Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1062
หลังเข้าไปในเมือง ผู้คนที่เดินไปเดินมาก็มากขึ้นถนัดตา
ถึงแม้จะมีหลายๆ คนคอยมองดูพวกเขา แต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้น ทุกคนต่างก้าวเดินอย่างรวดเร็ว แทบจะมองไม่เห็นคนเดินลอยชายอยู่บนถนนเลย
“ท่านพ่อ ที่นี่มัน…” โรฮานมองซ้ายมองขวาอย่างประหลาดใจ
“อืม” เขาพยักหน้าเล็กน้อย
ภาพที่ดูวุ่นวายแบบนี้ กูเอลส์เพิ่มจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
เขาเคยเดินทางไปยังเมืองในอาณาจักรทางเหนืออยู่หลายเมือง และสิ่งที่เมืองเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกประทับใจมากที่สุดก็คือความรุ่งเรือง ซึ่งนี่เป็นเอกลักษณ์ของอาณาจักรทางเหนือ ด้วยทรัพยากรและที่ดินที่มีมากกว่าดินแดนทางใต้สุด ทำให้พวกเขาสร้างเมืองใหญ่ๆ ออกมาได้เมืองแล้วเมืองเล่า สิ่งที่เมืองเหล่านั้นแตกต่างกันก็มีเพียงแค่ขนาดเท่านั้น เดิมเขาคิดว่าเมืองหลวงของชีคจะต้องใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาแน่ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาเขาเอาไว้นั้นจะไม่ใช่ถนนหินสีดำที่ราบเรียบ แล้วก็ไม่ใช่บ้านเรือนที่ตั้งอย่างเป็นระเบียบ หากแต่เป็นผู้คนของที่นี่
ต่อให้เมืองจะใหญ่กว้างใหญ่แค่ไหน ปราสาทจะยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ตามหัวมุมถนนมักจะมีพวกคนเร่ร่อน ขอทานและโจรใต้ดินอยู่เสมอ เหมือนกับเป็นเครื่องประดับที่เมืองไม่อาจขาดได้
แต่เมื่อมาถึงเมืองเนเวอร์วินเทอร์ เขาไม่เพียงแต่จะไม่เห็นภาพเหล่านั้น แต่บนใบหน้าของผู้คนยังดูมีชีวิตชีวาไม่เหมือนกับที่ผ่านมาเลย แม้แต่ในเผ่าใหม่ที่ได้ขยับขึ้นมาเป็นหกเผ่าใหญ่ก็ยังไม่มีภาพแบบนี้ให้เห็นบ่อยนัก
กูเอลคิดมาตลอดว่าชาวทะเลทรายนั้นไม่ได้ด้อยกว่าคนทางเหนือเท่าไร เผลอๆ อาจจะมีความแข็งขันมากกว่าเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่บีบบังคับด้วย ถึงแม้อาณาจักรทางเหนือจะมีความอุดมสมบูรณ์ แต่ชีวิตที่สุขสบายก็ทำให้พวกเขาลุ่มหลงอยู่ในความสุข ส่วนความกล้าและความมุ่งมันกลับลดน้อยถอยลง ถ้าไม่เป็นเพราะชาวทะเลทรายต้องมานั่งสู้กันเอง พวกเขาก็คงจะขยายเขตที่อยู่อาศัยของตัวเองได้ตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้เขากลับไม่กล้าที่จะคิดแบบนั้นแล้ว
ความภาคภูมิใจและความเชื่อมั่นในตัวเองที่ออกมาจากใจแบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเสแสร้งขึ้นมาได้เลย
เมืองที่สร้างขึ้นมาจากประชาชนแบบนี้ เขาอย่าไปเป็นศัตรูด้วยจะดีที่สุด ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่มีอาวุธก็ตาม
“ท่านพ่อ ตอนนี้พวกเราจะไปหาโลก้าก่อน หรือว่าไปส่งจดหมายที่ปราสาทก่อนดี?” โรฮานไม่ได้มองลึกซึ้งเหมือนอย่างพ่อของตัวเอง เขาเพียงแค่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเท่านั้น
“จะรีบทำไม ถ้าถูกชีคจัดให้พักอยู่ในปราสาท แล้วเราจะไปดูได้ยังไงล่ะว่าเขาทำตามสัญญาหรือเปล่า?” กูเอลส์ถลึงตา “พักข้างนอกสำรวจเมืองนี้ซักสองสามวันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“แต่ว่า…”
“ข้าตัดสินใจแล้ว” เขาพูดตัดบท “หืม? คนพวกนั้นกำลังทำอะไร?”
เขาเห็นคนหนึ่งแห่กันไปมุงอยู่ตรงด้านหนึ่งของลานเมือง เสียงเอะอะโวยวายดังสลับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ดูแล้วครึกครื้นเป็นอย่างมาก
โรฮานมองตามเขาไป “น่าจะแย่งซื้อสินค้าลดราคาล่ะมั้ง?”
