Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1063
ไม่นานวันแข่งขันก็มาถึง
ถึงแม้งานแข่งขันกีฬาในวันฉลองชัยสมัยแรกจะจัดขึ้นอย่างเร่งรีบและเรียบง่าย ไม่มีทั้งพิธีเปิดและผู้บรรยาย แต่สำหรับชาวบ้านในเมืองแล้วมันก็ยังเป็นการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่อยู่ดี
ผู้คนแห่กันมาที่ถนนหลวงตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสางเพื่อมาจับจองที่นั่งกัน เนื่องจากหิมะยังไม่ละลาย แทบจะทุกคนจึงถือเก้าอี้ไม้เล็กๆ หรือเสื่อหนังไว้คนละอัน คนที่ยกขบวนมาทั้งครอบครัวก็ไม่ใช่น้อยๆ ภาพผู้คนที่เดินขบวนกันออกมานี้ทำเอาเหล่าพ่อค้าต่างถิ่นพากันตกตะลึง ส่วนพ่อค้าเร่ที่คาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าเอาไว้ก็เดินแบกของกินกับเครื่องดื่มเอาไว้เต็มหลังพร้อมตะโกนเร่ขาย
ส่วนเส้นชัยของการแข่งขันนั้นอยู่ตรงกึ่งกลางของถนนหลวง เมื่อถึงเวลาเที่ยง ผู้คนก็แห่กันมารายล้อมตรงบริเวณเส้นชัยจนเต็มไปหมด คร่าวๆ แล้วน่าจะมีประมาณหมื่นคน แถมยังมีคนทยอยมาจากทั้งสองที่อย่างต่อเนื่องด้วย นี่ทำให้โรแลนด์สัมผัสได้ถึงความชื่นชอบที่มีต่อกิจกรรมสันทนาการของคนในสมัยนี้อีกครั้ง เพราะการที่จะเดินเข้ามา 28 กิโลเมตรนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย เขากำหนดเวลาการแข่งขันเอาไว้ตอนบ่ายสองก็เพื่อให้ประชาชนได้มีเวลาเตรียมตัว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าความกระตือรือร้นของประชาชนที่มีต่อกิจกรรมนี้จะมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
ในฐานะที่เป็นราชาของเกรย์คาสเซิล เขาย่อมไม่ต้องลงไปเบียดเสียดอยู่กับพวกชาวบ้าน ก่อนหน้านการแข่งขันหนึ่งวัน ทางกองโยธาธิการได้สร้างอัฒจันทร์รับชมการแข่งขันที่สามารถบรรจุคนได้ 100 คนขึ้นมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้ใช้ชมการแข่งขัน ส่วนบริเวณรอบๆ ก็เป็นแนวป้องกันของกองทัพที่หนึ่งที่จะยืนกันฝูงชนออกจากอัฒจันทร์
“ฝ่าบาท นี่คือรายชื่อผู้เข้าร่วมการแข่งขัน มีทั้งหมด 1,462 คนเพคะ” บุ๊คหอบเอากระดาษปึกหนึ่งเดินเข้ามา “แต่เนื่องจากเวลาในการลงชื่อที่มีจำนวน ในนั้นจึงมีแค่เพียงข้อมูลอย่างคร่าวๆ ถ้าหากพระองค์ให้เวลาหม่อมฉันอีกสองวัน….”
“ไม่เป็นไร” โรแลนด์โบกมือ “การแข่งขันกีฬามันก็เหมือนกับการตีเหล็กที่ต้องตีตอนร้อนๆ ถ้าเราเลื่อนเวลาออกไปอีก มันจะทำให้เสียความตั้งใจเดิมในการจัดงานครั้งนี้ขึ้นมาได้
เขาพลิกดูรายชื่อ ก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายนั้นพูดถ่อมตัวเกินไป ข้อมูลที่อยู่บนนั้นมีทั้งเขตที่อยู่อาศัยละเอียด แต่ยังมีสภาพความเป็นอยู่อย่างคร่าวๆ แล้วก็ประวัติการทำงานด้วย การที่สามารถรวบรวมข้อมูลมาได้เยอะขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ ก็คงจะมีเพียงบุ๊คเท่านั้นที่ทำได้
ในรายชื่อ เขาเห็นชื่อที่น่าสนใจอยู่หลายชื่อ
อย่างเช่นฮิวโก้เพื่อนเก่าของเขา
เบลน้องของลูเซีย
แล้วก็อดีตหัวหน้าสมาคมเล่นแร่แปรธาตุทั้งสามคน
ถึงแม้การแข่งขันกีฬาครั้งนี้จะไม่มีแม่มดเข้าร่วม แต่โอกาสที่พวกเขาจะเอาชนะได้นั้นก็ริบหรี่อย่างมาก ส่วนใหญ่มาแข่งก็เพื่อจะมีส่วนร่วมเท่านั้น
ส่วนคนที่มีหวังจะได้รางวัล ส่วนใหญ่จะอยู่ในรายชื่อหน้าแรก
สายตาของโรแลนด์หยุดอยู่ที่ชื่อของอัศวินแสงอรุณเฟร์ราน ชิลต์และหัวหน้าอัศวินคาร์เตอร์ แลนนิส “เจ้าคิดว่าคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้จะเป็นแชมป์เหรอ?”
