Reincarnation Of The Strongest Sword God - ตอนที่ 2918.1
ตอนที่ 2918 โลกใหม่
จักรวรรดิมังกรไฟ เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ :
ปัจจุบันมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่าห้าสิบล้านคนมารวมตัวกันที่เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ เมืองที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของจักรวรรดิมังกรไฟ และแม้แต่ผู้เล่นที่อ่อนแอที่สุดในหมู่ผู้เล่นเหล่านี้ก็ยังอยู่ในขั้นสาม และมีเลเวลมากกว่าหนึ่งร้อย ขณะที่จำนวนผู้เล่นขั้นสี่ที่มารวมตัวกันที่นี่มันก็มีเกินหนึ่งหมื่นคน อย่างไรก็ตามมันก็ยังคงมีบรรยากาศที่จริงจัง และเคร่งขรึมในแบบที่ไม่อาจอธิบายได้ปกคลุมไปทั่วเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ และทุกคนก็ดูตึงเครียดมากๆ ซึ่งนี่ก็เป็นเพราะเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นนับเป็นกำแพง และปราการที่ใหญ่ที่สุดทางตอนใต้ของจักรวรรดิมังกรไฟ
หากกองทัพ NPC จากโลกอื่นสามารถผ่านแนวป้องกันที่นี่ไปได้ ทั้งกองทัพก็จะสามารถเดินทางเข้าสู่บริเวณเมืองมังกรไฟได้โดยตรง ขณะเดียวกันตอนนี้ที่บริเวณด้านบนของกำแพงเมืองบริเวณประตูหลักของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นพวกผู้บริหารระดับสูงของกิลต่างๆก็ได้มารวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว โดยในตอนนี้นั้นใบหน้าของพวกเขาทั้งหมดมันก็เต็มไปด้วยความซีดเซียวมากๆ เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นกองทัพ NPC จากโลกอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าที่อยู่ห่างไกลออกไป
“NPC จากโลกอื่นพวกนี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ !! พวกเขารวบรวมกองกำลังทั้งหมดของตัวเองมาถึงหนึ่งในสามเพื่อเข้าโจมตีเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ นี่พวกเขาวางแผนที่จะต่อสู้จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเลยงั้นหรอ ?” ซิคทีนคลาวด์ซึ่งตอนนี้มาถึงขั้นห้าแล้ว และเป็นรองหัวหน้ากิลลำดับที่สองของไชนิ่งไทเกอร์กล่าวพลางขมวดคิ้ว ในขณะที่เธอมองไปยังกองทัพ NPC จากโลกอื่นผ่านกระจกเวทย์มนต์
NPC และผู้เล่นจากโลกอื่นนั้นมีข้อได้เปรียบในด้านจำนวนเหนือ NPC และผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ ซึ่งว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว พวกเขาควรจะกระจายตัวกัน และโจมตีสถานที่หลายแห่งพร้อมกันเพื่อที่จะทำให้ข้อได้เปรียบนี้เกิดประโยชน์ขึ้นมาสูงสุด
ส่วนข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain ก็คือความสามารถในการฟื้นคืนชีพ และเข้าร่วมการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว หากกองกำลังจากโลกอื่นกระจายตัวกันออกไป และโจมตีสถานที่หลายแห่งพร้อมกัน ผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain ก็จะต้องกระจายตัวกันออกไปเพื่อปกป้องสถานที่หลายแห่งเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain ก็ยังจะต้องปกป้องสถานที่หลายแห่งที่มันมากกว่าความจำเป็นเพื่อป้องกันการถูกซุ่มโจมตี ซึ่งจะส่งผลให้พวกเขาสูญเสียกำลังรบไปอย่างมาก
ดังนั้นหากผู้เล่นในทวีปหลักของ God domain สามารถรวมกำลังพลทั้งหมดของตัวเองมาไว้ในที่เดียวได้ พวกเขาจึงจะได้เปรียบมากแน่นอนในข้อนี้ หากเป็นการต่อสู้แบบตายกันไปข้างหนึ่ง
“บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าโอกาสที่จะได้รับชัยชนะนั้นมีน้อย ดังนั้นพวกเขาจึงได้วางแผนที่จะรวมกองกำลังหนึ่งในสามของตัวเองมาที่นี่เพื่อที่จะการันตีชัยชนะให้เด็ดขาดที่สุด เพราะท้ายที่สุดประเทศต่างๆในทวีปหลักของ God domain ต่างก็ส่งกำลังเข้ามาเสริมในจักรวรรดิมังกรไฟอย่างต่อเนื่อง …. เนื่องจากยิ่งสงครามดำเนินไปนานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งดีสำหรับผู้เล่น และ NPC ในทวีปหลักมากเท่านั้น ซึ่งพวกเขาก็คงไม่ต้องการจะให้เป็นแบบนั้น” อันยีลดิ้งฮาร์ท รองหัวหน้ากิลลำดับที่หนึ่งของอันยีลดิ้งโซลกล่าวด้วยรอยยิ้ม ….
