Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1116 ห้องทดลองใต้ดิน
ห้องทำงานภายในปราสาท
หลังฟังฌอนรายงานมาเป็นเวลาสองชั่วโมง
สรุปแล้วก็คือปฏิบัติการครั้งนี้ถือว่าราบรื่นเป็นอย่างมาก โซอี้กับเบ็ตตี้ไม่เพียงแต่จะนำเอาสมบัติโบราณกลับมาด้วย แต่พวกเธอยังใช้ประโยชน์จากทหารอาญาสิทธิ์ที่ยึดมาได้ทำการกวาดล้างเกาะอาชดยุคจนเรียบร้อย เครื่องประดับล้ำค่าต่างๆ กองอยู่เต็มห้องโดยสารในเรือ ส่วนฐานรากของเฮอร์มีสที่ปักหลักอยู่ที่นี่ได้ถูกกำจัดจนสิ้นซาก หลังจากนี้ไม่ว่าขุนนางคนไหนของวูล์ฟฮาร์ทจะไปยึดครองเกาะเกาชดยุคก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนจักรอีกต่อไป
ส่วนทางด้านผู้ที่เดินทางไปด้วย เคแกน เฟสรีบบอกลาหัวหน้าองครักษ์ทันทีที่ลงจากเรือ เขาพาลูกศิษย์ของตัวเองกลับไปยังโรงแรม น่าจะเป็นเพราะอยากจะรีบเขียนผลงานเรื่องใหม่ออกมาให้เร็วที่สุด
ส่วนฟาร์รีน่ากับโจที่เป็นสมาชิกของศาสนจักรนั้นถูกนำตัวไปขังไว้ในคุกเพื่อรอการไต่สวนจากกองสันติบาล
“ทั้งสองคนนี้ฝากเจ้าจัดการด้วยนะ” โรแลนด์เหลียวหน้ามาพูดเสียงเบาๆ
ไนติงเกลหยิกไหล่เขาเบาๆ เพื่อบอกว่ารับทราบ
“อย่างนั้นลูกบาสก์เวทมนตร์แห่งการบูชายัญในตำนาน…อยู่ในกล่องตะกั่วนี้เหรอ?” โรแลนด์มองดูกล่องสีเทาที่อยู่ข้างเท้าฌอน จากคำบอกเล่าของแฮร์กริด ขนาดของมันประมาณหนึ่งฝ่ามือ รูปทรงเหมือนลูกบาศก์สี่เหลี่ยมที่ถูกสกัดออกมาจากก้อนหิน เมื่อคิดถึงเรื่องความอันตรายจากการปล่อยรังสีที่รุนแรงของมัน เขาจึงได้สั่งให้ทีมช่วยเหลือเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคอยมันตามที่พระองค์รับสั่ง นอกจากนี้ยังไม่ให้ใครมาสัมผัสมันนอกจากเลดี้โซอี้กับเลดี้เบ็ตตี้พ่ะย่ะค่ะ” ฌอนตอบ “แต่ก่อนที่จะเอามันใส่ลงไปในกล่อง กระหม่อมได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างของมันพ่ะย่ะค่ะ”
“ผิดปกติยังไง?”
“ฝ่าบาท พระองค์ทรงจำจดหมายลับที่กระหม่อมส่งให้พระองค์ เรื่องสาเหตุที่โรแลนโซ่ส่งแฮกริดไปสืบข่าวที่เคจเมาเธ่นได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
โรแลนด์ครุ่นคิด “เพราะสมบัติที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเกือบร้อยปีส่องแสงสีน้ำเงินออกมาเหรอ?”
“พ่ะย่ะค่ะ” ฌอนพยักหน้า “หลังจากที่เลดี้โซอี้นำเอาลูกบาศก์กลับมา คำพูดประโยคหนึ่งของนางทำให้กระหม่อมรู้สึกสนใจอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ นางบอกว่า ‘แสงสีน้ำเงินที่อยู่บนลูกบาศก์เหมือนกำลังวิ่งไปวิ่งมาเลย’ พอได้ยินดังนั้น กระหม่อมก็เลยสังเกตดู ก่อนจะพบว่าลำแสงนั้นมันวิ่งตรงมาหากระหม่อมเหมือนกับเข็มทิศเลยพ่ะย่ะค่ะ ทูลตามตรง ตอนนั้นกระหม่อมรู้สึกตกใจจนเกือบจะโยนมันลงพื้นเลยพ่ะย่ะค่ะ”
นี่ัเหมือนเขากำลังฟังคนเล่าเรื่องผีเลยนะเนี่ย โรแลนด์รู้สึกขนลุกขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกัน แต่สีหน้าเขายังคงไม่เปลี่ยนไป “แล้วเจ้าเจอสาเหตุไหม?”
