทนทานแค่สี่หมื่น
หลังจากการโจมตีนี้จบลง และฝุ่นทั้งหมดเริ่มจางลง ทุกคนก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าซือเฟิงยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ว่า HP ของเขานั้นลดลงไปมากกว่าห้าล้านเท่านั้น ซึ่งนี่มันเท่ากับว่า HP ของเขาได้ลดลงไปหนึ่งในสามทันที
“ยังไม่ตายงั้นหรอ ?!”
เมื่อเห็นว่าซือเฟิงยังมีชีวิตอยู่ ดวงตาของอิ้งเฟเธอร์ก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง และไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เธอได้เห็นมันเป็นเรื่องจริง
เมื่อซาบริจด์ใช้เทคนิคการโจมตีแบบนี้ มันสามารถจะทำให้มอนสเตอร์ระดับผู้อาวุโสเทพนิยายบาดเจ็บสาหัสได้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เมื่อเขาใช้กับ ซือเฟิงกับเสีย HP ไปแค่หนึ่งในสาม ….
“สุดยอดเลย !! ตามที่คาดไว้จากรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองดราก้อนฮาร์ท !!!” ซือเฟิงมองสภาพตัวเขาเองก่อนที่เขาจะกล่าวชื่นชมซาบริจด์ “เทคนิคการผสานสองกิลเข้าด้วยกันนั้น มันทำให้การโจมตีเมื่อครู่มีพลังเทียบเท่ากับขั้นพื้นฐานของขั้นห้าเลย !!!”
หากไม่ใช่เพราะว่าเขาได้เปลี่ยนอาวุธหลักของตัวเองเป็นดาบแสงแห่งสองโลกแล้ว วิธีการเดียวที่เขาจะเอาตัวรอดจากการโจมตีของซาบริจด์ได้ก็คือการเปิดใช้งานสกิลเบอเซิกร์ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากเขาทำแบบนั้น และท้ายที่สุดเขาไม่สามารถเอาชนะซาบริจด์ได้ก่อนเวลาของสกิลจะหมดลง เขาก็จะต้องได้เจอกับคราวเคราะห์ครั้งใหญ่แน่นอน ….
“ชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าคุณจะมีความสามารถมากจริงๆ !!!” ซาบริจด์กล่าวขณะที่มองไปยังซือเฟิง ตัวเขาเองนั้นก็ตกใจมาเช่นกันที่ซือเฟิงรอดจากการโจมตีเมื่อครู่ของเขามาได้ “อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว มาดูกันว่าคุณจะสามารถทนได้อีกนานแค่ไหนกัน !!!”
เมื่อกล่าวจบซาบริจด์ก็ได้เคลื่อนไหวด้วยการเฉือนดาบหนึ่งครั้ง ซึ่งมันได้เปลี่ยนให้ดาบหลายสิบเล่มที่เหลือที่เขาใช้โจมตีซือเฟิงเมื่อครู่ก่อตัวเป็นวงเวทย์
สกิลขั้นสี่ เงาแสงแห่งอัศวิน !!!
คำสาปขั้นสี่ ปิดผนึกโลก !!!
หลังจากนั้นดาบหลาบสิบเล่มที่ก่อตัวเป็นวงเวทย์ก่อนหน้านี้ก็กลายเป็นหลุมดำจำนวนมาก และพุ่งเข้าใส่ซือเฟิง
เมื่อเห็นฉากนี้นั้นเหล่าผู้ชมที่เฝ้าชมอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เพราะท้ายที่สุดพวกเขารู้ดีว่าถ้าพวกเขาโดนแม้แต่เศษของหลุมดำนี้เข้าไป พวกเขาจะกลายเป็นขี้เถ้าทันทีแน่นอน
“NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบนั้นไม่ใช่ตัวตนที่จะสามารถยั่วยุได้ง่ายๆจริงๆ !!! แต่อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการจะฆ่าฉัน คุณต้องมีมากกว่านี้นะ !!!” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะให้คุณได้ลองสิ่งนี้ก็แล้วกัน !!!”