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาของการต่อสู้บริเวณชายแดนจักรวรรดิมังกรไฟ แนวรับของจักรวรรดินั้นตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปกองทัพของประเทศต่างๆในทวีปหลักของ God domain ก็เริ่มเข้ามาเสริมกำลังที่จักรวรรดิมังกรไฟมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ส่งผลให้ตาชั่งเริ่มเอนเอียงเปลี่ยนฝั่ง
ยิ่งไปกว่านั้นในเดือนที่ผ่านมานี้มันก็ยังมีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งร้อยคนในทวีปหลักที่ไปถึงขั้นห้าแล้ว !!! อันยีลดิ้งฮาร์ทต้องยอมรับเลยว่าสงครามโลกนั้นมีประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของผู้เล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการป้องกันจักรวรรดิมังกรไฟ และแม้ว่า NPC จากโลกอื่นที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วทวีปด้านตะวันออกจะยังมารวมตัวกันไม่ครบ แต่การต่อสู้ที่บริเวณชายแดนของจักรวรรดิมังกรไฟนั้นมันก็เกิดขึ้นเรื่อยๆโดยไม่เคยหยุดพักเลยสักครั้ง
ในขณะเดียวกันจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องกับ NPC ขั้นสี่ และผู้เล่นขั้นสี่จากโลกอื่นนั้นมันก็ทำให้ผู้เล่นขั้นสี่ในทวีปหลักของ God domain สามารถปรับปรุงการควบคุม และความเข้าใจเกี่ยวกับมานาได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยในการเปรียบเทียบนั้นก่อนที่สงคครามโลกจะเกิดขึ้น ผู้เล่นขั้นสี่จะหาผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นที่จะประมือ และฝึกฝนด้วยได้ยากมากๆ นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นขั้นสี่ที่อยู่ในขอบเขตอนันต์หรือสูงกว่าขึ้นไปเลย
เมื่อถึงจุดหนึ่งอันยีลดิ้งฮาร์ทก็เริ่มรู้สึกว่าอยากจะให้สงครามโลกแบบนี้มันยาวนานขึ้นอีกสักหน่อย ….