“เหมือนจะเจอพ่ะย่ะค่ะ” ฌอนหยิบเอาของบางอย่างออกมาวางบนโต๊ะทำงาน “หลังกระหม่อมใจเย็นลง กระหม่อมจึงคิดว่าสมบัติโบราณคงไม่มีทางที่จะมีปฏิกิริยาอะไรกับคนธรรมดา มันจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หลังทำการตรวจสอบดู สุดท้ายกระหม่อมจึงพบว่าแสงนั่นไม่ได้วิ่งเข้ามาหากระหม่อม หากแต่เป็นเหรียญอันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
เหรียญที่ว่าก็คือแผ่นยูเรเนียมความเข้มข้นสูงที่เอาไว้หาแหล่งยูเรเนียม หลังอาซีม่ากลับมายังเมืองเนเวอร์วินเทอร์ มันก็ตกอยู่ในความดูแลของฌอน
พูดอีกอย่างก็คือลูกบาศก์เวทมนตร์รับรู้ได้ถึงเหรียญยูเรเนียม มันถึงได้ส่องแสงขึ้นมาอีกครั้งเหรอ?
นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ….
โรแลนด์ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ภารกิจครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
หลังฌอนออกไปแล้ว ไนติงเกลจึงปรากฏกายออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปดูกล่องตะกั่วที่วางอยู่บนพื้น
“ทำไม เห็นอะไรงั้นเหรอ?”
“นี่เป็นของที่สร้างขึ้นมาจากพลังเวทมนตร์เพคะ” เธอพูดอย่างมั่นใจ “ถึงแม้ดูภายนอกมันจะเหมือนก้อนหินธรรมดาๆ แต่ตอนที่อยู่ในหมอกมายา หม่อมฉันมองเห็นแสงที่คล้ายกับพายุเวทมนตร์เพคะ เหมือนกับแกนเวทมนตร์ของแม่มดทาคิลาเลยเพคะ”
ใช่จริงๆ ด้วย โรแลนด์คิดในใจ เกรงว่าอิทธิพลของพลังเวทมนตร์ที่มีต่อโลกนี้คงจะลึกซึ้งเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ถึงเสียแล้ว เสียดายที่เมื่อดูจากข้อมูลที่มีอยู่ในมือตอนนี้ การวิจัยและการใช้งานพลังเวทมนตร์ของเผ่าพันธุ์ต่างๆ ยังคงมีความแตกต่างกันมา ภายใต้สถานการณ์ที่ขาดเครื่องมือในการวิเคราะห์ เขาจึงไม่สามารถทำการวิจัยอย่างเป็นระบบได้
แต่เขาก็เข้าใจดีเช่นเดียวกัน อย่างสูตรเอมพิริกัลมันก็เป็นสูตรเหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นสูตรอย่างง่าย แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย ก็เหมือนกับตอนที่ทฤษฎีกลศาสตร์คลาสสิกยังไม่ปรากฏขึ้นมา มนุษย์เราก็สร้างเครื่องมือต่างๆ ขึ้นมาจากการสำรวจและการลงมือทดลองทำจริงๆ ตอนนี้เมื่อมีสิ่งใหม่มาให้ทำการสำรวจ เขาก็ย่อมไม่มีทางปล่อยให้โอกาสดีๆ แบบนี้ผ่านไปแน่
“ไปเมืองชายแกนที่สาม” เขาพูด “ไม่รู้ว่าทางเซลีนเตรียมห้องทดลองเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง”
ไม่ว่ายังไง ก่อนที่วัตถุโบราณที่ถูกเรียกว่าคำสาปนี้จะได้รับการยืนยันเรื่องความปลอดภัย เขาก็ไม่ควรเอามันมาเก็บไว้ในปราสาท
…..
‘ทำไมพระองค์ถึงเสด็จกลับมาล่ะเพคะ?’ หลังเข้าไปในโถงได้ดิน พาซาร์ก็รีบเข้ามารับเสด็จทันที ‘อาวุธใหม่มีปัญหาหรือเพคะ?’
โรแลนด์ส่ายหัว “เรื่องถ้ำที่ข้าวานให้เซลีนสร้างก่อนหน้านี้ ตอนนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
‘อ่อ พระองค์ทรงหมายถึงห้องทดลองลับที่ทำจากโลหะนั่นเหรอเพคะ นอกจากบันไดขึ้นลง ส่วนอื่นๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ ตอนนี้นางกำลังอยู่ในห้องลับพอดี พระองค์อยากจะทอดพระเนตรไหมเพคะ?’
