Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1119 นักค้นคว้าศาสตร์ลึกลับที่แท้จริง
โรแลนด์ยกหูโทรศัพท์ต่อไปยังเมืองชายแดนที่สาม “บอกให้เซลีนอย่าเพิ่งแกะลูกบาศก์เวทมนตร์! เดี๋ยวข้ากำลังจะไปที่นั่น!”
“พ่ะ…พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ปลายสายไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังทำตามคำสั่ง
“พาข้าไปเมืองชายแดนที่สาม” โรแลนด์หันมาพูดกับไนติงเกล “เอาแบบเร็วที่สุด”
“ทราบแล้วเพคะ” อีกฝ่ายยิ้มๆ ขึ้นมาพร้อมกับจับข้อมือเขาไว้ “อย่างนั้นอาจจะเวียนหัวนิดหน่อยนะเพคะ”
จากนั้นทั้งสองคนก็หายตัวเข้าไปในหมอกมายา
หลังจากนั้น 5 นาที
“อ็อก…” โรแลนด์ปรากฏตัวอยู่ในโถงพร้อมกับเอามืออุดปากตัวเองเอาไว้ ต้องยอมรับเลยว่าไนติงเกลนั้นใช้พลังได้คล่องแคล่วกว่าในตอนแรกที่เขาเจอเธออย่างมาก ในวิ่งทะลุไปในโลกขาวดำเหมือนกับการโต้ไปบนคลื่นอย่างไรอย่างนั้น คลื่นที่โถมเข้ามาคลื่นแล้วคลื่นเล่าทำให้เขารู้สึกทรมาน แต่เธอกลับวิ่งไปข้างหน้าได้อย่างลื่นไหล จะบอกว่ามันเป็นเหมือนศิลปะก็คงจะไม่เกินไป แต่ตัวเขากลับรู้สึกไม่ค่อยดีซักเท่าไร โดยเฉพาะเส้นโครงสร้างที่สลับซ้ายเป็นขวา แนวนอนเป็นแนวตั้งพวกนั้น ทำเอาเขารู้สึกว่ามันน่าหวาดเสียวมากกว่านั่งรถไฟเหาะเสียอีก “ในที่สุด…ก็ถึงแล้ว”
ไนติงเกลยิ้มๆ พร้อมลูบหลังเขาเบาๆ
‘ทำไมเหรอเพคะ ฝ่าบาท?’ เซลีนค่อยๆ ลงมาจากบนเพดานถ้ำพร้อมเครื่องมือชุดใหญ่ ‘ได้ยินว่าพระองค์ทรงหาหม่อมฉันเหรอเพคะ?’
เมื่อเห็นค้อนเหล็ก เลื่อยและสิ่งที่อยู่บนหนวดของอีกฝ่าย โรแลนด์ก็ถอนใจออกไปเล็กน้อย “ดูเหมือนจะมาทันเวลา”
แต่ว่าทำไมในเครื่องมือถึงมีหอกกับขวานด้วยล่ะ? หรือว่าเธออยากจะทำลายลูกบาศก์จนเป็นชิ้นๆ?
“ลูกบาศก์นั่นอยู่ไหน
‘ยังอยู่ในห้องทดลองใต้ดินเพคะ’
เขาสูดหายใจแล้วพูดว่า “เจ้าสร้างของเลียนแบบมันขึ้นมาได้ไหม?”
เซลีนดูงุนงงอย่างชัดเจน ‘พระองค์แน่ใจเหรอเพคะ? เจ้านั่นมันไม่มีประโยชน์อะไรไม่ใช่เหรอเพคะ’
“บางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้นซะทีเดียว” โรแลนด์อธิบายความคิดของตัวเองออกมาอย่างคร่าวๆ “จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของเครื่องจักรไอน้ำก็คือน้ำหนักของเชื้อเพลิงที่หนักอย่างมาก ถ้าเราสามารถใช้ลูกบาศก์มาแทนที่มันได้ เราก็มีโอกาสปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตได้อีกครั้ง”
แหล่งกำเนิดพลังที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูงนั้นคือหัวใจสำคัญที่อุตสาหกรรมต้องการ ไม่ว่าจะเอาไปใช้ในการสร้าง การผลิตไฟฟ้า หรือว่าใช้บนอุปกรณ์ก็ล้วนแต่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมาก
แต่การจะไปถึงขั้นนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เตาเผากับลูกบาศก์นั้นไม่ใช่ระบบที่จะมาแทนที่กันได้ง่าย หากเปลี่ยนวิธีการให้ความร้อนเป็นแบบใหม่ ทั้งระบบหมุนเวียนความร้อน ระบบควบคุมและการซ่อมบำรุงอะไรต่างๆ ก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด และก่อนที่จะสำเร็จได้ก็ต้องเจอกับความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน แต่ความเป็นไปได้อันนี้มันก็คุ้มที่เขาจะลองดู