เมื่อกล่าวจบซือเฟิงก็ได้เริ่มเปิดใช้งานสกิลแสงทลายโลก ซึ่งมันก็ทำให้ใบดาบของซือเฟิงนั้นเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยอักษรรูนสีแดงสดทันที และเมื่อเห็นว่าการเปิดใช้งานเรียบร้อยแล้ว ซือเฟิงก็ได้เหวี่ยงมันเข้าใส่ซาบริจด์ที่ตอนนี้ลอยอยู่กลางอากาศทันที
ตู้ม !!
ทันใดนั้นลำแสงก็พุ่งออกมาจากดาบของซือเฟิงและตัดผ่านหลุมดำไปอย่างรวดเร็ว จนให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าจะไม่มีอะไรจะสามารถหยุดมันได้
ก่อนที่มันจะปะทะเข้ากับร่างของซาบริจด์เต็มๆ ….
เมื่อลำแสงนี้หายไป ทุกคนก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนถึงสภาพที่น่าสังเวชของซา
บริจด์ นอกเหนือจากการโจมตีของเขาจะหายไปแล้ว HP ของเขาที่มีมากกว่าสองร้อยล้านก็ลดลงไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง แถมเกราะของเขาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และสภาพร่างกายของเขาก็มีรอยไหม้เต็มไปหมดด้วย ….
อย่างไรก็ตามก่อนที่ซาบริจด์จะทันได้ตอบสนอง ซือเฟิงก็ได้เร่งรีบพุ่งเข้าโจมตีเขาต่อทันที โดยไม่ได้คิดจะเปิดโอกาสใดๆให้ทันตั้งตัว
ซึ่งเมื่อซาบริจด์เห็นดังนี้นั้น เขาก็รีบเปิดใช้งานสกิลป้องกันขั้นสี่ ป้อมปราการเหล็กของตัวเอง โดยสกิลนี้นั้นมันจะช่วยเพิ่มพลังป้องกันของเขาขึ้นอีกห้าร้อยเปอเซ็นต์
แต่กระนั้น ซือเฟิงก็ไม่ได้สนใจใดๆ เขาได้เลือกจะระดมโจมตีซาบริจด์ไปอย่างต่อเนื่องและบ้าคลั่ง ซึ่งทุกๆการโจมตีของเขานั้นก็ค่อยๆเจาะการป้องกันของซาบริจด์ได้มากขึ้นเรื่อยๆ …. รวมทั้งทำให้ซาบริจด์ปลิวกระเด็นลงมากระแทกกับพื้นดินจนเกิดเป็นหลุมลึกนับสิบเมตร
อย่างไรก็ตามซือเฟิงก็ยังคงไม่ได้คิดจะหยุดใดๆ เขาตามมาโจมตีซาบริจด์ต่อไปอีก และหลังจากนั้นสามวินาที HP ของซาบริจด์ รองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมืองก็ลดลงไปถึงศูนย์ ก่อนที่เขาจะตายลงด้วยดวงตาที่เบิกโพลงค้างอยู่ ….
สำหรับซือเฟิงตอนนี้นั้นเขายังคงลอยอยู่กลางอากาศเหมือนเดิม และค่า EXP ของเขาก็พุ่งขึ้นอย่างมากจนทำให้เลเวลของเขาเพิ่มจากหนึ่งร้อยสี่สิบไปเป็นหนึ่งร้อยสี่สิบเอ็ดทันที ….
สำหรับเหล่าผู้ชมนั้น ตอนนี้พวกเขาไม่ได้มองไปยังซือเฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศเลย สิ่งที่พวกเขามองคือร่างของซาบริจด์ที่ตายไปแล้วที่อยู่ในหลุมลึก
และในขณะนี้ทั่วบริเวณประตูเมืองดราก้อนฮาร์ทนั้นมันก็เงียบไปราวกัยว่าเวลาทั้งหมดได้หยุดลง