“หวังว่าฉันจะคิดมากไปแล้วกัน ….” ซิคทีนคลาวด์กล่าวพลางพยักหน้า ทั้งนี้ทั้งนั้นในใจลึกๆของเธอเองก็อยากจะต่อสู้ในแบบที่จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งเช่นกัน ซึ่งนี่มันก็เป็นเพราะในปัจจุบันนั้นมีผู้เล่นขั้นห้ามากกว่าแปดสิบคนมารวมตัวกันที่เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงหุ่นกลผู้พิทักษ์อสูรไฟมากกว่าหนึ่งร้อยตัว และเรือเหาะชางเล่ยอีกแปดลำ โดยอาวุธสงครามที่ถูกสร้างขึ้นโดยสภาสิบแปดปีกพวกนี้นั้นล้วนมีพลังการต่อสู้อยู่ในมาตราฐานของขั้นห้าทั้งหมด
และนี่ก็ยังไม่นับรวม NPC ขั้นห้าอีกมากกว่าสามร้อยคนที่ประจำการอยู่ในจักรวรรดิมังกรไฟด้วย
ในขณะเดียวกันจากการสืบสวนของพวกเขากองทัพจากโลกอื่นที่ล้อมเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์อยู่นั้นมีอาชีพขั้นห้าประมาณสี่ร้อยคนเท่านั้น ซึ่งมันนับเป็นความแตกต่างที่ไม่มากนักเลย แม้ว่าพวกเขาอาจจะได้รับความสูญเสียมากกว่ากองทัพจากโลกอื่น แต่ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็มั่นใจว่าพวกเขาจะชนะสงครามได้อยู่ดี เพราะหากพวกเขาตายนั้น พวกเขาก็ยังจะสามารถฟื้นคืนชีพและกลับมาเข้าร่วมการต่อสู้ได้เกือบจะทันที
ในความเป็นจริงซิคทีนคลาวด์ และอันยีลดิ้งฮาร์ทนั้นไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าเพียงแค่กลุ่มเดียวที่มีความคิดแบบนี้ ผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าของกองกำลังอื่นๆนั้นก็ล้วนมีความคิดแบบเดียวกัน โดยในปัจจุบันนั้นพวกเขาล้วนมั่นใจในชัยชนะของการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงมากๆ และตราบใดที่พวกเขาเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ กองทัพ NPC จากโลกอื่นก็จะประสบปัญหาอย่างมากแน่นอนในอนาคต ….
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อจำนวนผู้เล่นที่มารวมตัวกันที่เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์แตะเจ็ดสิบล้านคน มันก็ได้มีเกาะขนาดมหึมาปรากฎขึ้นเหนือเมือง ซึ่งมันก็ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้เล่น และ NPC ของเมืองทันที
“อึก ! สภาสิบแปดปีก !! นั่นมันคือป้อมปราการเคลื่อนที่ของสภาสิบแปดปีก !!!”
“ไม่ใช่ว่าป้อมปราการเคลื่อนที่ของสภาสิบแปดปีกประจำการอยู่ข้างหอคอยแห่งพันธสัญญาลับหรอ ?”
“ช้าก่อน !!! นี่มันไม่ใช่ป้อมเดียวกัน !!! ฉันเคยเห็นป้อมที่ประจำการอยู่ข้างหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมาก่อน ซึ่งมันมีบาเรียเพียงแค่สองชั้นเท่านั้นที่ทำหน้าที่ปกป้องมัน ขณะที่ป้อมนี้มีถึงสาม !!! ดังนั้นนี่มันจึงจะต้องเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ที่สภาสิบแปดปีกสร้างขึ้นมาใหม่แน่นอน !!!”
“สุดยอดมาก ! สภาสิบแปดปีกคือกิลอันดับหนึ่งแห่ง God domain อย่างแท้จริง !! ด้วยสิ่งนี้ NPC และผู้เล่นจากโลกอื่นก็จบสิ้นแล้วแน่นอน !!!”
ป้อมปราการเคลื่อนที่ที่พึ่งปรากฎเหนือเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นทุกคนรู้จักมันดี และมันก็เป็นเพราะป้อมปราการเคลื่อนที่แบบนี้แหละที่ทำให้ตำแหน่งของสภาสิบแปดปีกใน God domain มั่นคง
และในตอนนี้เมื่อป้อมปราการเคลื่อนที่ได้ถูกนำมาเข้าร่วมสงครามกับพวกเขาด้วย จะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้ยังไงกัน ?
ท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้นของเหล่าผู้เล่นในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ ผู้เล่นสิบหกคนก็ได้บินออกมาจากป้อมปราการเคลื่อนที่ และเมื่อได้เห็นผู้เล่นทั้งสิบหกคนนี้ ผู้เล่นในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นมากขึ้น ขณะเดียวกันแม้แต่ผู้บัญชาการขั้นห้าของเมือง และ NPC ขั้นห้าก็ยังริเริ่มที่จะออกไปต้อนรับผู้เล่นเหล่านี้ โดยผู้เล่นทั้งสิบหกคนนี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส ไฟ
เออร์แดนซ์ ไวโอเล็ตคลาวด์ หยานเทียนซิง อี้ลั่วเฟย ไซเร้นเบลด Alluring Summer โคลท์ชาโด้ว จี้ลั่วหรง ไลฟ์เลสธอร์น บลูฟอร์ส จ้าวเย่วรู่ ไวท์เฟเธอร์ และ Invincible Swallow (ชื่อในโลกจริง หยานหวู่หมิง)
“อึก !! ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของสภาสิบแปดปีกทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว !!!”