‘ต้มน้ำเดือดได้งั้นเหรอ…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง’ เซลีนครุ่นคิดอยู่ครู๋ จากนั้นพูดเหมือนลำบากใจออกมาว่า ‘แต่ว่า…ถ้าไม่แกะมันออกมาดูโครงสร้างด้านในอย่างละเอียด หม่อมฉันเกรงว่าคงจะไม่สามารถสร้างมันออกมาได้เพคะ เพราะว่ามันเกี่ยวข้องกับพลังเวทมนตร์ แต่พระองค์ทรงไม่อนุญาตให้หม่อมฉันแกะมัน’
“แค่กๆ ข้าหมายความว่าอย่าแกะมันเหมือนว่ามันเป็นขยะ” โรแลนด์กระแอม “ถ้าทำเพื่อสร้างของเลียนแบบมันขึ้นมา การจะแยกส่วนมันอย่างละเอียดและระมัดระวังมันก็ไม่เป็นปัญหาหรอก”
‘หรือว่ามันมีการแยกส่วนแบบไม่ละเอียดกับไม่ระมัดระวังด้วยเหรอเพคะ?’ เซลีนพูดอย่างแปลกใจ จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงเหมือนน้อยใจว่า ‘เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในสถาบันค้นคว้าศาสตร์ลึกลับ ถ้าทำวัตถุโบราณเสียหายจะต้องถูกลงโทษ แต่ตั้งแต่ที่หม่อมฉันเข้าไปอยู่ในสมาคมจนกระทั่งทาคิลาล่มสลาย หม่อมฉันยังไม่เคยถูกลงโทษเลยแม้แต่ครั้งเดียว ท่านนาตาย่ายังเคยเอ่ยปากชมด้วยว่าหม่อมฉันมีมือที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ ถ้าหม่อมฉันทำวิจัยไม่ระมัดระวัง แกนเวทมนตร์ที่อยู่ในโถงคงจะพังจนไม่มีเหลือซักชิ้นแล้วเพคะ’
เมื่อเจอกับการโต้แย้งด้วยการชมตัวเอง โรแลนด์จึงมองดูเครื่องมือที่อยู่ในมือเธอด้วยสายตาที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ก่อนหน้านี้เจ้าใช้พวกมันแกะพวกวัตถุโบราณเหรอ?”
‘พวกนี้?’ เซลีนงุนงง ‘ใช่ที่ไหนล่ะเพคะ ก็พระองค์ทรงติดตั้งอาวุธใหม่ให้พวกพี่น้องแม่มดอาญาสิทธิ์แล้วไม่ใช่เหรอเพคะ…อาวุธของเก่าพวกนั้นก็เลยไม่มีใครใช้แล้ว แทนที่จะเอามันไปเก็บให้ขึ้นสนิม สู้เอามาใช้ทำอย่างอื่นดีกว่า ในห้องเก็บข้อมูลของหม่อมฉันกำลังขาดชั้นวางหนังสืออยู่พอดี อ้อ ใช่แล้วเพคะ ทำไมพระองค์ถึงมองอาวุธที่ไม่ใช่แล้วพวกนี้เป็นเครื่องมือในการทำวิจัยล่ะเพคะ?’·
ไนติงเกลเอามือปิดปากขึ้นมาพร้อมกับเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง เมื่อดูจากไหล่ที่กำลังสั่นขึ้นมาเบาๆ ของเธอ ดูเหมือนเธอจะกำลังพยายามกลั้นขำอยู่
โรแลนด์เองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ไม่ ข้านึกว่าเวลาเจ้าเจอเรื่องที่เกี่ยวกับเวทมนตร์ เจ้าจะอยู่ในสภาพบ้าคลั่ง…”
‘พาซาร์ต้องเป็นคนพูดแน่ๆ’ เซลีนใช้หนวดหลักขึ้นมาเท้าก้อนเนื้อเหมือนเท้าเอว ‘นางแยกความแตกต่างระหว่างความบ้าคลั่งกับความสนใจไม่ออก…นักค้นคว้าศาสตร์ลึกลับที่แท้จริงต้องมีความคิดที่ละเอียดถี่ถ้วน แต่มีความเคลื่อนไหวที่ถูกต้องแม่นยำ การทำงานติดต่อกันหลายๆ วันหรือไม่ก็อ่านหนังสือเยอะๆ มันไม่ถือเป็นความบ้าคลั่งซักหน่อยเพคะ…’·
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนจะงอนเล็กน้อย โรแลนด์จึงรีบพูดตัดบทเธอ “เอาล่ะๆ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว สรุปแล้วก็คือต้องตรวจดูโครงสร้างของลูกบาศก์อย่างละเอียด เจ้าถึงจะสร้างมันขึ้นมาได้ใช่ไหม?”
