Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1082 การต่อสู้อันวุ่นวายภายใต้ความมืด
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ไลต์นิ่งรู้สึกเพียงแค่โลกหมุน กระทั่งตอนที่เธอตั้งสติได้ เธอถึงได้เห็นว่ารอบตัวเธอมีเข็มยาวสีดำใหญ่ประมาณนิ้วมือปักอยู่เต็มไปหมด ผลึกหินที่ไม่สะท้อนแสงเหล่านี้เหมือนเป็นมีดสีดำที่ปักกระจัดกระจายอยู่รอบรางรถไฟ
หลังจากนั้นก็มีเสียงระเบิดแบบเดียวกันดังมาจากทางค่ายอีกสองสามครั้ง
นี่มัน…ลอบโจมตี!
ศัตรูกำลังใช้ปีศาจแมงมุมแอบโจมตีค่ายทหาร!
ในตอนที่เธอคิดได้ถึงจุดนี้ เสียงระเบิดระลอกที่สองก็ดังขึ้นมาแล้ว แต่ว่าครั้งนี้เสียงดูทึบกว่าครั้งแรกอย่างเห็นได้ชัด แถมยังไม่ได้มาจากอากาศ หากแต่มาจากการสั่นสะเทือนของพื้นดินที่อยู่ใต้เท้า เหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังย่ำลงไปบนพื้นอย่างแรง
“แย่ แย่แล้ว…” โลก้าอุทานออกมา “ตรงนั้นมันเป็นแนวยิงปืนใหญ่”
ลอบโจมตีปืนใหญ่ภายใต้ความมืดที่ไม่มีแสงไฟคอยนำทาง แล้วก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างชัดเจน นี่มันใช่ฝีมือของพวกปีศาจจริงๆ เหรอ?
ยิ่งไปกว่านั้นทำไมจนถึงตอนนี้ยังไม่มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นมาเลย?
“พวกเราต้องไปเตือนทุกคน!” เนื่องจากไลต์นิ่งแอบออกมาเดินเล่นตัวคนเดียว เธอจึงไม่ได้ใส่ชุดสำหรับบินออกมาด้วย รูนสดับที่เอาไว้ติดต่อก็ไม่ได้พกติดตัวมา นอกจากบินไปก็ไม่มีวิธีอื่นอีก ในเวลานี้เสียงระเบิดที่ดังมาจากในค่ายฟังดูถี่ขึ้นมากกว่าเดิม เธอคว้าตัวโลก้าเอาไว้ แต่เธอกลับดึงอีกฝ่ายขึ้นมาจากพื้นไม่ได้
“เจ้า…” ไลต์นิ่งหันหน้ากลับไป ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นว่าที่ต้นขาของโลก้าถูกเข็มเล่มหนึ่งแทงทะลุเข้าไป ตรงปากแผลมีเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาจนกางเกงกลายเป็นสีแดง
เธอรู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมาทันที
ถ้าโลก้าไม่ช่วยเธอเอาไว้ล่ะก็…
“มัวคิดอะไรอยู่” โลก้าแยกเขี้ยวออกมา “ต่อให้ไม่เจอเจ้า ข้าก็ต้องถูกโจมตีอยู่ดี ไม่แน่อาจจะหนักกว่านี้ก็ได้…อย่างน้อยรอบๆ เข็มหินก็ไม่มีเลือดของปีศาจอยู่ นี่ถือว่าแค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้น”
บาดเจ็บภายนอกอะไร เห็นๆ อยู่กว่ากระดูกหักไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเลือดไหลออกมาเยอะขนาดนี้ ไม่แน่เส้นเลือดใหญ่อาจจะถูกแทงทะลุก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่สามารถดึงเข็มออกมาได้ แต่ถ้าทิ้งเธอเอาไว้ที่นี่แล้วไปพานาน่ามา? เกิดปีศาจแมงมุมมันโจมตีมาอีกครั้งหนึ่ง โลก้าก็จะกลายเป็นเป้านิ่งที่ได้แต่นอนอยู่เฉยๆ บนพื้น!
ไลต์นิ่งรู้สึกในหัวมีความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี
“ฟังข้านะ” โลก้ากดไหล่ของเธอเอาไว้ “เจ้าต้องไปแจ้งไอรถที่มันวิ่งไปวิ่งมาบนรางเหล็ก…”
“เจ้าหมายถึงแบล็คริเวอร์เหรอ?” ไลต์นิ่งตกตะลึง “แต่ว่า…”
“ตอนนี้ต่อให้ไม่มีสัญญาณเตือน แต่ถ้าไม่ใช่คนหูหนวก ตอนนี้พวกเขาก็น่าจะได้ยินเสียงโจมตีแล้ว” หมาป่าสาวหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนจะฝืนพูดต่อว่า “สิ่งสำคัญคือการโจมตีกลับหลังจากนี้ ถ้าข้าฟังไม่ผิดล่ะก็ อย่างน้อยๆ การโจมตีครึ่งหนึ่งของพวกศัตรูกำลังมุ่งเป้าไปที่ปืนใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นฟังดูแล้วเหมือนจะไม่ได้การยิงเข็มหินธรรมดาๆ ด้วย ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์ตรงนั้นเป็นยังไงบ้าง แต่ถ้าเกิด….ถ้าเกิดตรงนั้นถูกศัตรูโจมตีจนเสียหายแล้วล่ะก็ พวกเราก็จะไม่มีอาวุธที่เอาไว้จัดการอีกฝ่ายอีก เจ้ารู้ใช่ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง”
หมายความว่าปีศาจแมงมุมจะสามารถยิงเข็มหินสีดำใส่ค่ายทหารได้โดยไม่ต้องกลัวอะไร แล้วแนวป้องกันก็จะไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยอีก
ไลต์นิ่งพยักหน้า
“ฟู่ว…อย่างนั้นก็รีบไปเถอะ…” โลก้าผลักเธอ “ถึงที่นี่จะถูกโจมตีเป็นที่แรก แต่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรอันตราย…การโจมตีเมื่อกี้มันไม่ได้จะโจมตีเรา เจ้าดูนั่น…”
ไลต์นิ่งมองตามนิ้วของอีกฝ่ายไป ก่อนจะเห็นซากหอสังเกตการณ์ที่สร้างขึ้นจากไม้ที่ตั้งอยู่ตรงปลายสุดของรางรถไฟเหนืออยู่เพียงครึ่งเดียว เหมือนกับถูกความมืดกลืนกินไปอย่างไรอย่างนั้น
“เพราะฉะนั้นไม่ต้องสนใจข้า รีบไปหาแบล็กริเวอร์เร็ว” หมาป่าสาวกัดฟันตะโกน “ตอนนี้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำได้!”
เธอพูดถูก ถ้าอยากจะไปแจ้งรถไฟหุ้มเกราะที่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างแนวหน้ากับสถานีหมายเลขศูนย์ก็ไม่มีวิธีไหนที่จะเร็วกว่าบินแล้ว
ไลต์นิ่งกำหมัดแน่น ก่อนจะหันมาเหลือบดูอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจึงฝืนบังคับตัวเองให้หมุนตัวกลับไป แล้วทะยานขึ้นฟ้าบินไปทางค่ายทหาร
ในเวลานี้มีเสียงปืนดังกระจัดกระจายขึ้นมา
เหมือนกับที่โลก้าบอกเอาไว้ ทั่วทั้งค่ายตื่นขึ้นมาแล้ว ถึงแม้จะไม่รู้ว่าศัตรูมาจากทางไหน แต่ก็ไม่มีใครที่จะนั่งอยู่เฉยๆ รอความตายแน่นอน
ในค่ายของแม่มดก็เช่นเดียวกัน
แม่มดอาญาสิทธิ์นั้นเป็นนักรบที่มีการตอบสนองเร็วที่สุด พวกเธอไม่เพียงแต่จะใช้เวลานอนไม่นาน แต่เวลานอนยังไม่จำเป็นต้องถอดชุดเกราะออกด้วย ในเวลานี้พวกเธอกำลังวิ่งรับมือการโจมตีไปมาอยู่ในค่าย ไลต์นิ่งบินเข้าไปในห้อง ก่อนจะเห็นเมซี่ที่กำลังวิ่งไปวิ่งมาอย่างร้อนใจ
“เจ้าไปไหนมาจิ๊บ!” อีกฝ่ายพุ่งเข้ามากอดเธอเอาไว้ทันที “ทำไมจะออกไปถึงไม่บอกข้าซักหน่อยล่ะจิ๊บ!”
“ขอโทษนะ” ไลต์นิ่งรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เดิมเธอคิดว่าเมซี่เป็นคนซื่อบื้อที่ไม่รู้ว่าความกลัวคืออะไร แต่ดูเหมือนความจริงมันจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมซี่ไม่ได้เก็บความกลัวที่มีต่อปีศาจระดับสูงเอาไว้ในใจนานนัก แต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะลืมเพื่อนของเธอ “เรื่องนี้เดี๋ยวเอาไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้ข้าจำเป็นต้องออกไปหาแบล็คริเวอร์ก่อน!”
“ข้าไปด้วยจิ๊บ!”
“ไม่ได้ ที่นี่ยังต้องการเจ้า” ถึงแม้ในใจอยากจะให้อีกฝ่ายไปด้วย แต่สุดท้ายไลต์นิ่งก็พูดปฏิเสธออกไป “ซิลเวียแค่คนเดียวไม่สามารถดูแลทั้งค่ายได้ ยิ่งมีคนที่สามารถสอดแนมปีศาจได้เยอะเท่าไรก็ยิ่งดี!”
สู้มัน! เธอจะไม่เป็นตัวถ่วงทุกคนอีก
“แล้วก็ ก่อนหน้านั้นข้ามีเรื่องหนึ่งให้เจ้าไปทำ” ไลต์นิ่งสวมวชุดสำหรับบินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดผมเมซี่ขึ้นมาแล้วประคองแก้มของเธอเอาไว้ “เจ้าต้องรับปากข้าว่าเจ้าจะทำให้ได้ นี่เป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของทีมนักสำรวจ”
“จิ๊บ?” เมซี่กะพริบตา
“ไปหานาน่า แล้วพาทางไปที่ปลายสุดของทางรถไฟ โลก้ากำลังนอนบาดเจ็บหนักอยู่ตรงนั้น เจ้าต้องพานางกลับมาให้ได้ เข้าใจไหม?”
เมซี่ผงกหัวอย่างแรง “จิ๊บ!”
“อย่างนั้นฝากเจ้าด้วยล่ะ” ไลต์นิ่งเอาหน้าผากไปชนกับหน้าผากของเธอเบาๆ ก่อนจะบินออกไปจากห้อง
เมื่อบินสูงขึ้นเรื่อยๆ เธอก็รู้ถึงสาเหตุที่ไม่มีเสียงสัญญาณเตือน
หอสังเกตการณ์ห้าหอที่ตั้งอยู่ด้านนอกแนวป้องกันถูกโจมตีจนไม่เหลือเลยซักหอ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีครั้งแรกของศัตรูนั้นพุ่งเป้าไปที่หอสังเกตการณ์เหล่านี้ เดิมหอสังเกตการณ์เหล่านี้ควรจะเป็นป้อมปราการซีเมนต์ที่แข็งแรง แต่สถานีหมายเลขหนึ่งเพิ่งจะทำการสร้าง อย่าว่าแต่เรื่องสร้างป้อมปราการเลย แม้แต่ลวดเหล็กที่อยู่รอบๆ หลุมเพลาะก็ยังไม่ได้ทำการติดตั้งด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่ทำให้ไลต์นิ่งรู้สึกไม่สบายใจกว่านั้นก็คือ เสียงปืนที่ดังขึ้นมานั้นดังมาจากในค่าย นั่นก็หมายความว่าพวกทหารกำลังสู้กับศัตรูอยู่ในค่าย แต่จนถึงตอนนี้ทั่วทั้งแนวป้องกันไม่ได้มีร่องรอยว่าจะถูกบุกโจมตีเลย ถึงแม้การโจมตีของศัตรูยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แต่มันก็เป็นการโจมตีระยะไกลเพียงอย่างเดียว พวกเขากำลังสู้อยู่กับใครกันแน่?
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เธอก็ยิ่งรู้ว่าหน้าที่ของตัวเองสำคัญแค่ไหน
ใช่…ข้าคือไอขี้ขลาด
ใช่…ข้าแพ้ให้กับปีศาจระดับสูง
แต่ข้าก็ยังมีสิ่งที่ตัวข้าทำได้อยู่
นั่นก็คือบิน!
กลัวก็ปล่อยให้มันกลัวไปสิ
ข้าไม่มองไปทางเหนือก็พอ
แม้แต่ปีศาจธรรมดาก็ไม่ต้องไปมองมัน
ตอนนี้แค่ก้มหน้ามองทางรถไฟแล้วบินไปก็พอ ไม่มีเหตุผลที่ต้องหนีอีกแล้ว!
ไลต์นิ่งเร่งความเร็วบินเลียบ ‘แบล็คริเวอร์’ ไปทางป่า
เร็วขึ้น เร็วขึ้นอีก!
ภายในใจของเธอกำลังเร่งพลังเวทมนตร์ ไม่นานความรู้สึกคุ้นเคยที่ไม่เคยได้สัมผัสมาเป็นเวลานานก็ทะลักออกมาในใจของเธอ ในตอนที่กรงที่กักขังตัวเธอไว้ถูกทำลายลง โลกทั้งใบก็กลับสู่ความเงียบอีกครั้ง
ในที่สุดเธอก็ได้เข้าไปสู่ดินแดนที่ไร้เสียงอีกครั้งแล้ว!
…………………………………………………………………………