“แม้แต่ NPC ระดับครึ่งเทพก็ยังออกไปต้อนรับพวกเขา !! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?!”
“ฉันได้ยินมาว่าวิหารเทพสงครามเพิ่งจะเพิ่มรายชื่อรองหัวหน้ากิลสองคนของสภาสิบแปดปีกอย่างเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสเข้าไปในรายชื่อของสิบนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา โดยพวกเธอสองคนนั้นแข็งแกร่งจนติดห้าอันดับแรกในรายชื่อของสิบนักบุญเลย ซึ่งตามที่ฉันได้ยินมานั้นผู้ที่แข็งแกร่งที่ห้าอันดับแรกของรายชื่อนี้นั้นถูกคาดหมายว่าจะมีพลังใกล้เคียงกับขั้นหกมากที่สุด ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่าผู้ที่อยู่ในสามอันดับแรกนั้นจะเป็นเทพที่ปลอมตัวมา”
“สภาสิบแปดปีกนั้นเป็นแหล่งรวมสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง ฉันได้ยินมาว่าสัตว์ประหลาดเก่าแก่สามในห้าของซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดพึ่งจะได้มีรายชื่ออยู่ในสิบนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงครามเมื่อไม่นานมานี้เอง แต่สภาสิบแปดปีกกับมีมานานแล้ว แถมสองคนยังติดอยู่ในห้าอันดับแรกด้วย”
“ฉันอยากจะมีรายชื่อในที่แบบนี้บ้างจัง !!! หากฉันได้มีรายชื่อในที่แบบนี้ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะไม่เสียใจเลย !!!”
ในช่วงเวลาหนึ่งสมาชิกของสภาสิบแปดปีกได้กลายเป็นจุดโฟกัสของผู้คนทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นที่พึ่งเริ่มเล่น God domain และกำลังรับชมการถ่ายทอดสถานการณ์ของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ เมื่อพวกเขามองไปที่เสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสนั้นดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน พวกเขาทั้งหมดนั้นล้วนหวังว่าพวกเขาจะแข็งแกร่ง และมีชื่อเสียงแบบผู้หญิงสองคนนี้
ปัจจุบัน NPC ขั้นห้านั้นยังคงนับว่าน่าเกรงขามสำหรับกองกำลังผู้เล่นหลายกลุ่ม และแม้แต่กษัตริย์ของอาณาจักรก็ยังจะต้องปฎิบัติตัวอย่างระมัดระวัง เมื่อได้พบกับตัวตนระดับนี้ กระนั้น NPC ขั้นห้าที่ทรงพลังเหล่านี้กับแสดงความเคารพต่อเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส ซึ่งมันนับเป็นสถานการณ์ที่ไม่น่าเชื่อเลย อย่างไรก็ตามในหมู่ผู้คนทั้งหมด มีเพียงแต่ผู้เชี่ยวชาญของมหาอำนาจเท่านั้นที่เข้าใจความหมายของการมีรายชื่อเป็นสิบนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงคราม นักบุญทั้งสิบนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในทวีปหลักของ God domain ตอนนี้อย่างแท้จริง
แม้ว่าเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสจะเป็นผู้เล่นขั้นห้าเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าของมหาอำนาจ แต่ความแตกต่างระหว่างทั้งสองฝ่ายนั้นมันก็เหมือนกับสวรรค์ และโลก การฆ่าผู้เล่นขั้นห้าทั่วไปนั้นจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยสำหรับผู้หญิงสองคนนี้
