Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1122 ก้าวไปสู่ทะเลลึก
หลังจากนั้นสามวัน
ซิมบาดี้ยืนอยู่บนกระเช้าที่ค่อยๆ ขึ้นมาจากทะเล
“รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?” ซิมบาดี้เพิ่งจะถอดหมวกอันหนักอึ้งออก มอลลี่ก็รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าดีใจ “โลกใต้น้ำเป็นยังไงบ้าง?”
ก็ไม่ได้ดีไปกว่าทะเลทรายเท่าไร ถึงแม้ด่านล่างทะเลจะมีสิ่งมีชีวิตกับพืชแปลกๆ อยู่เยอะแยะมากมาย แต่ความรู้สึกมันไม่ได้สบายเหมือนอย่างทะเลทรายเลย ทุกครั้งที่ลงไปในทะเล เขามักจะรู้สึกเหมือนถูกกลืนกิน ความรู้สึกกดดันที่อยู่รอบตัวทำให้เขายากที่จะเดินไปข้างหน้าได้ แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก ถึงแม้ในใจซิมบาดี้จะคิดเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นสายตาที่กำลังรอคอยคำตอบของมอลลี่ เขาก็ต้องกลืนความคิดเหล่านั้นลงไป “ก็…วิวข้างล่างสวยมากเลยล่ะ”
“ดีจัง…ถ้าข้าได้ลงไปบ้างก็คงจะดี” มอลลี่ถอนใจออกมา
เมื่อมองดูดวงตาสีน้ำเงินอ่อนของเธอ ซิมบาดี้พลันนึกขึ้นมาได้ เมื่อหนึ่งปีก่อน ตอนที่ชาวเผ่าออกเดินทางมาจากท่าเรือเคลียร์วอเทอร์มุ่งหน้ามายังทางใต้สุดของทะเลทราย เธอเองก็มีสีหน้าแบบนี้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังสถานที่แปลกหน้า แต่เธอก็ยังมีใจมานั่งปลอบตัวเขาอยู่ ในกลุ่มคนที่กำลังหวาดวิตก เธอดูแล้วเหมือนกับเป็นตัวประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
ไม่รู้ว่าทำไม เขาแอบรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“ทำได้ดีมาก เจ้าทำให้ข้ารู้สึกตกใจจริงๆ” จากนั้นก็เป็นริคส์ที่ถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ เขาปรบมือพร้อมเดินลงมาจากกระเช้า “การทรงตัว การใช้อากาศ ระดับความนิ่ง การรับรู้ทิศทาง เจ้ามีคุณสมบัติทุกอย่างที่ต้องใช้ในการดำน้ำ นี่เป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวชาวทะเลทรายมาแต่กำเนิดหรือว่าเป็นตัวเจ้าที่ถนัดเรื่องพวกนี้กันแน่? ขอโทษที่ข้าละลาบละล้วงนะ แต่ตอนที่คุยกับคุณหนูมอลลี่ นางบอกว่าเจ้าไม่ใช่นักรบที่แข็งแกร่งในเผ่า”
มอลลี่หันมาแลบลิ้นให้ซิมบาดี้ ก่อนจะหมุนตัววิ่งไปคุยกับผู้ช่วยของริคส์
“ในโอเอซิสที่เผ่าฟิชโบนอาศัยอยู่มีสระน้ำอยู่แห่งหนึ่ง ตอนเด็กๆ ทุกคนมักจะชอบไปดำน้ำแข่งกันว่าใครดำได้ลึกที่สุด ข้าก็เลยพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง…” ซิบบาดี้พูดอย่างจนปัญญา “แต่นางก็พูดถูก ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ข้าก็ไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า ถ้าเป็นคาร์โลนล่ะก็ ไม่แน่เขาอาจจะใช้เวลาแค่วันเดียวก็ได้”
“คาร์โลน? เขาเป็นใคร?”
“เด็กหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการล่าสัตว์หรือการต่อสู้ เขาก็ล้วนแต่เก่งไม่แพ้คนของเผ่าใหญ่ๆ เลย แต่เขามาทำงานที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ตอนนี้น่าจะกำลังทำงานอะไรบางอย่างอยู่ที่ท่าเรือเคลียร์วอเทอร์ล่ะมั้ง…ต่อให้เจ้าอยากจะไปหาเขามันก็สายไปแล้ว”
“งั้นเหรอ” ริคส์ยักไหล่ “แต่ข้ากลับคิดว่ามันก็ไม่แน่”
“ไม่แน่อะไร?”