“เจ้าไปดูหน่อยสิ” กูเอลส์สั่ง
“ได้ ท่านพ่อ”
อีกฝ่ายดึงหมวกขึ้นมาคลุมศีรษะ ก่อนจะอาศัยร่างกายที่สูงใหญ่เบียดเสียดเข้าไปในกลุ่มคน
กูเอลส์มองดูแผ่นหลังของลูกชายที่สูงเกือบ 6 ฟุต ก่อนจะรู้สึกทอดถอนใจขึ้นมา ถ้าพูดกันถึงเรื่องร่างกายเพียงอย่างเดียวแล้วล่ะก็ เดิมเขาน่าจะเป็นนักรบที่ห้าวหาญที่สุดของเผ่า แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับไม่ชื่นชอบการต่อสู้ สุดท้ายคนที่คอยค้ำจุนเผ่าเอาไว้กลับเป็นโลก้าที่ตอนที่เกิดมาดูจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งแม้แต่นิดเดียว และก็เป็นเพราะเหตุนี้ โลก้าจึงกลายเป็นผู้สืบทอดในสายตาของคนอื่นไปโดยปริยาย ส่วนโรฮานเองก็ถูกกดเอาไว้จนโงหัวไม่ขึ้น เห็นๆ อยู่ว่าเป็นพี่น้องกัน แต่พวกเขากลับไม่ค่อยได้พูดคุยกัน
ทว่าภายในใจของหัวหน้าเผ่ากลับรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย
โดยเฉพาะในตอนที่โลก้าได้รับการยกย่องจากทุกคน แต่โรฮานกลับไม่มีท่าทีคัดค้านเลย
ชาวโมเกนนั้นชื่นชอบคนที่แข็งแกร่ง
ต่อให้ฝีมือการต่อสู้จะสู้คนไม่ได้ แต่จิตใจที่ไม่ยอมแพ้ก็ยังได้รับการยกย่องจากคนอื่น อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการยอมแพ้โดยที่ยังไม่ได้สู้
ด้วยเหตุนี้หลังจากที่โลก้าจากไปแล้ว เขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะให้ลูกชายขึ้นมารับตำแหน่งหัวหน้าเผ่า
ถึงแม้โรฮานจะแสดงความสามารถในด้านอื่นๆ ออกมาได้ไม่เลว แต่ผู้ปกครองที่หวาดกลัวการต่อสู้จะค่อยๆ สูญเสียความได้เปรียบที่เขามีไปจากการลังเลไม่กล้าตัดสินใจ
ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่กูเอลส์พาลูกชายคนโตมาด้วย
เขาหวังจะให้อีกฝ่ายได้เปิดหูเปิดตาและเปลี่ยนแปลงตัวเอง
หลังผ่านไปไม่กี่นาที โรฮานก็แหวกฝูงคนอื่นออกมาพร้อมสีหน้าที่ดูแปลกๆ “ท่านพ่อ พวกเขาเหมือนกำลังลงชื่อเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาอยู่”
“แข่งกีฬา?” กูเอลส์ทำสีหน้าครุ่นคิด “มันคืออะไร?”
“เป็นการแข่งขันที่ชีคจัดขึ้นมา ได้ยินว่าเพื่อจะหาคนที่วิ่งได้เร็วที่สุดในโลก” โรฮานพูดอธิบาย “ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ได้ที่หนึ่งยังจะได้รางวัล 100 เหรียญทองด้วย คนถึงได้มาลงชื่อกันเยอะขนาดนี้”
“อะฮ่า อย่างนั้นมันก็เหมือนกับการต่อสู้ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เหรอ? แค่ไม่มีเลือดเท่านั้น” กูเอลส์ยิ้มขึ้นมา “ดูเหมือนชีคจะเรียนรู้จากชาวทะเลทรายมาไม่น้อยเหมือนกันนะเนี่ย เงื่อนไขการลงชื่อคืออะไร? ในเมื่อหาคนที่เร็วที่สุดในโลก อย่างนั้นพวกเราก็น่าจะลงแข่งได้”
“พวกเรา?” โรฮานตกตะลึง “ท่านพ่อ ท่านจะลงแข่งด้วยเหรอ?”
“ใช่น่ะสิ ข้าเคยเป็นนักรบยอดเยี่ยมที่เดินทางไปครึ่งทะเลทรายโดยที่ทิ้งอูฐเอาไว้ข้างหลังเลยนะ ถ้าเทียบกันเรื่องกำลังเท้าแล้วข้าไม่เคยแพ้ใครมาก่อน!” กูเอลส์ลูบเคราตัวเอง “ทำไม เจ้าคิดว่าข้าแก่แล้วงั้นเรอะ? รีบพาข้าไปลงชื่อเร็ว!”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหยุดได้ โรฮานจึงได้แต่ต้องรับปาก “ตรงนั้นคนเยอะ ข้าไปคนเดียวดีกว่า”
“ไม่เป็นไร”
“ท่านพ่อ…”
“หืม?” กูเอลส์กวาดตามองดูเขา “เจ้ามีอะไรที่ยังไม่ได้บอกข้าหรือเปล่า?”
