Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1014
เมืองเนเวอร์วินเทอร์ เกรย์คาสเซิล
หลังจากที่ประกาศเรื่องงานราชาภิเษกออกไปแล้ว โรแลนด์ก็มอบหมายให้บารอฟเป็นคนจัดการเรื่องการเตรียมงานทั้งหมด ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูจะให้ความสำคัญกับงานนี้อย่างมาก ไม่เพียงแต่จะทำงานจนวุ่นทุกวัน แต่เขายังให้คนไปเชิญเลดี้บรานซ์ที่เป็นผู้ดูแลเรื่องพิธีการจากเมืองหลวงเก่ามาด้วย เพราะเขาไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
ส่วนตัวเขา นอกจากจะคอยไปดูความคืบหน้าในการถ่ายทำหนังเวทมนตร์เป็นบางครั้งบางคราวแล้ว เวลาที่เหลือเขาก็ใช้ไปกับงานออกแบบสุดท้ายของเครื่องยนตร์สันดาปภายใน
เนื่องจากมาตราวัดของทั้งสองโลกมีความต่างกันอยู่ ด้วยเหตุนี้เครื่องยนตร์ต้นแบบทุกเครื่องจึงจำเป็นต้องผ่านการทดสอบความเสถียรเสียก่อน บวกกับน้ำมันที่กลั่นออกมาก็ยังไม่ได้มาตรฐานเท่าไร ความซ้ำซ้อนในการออกแบบจึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง ในสถานการณ์ที่ขาดเครื่องมือในการคำนวณ เขาจึงได้แต่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของจริงมาทำการทดสอบพร้อมปรับปรุง
สร้าง ทดสอบ เสีย ปรับปรุง แล้วก็ทำซ้ำใหม่ โรแลนด์เหมือนได้กลับไปสมัยที่เขายังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ทุกวันเขาต้องวิ่งไปมาระหว่างปราสาทกับเนินทิศเหนือ ชีวิตเขาวุ่นวายแต่ก็เต็มไปด้วยการเรียนรู้ ความรู้ที่ห่างหายไปนานเหล่านั้นเริ่มกลับมาชัดเจนขึ้นในเวลาแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น
แต่แน่นอน เมื่อก่อนนั้นเขาไม่มีอันนาอยู่เคียงข้าง
สิ่งที่วิเศษยิ่งกว่านั้นก็คือความกระตือรือร้นของเธอในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย
ทุกครั้งที่ได้เห็นเธอใจจดใจจ่ออยู่กับการประกอบชิ้นส่วนเหล่านั้นและใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำมันจากการที่เธอเช็ดเหงื่อ โรแลนด์อดรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมาไม่ได้ ความกระหายในการเรียนรู้และการสร้างสรรค์ของเธอคล้ายจะติดตัวเธอมาตั้งแต่เกิด เหมือนกับเปลวไฟที่ทั้งร้อนแรงและบริสุทธ์ของเธอ
จิตใจภายในที่งดงามจนไม่อาจใช้ความงามบนใบหน้ามาบรรยายได้ ไม่ว่าจะมองเมื่อไรก็ไม่เคยเบื่อ
ทุกครั้งที่มีความก้าวหน้า รอยยิ้มของอันนาแทบจะเหมือนดอกไม้นับหมื่นนับพันที่กำลังเบ่งบาน เขาถึงขนาดรู้สึกว่าสำหรับเธอแล้ว ความสุขที่ได้จากการสร้างนั้นเหนือกว่าการที่เธอได้เป็นราชินีเสียอีก