บุ๊คเสยผมตัวเองยิ้มๆ แล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่สีหน้าของเธอได้แสดงคำตอบออกมาให้เห็นแล้ว
“ฝ่าบาท ได้เวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” บารอฟที่นั่งอยู่ด้านล่างพูดเตือนขึ้นมา
“อืม” โรแลนด์วางรายชื่อลงพร้อมกับยกหูโทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา “อย่างนั้นก็เริ่มการแข่งขันได้”
…..
“เอ่อ มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ” กูเอลส์ที่ใส่กางเกงต่อสู้สไตล์ชาวโมเกนยืนอบอุ่นร่างกายอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้เข้าแข่งพร้อมกับถามขึ้นมา “เมืองของชีคแบ่งออกเป็นสองเขตใหญ่ใช่ไหม? ในเมื่อชีคจะให้คนวิ่งมาเจอกันตรงกลาง แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่าทุกคนจะเริ่มออกตัววิ่งพร้อมกัน? สิ่งที่สำคัญที่สุดในการต่อสู้ศักดิ์ิสิทธิ์ก็คือความยุติธรรม ถ้าไม่มีความยุติธรรม มันไม่เพียงแต่จะไม่มีเกียรติ แต่มันยังอาจจะทำให้ชีคเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย”
ใครจะไปรู้ล่ะ ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้มันสำคัญตรงไหน “ท่านพ่อ…” โรฮานเอ่ยปากออกมาอย่างยากลำบาก “ท่านเอาที่คาดผมบนหัวออกก่อนได้ไหม? แล้วก็ขนมิ้งค์ที่รัดอยู่ตรงเอวอีก…”
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่จ่ายเงินก้อนใหญ่ไปดู ‘หัวใจแห่งหมาป่า’ มา พ่อของตัวเองจะเหมือนกับโดนมนตร์สะกดอย่างไรอย่างนั้น ด้านหนึ่งก็เอาพูดถึงความงดงามของลูกสาวตัวเอง อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกเสียใจที่ในอดีตเขาเคยบังคับให้ลูกสาวต้องปิดบังตัวเองเพื่อไม่ได้ถูกคนอื่นว่าร้าย อีกฝ่ายบอกว่าตัวเองทั้งโง่เขลาและอ่อนแอ ทำให้โลก้าต้องเจอกับความทุกข์ที่มันไม่ใช่ความผิดของเธอ ทำให้เธอพลาดช่วงอายุที่ดีที่สุดของเทพีไป เรียกได้ว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีเลย
เอาล่ะ ต่อให้ทั้งหมดนี้มันเป็นความจริง แต่มันก็ไม่ถึงกับต้องเอาที่คาดผมเย็บมือมาคาดเอาไว้บนหัว แล้วก็เอาหนังสัตว์มาทำเป็นหางแบบนี้หรือเปล่า!
ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าไวลด์เฟลมนะ! โรฮานตะโกนอยู่ในใจ ถ้าข่าวนี้แพร่ไปถึงท่าเรือเคลียร์วอเทอร์ เขาจะไปเจอหน้าผู้นำของเผ่าอื่นได้ยังไง?