ในขณะเดียวกันเมื่อกาแล๊กซี่พาส และเพอเพิ้ลอายซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางผู้เล่นจำนวนมากในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ได้เห็นเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรส อารมณ์ที่ซับซ้อนก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา ย้อนกลับไปในตอนที่สภาสิบแปดปีกยังคงปฎิบัติการได้แค่ในอาณาจักรสตาร์มูน พวกเขาทั้งสองได้มองเสวี่ยเหวินโหรว และอควาโรสเป็นคู่แข่งของพวกเขา แต่ตอนนี้แม้ว่ากาแล๊กซี่พาส กับเพอเพิ้ลอายจะเลื่อนขั้นเป็นขั้นสี่แล้ว และพวกเขาก็ยังนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดในหมู่ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ แต่พวกเขาก็เป็นได้เพียงส่วนหนึ่งของฝูงชนที่มารวมตัวกันในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์เท่านั้น ในทางตรงกันข้ามเสวี่ยเหวินโหรว กับอควาโรสนั้นได้ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของ God domain แล้ว
ตอนนี้ทั้งสองนั้นเป็นตัวตนที่ผู้เล่นนับไม่ถ้วนล้วนได้แต่แหงนมองขึ้นไป และแม้แต่ NPC ขั้นห้า กับห้าซุเปอร์กิลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังจะต้องปฎิบัติกับพวกเขาอย่างระมัดระวัง …
อย่างไรก็ตามกาแล๊กซี่พาส และเพอเพิ้ลอายนั้นไม่ใช่แค่สองคนที่มีความรู้สึกแบบนี้ แมตซ์ และ Prosciutto จากไมโทโลจี้นั้นก็รู้สึกแบบเดียวกัน ในตอนที่ฟางฉีหานได้ตัดสินใจจะทรยศไมโทโลจี้ และเข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีกนั้นฟางฉีหานก็ได้ส่งคำเชิญมาให้แมตซ์เข้าร่วมกับเธอเช่นกัน อย่างไรก็ตามแมตซ์ปฎิเสธข้อเสนอของเธอโดยเชื่อว่าตัวเขานั้นสามารถจะพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วมากกว่าในไมโทโลจี้ กระนั้นความเป็นจริงกลับกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง แมตซ์ยังคงติดอยู่ในขั้นสี่ ขณะที่ไวท์เฟเธอร์ที่เลือกจะตามฟางฉีหานไปนั้นได้ไปถึงขั้นห้าแล้ว และกลายเป็นตัวตนที่เขานั้นก็ทำได้แค่แหงนมองขึ้นไปเท่านั้น
สำหรับ Prosciutto เขารู้สึกสับสนมากๆกับการปรับปรุงอย่างรวดเร็วของฟางฉีหาน
ในตอนที่เขากับฟางฉีหานยังอยู่ในขั้นสี่นั้น เขาเหนือกว่าฟางฉีหานอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากที่ฟางฉีหานได้เข้าร่วมกับสภาสิบแปดปีก และมาถึงขั้นห้า โดยตัวเขานั้นสามารถมาถึงขั้นห้าได้ตอนที่ปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาเดิมในขั้นสี่ไปได้หนึ่งร้อยสิบแปดเปอเซ็นต์เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันจากการตรวจสอบของไมโทโลจี้นั้น ฟางฉีหานได้มาถึงขั้นห้าในตอนที่เธอปลดล๊อคศักยภาพร่างมานาเดิมของตัวเองในขั้นสี่ไปได้หนึ่งร้อยยี่สิบเปอเซ็นต์
ยิ่งไปกว่านั้นโอดินยังบอกเขามาด้วยว่า ฟางฉีหานนั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาให้ถูกบรรจุเป็นสมาชิกสำรองของสิบนักบุญที่แข็งแกร่งที่สุดของวิหารเทพสงคราม และมันคงไม่แปลกเลย หากเธอจะสามารถเอาชนะหนึ่งในสิบนักบุญได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ความแข็งแกร่งของเธอนั้นมันอยู่ใกล้เคียงกับ NPC ครึ่งเทพแล้ว ในการเปรียบกันพลังในการต่อสู้ของ Prosciutto นั้นยังคงอยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นห้าอยู่เลย มันยังไม่มีตรงไหนที่ใกล้เคียงกับระดับครึ่งเทพแม้แต่นิดเดียว …. และในขณะที่ Prosciutto กำลังรู้สึกสับสนกับเรื่องนี้นั้น สมาชิกของสภาสิบแปดปีกก็ได้มาถึงบริเวณกำแพงประตูหลักของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์