“ไม่แน่ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่าเจ้าในเรื่องนี้” ริคส์ค่อยๆ ถอดชุดดำน้ำออก “ถ้าอยากจะดำลึกลงไปใต้ทะเล เรื่องเทคนิคนั้นไม่ใช่สิ่งแรกที่ต้องมี สิ่งแรกที่เจ้าต้องมีก็คือใจที่เปิดกว้าง”
“ใจ…ที่เปิดกว้าง?” ซิมบาดี้งุนงง
“การยอมรับสิ่งใหม่ๆ การเอาชนะตัวเอง นี่เป็นความแตกต่างกันระหว่างทะเลกับบ่อน้ำ” เขามองไปทางท่าเรือเรฟเวลรี่ “ที่นี่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่คาร์โลนที่เจ้าว่าคนนั้นกลับยอมมาที่นี่เพียงแค่ครั้งเดียว เพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว เขาก็เทียบเจ้าไม่ติดแล้ว ถ้าคนที่ข้าไปหาคือเขา ข้าอาจจะไม่มีทางพูดกล่อมให้เขาสวมชุดดำน้ำนี่ได้ก็ได้”
ซิมบาดี้กรอกตาใส่เขา “ถ้าไม่เป็นเพราะมอลลี่บอกว่าอยากลองสวมชุดนี่ดูมั่งล่ะก็ ข้าก็ไม่มีทางรับปากเจ้าหรอก”
เดิมเขาคิดจะมาอีกฝ่ายไปดูตำแหน่งถ้ำ จากนั้นก็รับเงิน 10 เหรียญทองแล้วก็ไป ส่วนเรื่องนี้อีกฝ่ายจะทำยังไงกับถ้ำนั้นเขาไม่ได้สนใจเลย แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามอลลี่จะให้ความสนใจกับชุดประหลาดนั่นอย่างมาก หลังรู้ว่าริคส์ต้องการผู้ช่วยคนหนึ่ง เธอก็รีบยกมืออาสาในทันที
เมื่อไม่รู้จะทำเช่นไร ซิมบาดี้จึงได้แต่ต้องตอบตกลงที่จะช่วยสมาคมของแปลก ก่อนจะพิสูจน์ได้ว่าชุดดำน้ำนี่อันตรายหรือไม่ เขาไม่มีทางปล่อยให้มอลลี่มาเสี่ยงด้วยตัวเองแน่ ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องอยู่กับชาวฟยอร์ดสองต่อสองอีก ถึงแม้จะรู้ว่าช้าเร็วก็ต้องมีวันที่เธอลงไปในน้ำ แต่อย่างน้อยความเสี่ยงที่มีมันก็ลดลงไปมาก
“ฮ่าๆๆๆ” ริคส์หัวเราะขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ “แต่เจ้าก็ก้าวข้ามมันมาสู่โลกใบใหม่ได้ไม่ใช่เหรอ? บางทีอาจจะเป็นเพราะแบบนี้ มอลลี่ถึงได้ชอบอยู่กับเจ้า”
“เดี๋ยวๆ เจ้า…เจ้าพูดอะไรของเจ้า?”
“ทำไม เจ้าไม่สังเกตเหรอ?” เขาผายมือ “เวลาที่สาวน้อยคนนั้นพูดกับข้า ชื่อของเจ้าหลุดออกมาจากปากของนางบ่อยมากๆ นางบอกว่าตอนเด็กๆ เจ้าไม่ใช่คนกล้าหาญอะไร แล้วก็มักจะถูกคนอื่นรังแกจนร้องไห้บ่อยๆ แต่เจ้ากลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างมาก แต่พอโตขึ้น ความอยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นกลับหายไปไม่น้อย แล้วก็เป็นคนเงียบขึ้นด้วย”
มุมปากซิมบาดี้กระตุกขึ้นมา “นางเล่า…ให้เจ้าฟังหมดเลยเหรอเนี่ย”
“น่าจะเป็นเพราะข้าเป็นคนนอก นางก็เลยสบายใจที่จะคุยด้วยล่ะมั้ง” ริคส์แสยะยิ้ม “ข้าไม่ค่อยรู้เรื่องวัฒนธรรมของชาวทะเลทรายหรอกนะ จริงอยู่ที่ความแข็งแกร่งอาจเป็นสิ่งสำคัญ แต่บางทีเจ้าอาจจะดูถูกตัวเองมากเกินไป”
“เจ้าไม่รู้อะไรเลย” ซิมบาดี้ส่งเสียงเหอะอยู่ในลำคอ
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่ภายในใจเขากลับไม่ได้มีความรู้สึกแย้งเท่าไร ความจริงแม้แต่ตัวเขาก็คิดว่ามันน่าเหลือเชื่อเหมือนกัน ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วัน เขากลับสนิทสนมกับคนฟยอร์ดมากขนาดนี้ ตอนแรกเห็นๆ อยู่ว่าเขาพยายามปฏิเสธที่จะช่วยเหลืออีกฝ่ายเพราะไม่ต้องการให้มอลลี่ได้อยู่ใกล้ชิดกับอีกฝ่าย
เมื่อมาคิดอย่างละเอียดดูแล้ว ซิมบาดี้พบว่าคำพูดและการกระทำของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้มีความดูถูกตัวเองเลย พอได้อยู่ด้วยกันก็มีความรู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด เมื่อเทียบกับขุนนางทางเหนือและพ่อค้าของฟยอร์ดแล้ว นี่เรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างมาก น่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ มอลลี่ถึงได้ชอบไปที่ค่ายของสมาคมของแปลกบ่อยๆ
หลังลังเลอยู่ครู่ เขาจึงหันไปถามคำถามนี้กับริคส์
“เจ้าถามว่าทำไม…” อีกฝ่ายครุ่นคิด “ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรอก เพราะว่าการดูถูกอะไรนั้น พวกข้าเจอมาเยอะแล้ว”
เจอ…มาเยอะ? ซิมบาดี้ตกตะลึง คนที่สามารถจ่ายเงิน 30 เหรียญทองได้สบายๆ ไม่ว่าดูยังไงก็ต้องเป็นคนที่ฐานะไม่ธรรมดาแน่? แล้วจะโดนดูถูกได้อย่างไร? เพียงแต่เขายังไม่ทันได้ถามต่อ ผู้ช่วยคนหนึ่งก็เดินเข้ามา “อาจารย์ อุปกรณ์ทำการปรับเรียบร้อยแล้ว การทดสอบจริงพร้อมเริ่มทุกเมื่อขอรับ”
“ว่ายังไง?” ริคส์ถามเขา “สำหรับเจ้าแล้ว การดำน้ำไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วใช่ไหม?”
