Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1087 แพ้กับชนะ
ในตอนที่อันนาเดินลงมาในฐานบัญชาการชั่วคราวใต้ดิน บรรยากาศภายในห้องดูตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นเธอเดินลงมา ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นพร้อมถวายคำนับให้เธอ “ถวายบังคมฝ่าบาท!”
ขวานเหล็กคุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง “นี่เป็นความผิดของกระหม่อมเองที่ทำให้พระองค์ตกพระทัย แล้วก็ไม่สามารถมองแผนการของศัตรูออกจนถูกพวกมันเล่นงานจนปั่นป่วน ขอประทานอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“พวกเจ้าไม่ต้องทำแบบนี้หรอก” อันนาโบกมือ คิดซะว่าข้าเป็นคนธรรมดาที่เป็นห่วงเรื่องการรบเหมือนกันก็พอ ข้าแค่อยากมาถามว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ถึงแม้จะกลายเป็นราชินีแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่ค่อนชินเวลาที่ต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ โดยเฉพาะในตอนที่เป็นคนอื่นๆ อย่างเวนดี้และอกาธาทำความเคารพเธอ ถึงแม้เธอจะไม่เคยพูดเรื่องนี้ แล้วก็ไม่ค่อยแสดงความคิดที่อยู่ในใจต่อหน้าแม่มดคนอื่นๆ แต่ความจริงแล้วเธอกลับชื่นชบความรู้สึกเวลาที่เรียกกันเหมือนพี่เหมือนน้องมากกว่า
ในศึกครั้งนี้เช่นเดียวกัน ทันทีที่ถูกลอบโจมตี เธอก็ถูกแม่มดอาญาสิทธิ์เข้ามาประกบแล้วพาไปยังที่หลบภัย แต่ความจริงแล้วเธออยากจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกคนเหมือนอย่างเมื่อก่อนนี้ที่สู้กับพวกสัตว์อสูรในเดือนแห่งปีศาจมากกว่า
แต่อันนาก็รู้ว่าในเมื่อเธอรับเอาสถานะนี้มาแล้ว เรื่องบางเรื่องเธอก็ได้แต่ต้องเก็บเอาไว้ในใจ
เธอหวังเพียงว่าการปรากฏตัวของเธอจะทำให้ทุกคนใจเย็นลงได้
ขวานเหล็กลังเลเล็กน้อย “ฝ่าบาท สถานการณ์ไม่ค่อยดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ให้ข้าฟังด้วยได้ไหม?”
“พ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมกำลังคุยกันเรื่องปัญหานี้พอดีพ่ะย่ะค่ะ” เขามองไปทางเฟร์ราน ชิลต์ อีกฝ่ายฝ่ายพยักหน้าพร้อมกับเปิดสมุดจดบันทึกในมือ
“จากรายงานที่หน่วยพยาบาลสรุปมาในตอนนี้ ทหารของกองทัพที่หนึ่งเสียชีวิตไป 200 กว่าคนในการลอบโจมตีครั้งนี้ มีผู้บาดเจ็บเกือบ 700 คนพ่ะย่ะค่ะ” เฟร์รานรายงานด้วยน้ำเสียงคร่ำเคร่ง
“แต่ว่าเนื่องจากเวลามีจำกัด นี่จึงเป็นแค่การสรุปแบบคร่าวๆ เท่านั้น ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจริงๆ จะต้องมากกว่านี้แน่นอน เพราะว่าคุณหนูนาน่า…ไม่สามารถดูแลผู้บาดเจ็บได้มากขนาดนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
200 กว่าคน นี่เกือบจะเสียหายเท่ากับตอนที่สู้กับศาสนจักรเลยนะเนี่ย แต่ว่านั่นเป็นศึกตัดสินที่กำหนดชะตาชีวิตของทั้งสองฝั่ง ทว่านี่เป็นศึกแรกหลังจากพวกเขาเคลื่อนพลขึ้นมาทางเหนือ กองทัพที่หนึ่งยังอยู่ห่างจากซากเมืองทาคิลาอีกไกลนัก
นี่จึงไม่แปลกที่ขวานเหล็กจะมีสีหน้าเคร่งเครียด