“ในที่สุดพวกคุณก็มาถึง ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าวพลางยิ้มให้กับสมาชิกสภาสิบแปดปีก “และเมื่อพวกคุณมาถึงแล้วแบบนี้นั้น โอกาสชนะของกองทัพจากโลกอื่นก็จะยิ่งต่ำลงไปอีกแน่นอน”
จากผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าทั้งสิบหกคนของสภาสิบแปดปีกนั้น แม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็ยังมีมาตราฐานพลังอยู่ในขั้นสูงสุดของขั้นห้า ในขณะเดียวกันเสวี่นเหวินโหรว กับอควาโรสนั้นก็สามารถจะรับมือกับพวกขั้นห้าทั่วไปสิบถึงสิบห้าคนได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการเข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ของพวกเขามันจึงจะช่วยลดช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายลงไปอีกมาก
“สถานการณ์ปัจจุบันของเราเป็นยังไง ?” เสวี่ยเหวินโหรวถาม
เมื่อได้ยินคำถามของเสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส และคนอื่นๆก็ได้หันไปมองที่อันยีลดิ้งฮาร์ท
ในช่วงสองถึงสามวันที่ผ่านมานี้ พวกเขาได้มุ่งเน้นไปที่การบุกโจมตี และสำรวจซากปรักหักพังโบราณเลเวลสูงต่างๆ ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่ได้รับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์ของจักรวรรดิมังกรไฟ และหลังจากได้รับการแจ้งเตือนมาจากศาลาลับ พวกเขาก็ได้รีบมุ่งหน้ามาที่นี่พร้อมกับป้อมปราการเคลื่อนที่ใหม่ทันที
“แม้ว่าฉันจะไม่สามารถพูดได้ว่ามันดี แต่ฉันก็สามารถบอกได้อย่างหนึ่งว่า เรามีโอกาสจะชนะอยู่มากเลยทีเดียว ….” อันยีลดิ้งฮาร์ทกล่าว จากนั้นเขาก็หยิบคริสตัลความทรงจำออกมา และจัดการแสดงข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ “จากการตรวจสอบล่าสุดของเรา กองทัพ NPC จากโลกอื่น มี NPC ขั้นสามอยู่มากกว่าหนึ่งร้อยสามสิบล้านคน มี NPC ขั้นอยู่ราวหนึ่งแสนห้าหมื่นคน และมี NPC ขั้นห้าอยู่ราวสองร้อยคน สำหรับกองทัพผู้เล่นจากโลกอื่นพวกเขามีกำลังพลเป็นผู้เล่นขั้นสามเกือบสองร้อยล้านคน และมีผู้เล่นขั้นสี่อยู่ราวห้าหมื่นคน กับผู้เล่นขั้นห้าอีกราวสองร้อยคน”
เมื่อได้ยินคำพูดของอันยีลดิ้งฮาร์ท ผู้เชี่ยวชาญขั้นสี่ที่อยู่ใกล้ๆหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมา
เรื่องความแตกต่างในด้านจำนวนของผู้เล่นขั้นสามนั้นมันไม่เท่าไหร่ อย่างไรก็ตามสำหรับความแตกต่างในด้านจำนวนของผู้เล่นขั้นสี่นั้นมันค่อนข้างจะใหญ่จนน่ากังวล แม้จนถึงตอนนี้ เมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์นั้นก็มีผู้เล่นขั้นสี่มารวมตัวกันมากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันคนเท่านั้น ในการเปรียบเทียบอีกด้านหนึ่งนั้นมีจำนวนมากกว่าห้าหมื่นเลยทีเดียว หากวงเวทย์ป้องกันของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ถูกทำลาย มันก็มีโอกาสสูงที่ผู้เล่นขั้นสี่จากโลกอื่นจะแอบผ่านเหล่าทหาร NPC ของเมือง และมุ่งหน้าไปจัดการคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองเมือง ซึ่งหากเป็นแบบนั้น พวกเขาก็จะถึงจุดจบแน่นอน ….