เธอไม่เคยปิดบังความคิดของตัวเอง ขอเพียงทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน เธอก็ไม่เคยสนใจตำแหน่งหัวโขนพวกนั้นเลย
แต่โรแลนด์เองก็รู้ว่าบางครั้งตำแหน่งพวกนั้นไม่ใช่เอาไว้ให้อีกฝ่ายดู หากแต่เอาไว้ให้คนอื่นๆ ดู
ขอเพียงมนุษย์ยังเป็นสัตว์สังคม ในจุดนี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
หลังจากปรับขนาดชิ้นส่วนที่อยู่บนแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็วางปากกาลง พร้อมกับนวดคออันเมื่อยล้าของตัวเอง
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดล่ะก็ แปลนที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้อาจจะกลายเป็นแปลนที่ใช้งานได้จริง อันที่จริงเครื่องยนตร์สันดาปต้นแบบสองสามตัวนั้นถูกใช้งานมาหลายวันแล้ว ซึ่งระยะการใช้งานสะสมก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการใช้งานในปัจจุบัน
ในฐานะที่เป็นแหล่งพลังงานรุ่นที่สอง หลักการทำงานของเครื่องยนต์สันดาปนั้นไม่ซับซ้อน เรียกได้ว่าเป็นเครื่องจักรไอน้ำเวอร์ชั่นอัพเกรด โดยแหล่งพลังงานรุ่นแรกนั้นจะใช้ไอน้ำในการขับเคลื่อนลูกสูบ ไม่ว่าจะออกแบบมาดีแค่ไหนก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียพลังงานที่เกิดขึ้นตอนส่งไอน้ำได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีคนคิดว่าการเอาพลังงานใส่เข้าไปในกระบอกลูกสูบโดยตรงจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมากแน่นอน เครื่องยนตร์สันดาปภายในจึงถือกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุนี้
เอาอากาศที่ผสมกับน้ำมันเข้าไปในกระบอกสูบ แล้วทำให้มันเกิดการเผาไหม้อย่างรุนแรง อากาศที่ขยายตัวจะขับเคลื่อนลูกสูบให้เคลื่อนที่ ขณะเดียวกันก็ดูดเอาเชื้อเพลิงใหม่เข้ามาในกระบอกสูบด้วย ฟังดูแล้วเหมือนง่าย แต่ถ้าจะทำให้มันกลายเป็นนั้นถือว่าเป็นงานวิศวกรรมขนาดใหญ่เลยทีเดียว อย่างเครื่องจักรไอน้ำนั้นไม่ได้ต้องการการแนบชิดสนิทมากนัก ช่องว่างระหว่างตัวลูกสูบและกระบอกลูกสูบที่ผลิตออกมาในตอนแรกนั้นห่างกันจนสามารถสอดนิ้วมือเข้าไปได้ เขาสามารถใช้ผ้าสักลาดหรือผ้ากระสอบอุดช่องว่างได้ แต่เครื่องยนต์สันดาปภายในไม่สามารถทำแบบนั้นได้
มันไม่ได้มีแรงขับเคลื่อนจากภายนอกเหมือนอย่างเครื่องจักรไอน้ำ การเคลื่อนไหวของลูกสูบแต่ละรอบล้วนแต่ต้องใช้กำลังของตัวมันเอง ด้วยเหตุนี้ถ้าปิดไม่สนิท ตัวกระบอกลูกสูบก็จะหยุดทำงาน