อันนาเคยเห็นภาพทหารบาดเจ็บนอนเรียงเป็นแถวยาวอยู่ในค่าย บนตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด ในอากาศเองก็อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดกับเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ด้วยพลังเวทมนตร์ของนาน่า เธอไม่มีทางที่จะรักษาผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้ในทีเดียวแน่นอน คนที่บาดเจ็บหนักอย่างเช่นแขนขาดขาขาดหรืออวัยวะภายในทะลักออกมา อย่างมากวันนึงเธอก็รักษาได้แค่ 5 – 6 คนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ถ้าอยากจะรักษาคนให้มากขึ้น เธอก็จำเป็นต้องเก็บพลังเวทมนตร์เอาไว้ในเวลาที่จำเป็นที่สุด
อย่างเช่นผู้บาดเจ็บที่ปอดถูกแทงทะลุ ท้องถูกกรีดจนลำไส้ทะลักออกมา เธอก็ทำการรักษาบาดแผลที่อันตรายถึงชีวิตบนอวัยวะภายในก่อน คนที่ดูแล้วอาการไม่ร้ายแรงแล้วก็จะทำการใส่ยาวิเศษเพื่อฆ่าเชื้อแล้วส่งไปให้หน่วยพยาบาลทำการเย็บแผลต่อ ส่วนคนที่ร้ายแรงก็จะปล่อยให้ปากแผลเปิดเอาไว้อย่างนั้นก่อน แล้วค่อยทำการรักษาต่อในวันถัดไป ในช่วงเวลานี้ก็จะใช้ยาที่ทำจากเฟิร์นนิทราและดอกโคลต์ฟุตในการบรรเทาอาการเจ็บปวดของผู้บาดเจ็บไปก่อน ส่วนทุกคนจะอยู่รอดจนถึงวันถัดไปได้หรือเปล่า หรือว่าจะมีอาการเสพติดที่คล้ายๆ กับน้ำยาแห่งความฝันหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ไม่ใช่ปัญหาที่ทีมพยาบาลจะไปดูแลได้
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีความกดดันเช่นนี้ การจะจัดสรรพลังเวทมนตร์เมื่อใช้ในการรักษาอย่างเร่งด่วนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันยากจะจินตนาการได้ว่าเด็กผู้หญิงที่แค่เห็นเลือดก็เวียนหัวที่เคยเรียนหนังสืออยู่กับเธอคนนั้น ตอนนี้จะเติบโตขนาดนี้แล้ว
“ข้าจะไปทูลกับฝ่าบาท ให้พระองค์กล่อมเลดี้สเปียร์มาช่วยแนวหน้า” อันนาพูดอย่างไม่เร่งร้อน “ถ้ามีนางอยู่ ทีมพยาบาลจะช่วยคนได้มากขึ้น เออใช้ แล้วปีศาจมันเข้ามาในค่ายโดนไม่มีซุ่มเสียงได้ยังไง?”
“หม่อมฉันคิดว่า…ศัตรูน่าจะใช้จุดบอดของดวงตาเวทมนตร์เพคะ” ซิลเวียดูเศร้าสร้อย “พวกอสูรสยองที่พวกมันส่งมาสอดแนมก่อนหน้านี้คงจะแค่เอาไว้หยั่งเชิงดูขอบเขตในการตรวจตราของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉันไม่ได้คิดถึงจุดนี้เลย…”
“พวกเราควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว” อกาธาพูดเหมือนโทษตัวเอง “หลังจากศึกที่เนินนอร์ธบาวด์ ปีศาจก็รู้แล้วว่าพวกเรามีซิลเวียอยู่ อสูรสยองพวกนั้นใช้การตอบโต้ของพวกเราในการวิเคราะห์ระยะทางคร่าวๆ ของดวงตาแห่งเวทมนตร์ หลังจากนั้นทัพของพวกมันก็รวมตัวกันอยู่นอกระยะการตรวจตราของซิลเวีย ก่อนจะฉวยโอกาสโจมตีพวกเราในตอนกลางคืน ช่วงเวลาที่พวกมันเลือกลงมือก็คือตอนที่สถานีหมายเลขหนึ่งเริ่มสร้าง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การป้องกันของค่ายอ่อนแอที่สุด”
“ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่นั่นมันไม่ใช่ความผิดของใคร” เฟร์รานพูดปลอบ “ถ้าอยากจะล่อลวงพวกปีศาจ พวกเราก็ต้องแสร้งทำเป็นมองไม่เป็นพวกอสูรสยองที่บินเข้ามาใกล้ แต่นี่มันขัดแย้งกับสิ่งที่พวกเราฝึกซ้อมในเวลาปกติ ต่อให้เรารู้ก่อนล่วงหน้าว่าพวกศัตรูมันจะทำแบบนี้ แต่มันก็ยากที่จะให้ทหารนับพันและคนงานแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้ พูดอีกอย่างก็คือช้าเร็วพวกศัตรูก็จะรู้เรื่องระยะการตรวจตราที่ว่าอยู่ดี ต่อให้ไม่ได้ซุ่มโจมตีที่สถานีหมายเลขหนึ่ง แล้วมันยังรอพวกเราอยู่ที่สถานีหมายเลขสอง หมายเลขสามได้”