โชคดีอย่างเดียวคือมันไม่มีความแตกต่างที่สำคัญใดๆเลยระหว่างอาชีพขั้นห้าของทั้งสองฝ่าย และด้วยความช่วยเหลือของวงเวทย์ของเมือง พวกเขาก็อาจจะสามารถขับไล่กองทัพจากโลกอื่นออกไปได้
“ดูเหมือนว่ากองทัพจากโลกอื่นนั้นต้องการจะชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ….” อควาโรสรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อเธอได้ฟังรายงานจากอันยีลดิ้งฮาร์ท จากนั้นเธอก็หันไปมองป่าที่อยู่ไกลออกไป
“กองทัพที่มีขนาด และพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หากเราสามารถเอาชนะได้ การจะจัดการพวกที่เหลือมันก็จะง่ายขึ้นมากเลยนะ ….” ไฟเออร์แดนซ์กล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
พวกเขาประสบกับความพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชในการต่อสู้ที่เมืองแบล๊ควิง อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของเธอนั้นก็ได้รับการปรับปรุงจนมันเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา นอกเหนือจากการที่เธอเริ่มจะสามารถใช้กฎของโลกขั้นพื้นฐานได้แล้ว เธอยังได้รับอุปกรณ์ระดับตำนานเพิ่มมาอีกสองชิ้น และเมื่อรวมกับอาวุธระดับตำนานของเธอแล้ว มันจึงทำให้ตอนนี้เธอมีไอเทมระดับตำนานอยู่สามชิ้นเลยทีเดียว
ในตอนนี้เธอมั่นใจมากว่าเธอสามารถจะต่อสู้กับเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงได้แล้ว ขณะเดียวกันมันก็ไม่มีสมาชิกคนใดของสภาสิบแปดปีกแย้งไฟเออร์แดนซ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากด้วยคำแนะนำของซือเฟิง พวกเขาจึงสามารถปรับปรุงมาตราฐานอุปกรณ์ และมาตราฐานการต่อสู้ของพวกเขาขึ้นไปได้อย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา และแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับอาวุธระดับตำนานมาเพิ่มเติม แต่พวกเขาก็ได้รับอุปกรณ์ระดับตำนานมาจำนวนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้แม้แต่ไอเทมที่อ่อนแอที่สุดที่พวกเขาสวมใส่อยู่มันก็ยังอยู่ในระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานด้วย ซึ่งมันทำให้ในแง่ของมาตราฐานอุปกรณ์นั้น พวกเขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่า NPC ขั้นห้าเลย
ในบรรดาทั้งสิบหกคนนี้ เสวี่ยเหวินโหรว อควาโรส และไวโอเล็ตคลาวด์ เป็นสามคนที่โชคดีที่สุด เพราะแต่ละคนนั้นได้รับอุปกรณ์ระดับเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานกันมาครบเซ็ททั้งหมด ซึ่งมันทำให้ในแง่ของค่าสถานะพื้นฐานตอนนี้นั้นมันคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะบอกว่าพวกเขาเทียบกับผู้เล่นขั้นหกได้ …. อย่างไรก็ตามในระหว่างที่ทุกคนกำลังคิดหาวิธีรับมือกองทัพจากโลกอื่นนั้นกองทัพจากโลกอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าห่างออกไปก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ….
ตู้ม !!
พร้อมกับเสียงฟ้าผ่า ทันใดนั้นเมฆหนาทึบก็ปรากฎขึ้นเหนือผืนป่า และนำความมืดเข้ามาปกคลุมทั่วบริเวณ จากนั้นท้องฟ้าก็แยกออกจากกัน และมันก็มีกรงเล็บยักษ์คู่หนึ่งที่มีความยาวหลายร้อยเมตรโผล่ออกมาจากรอยแยกมิติขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นบริเวณท้องฟ้าที่แยกออกจากกัน ไม่นานหลังจากนั้นมอนสเตอร์ที่มีความสูงนับหมื่นเมตรก็ได้โผล่ออกมาจากรอยแยกมิตินี้ โดยมันมีปากขนาดใหญ่ และดวงตานับร้อย …. นอกเหนือจากนี้แล้วมอนสเตอร์ตัวนี้ก็ยังพ่นหมอกขุ่นที่มีฤทธิ์กัดกร่อนพื้นที่บริเวณรอบๆออกมา ซึ่งการปรากฎตัวขึ้นมาของมอนสเตอร์ตัวนี้นั้นมันก็ทำให้ผู้คนในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ และกองทัพจากโลกอื่นตกใจมากๆ
“นี่คือ จอมเขมือบโลกในตำนานงั้นหรอ ?”