เมื่อการพูดคุยเข้าสู่ประเด็นสำคัญ เซลีนก็กลับมาเป็นปกติทันที ‘นี่มันก็ขึ้นอยู่กับระดับความซับซ้อนของลูกบาศก์เพคะ ถึงแม้จะไม่สามารถมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่มันก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง เพราะว่ามันมีจุดเด่นที่เด่นชัดอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือมันไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวทมนตร์ในการควบคุม นี่หมายความจุดที่ยากที่สุดนั้นไม่มีอยู่แล้ว’
“สิ่งที่เลียนแบบได้ยากที่สุดก็คือวิธีการใช้พลังเวทมนตร์!” โรแลนด์เข้าใจประเด็นสำคัญในทันที
‘ถูกต้องเพคะ’ เซลีนพยักหนวดหลัง ‘มนุษย์ ปีศาจ อารยธรรมใต้ดิน…หรือไม่ก็เผ่าพันธุ์อื่นล้วนแต่มีวิธีการใช้พลังเวทมนตร์ที่ต่างกัน เนื่องจากมีความต่างกันในเรื่องของสรีสะและความคิด ยกตัวอย่างเช่นหินเวทมนตร์ ที่พวกเราคงไม่มีทางเอามันมาฝังในร่างกายเพื่อรับพลังต่างๆ เหมือนอย่างพวกปีศาจได้ ขณะเดียวกัน ถ้าไม่เป็นเพราะหม่อมฉันเปลี่ยนเป็นร่างต้นแบบ หม่อมฉันก็คงไม่มีทางที่จะซ่อมแซมแกนเวทมนตร์ขึ้นมาด้วยร่างกายของมนุษย์แน่นอนเพคะ’
‘การที่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังเวทมนตร์ในการควบคุมก็หมายความว่าหม่อมฉันไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลาศึกษาว่าอารยธรรมที่หายสาบสูญไปนั้นใช้พลังเวทมนตร์แบบไหน แล้วก็ใช้งานพวกมันอย่างไร ทูลตามตรงเพคะ ถ้าไม่มีข้อมูลที่มากพอ เกรงว่าหม่อมฉันคงจะทำมันไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้ขอเพียงหม่อมฉันสร้างของที่เหมือนกับลูกบาศก์นี่ขึ้นมาได้ พวกเราก็จะใช้พลังเวทมนตร์แบบเดียวกันกับมันได้ แน่นอนว่าหากเป็นยุคสมัยทาคิลา นี่คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก แต่ตอนนี้เมื่อมีแกนเวทมนตร์ที่สามารถควบคุมได้ดั่งใจ อะไรๆ จึงง่ายขึ้นเยอะเพคะ’
เซลีนชะงักไปเล็กน้อยเมื่อพูดถึงตรงนี้ ‘แต่นอกจากเรื่องนี้แล้ว เรายังมีอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องแก้ไขเพคะ’
“ปัญหาอะไร?”
‘วัตถุดิบเพคะ’ เธอพูด ‘หลายวันมานี้หม่อมฉันเองก็ศึกษาลูกบาศก์เวทมนตร์อยู่ตลอด หม่อมฉันพบว่าผิวนอกของมันถึงแม้จะดูแล้วคล้ายก้อนหินอย่างมาก แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้ใช้ก้อนหินสร้างขึ้นมา หม่อมฉันไม่มั่นว่ามันคืออะไร บางทีมันอาจจะเป็นกระดูกของสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์หรือไม่ก็เป็นอะไรบางอย่างที่จับตัวแข็งเป็นก้อน สรุปแล้วก็คือหม่อมฉันก็ต้องการตัวอย่างที่มากกว่านี้…แต่ก่อนหน้านี้พระองค์ตรัสว่าของที่อยู่ในวิหารต้องสาปนั้นถูกขนออกไปจนหมดแล้ว แม้แต่ลูกบาศก์ชิ้นนี้ก็ยังได้มาแบบบังเอิญอีก ดังนั้นหม่อมฉันจึงไม่แน่ใจว่าวัตถุดิบที่ใช้ทดแทนจะได้ผลที่เหมือนกันหรือไม่เพคะ’
“วัตถุดิบงั้นเหรอ…” โรแลนด์พูดเสียงคร่ำเคร่ง “เหมือนจะมีที่ๆ หนึ่งที่มีของคล้ายกันอยู่”
มันนับเวลาดูแล้ว สถานที่ที่ห่างไกลแห่งนั้นน่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างแล้ว…เขาเงยหน้ามองไปทางทิศใต้ ถ้าภาพในวิหารต้องสาปไม่ใช่เรื่องโกหก อย่างนั้นก็อาจจะเจออะไรบางอย่างที่นั่นก็ได้
………………………………………………………………..