หลังได้รับคำตอบ พาซาร์ก็โค้งหนวดหลักลง ‘เชิญเสด็จตามหม่อมฉันมาเลยเพคะ’
เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนตอนที่โรแลนด์ตัดสินใจส่งแม่มดอาญาสิทธิ์ไปยังอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท เขายังได้ให้เซลีนเริ่มเตรียมมาตรการรับมือที่จำเป็นด้วย นั่นคือห้องทดลองแบบปิดตายที่มีความสามารถเหมือนโล่ที่หลบซ่อนอยู่ใต้ดิน
ถ้าลูกบาศก์เวทมนตร์สามารถแผ่รังสีความเข้มข้นออกมาได้อย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ อย่างนั้นการเอามันไปทดลองดูด้านบนพื้นนั้นเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงอย่างไม่ต้องสงสัย ในตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าพลังของนาน่าจะรักษาโรคจากการแพ้รังสีได้หรือไม่ ดังนั้นเขาจึงต้องป้องกันเอาไว้ก่อน
ในขณะที่ตามร่างต้นแบบเดินลงไปด้านล่าง โรแลนด์ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอาณาจักรวูล์ฟฮาร์ทออกมาคร่าวๆ
‘อย่างนี้นี่เอง’ พาซาร์พูดยิ้มๆ ‘การมอบมันให้เซลีนเป็นคนจัดการคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วเพคะ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเวทมนตร์หรือการไขปริศนาวัตถุโบราณ นางก็เรียกได้ว่าเป็นหัวกะทิของสมาพันธ์เลยเพคะ หลังเปลี่ยนเป็นร่างกายนี้ ทักษะของนางก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ ถ้าเป็นคนอื่นหม่อมฉันไม่กล้าพูดหรอกเพคะ แต่หม่อมฉันคิดว่าหากเป็นสมัยที่ทาคิลายังไม่แพ้สงคราม เซลีนอาจจะเป็นเพียงคนเดียวที่เลือกจะรวมร่างเข้ากับร่างเปลือกนี้เพคะ’
“หาา…” ไนติงเกลทำสีหน้าสะอิดสะเอียนออกมา “เจ้าหมายความว่านางชอบ…ก้อนเนื้อหนวดๆ นี่มากกว่าร่างเดิมของนางเหรอ?”
‘ถ้ามันช่วยในเรื่องการไขความลับของโลกนี้แล้วล่ะก็’ พาซาร์ขยับหนวด ‘สมัยที่นางอยู่ในสมาพันธ์ สิ่งที่นางบ่นอยู่บ่อยๆ ก็คือมีมือไม่มากพอ ร่างกายเหนื่อยล้าเร็วเกินไป ถ้าตอนนั้นพวกเรารู้วิธีในการถ่ายโอนวิญญาณล่ะก็ นางก็อาจจะเลือกแบบนั้นจริงๆ ก็ได้’
หลังเดินไปไม่กี่นาที ทุกคนก็เดินมาถึงสุดปลายอุโมงค์ทางลง โพรงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสามคน
‘ตรงนี้คือประตูทางเข้า แต่ว่าบันไดสำหรับใช้ขึ้นลงยังต้องใช้เวลาอีกสองสามวันถึงจะสร้างเสร็จเพคะ’ พาซาร์ปล่อยหนวดหลักให้ห้อยตกลงมา ‘เชิญปีนขึ้นมาเลยเพคะ’
“เอ่อ…มีแค่วิธีนี้ถึงจะลงไปได้เหรอ?” ไนติงเกลมองดูหนวดเล็กๆ ที่ขยับไปมาบนร่างกายอีกฝ่าย เธอดูเหมือนจะรู้สึกกลัวเล็กน้อย
‘นี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดแล้ว’ พาซาร์พูดปลอบ ‘วางใจได้ หนวดเล็กๆ พวกนี้มีความยืดหยุ่นสูงมาก ถึงจะโดนเหยียบก็ไม่เป็นอะไร’
โรแลนด์สูดหายใจ ก่อนจะปีนขึ้นไปบนหัวของร่างเปลือก เดิมเขานึกว่าจะรู้สึกเหมือนอยู่บนตัวหนอนที่น่าขนลุก แต่ความจริงแล้วมันกลับนุ่มเหมือนกับพรมอย่างไรอย่างนั้น
กระทั่งไนติงเกลปีนตามขึ้นมา พาซาร์จึงมุดเข้าไปในโพรง ก่อนจะไถลตัวลงไปด้านล่างโพรงอย่างรวดเร็ว
หลังลงไปเกือบร้อยเมตร เธอก็ค่อยๆ ชะลอความเร็วและหยุดลง ห้องทดลองโลหะที่สะท้อนประกายเยือกเย็นแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าโรแลนด์
…………………………………………………………….