“ถ้าข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ระยะยิงของปีศาจแมงมุมอยู่ที่ประมาณ 2 – 3 กิโลเมตรใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนที่ของมันยังค่อนข้างช้าด้วย จากนอกระยะการตรวจตราของซิลเวียจนมาอยู่ในระยะยิงน่าจะใช้เวลาค่อนข้างนาน หรือว่าที่พวกเราตรวจสอบไม่เจอพวกมันเป็นเพราะพวกมันโชคดี?” อันนาถามอย่างไม่เข้าใจ “ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องการรบเท่าไร ถ้าข้าพูดอะไรผิดไปก็ขอทุกคนอย่าได้ถือสา กองทัพที่หนึ่งมีวิธีในการสอดแนมของทางกองทัพอยู่ใช่ไหม? อย่างเช่นปล่อยบอลลูนขึ้นไปตรวจตราดูบ่อยๆ จากในค่าย”
“การสังเกตของงพระองค์ยอดเยี่ยมมากพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” ขวานเหล็กพูดพร้อมเอามือทาบอก “กล่าวโดยสรุป แหล่งข่าวกรองเวลาที่ทำการรบของกองทัพที่หนึ่งจะแบ่งออกเป็นสามชั้น นอกจากคุณหนูซิลเวีย คุณหนูไลต์นิ่งกับคุณหนูเมซี่แล้ว แหล่งข่าวกรองชั้นสุดท้ายจะมาจากตัวกองทัพเอง แต่เวลาที่เผชิญหน้ากับปีศาจ แหล่งข่าวกรองของทางกองทัพนี้จึงแค่เอาไว้ใช้เสริมหรือใช้ในเวลาฉุกเฉินเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”
หลังฟังผู้บังคับบัญชาของกองทัพที่หนึ่งอธิบายจบ อันนาก็พอจะเข้าใจระบบข่าวกรองของกองทัพที่หนึ่งอย่างคร่าวๆ ในศึกรวบรวมอาณาจักรเกรย์คาสเซิลก่อนหน้านี้ ระบบข่าวกรองนี้ไม่มีข้อผิดพลาดอะไร แต่พอศัตรูกลายเป็นปีศาจ ความแตกต่างที่ยากจะชดเชยได้ก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้ากองทัพ
ความแตกต่างที่ว่าก็คือไม่ว่าจะเป็นสองเท้าหรือสี่เท้าก็ล้วนแต่เร็วสู้อสูรสยองที่มีสองปีกไม่ได้
นั่นก็หมายความว่าทันทีที่วิ่งเลยพื้นที่ช่วงหนึ่งไป หน่วยสอดแนมก็แทบจะไม่มีโอกาสได้กลับมา อย่าว่าจะส่งข่าวกลับมาเลย แม้แต่เอาชีวิตรอดกลับมาก็ยังเป็นไปได้ยาก อสูรสยองที่สามารถซ่อนตัวอยู่ในชั้นเมฆและรอโอกาสโจมตีนั้นมีความได้เปรียบมากกว่า บวกกับภูมิประเทศที่เป็นที่ราบของที่ราบลุ่มบริบูรณ์ยิ่งทำให้พวกมันกลายเป็นเหมือนนกอินทรีที่ล่าเหยื่อ
นี่ทำให้แหล่งข่าวกรองของกองทัพนั้นใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ เผลอๆ แม้แต่จะช่วยซิลเวียก็ยังทำไม่ได้ด้วย ปีศาจบินได้สามารถเข้ามาในขอบเขตการตรวจตราของดวงตาเวทมนตร์ได้ทุกเมื่อ ถ้าพวกมันโฉบลงมาล่าพวกทหารที่ลาดตระเวนอยู่ด้านนอก ทางกองทัพที่หนึ่งนั้นไม่มีความสามารถที่จะไปช่วยเหลืออะไรได้เลย
ภายในหัวอันนามีคำพูดหนึ่งปรากฏขึ้นมาทันที
มันเป็นคำที่โรแลนด์มักจะพูดบ่อยๆ แล้วก็ทำสีหน้าซับซ้อนออกมา
‘ความสามารถในการควบคุมน่านฟ้า’
ฝ่ายที่สามารถควบคุมน่านฟ้าได้ก็คือฝ่ายที่ควบคุมสงครามได้
นอกจากนี้เขายังพูดอะไรที่ฟังดูไม่ค่อยเข้าใจ อย่างเช่นแบล็คริบบอน[1] อะไรทำนองนั้น
อันนาส่ายหัวสลัดความคิดฟุ้งซ่านนี้ไป “ถ้าฟังดูจากคำอธิบายนี้ ตอนนั้นปีศาจแบบแมงมุมก็น่าจะเข้ามาในแนวป้องกันชั้นที่สามแล้ว…เพราะเป็นเวลากลางคืนอย่างนั้นเหรอ?”