“ข้าทำแบบนี้เพื่อชดเชยให้นาง เจ้าไม่ต้องพูดมากแล้ว” กูเอลส์ทำสีหน้าจริงจัง “ความกล้าและไม่หวาดกลัวที่นางแสดงอยู่ในหนังเวทมนตร์ทำให้ข้ารู้สึกอับอาย ข้าสอนนางว่าไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่น มุ่งมั่นไปบนเส้นทางที่ตัวเองเลือกก็พอ แต่ตัวข้ากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น ถ้าอยากจะให้คนอื่นเลิกนินทา แทนที่จะปิดบังจุดอ่อนของตัวเอง สู้เปิดเผยมันออกมาดีกว่า ถ้ามีคนรับสภาพข้านตอนนี้ได้ อย่างนั้นโลก้าในตอนที่แปลงเป็นหมาป่าก็จะไม่ใช่สัตว์ประหลาดอีก”
“…” โรฮานอ้าปาก เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดกล่อมยังไงดี
“เมื่อกี้ข้าได้ยินว่าพวกเจ้าสงสัยในความยุติธรรมของฝ่าบาทเหรอ?” ทันใดนั้นด้านข้างพลันมีเสียงคนดังขึ้นมา “เจ้าคนต่างถิ่น พวกเจ้าไม่รู้อะไร ฝ่าบาททรงสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่สุดยอดที่สามารถทำให้ทั้งสองที่อยู่ห่างกันเป็นสิบๆ กิโลเมตรเชื่อมต่อกันได้เหมือนพูดคุยกันตรงหน้า! พวกเจ้าเห็นของที่แขวนอยู่บนหัวไหม?”
โรฮานมองตามมือของอีกฝ่ายขึ้นไปด้านบน ก่อนจะเห็นด้านบนต้นไม้ที่ริมทางมีของลักษณะเหมือนกรวยอยู่สองอัน ผิวสีดำของมันดูยังไงก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับการส่งเสียงเลย
“นั่นมันเรียกว่าลำโพง! มันสามารถขยายเสียงให้ดังขึ้นได้หลายสิบเท่า ในตอนที่มันเชื่อมเข้ากับโทรศัพท์ หรือก็คือเจ้าสิ่งที่ทำให้ทั้งสองที่สามารถติดต่อกันได้ มันก็จะทำให้พวกเราได้ยินสัญญาณจากฝ่าบาทพร้อมกับคนที่อยู่ในเขตลองซอง” คนๆ นั้นอธิบายอย่างภูมิใจ
“ว้าว! อย่างนี้นี่เอง!” กูเอลส์ปรบมือ “ในเมื่อมีความยุติธรรมอย่างนี้ อย่างนั้นข้าก็ต้องเอาจริงหน่อยแล้ว!”
“แต่ว่าคุณลุงคนนี้ ร่างกายลุงนี้แข็งแรงจริงๆ เลยนะ…ฤดูหนาวเพิ่งผ่านไปก็ใส่เสื้อสั้นขนาดนี้แล้ว ไม่หนาวเหรอ?” เขามองดูกูเอลส์อย่างประหลาดใจ “แล้วก็ยังมีที่คาดผมหูแมวนี่อีก”
จบแล้ว….โรฮานหลับตาลง อีกฝ่ายจะต้องพูดเยอะเย้ยแน่ ซึ่งผลที่ออกมาก็จะมีแค่สองแบบ คือพ่อของตัวเองอดทนเอาไว้ หรือไม่ก็พ่อโมโหจนอัดอีกฝ่ายลงไปกองกับพื้น หากเป็นแบบนั้นก็จะทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูไม่ดีในสายตาชีค
“เจ้ากำลังเลียนแบบเจ้าหญิงหิมะใช่ไหม? แจ๋วไปเลย…” คนๆ นั้นพูดต่อว่า “บอกข้าหน่อยได้ไหมว่าไปซื้อมาจากไหน?”
เอ๋!?
โรฮานรู้สึกไม่กล้าที่จะเชื่อหูตัวเอง
“ฮ่าๆๆๆ อันนี้น่ะเหรอ…”
ในขณะที่กูเอลส์กำลังจะตอบ จู่ๆ กรวยสีดำที่ถูกเรียกว่าลำโพงก็มีเสียงซ่าๆ ดังขึ้นมา
“สวัสดีทุกคน…ซ่า…ข้าคือโรแลนด์ วิมเบิลดัน”
เหล่าชาวบ้านที่กำลังพูดคุยกันเงียบลงทันที
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงจะรู้เรื่องกฎการแข่งขันดีแล้ว แต่ข้าอยากจะย้ำให้ทุกคนฟังอีกครั้งหนึ่ง ผลการแข่งขันนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด นี่คือการท้าทายตัวเราเอง ขอเพียงพยายามอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะวิ่งจนถึงเส้นชัยหรือไม่ ทุกคนก็ถือเป็นผู้ชนะที่ยอดเยี่ยมที่สุด ดังนั้นอย่ามัวคิดที่จะไปฉวยโอกาสหรือขัดขวางคนอื่นๆ ขอให้ทุกคนสนใจอยู่ที่สองเท้าของตัวเอง ใช้พลังของตัวเองในการเอาชนะ”
“ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่เส้นชัย หวังว่าทุกคนจะทำผลงานได้ดี”
“อย่างนั้นข้าขอประกาศให้”
“การแข่งขัน…เริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”