Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1030
“เจ้านี่…มันจะสามหาวเกินไปแล้ว” ไนติงเกลที่ปรากฏตัวออกมาจากหมอกมายาพูดอย่างไม่พอใจ “นางพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงกันแน่!
หลังจากที่เขาคุยกันเอดิธส์เรื่องที่ขวานเหล็กจัดการกับพวกขุนนางของดินแดนตะวันออก ท่าที่ของเอดิธส์ก็เหมือนจะเปลี่ยนไป เหมือนกับเธอเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น แต่สำหรับโรแลนด์แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
“เอ่อ…” เขาครุ่นคิดเล็กน้อย “เจ้าแยกแยะคำพูดเมื่อกี้ได้ไหมว่าจริงหรือเปล่า?”
“ไอจริงมันก็จริงอยู่หรอกเพคะ” ไนติงเกลเบะปาก “อย่างน้อยเรื่องที่นางบอกให้พระองค์ดูแลพระวรกายให้ดีก็เป็นเรื่องจริง ไม่อย่างนั้นหม่อมฉันคงจะจับตัวนางมาถามแล้วล่ะเพคะว่านางหมายความว่ายังไง”
“อย่างนั้นก็ปล่อยนางไปเถอะ” โรแลนด์พูดยิ้มๆ “ถ้าต้องมานั่งเดาความคิดของทุกคน แบบนั้นมันคงเหนื่อยแย่ แล้วข้าก็ไม่มีเวลาที่จะไปนั่งทำอะไรแบบนั้น”
ไนติงเกลที่ตอนแรกดูโมโหเงียบลงทันที จากนั้นเธอเบือนหน้าหนีไปอีกทางหนึ่ง “จะว่าไป….มันก็จริงเพคะ…ปกติพระองค์ทรงสนใจแค่คนสองคนก็เหนื่อยมากพอแล้วเพคะ”
เอ่อ นี่เจ้าแทบจะเอาความคิดแสดงออกมาทางสีหน้าจนหมดแล้วนะ โรแลนด์พยายามกลั้นขำ เขากระแอมเล็กน้อย “อย่างนั้นพวกเรากลับห้องทำงานกันเถอะ ยังมีงานอีกเยอะที่เราต้องจัดการ”
อย่างเช่นการนำเอาเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ออกแบบเอาไว้เรียบร้อยแล้วทั้งสองแบบมาใช้งาน การมีแหล่งกำเนิดพลังงานนั้นเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรก การผลิตมันออกมาเป็นจำนวนมากได้อย่างไรกับการสร้างชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ใช้คู่กับมันล้วนแต่เป็นเรื่องที่ยากลำบาก นอกจากนี้ยังมีการออกแบบและการประกอบรถหุ้มเกราะ การสร้างน้ำยางชีวภาพ และการขยายโรงงานกับกองทัพ
แต่ว่าถ้าเทียบกับอีกเรื่องหนึ่งนั้น งานเหล่านี้สามารถพักเอาไว้ก่อนได้
ถึงแม้ตัวมันจะไม่ได้มีความหมายอะไรมากนัก แต่มันคือสิ่งจำเป็นในการทำให้ประชาชนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
วินาทีที่ลิเวียเดินทางมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์ นั่นก็หมายความว่าเงื่อนไขทุกอย่างสำหรับการขึ้นครองราชย์ของเขาได้เตรียมพร้อมสมบูรณ์หมดแล้ว
….
หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ภายในเขตปราสาทได้เปิดให้ประชาชนเข้ามาเป็นครั้งแรก ภายในการนำของตำรวจและทหารองครักษ์ ประชาชนนับพันที่ผ่านการคัดเลือกได้มารวมตัวกันอยู่ทั้งในและนอกสวนเพื่อรอชมวินาทีที่พระราชาองค์ใหม่จะขึ้นสวมมงกุฎอย่างตื่นเต้น และที่ด้านนอกปราสาท บนท้องถนนทุกเส้นต่างก็เต็มไปด้วยแสงไฟและผู้คน ถึงแม้หิมะจะตกโปรยปรายลงมาตลอดเวลา แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาต่อคนที่ออกมาเฉลิมฉลอง
เพื่อพระราชพิธีครั้งนี้ ตัวปราสาทเองก็ถูกทำการปรับปรุงใหม่ด้วย
กำแพงที่ล้อมสวนด้านนอกถูกถอนออกแล้วเปลี่ยนเป็นรั้วที่ไม่บดบังสายตาแทน อุปกรณ์ตกแต่งที่อยู่ในสวนก็ถูกเคลื่อนย้ายออกไปแล้วปูด้วยหญ้าแทน ขอเพียงเดินขึ้นเนินไปยังเขตปราสาทก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่งานพิธีได้ทั้งหมด
ทั้งสองด้านของปราสาทมีธงพื้นแดงขอบดำแขวนอยู่สองผืนห้อยจากบนหลังคายาวลงมาถึงพื้น ด้วยพื้นหลังที่เป็นหิมะสีขาวช่วยขับให้ธงดูสะดุดตาอย่างมาก แล้วก็ทำให้ปราสาทที่ดูไม่ได้ยิ่งใหญ่หลังนี้มีสง่าราศีเพิ่มมากขึ้น
จุดที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุดก็คือชั้นสอง
ภายในคืนเดียวบนกำแพงของตัวปราสาทที่โล่งๆ ก็มีระเบียงยื่นออกมา โดยตัวระเบียงที่ว่านี้หันหน้าเข้ากับประตูใหญ่ด้านหน้าพอดี และราชาก็จะยืนรับการถวายพระพรของประชาชนอยู่ตรงนี้
มีเพียงคาร์ลซึ่งเป็นผู้ออกแบบเท่านั้นที่รู้ว่าระเบียงที่ถูกสร้างเสร็จอย่างรวดเร็วนี้เป็นฝีมือของแม่มด เลดี้อกาธาเสกกำแพงน้ำแข็งให้ยื่นออกมาจากผิวกำแพงของปราสาท จากนั้นก็ให้คุณหนูโซโรยา ‘วาด’ ภาพอิฐลงไปบนน้ำแข็ง ทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทอย่างที่ยากจะแยกออกได้
และภายใต้สภาพอากาศแบบนี้ กำแพงน้ำแข็งอันแน่นหนานี้ก็สามารถอยู่แบบนี้ได้เป็นเวลาหลายวัน
….
บรรยากาศภายในปราสาทเวลานี้เปลี่ยนไปจากเดิม
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงพร้อมหรือยังเพคะ?” ด้านนอกมีเสียงเวนดี้ดังขึ้นมา “เสนาบดีและแขกทุกคนต่างมากันพร้อมแล้ว เหลือเพียงพระองค์เสด็จออกไปนะเพคะ”
“รู้แล้ว ข้าใกล้เสร็จแล้ว” โรแลนด์ตอบกลับไป จากนั้นหันมามองหญิงสาวที่สาวชุดราตรีสีขาว “เจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