“ทัศนวิสัยที่ไม่ดีตอนกลางคืนเป็นเพียงเหตุผลหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” คนที่ตอบเธอคือเฟร์ราน ชิลต์ “จากที่ทางทีมที่ปรึกษาได้วิเคราะห์ดู….พวกกระหม่อมคิดว่าเจ้าสัตว์ประหลาดรูปร่างประหลาดนั้นน่าจะรอพวกเราอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
อันนากระพริบตาอย่างแปลกใจ “เจ้าหมายความว่า…พวกมันซ่อนตัวอยู่ใต้ดินด้านหน้าเส้นทางของพวกเราอย่างนั้นเหรอ?”
“พ่ะย่ะค่ะ มีแต่วิธีนี้เท่านั้นถึงจะอธิบายได้ว่าทำไมสัตว์ประหลาดยักษ์พวกนั้นถึงเข้ามาในระยะยิงโดยที่พวกเราไม่รู้ตัวได้” เฟร์รานพูดด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง “กระหม่อมสอบถามคุณหนูซิลเวียแล้ว การมองทะลุสิ่งของจะทำให้สูญเสียพลังเวทมนตร์เพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งขอบเขตในการตรวจตราก็ยังหดสั้นลงอย่างมากด้วย ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว อสูรสยองพวกนั้นนอกจากจะมาหยั่งเชิงดูพวกเราแล้ว พวกมันยังมาดึงดูดความสนใจของคุณหนูซิลเวียด้วย เพราะถ้าต้องคอยจับตาดูแต่บนท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา นางก็จะไม่มีพลังเวทมนตร์ไปตรวจสอบดูการเปลี่ยนแปลงตรงใต้ดินพ่ะย่ะค่ะ”
พวกปีศาจถึงได้โจมตีเข้ามายังจุดต่างๆ ภายในค่ายได้อย่างแม่นยำในเวลากลางคืน?
ถ้าต่างฝ่ายต่างอยู่นิ่งๆ ความยากก็คงจะน้อยลงกว่านี้มาก ส่วนฉากดำที่ซิลเวียมองเห็นก็ไม่น่าจะเอาไว้ปิดบังทิศทาง หากแต่เอาไว้ปิดบังตอนที่ปีศาจแมงมุมคลานขึ้นมาจากใต้ดิน
ศัตรูไม่เพียงแต่จะรับมือกับแผนและวิธีการรบของกองทัพที่หนึ่งได้อย่างรวดเร็ว แต่พวกมันยังเชี่ยวชาญในเรื่องการใช้เวทมนตร์อย่างมากด้วย เมื่อคิดถึงว่าต้องทำสงครามกับศัตรูแบบนี้ หลายๆ คนจึงรู้สึกปวดหัวอย่างมากทีเดียว
นี่จึงไม่แปลกที่บรรยากาศภายในฐานบัญชาการจะตึงเครียดขนาดนี้
ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปต้องไม่ดีแน่
ถ้าโรแลนด์อยู่ที่นี่ เขาจะทำยังไงนะ?
ในขณะที่อันนากำลังคิดที่จะพูดให้กำลังใจทุกคน เอดิธส์พลันหัวเราะขึ้นมา
“อะไรกันเนี่ย พวกเราเพิ่งจะคว้าชัยชนะมาได้ไม่ใช่เหรอ ทำไมทุกคนถึงทำหน้าเหมือนว่าเราแพ้ยังงั้นล่ะ?” เธอยักไหล่ “หรือว่าข้าเข้าห้องผิด?”
……………………………………………………………………..
[1]แบล็คริบบอน ฉายาของเครื่องบินขับไล่ Chengdu J-20 ของจีน