“เอ่อ…” โรฮานลังเลอยู่ครู่ ก่อนจะพูดเสียงเบาๆ ออกมาว่า “ข้าเห็นน้องสาม”
“อยู่ในกลุ่มคนเหรอ?”
“ไม่ใช่” ลูกชายส่ายหัว “นางอยู่…บนภาพวาด ใส่ชุดที่ไม่ปกปิดร่างกาย แล้วก็มีคนมามุงดูกับชี้ๆ ไปที่นาง…”
“อะไรนะ!” กูเอลส์ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที หรือว่าชีคกำลังดูหมิ่นเธอ? ครั้งที่แล้วหลังจากที่เขียนจดหมายมาหาโลก้า เมืองเนเวอร์วินเทอร์ก็มีความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขายังนึกว่าฝ่าบาทนั้นดูแลโลก้าเป็นอย่างดี ถ้าหากโลก้าต้องยอมโดนดูหมิ่นเพื่อรักษาสถานะของเผ่าไวลด์เฟลมเอาไว้ อย่างนั้นเขายอมที่จะไม่ย้ายมาอยู่ในที่ๆ อุดมสมบูรณ์พวกนั้นก็ได้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาจึงเดินเข้าไปในฝูงคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ภาพวาดที่โรฮานพูดถึงนั้นแขวนอยู่ตรงด้านหนึ่งของลานเมือง ดูแล้วช่างสะดุดตาอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ได้มีแค่ภาพด้วย ในตอนที่กูเอลส์เห็นมัน ร่างกายเขาพลันหยุดนิ่งไปทันที
นี่มัน…โลก้างั้นเหรอ?
เขาเพิ่งจะเคยเห็นบุตรสาวที่ดูงดงามขนาดนี้เป็นครั้งแรก เธอยืนอยู่บนพื้นหิมะที่ขาวโพลน ผ้าคลุมสีขาวและชุดผ้าปักดอกบนร่างกายของเธอที่พลิ้วไปตามสายลม นั่นเป็นชุดสำหรับสวมใส่ในวังซึ่งโลก้าไม่เคยใส่มาก่อน ตอนที่อยู่ในทะเลทราย เธอมักจะสวมเสื้อแขนสั้นและกางเกงผ้าที่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้ หน้าอกและมือเท้าของเธอมักจะมีผ้าพันเอาไว้ ถ้าไม่เปื้อนฝุ่นก็เปื้อนเลือด ในเวลาที่ไม่ได้ต่อสู้ เธอก็มักจะสวมเสื้อคลุมเอาไว้อย่างมิดชิดเพื่อปกปิดร่างกายที่แปลกประหลาดของตัวเอง
เสื้อผ้าที่ไม่มีอะไรปกปิดที่โรฮานบอกก็หมายถึงเรื่องนี้
โลก้าเปิดเผยใบหูและหางของตัวเองออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเหมือนกว่าเธอจงใจที่จะดึงดูดความสนใจของคนอื่นด้วย หูข้างหนึ่งของเธอมีตุ้มหูผลึกคริสตัลสีแดงติดเอาไว้อยู่ ประกายที่ดูงดงามของมันทำให้ภาพวาดดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา
ส่วนคำพูดของชาวบ้านที่พูดคุยกันก็ไม่ใช่คำด่าหรือคำพูดรังเกียจ หากแต่เป็นคำพูดชมเชยเสียมากกว่า นี่เป็นสิ่งที่ทำให้กูเอลส์รู้สึกแปลกใจมากที่สุด นอกจากนี้ในการพูดคุยของพวกชาวบ้าน กูเอลส์เหมือนจะได้ยินคำศัพท์ใหม่คำหนึ่ง นั่นคือ ‘หนังเวทมนตร์’
อย่างนี้นี่เอง
‘ในอาณาจักรเกรย์คาสเซิล ทุกคนต่างเหมือนกัน’ นี่คือสิ่งที่ชีคทำอย่างนั้นเหรอ?
เขาหมุนตัวกลับมาแล้วตีโรฮานไปทีหนึ่ง “ครั้งหน้าอย่าตื่นตูมแบบนี้อีก น้องเจ้าไม่ใช่สัตว์ประหลาดซักหน่อย นางก็แค่เผยร่างที่เป็นหมาป่าเท่านั้นเอง”
“ข้าไม่ได้คิดแบบนั้นซักหน่อย…” อีกฝ่ายเอามือกุมหัวพร้อมพูดอย่างน้อยใจ
“เอาเป็นว่า ไปลงชื่อสมัครการต่อสู้ศักดิ์…การแข่งขันกีฬานั้นก่อนแล้วกัน” กูเอลส์บอก “จากนั้นก็ไปถามดูหน่อยว่าจะซื้อตั๋วดูหนังเวทมนตร์ได้ที่ไหน ไม่ว่าราคามันจะเท่าไร เจ้าก็ต้องซื้อมาให้ข้าให้ได้ เข้าใจไหม?”
………………………………………………..