“อีกเดี๋ยวนะเพคะ….หม่อมฉันยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เลย” อีกฝ่ายคืออันนา เธอยืนอยู่ตรงหน้าต่าง พร้อมกับชะโงกหน้าลงไปดูประชาชนที่กำลังส่งเสียงตะโกนดังอยู่ด้านล่าง ในดวงตาสีน้ำเงินเผยให้เห็นถึงความกังวลอย่าเห็นได้ชัด “พระองค์จะเสด็จไปกับหม่อมฉันจริงๆ เหรอเพคะ? เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องพิธีคนนั้นบอกว่าไม่เคยมีงานราชาภิเษกไหนในอดีตที่เป็นแบบนี้มาก่อน”
เธอไม่ได้ไร้ซึ่งความหวาดกลัวอย่างที่เขาคิดเอาไว้ โรแลนด์รู้ว่าถึงแม้ก่อนหน้านี้อันนาจะยิ้มแย้มมาโดยตลอดเวลาที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ แต่พอมาถึงตอนนี้จริงๆ เธอก็ยังเกิดความรู้สึกกังวลและสับสน ความยอดเยี่ยมในด้านการเรียนและความชื่นชอบที่มีต่อความรู้ใหม่ๆ ทำให้หลายๆ ครั้งเธอมีความมั่นใจในตัวเอง เวลาที่เธอมีสมาธิอยู่กับการสร้างอะไรขึ้นมาซักอย่าง เธอก็จะเปล่งประกายออกมาราวกับอัจฉริยะ แต่เมื่อเอาสิ่งเหล่านี้ออกไปแล้ว เธอก็จะเป็นเพียงแต่หญิงสาวอายุยี่สิบต้นๆ ที่เติบโตมาในชนบทคนหนึ่งเท่านั้น
ตอนนี้เมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าประชาชนนับหมื่น จะไม่ให้เธอรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ โรแลนด์จึงหัวเราะขึ้นมา ก่อนจะใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลที่สุดพูดกับเธอว่า “อย่างนั้นข้าจะเป็นคนแรกที่ฉีกกฎนั้นเอง หรือว่าเจ้าอยากจะให้ข้าขึ้นไปสวมมงกุฎให้ตัวเองคนเดียว?”
“ไม่ใช่แบบนั้นเพคะ” อันนาส่ายหัว “หม่อมฉันเพียงแค่….”
โรแลนด์เดินเข้าไปแล้วโอบกอดเธอไว้ “อย่างนั้นข้าเปลี่ยนคำพูดหน่อยแล้วกัน”
“เปลี่ยน…คำพูด?”
“อื้อ” เขาสูดหายใจแล้วตั้งใจถามออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณหนูอันนา ข้าอยากจะจ้างเจ้าให้มาเป็นภรรยาข้า เจ้าจะยินดีหรือไม่?”
“พรืด” อันนาหลุดขำออกมา “ไม่ได้! หม่ฉมฉันไม่ใช่คนที่ถูกขังอยู่ในกรงคนนั้นแล้วนะเพคะ ยิ่งไปกว่านั้น….”
“ยิ่งไปกว่านั้นอะไรเหรอ?”
“การจ้างระยะเวลามันสั้นเกินไป” เธอตบลงไปบนบ่าของโรแลนด์ จากนั้นจึงยื่นมือขวาที่สวมถุงมือสีขาวให้เขา “ขอบพระทัยพระองค์มากเพคะ โรแลนด์ พาหม่อมฉันไปเถอะเพคะ”
“โรแลนด์จับมือของเธอเอาไว้ “รับทราบ”
…..