เขาได้แต่ต้องสะกดความสงสัยเอาไว้ในใจ “ขอเพียงชุดที่เจ้าทำขึ้นมาไม่มีปัญหาก็พอ”
“แน่นอน ข้าศึกษามันมาเกือบสิบปีแล้ว เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะไม่มีปัญหา ข้าจึงเอาสมบัติแทบจะทั้งหมดของข้าทุ่มไปกับมัน…”
“อะไรนะ?”
“แค่กๆๆ เปล่า ไม่มีอะไร อย่าสนใจเลย” ริคส์เบือนหน้าหนีไป “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอประกาศให้เข้าไปในถ้ำหลังเที่ยง และเริ่มสำรวจครั้งแรกอย่างเป็นทางการ!”
…..
เหตุเพื่อที่เลือกสำรวจในเวลาเที่ยงนั้นง่ายมาก ในเมื่อท่อส่งอากาศมีความยาวมากพอแล้ว เช่นนั้นทัศนวิสัยที่ดีขึ้นกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของการดำน้ำ และในเวลานี้พระอาทิตย์ก็อยู่เหนือหน้าผาพอดี ก้นทะเลที่ความลึก 50 กว่าเมตรยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้ำที่อยู่ตรงกลางหน้าผาเลย
แต่ถ้าหากไปรอให้น้ำลดตอนเย็นแล้วค่อยเข้าไปสำรวจ แบบนั้นกลับจะหลงทางได้ง่ายกว่า
“ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงปากทางเข้า” ริคส์สวมหมวกดำน้ำพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้ ก่อนจะขึ้นกระเช้าแล้วลงไปในทะเลเป็นคนแรก
หลังผ่านไปประมาณ 7 – 8 นาที ผู้ช่วยก็หันมาพยักหน้ากับซิมบาดี้ “ตาเจ้าแล้ว”
ซิมบาดี้สูดหายใจ ก่อนจะสวมหมวกอันหนักอึ้งไว้บนหัว มอลลี่เดินเข้ามาช่วยเขาล็อกหมวก จากนั้นก็ตะโกนใส่หมวกว่า “สู้ๆ นะ ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่!”
เขาจ้องมองไปในตาของเธอ ก่อนจะหมุนตัวขึ้นกระเช้าไป
เสียงร้องของเครื่องจักรไอน้ำดังขึ้นมา ซิมบาดี้ค่อยๆ เลื่อนลงไปด้านล่าง ผิวน้ำทะเลสีน้ำเงินค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ มีชั่วแวบหนึ่งที่เขารู้สึกว่าทะเลเป็นฝ่ายเข้ามาหาเพื่อจะกลืนกินเขาเข้าไป
ความรู้สึกหวาดกลัวที่เขาคุ้นเคยปรากฏขึ้นในใจอีกครั้ง
แต่เมื่อผ่านไปอีกครู่หนึ่ง เขาก็ปรับสภาพจิตใจได้
‘ยอมรับสิ่งใหม่ๆ เอาชนะตัวเอง’
สิ่งที่ปรากฏขึ้นในหัวของเขา นอกจากจะมีดวงตาที่เปล่งประกายของมอลลี่แล้ว ยังมีคำพูดของริคส์ด้วย
ซิมบาดี้ถอนใจออกมา ก่อนจะยอมรับอ้อมกอดของท้องทะเล
พริบตานั้นเอง ทั่วทั้งโลกกลายเป็นสีน้ำเงิน แสงอาทิตย์สาดลงมาจากด้านบนเหมือนกับงูสีทองที่แหวกว่ายไปมาจำนวนนับไม่ถ้วน
หลังเลื่อนลงไปได้ 20 เมตร กระเช้าก็หยุดเคลื่อนไหว
ปากทางเข้าถ้ำลึกที่เหมือนจะมีกระแสน้ำเย็นไหลออกมาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
…………………………………………………………….