จูเฟิงหยิงผู้อาวุโสของกิลร้อยผีโดดเดี่ยวที่ยืนอยู่ในป่านอกเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เมื่อได้เห็นมอนสเตอร์ที่พึ่งโผล่ออกมาตรงหน้าเขา
จอมเขมือบโลกเป็นมอนสเตอร์ที่ถูกบันทึกไว้ในตำนาน และเขาก็พึ่งรู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของมันหลังจากที่ได้ไปพบกับบันทึกข้อมูลของมันโดยบังเอิญ
จอมเขมือบโลกนั้นถือกำเนิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าที่ไร้ที่สิ้นสุด และความต้องการเดียวในชีวิตของมันก็คือการได้กลืนกินโลก ต่อหน้าจอมเขมือบโลก แม้แต่เผ่ามังกรซึ่งเป็นหนึ่งในเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดใน God domain ก็ยังนับว่าไม่มีค่าอะไรเลย และแม้แต่จอมเขมือบโลกวัยเด็กที่อยู่ในขั้นสี่นั้นก็สามารถจะกลืนกินมังกรขั้นห้าได้ ในขณะเดียวกันจอมเขมือบโลกที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นตัวโตเต็มวัย ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันแม้แต่พวกขั้นหกก็ยังจะต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมัน
และเมื่อผู้เล่นทั้งหมดของกองทัพจากโลกอื่นได้เห็นมอนสเตอร์ตัวนี้นั้น พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานกันออกมาด้วยความตื่น ซึ่งเมื่อมาถึงตรงนี้นั้น พวกเขาก็มีความมั่นใจในชัยชนะของตัวเองกันขึ้นมาอย่างมาก
(จอมเขมือบโลก) (สัตว์อสูรคาออส ระดับโดเมนศักสิทธิ์)
เลเวล 210
HP 3,000,000,000,000
อย่างไรก็ตามเมื่อไฟเออร์แดนซ์ และคนอื่นๆในเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สได้เห็นจอมเขมือบโลก การแสดงออกที่หวาดกลัวก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าจอมเขมือบโลกคืออะไร แต่เพียงแค่มองไปยัง HP ของมัน พวกเขาก็สามารถจะบอกได้เลยว่ามันน่ากลัวมากๆ …. เพราะท้ายที่สุดแล้วมอนสเตอร์ตัวนี้นั้นมันมี HP สูงกว่าเทพีตกสวรรค์ขั้นสูงมากกว่าสามเท่าเลยทีเดียว ….
“เปิดใช้งานวงเวทย์ป้องกันทั้งหมด ! หอคอยเวทย์มนต์ ปืนใหญ่ และอาวุธทุกชนิดทั้งหมดเตรียมพร้อมยิง !! ขอเทพธิดาแห่งชัยชนะจงอยู่ข้างจักรวรรดิมังกรไฟ !!!” เมก้าบอท NPC ครึ่งเทพ เลเวลสองร้อยที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพของเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ตะโกนออกคำสั่ง เมื่อเขาเห็นว่าจอมเขมือบโลกเริ่มเคลื่อนเข้าใกล้เมือง
ทันใดนั้นจากคำสั่งของเมก้าบอทวงเวทย์ป้องกันที่เป็นบาเรียสี่ชั้นก็ปรากฎขึ้นปกคลุมเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ทันที โดยบาเรียทั้งหมดก็ได้ทำหน้าที่แยกเมืองมิลเลี่ยนฟอเร้สต์ออกจากโลกรอบนอกและป้องกันไม่ให้ออร่าของจอมเขมือบโลกนั้นสามารถแพร่กระจายเข้ามาในเมืองได้
“โลกจิ๋ว !!”