ประตูถูกเปิดออก ทั้งสองคนค่อยๆ เดินผ่านระเบียงทางเดินลงบันไดไปด้านล่าง ก่อนจะเดินเข้าไปยังโถงชั้นหนึ่ง
ภายในโถงที่ตอนแรกมีเสียงพูดคุยเงียบลงทันที ทุกคนแยกออกเป็นสองฝั่งพร้อมกับก้มหัวเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพโรแลนด์
เขาเดินผ่านแถวผู้คนเข้าไป ทางฝั่งซ้ายคือเหล่าแม่มดของเนเวอร์วินเทอร์ เขามองเห็นทิลลี แอชเชส ไนติงเกล เวนดี้ ไลต์นิ่ง อกาธา…ใบหน้าที่คุ้นเคยสะท้อนเข้ามาในดวงตาของเขา เมื่อเทียบกับเมื่อสามปีก่อนที่พวกเธอต้องเร่ร่อนไปทั่วแล้ว ตอนนี้พวกเธอได้หลอมรวมเข้ากับระเบียบสังคมใหม่และค่อยๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจขาดได้ของอาณาจักรมนุษย์
ทางด้านขวาคือตัวแทนจะกองต่างๆ ของสำนักงานเมือง อาทิเช่นบารอฟ เอดิธส์ ขวานเหล็ก เคโม ทาซา ฮิวโก้….พวกเขากลายเป็นโครงสร้างอำนาจของเกรย์คาสเซิล จากคนธรรมดาที่ไม่เคยมีใครได้ยินชื่อ ค่อยๆ กลายเป็นดาวดวงใหม่แห่งการเมืองการปกครอง
ตามลำดับของงานแล้ว ช่วงการขึ้นสวมมงกุฎนั้นจะเป็นช่วงที่มีความซับซ้อนยุ่งยากที่สุด แต่สำหรับแม่มดและเจ้าหน้าที่ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ โรแลนด์นั้นคือราชามานานแล้ว ด้วยเหตุนี้ขั้นตอนเหล่านี้จึงถูกทำให้ง่ายลง
เขาจูงมืออันนาเดินเข้าไปถึงกลางโถง ตรงนั้นมีโต๊ะหินวางอยู่ตัวหนึ่ง บนโต๊ะหินมีมงกุฎที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่สองอัน
ไม่ว่าจะเป็นวิมเบิลดันที่สามหรือว่าพระสันตะปาปาของศาสนจักรต่างก็ไม่อยู่แล้ว เขาปฏิเสธคำขอของเจ้าหน้าที่ที่จัดพิธีที่จะให้เขาขึ้นสวมมงกุฎเพียงคนเดียว เขายืนยันว่าเขาจะขึ้นสวมมงกุฎพร้อมกับอันนา
การจัดพิธีสวมมงกุฎพร้อมกับแต่งตั้งราชินีนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเกรย์คาสเซิล
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบงานพิธีย่อมต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่สำหรับเขาซึ่งมีอำนาจอยู่ในมือนั้นไม่ได้รู้สึกกดดันแม้แต่น้อย ส่วนบารอฟเองก็สนับสนุนเขาอย่างน่าแปลกใจ
โรแลนด์โน้มตัวลงแล้วให้อันนาสวมมงกุฎให้เขาก่อน จากนั้นเขาจึงเอามงกุฎของราชีนีค่อยๆ สวมให้อันนา
ในตอนที่ทั้งสองคนหันกลับมา ทุกคนต่างคุกเข่าลงไป
“ขอจงทรงพระเจริญ!”
ท่ามกลางเสียงถวายพระพร เขาจับมืออันนาเอาไว้แล้วค่อยๆ เดินไปยังบันไดไม้ที่สร้างเอาไว้ด้านหนึ่งของท้องพระโรง ก่อนจะเดินขึ้นไปยังระเบียงของปราสาท
ด้านล่างสวนมีเสียงดังกระหึ่มขึ้นมาทันที
ยังไม่ทันทีเขาจะได้ยกมือส่งสัญญาณใดๆ ชาวบ้านที่มารอคอยอยู่เป็นเวลานานแล้วพากันตะโกนถวายพระพรออกมา
“ฝ่าบาทโรแลนด์ทรงพระเจริญ!”
“พระราชาจงเจริญ!”
“เมืองเนเวอร์วินเทอร์จงเจริญ!”
ชาวเมืองพากันส่งเสียงโห่ร้องดังสนั่นสะเทือนไปถึงบนฟ้า ริบบิ้นสีและกลีบดอกไม้ถูกโปรยลงมาจากระเบียง ก่อนจะพัดปลิวไปตามสายลมจนแทบจะมองไม่เห็นหิมะที่ตกลงมา
อีกฟากหนึ่ง ภายในค่ายของกองทัพที่หนึ่งก็มีเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นสลับกับเสียงนาฬิกาภายในเมือง และในเวลานี้ ณ ดินแดนที่เชื่อมต่อระหว่างดินแดนตะวันตกกับดินแดนรกร้าง ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลองค์ใหม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว