Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1083 วิญญาณสีดำ
ในตอนที่เสียงระเบิดครั้งแรกดังขึ้นมา แดนนี่กระเด้งตัวลงมาจากเตียงทันที
จากนั้นก็มีเสียงเหมือนห่าฝนดังลงมาจากบนหัวของเขา ขณะเดียวกันก็มีเศษดินหล่นกระจายลงมา เหมือนกับบ้านพักทั้งหลังกำลังสั่นโงนเงนอย่างไรอย่างนั้น
“กะ เกิดอะไรขึ้น?”
“หรือว่าแผ่นดินไหว?”
เพื่อนคนอื่นๆ เองก็ตื่นขึ้นมาเหมือนกัน ภายในห้องที่มืดจนมองไม่เห็นแม้กระทั่งมือตัวเองพลันวุ่นวายขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่ ศัตรูกำลังโจมตีพวกเราอยู่!” ทหารที่อยู่ใกล้ประตูมากที่สุดหยิบปืนขึ้นมา พร้อมกับยื่นมือจะไปเปิดประตู แต่กลับกลับถูกแดนนี่กดตัวลงไปกับพื้น “เจ้าทำอะไรของเจ้า?”
“อย่าขยับ การโจมตียังไม่จบ!” แดนนี่คำรามเสียงดัง
แล้วก็เป็นอย่างที่ว่า หลังจากนั้นมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกหลายครั้ง แล้วมีเสียงทึบๆ เหมือนฝนตกตามมา
“แค่กๆ บ้าเอ้ย นี่มัน…”
ท่ามกลางฝุ่นที่ตลบอบอวล มีคนจุดเทียนขึ้นมา กระทั่งแสงเทียนน้อยๆ สว่างขึ้นมา ทุกคนถึงกับต้องสูดปากด้วยความตกใจ
พวกเขาเห็นเข็มหินสีดำยาวๆ จำนวนมากปักทะลุหลังคาลงมา ท่ามกลางแสงเทียนที่ส่ายไหวไปมา มันดูแล้วเหมือนกับขนของมนุษย์ที่ห้อยตกลงมาไม่มีผิด
“ปีศาจแมงมุม…” คนที่ถูกแดนนี่กดลงไปกับพื้นกลืนน้ำลาย สมาชิกส่วนใหญ่ของหน่วยแม่นปืนต่างก็เข้าร่วมการรบในครั้งแรกด้วย พวกเขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจกับศัตรูชนิดนี้ ตัวทหารคนนั้นเองก็รู้ว่าถ้าเมื่อกี้เขาวิ่งออกไป จุดจบของตัวเองจะเป็นอย่างไร
“ถ้าข้ารอดกลับไป ข้าจะซื้อขาแกะซักสองขาเอาไปขอบคุณคุณหนูลีฟเลย” อีกคนพูดพร้อมตบหน้าอกตัวเอง
ปกติเวลาที่ออกไปรบ สถานที่ที่ให้ทหารพักมักจะเป็นเต็นท์ แต่ครั้งนี้ที่พักกลับเปลี่ยนเป็นบ้านดินที่แม่มดสร้างขึ้นมา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นเพราะเบื้องบนคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้หรือเปล่า แต่บ้านดินที่ว่านี้เรียกได้ว่ามีประโยชน์อย่างมาก ถ้าหากยังเป็นเต็นท์ผ้าเหมือนเดิม เกรงว่าพวกเขาคงกลายเป็นรังผึ้งไปนานแล้ว
“อย่าพูดอะไรไม่เป็นมงคลแบบนี้สิ ข้ายังต้องกลับไปแต่งงานนะ”
“เจ้านี่ คิดจะฉวยโอกาสเข้าใกล้คุณหนูโลตัสใช่ไหมล่ะ!”
“เหลวไหล ถ้าจะทำแบบนั้นจริงๆ ข้าไปทำกับคุณหนูนางฟ้านาน่าดีกว่า”
ถึงแม้พวกเขาเพิ่งจะเฉียดความตายมาเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีใครที่เสียขวัญกับการลอบโจมตีครั้งนี้ ถึงแม้ปากจะพูดไม่หยุด แต่อาวุธและลูกกระสุนต่างก็ถูกเตรียมพร้อมเรียบร้อย
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ต่างเข้าใจเรื่องๆ หนึ่ง
นั่นคือความตายนั้นไม่อาจหลีกหนีได้ มันมีแค่มาถึงกับยังมาไม่ถึงเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้ยังมานั่งครุ่นคิดปัญหานี้ได้ อย่างนั้นก็แสดงว่ายังไม่ถึงเวลาตาย แทนที่จะมานั่งหวาดกลัว สู้ออกไปทำอะไรซักอย่างดีกว่า อย่างเช่นกำจัดศัตรู
กระทั่งภายในค่ายเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แดนนี่จึงเปิดประตูออกไป ก่อนจะย่อตัวเดินออกไปจากห้อง
ตรงหน้าประตูค่ายมีทหารถูกเข็มหินแทงตายอยู่หลายคน ในเวลานี้แทบจะมีเสียงดังขึ้นทุกที่ ทั้งเสียงตะโกน เสียงปืน เสียงระเบิด แล้วก็เสียงคำรามของปีศาจ ไม่มีใครรู้ว่าศัตรูอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วก็มีจำนวนเท่าไร หอสังเกตการณ์ที่เดิมเอาไว้ใช้ระบุทิศทางก็ไม่จุดไฟขึ้นมา เหมือนกับว่าจู่ๆ ศัตรูมันก็โผล่มาปรากฏตัวอยู่ในค่ายอย่างไรอย่างนั้น
เขาปืนขึ้นไปบนหลังคา จากนั้นจึงกวาดตามองอยู่ครู่ ก่อนจะวิ่งไปยังทิศทางที่มีเสียงปืนเบาบางที่สุดโดยไม่สนใจเสียงตะโกนของเพื่อนที่อยู่ด้านหลัง
“ข้านึกว่าท่านจะไปตรงที่ๆ มีคนเยอะที่สุดซะอีก”
เสียงหัวเราะเบาๆ ของมอลต์ดังขึ้นที่ข้างหูเขา
นี่คือเหตุผลที่เขาชื่นชอบการรบ
มีแต่ตอนที่อยู่ท่ามกลางกลิ่นดินปืน คู่หูของเขาถึงจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“แบบนั้นก็หมายความว่าพวกเราเป็นฝ่ายได้เปรียบ ถึงข้าไปก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้มาก” แดนนี่ตอบ “แต่ตรงที่มีเสียงปืนขาดๆ หายๆ ก็หมายความว่ามีคนกำลังตกที่นั่งลำบาก และลูกกระสุนของข้าก็จะช่วยชีวิตใครบางคนได้”
“ข้าเคยบอกแล้วไงว่านั่นมันไม่ใช่ความผิดของท่าน ท่านไม่สามารถช่วยทุกคนบนสนามรบได้
“แต่อย่างน้อยข้าก็ช่วยชีวิตทุกคนที่ข้าเห็นได้” เขาพูดยิ้มๆ “ไม่ต้องกังวล ข้าว่าแบบนี้ดีออก มันทำให้ข้ามองเห็นเจ้าได้ชัดเจนมากขึ้น”
แดนนี่หันหน้ากลับมา ก่อนจะเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยกำลังวิ่งตามเขามาในความมืด
หลังเข้าใกล้แนวรบ เขาก็มองหาที่สูง เขาปืนขึ้นไปบนลังเหล็กสิบกว่ากล่องที่วางซ้อนๆ กันอย่างไม่เป็นระเบียบ เมื่อทัศนวิสัยเปิดโล่ง เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าที่นี่อยู่ใกล้กับแนวปืนใหญ่ แล้วก็มีปีศาจสี่ห้าตัวกำลังใช้ประโยชน์จากบังเกอร์ในการต่อสู้กับทหารของกองพันปืนใหญ่ เห็นได้ชัดว่าทหารที่ขาดอาวุธหนักไปกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ พวกเขาไม่สามารถหยุดศัตรูได้ แล้วก็ไม่สามารถฝ่าหอกของศัตรูเพื่อเข้าไปแย่งชิงพื้นที่ได้
จากค่ายจนมาถึงปืนใหญ่นั้นมีทหารหลายคนที่ถูกหอกกระดูกแทงจนเสียชีวิต
“พวกมันมาที่นี่ได้ยังไง?”
“ไม่รู้ แต่เวลาของพวกมันหมดลงแล้ว” แดนนี่ยกปืนขึ้นมา ก่อนจะเล็งไปยังปีศาจตัวหนึ่งที่ค่อยๆ เดินอ้อมไปทางบ้านพักทหาร ถ้าถูกมันจับได้ พวกทหารคงได้ถูกมันฉีกเป็นชิ้นๆ แน่ ส่วนอีกฝ่ายนั้นไม่ได้รู้เรื่องเลยว่ากำลังมีคนเล็งปืนมาที่มันอยู่ ร่างกายของมันปรากฏอยู่ในกล้องเล็งของแดนนี่
เขาเหนี่ยวไกอย่างไม่ลังเล ด้านหลังศีรษะของอีกฝ่ายมีหมอกแดงพุ่งขึ้นมาทันที ก่อนจะกลิ้งตกลงมาจากหลังคา
ต่อให้มีเพียงแค่แสงจันทร์ที่คอยให้ความสว่าง แต่ระยะ 100 เมตรนี้เขาไม่มีทางพลาดเป้าแน่นอน
“ยิงได้เยี่ยมมาก ระวังทางซ้าย มีคนกำลังเคลื่อนไหว”
เขาเห็นทหาร 5 – 6 คนกำลังนั่งยองๆ อยู่ตรงมุมกำแพง จากนั้นจึงค่อยๆ ขยับไปยังริมกำแพง ดูท่าทางแล้วเหมือนพวกเขากำลังคิดที่จะฝ่าหอกของพวกศัตรูเข้าไปในค่าย
“มีความกล้า แต่น่าเสียดายที่ไม่มีสมอง ถ้าไม่มีคนคอยยิงคุ้มกัน พวกเจ้าไม่มีทางวิ่งผ่านหอกไปได้หรอก” แดนนี่ยิ้มมุมปากขึ้นมา “อย่างนั้นรอก่อนจะดีไหม?”
เขารีบยิงปืนไปที่ข้างเท้าของอีกฝ่ายสามนัด ฝุ่นที่ฟุ้งกระจายขึ้นมาและเสียงกระสุนปืนทำเอาทหารพวกนั้นพากันสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันที เท้าที่เมื่อกี้เพิ่งจะก้าวออกไปพลันหดกลับเข้ามา
“ท่านทำแบบนี้จะถูกพวกเขาด่าเอาได้นะ” มอลต์พูดอย่างกังวล
“ฮ่าๆๆๆ” ในที่สุดแดนนี่ก็หัวเราะขึ้นมา “อย่างนั้นก็ต้องให้พวกเขามีชีวิตรอดกลับมาก่อน” เขาหันปากกระบอกปืนไปยังปีศาจคุ้มคลั่งที่โผล่หัวออกมาอย่างรวดเร็ว….เสร็จไปอีกหนึ่ง พวกศัตรูที่ตอนแรกเหมือนจะบุกเข้ามาในค่ายได้สำเร็จพากันหดหัวกลับไปทันที จากนั้นก็ไม่กล้าทะเล่อทะล่าโผล่หน้าออกมาอีก
ขณะเดียวกัน บนฟ้าพลันมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นมา
“ระวัง ดูนั่น!”
สิ้นเสียงเตือนของมอลต์ เงาดำหลายสิบเงาร่วงลงมาจากบนฟ้า ก่อนจะปักลงไปบนพื้น
“ปัก! ปัก! ปัก!”
เสียงกระแทกพื้นดังสนั่น ทำเอาพื้นถึงกับสั่นขึ้นมาเบาๆ
ภายในแสงจันทร์ที่ส่องลงมา แดนนี่ต้องตกใจเมื่อพบว่านั่นเป็นเสาหินสีดำขนาดยักษ์! แถมหลังจากที่มันร่วงลงมาบนพื้น รอบๆ เสาหินยังพ่นหมอกแดงออกมาด้วย ขณะเดียวกันก็มีเสียงซู่ๆ ดังขึ้นมา ฟังดูแล้วคล้ายกับเครื่องจักรไอน้ำของฝ่าบาทเลย
แต่ไม่นานเขาก็รู้ว่านั้นไม่ใช่เครื่องจักร
แผ่นหินสามแผ่นหลุดออกมาจากเสาหินทรงกลมขนาดยักษ์พร้อมกับมี ‘น้ำเลือด’ ทะลักออกมากองใหญ่ ภายในเสาหินถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนมีปีศาจอยู่ในนั้นหนึ่งตัว! พวกมันถูกหุ้มอยู่ในถุงเมือกเหมือนกับทารกที่ในท้องของมารดา ในตอนที่ของเหลวสีแดงไหลทะลักออกมา พวกมันก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับแยกเขี้ยวอย่างดุร้าย
ไม่ทันที่ศัตรูจะเดินออกมาจากเสาหิน กระสุนนัดหนึ่งก็พุ่งทะลุศีรษะของปีศาจคุ้มคลั่งตัวหนึ่ง
“ฉึก!”
ปีศาจที่ถูกยิงส่ายโงนเงนสองสามที ก่อนจะค่อยๆ ล้มลงไปนอนกองอยู่ในเสาหิน
“พวกเจ้าแอบเข้ามาด้วยวิธีนี้อย่างนั้นเหรอ?” แดนนี่ส่งเสียงเหอะออกมาในลำคอ ก่อนจะบรรจุกระสุนนัดต่อไปเข้าไปในรังเพลิง “ในเมื่อยังไม่ตื่นขึ้นมา อย่างนั้นก็หลับต่อไปแบบซะเถอะ ไม่ว่าจะมีกี่ตัว ข้าจะส่งพวกแกไปลงนรกเอง คอยดูข้าให้ดีล่ะ มอลต์!”
…………………………………………………………………