พูดอีกอย่างก็คือขอเพียงคุณภาพวัสดุและเทคโนโลยีการประกอบพัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง เขาก็จะสามารถทำให้หลักการง่ายๆ ที่ว่านี้กลายเป็นจริงได้ และก็เพราะเหตุนี้ ช่วงเวลาที่เครื่องยนต์สันดาปภายในตัวแรกถือกำเนิดขึ้นมาจึงช้ากว่ามอเตอร์ไฟฟ้าอยู่หลายสิบปี
เครื่องยนต์สันดาปภายในรุ่นแรกที่โรแลนด์ออกแบบมานั้นมี 2 แบบ หนึ่งคือแบบลูกสูบวางเรียง สองคือแบบลูกสูบวางเป็นแนวรัศมี แบบแรกนั้นตัวเครื่องจะมีขนาดเทอะทะ ทำขึ้นมาจากเหล็กหล่อ ใช้งานดีมีความเสถียร สามารถเอาไปติดตั้งในโรงงานสำหรับการผลิตขนาดใหญ่ได้ ส่วนอย่างหลังนั้นถูกเรียกว่าเป็นเครื่องยนต์แบบสูบดาว เนื่องจากเพลาข้อเหวี่ยงค่อนข้างสั้นและมีขนาดค่อนข้างกะทัดรัด มันจึงสามารถทำให้เล็กมากได้ เหมาะกับการใช้ในเครื่องบิน โดยรูปร่างของมันดูมีความประณีตมากกว่าเครื่องยนต์แบบแรก วัสดุที่ใช้ก็เป็นอลูมิเนียมอัลลอย ตอนนี้จึงได้แต่ต้องอันนาเป็นคนรับผิดชอบประกอบมันขึ้นมาเท่านั้น
ที่โรแลนด์กล้าพัฒนาเครื่องยนต์ออกมาสองแบบในช่วงที่กำลังทำวิจัยและพัฒนานั้นเป็นเพราะว่าเขาสามารถหาข้อมูลของเครื่องยนต์เหล่านี้ได้ในโลกแห่งความฝัน เมื่อเทียบกับเครื่องจักรไอน้ำที่เปลี่ยนมาสี่รุ่นแล้ว การผลิตเครื่องยนต์สันดาปภายในนี้นับว่าง่ายขึ้นมาก
บวกกับข้อมูลที่ได้มาจากปีศาจระดับสูง ทำให้เขาจำเป็นต้องเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้น
หากอาศัยเพียงการป้องกันทางภาคพื้นดินเพียงอย่างเดียวคงเป็นไปได้ยากที่จะป้องกันการโจมตีจากทางอากาศได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งการรบในครั้งนี้ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นในจุดนี้
ถ้าแผนการสามารถกลายเป็นจริงได้ นี่ก็จะเป็นครั้งแรกที่มนุษย์สามารถต่อสู้กับศัตรูบนอากาศได้
“ฝ่าบาท อย่าขยับเพคะ”
จู่ๆ ไนติงเกลก็พูดขึ้นมา
โรแลนด์หยุดทันที ขณะเดียวกันก็เหลือบมองไปด้านหลัง
หรือว่ามี…ศัตรู?
จากนั้นเขาก็เห็นไนติงเกลขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะยื่นมือคลำไปบนหัวของเขา จากนั้นโรแลนด์รู้สึกเจ็บนิดหนึ่ง ก่อนจะเห็นไนติงเกลยื่นผมเส้นหนึ่งมาให้เขาดู
“เอ่อ ผมหงอกเหรอ?” โรแลนด์ยิ้มแห้งออกมาทันที
ถึงแม้เดิมสีเทามันจะค่อนข้างจางอยู่แล้ว แต่มันก็ยังมองเห็นผมหงอกได้ค่อนข้างชัดเจนอยู่
“ยังมีอีกเพคะ” ไนติงเกลดึงผมหงอกอยู่อีกครู่ “ช่วงนี้พระองค์ไม่ค่อยได้พักผ่อนเหรอเพคะ?”
“งั้นเหรอ?”
“เมื่อก่อนพอถึงหน้าหนาวพระองค์มักจะตื่นสาย เดี๋ยวนี้พระองค์ทรงตื่นเช้ากว่าหม่อมฉันอีกเพคะ ตอนกลางคืนก็ยังเข้าไปในโลกแห่งความฝันอีก นั่นมันไม่ถือเป็นการนอนจริงๆ ไม่ใช่เหรอเพคะ?” เธอพูดไม่หยุด “พระองค์ทรงหาวอยู่ตลอดเวลา นี่ก็แสดงให้เห็นว่าร่างกายพระองค์เหนื่อยล้า พระองค์ยังอายุไม่ถึง 30 ปีก็มีผมขาวแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะทำยังไงเพคะ”
เมื่อเห็นท่าทางเหมือนกำลังสั่งสอนเขาอย่างจริงจัง ภายในใจโรแลนด์ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก แม้แต่ความเหนื่อยล้าจากการทำงานก็หายไปไม่น้อย เธอไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องที่เขาจะแต่งงานกับอันนาจริงๆ ด้วย ดูเหมือนสัญญาอันนั้นจะมีประโยชน์จริงๆ
“วางใจได้ นี่ยังไม่ถึงขีดจำกัดของข้า ข้าเคยใช้ชีวิตแบบนี้มานานแล้ว”
“….” ไนติงเกลทำสีหน้าสงสัย แต่เธอแยกแยะได้ว่านี่ไม่ใช่คำพูดโกหก
“เพราะว่าเขาไม่ได้พูดโกหกจริงๆ “ปกติแล้วมันก็จะมีอาการใจสั่นเป็นเวลานาน เหมือนกับในหน้าอกมันว่างเปล่า จากนั้นก็จะรู้สึกร่างกายไม่มีแรง ถึงตอนนี้เราก็ต้องระวังแล้ว ถ้าอาการรุนแรงล่ะก็ เราก็จะไอไม่หยุด หรืออาจจะทำให้เลือด..แค่กๆๆๆๆๆ”
พูดไปได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เขาก็ไอออกมาอย่างแรง
“พระองค์ไม่เป็นไรใช่ไหมเพคะ?” ไนติงเกลทำสีหน้ากังวลออกมาทันที ก่อนจะยื่นมือไปตบหลังให้เข้า “ให้หม่อมฉันไปเรียกนาน่าไหมเพคะ?”
โรแลนด์สูดหายใจ “ไม่…ไม่เป็นไร เมื่อนี้ข้าแค่สำลักน้ำลายน่ะ”
“จริงเหรอเพคะ?”
“วางใจได้ ข้า…”
เขาหันหน้ามาก่อนจะตัวแข็งไปในทันที เพราะหน้าของทั้งคู่ใกล้จนเกือบจะชนกันอยู่แล้ว ดวงตาสี่ดวงประสานกัน ทั้งสองคนต่างกลั้นหายใจ
“ฝ่าบาทเพคะ” ทันใดนั้นเป็น ประตูห้องทำงานพลันถูกเปิดออก คนที่เข้ามาคือเวนดี้ “หม่อมฉันมีเรื่องหนึ่งจำเป็นต้อง…เอ่อ? พระองค์ทรงกำลังทำอะไรเพคะ?”
“ข้า?” โรแลนด์กะพริบตา ก่อนจะพบว่าตรงหน้าตัวเองไม่มีคน ส่วนตัวเองนั้นกำลังเอนตัวไปข้างหลัง ไม่ต้องบอกก็คงจะรู้ว่ามันแปลกแค่ไหน
“ฝ่าบาททรงกำลังฝึกยิมนาสติกอยู่น่ะ” ไม่รู้ว่าไนติงเกลไปนอนอยู่ข้างโต๊ะชาตั้งแต่เมื่อไร พร้อมกำลังเคี้ยวปลาแห้งอย่างสบายใจ “พอนั่งนานก็เลยทำให้ปวดตัว พระองค์ก็เลยลองทำดูว่าได้ผลหรือเปล่า”
“อย่างนี้นี่เอง” เวนดี้เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “นี่คือยิมนาสติกที่พระองค์เคยพูดถึงก่อนหน้านี้ว่าจะผลักดันให้สอนในโรงเรียนเหรอเพคะ? แต่ว่า…ทำแบบนี้มันได้ผลจริงๆ เหรอเพคะ?”
“เอ่อ ก็พอได้น่ะ” โรแลนด์ทำหน้ากระอักกระอ่วนพร้อมกลับมายืนตรงเหมือนเดิม แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าไนติงเกลที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กำลังกลั้นขำอยู่ “เออใช่ แล้วเมื่อกี้เจ้าจะพูดอะไรนะ?”
“คืออย่างนี้เพคะ ฝ่าบาท” เวนดี้พลิกสมุดบันทึกในมือ “จากบันทึกเมื่อปีที่แล้ว วันนี้น่าจะเป็นวันบรรลุนิติภาวะของไลนต์นิ่งเพคะ”