Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1125 เส้นทางแห่งการเอาชีวิตรอด
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก….ในที่สุด…ก็มาถึงซักที” ในตอนที่บ่อน้ำเล็กๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าทั้งสองคนอีกครั้ง ซิมบาดี้ก็รู้สึกตัวเบาขึ้นมาทันที
ขอบคุณสามเทพ ขอบคุณบุตรแห่งแแผ่นดิน ขอบคุณมารดาแห่งท้องทะเล เขาพร่ำขอบคุณอยู่ภายในใจ ในถ้ำที่อยู่ด้านหลังพวกเขาตอนนี้ส่องสว่างขึ้นมา ทั้งสองคนใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดวิ่งหนีออกมา ขณะเดียวกันเมื่อยิ่งเข้าใกล้ทะเล ปากถ้ำก็ดูหดเล็กลงจนเหมือนกับปากแจกัน นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่แมงป่องยักษ์หุ้มเกราะไม่ได้วิ่งตามมา
แต่ว่านี่ยังไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะปลอดภัยแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
เขายังไม่ลืมเสียงวิ่งที่เหมือนกับคลื่นน้ำหลากอันนั้น ต่อให้เอาแมงป่องทะเลทรายทั้งแหลมแอนด์เลสมารวมกันไว้ที่นี่ เขาก็คงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรแล้ว ซิมบาดี้รู้เพียงว่านักล่าเหล่านั้นมีโอกาสที่จะวิ่งข้ามกำแพงแผ่นศิลา แล้วไล่ตามกลิ่นพวกเขามา จากนั้นก็ฉีกพวกเขาเป็นชิ้นๆ ได้ทุกเมื่อ
แต่โชคดีก็คือแมงป่องว่ายน้ำไม่เป็น ขอเพียงกระโดนลงไปในทะเล พวกเขาก็จะรอดไปจากที่นี่ได้
“เร็ว รีบใส่หมวกเร็ว!” ซิมบาดี้รีบหยิบหมวกที่อยู่บนพื้นขึ้นมาใส่อย่างรวดเร็ว
แต่เขากลับพบว่าริคส์ไม่ยอมขยับ
“เฮ้ เจ้ามัวยืนงงอะไรอยู่!”
“เจ้า…กลับไปก่อนเถอะ” ริคส์หันหลังพูดเสียงเบาๆ
ไปก่อน? ซิมบาดี้งุนงง บ้าเอ้ย เจ้านี่มันยังห่วงหินเรืองแสงที่อยู่ในนั้นอีกเหรอ?
ความโกรธพุ่งทะลักออกมา เขาก้าวอาดๆ เข้าไป ก่อนจะกระชากไหล่ของอีกฝ่าย “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วเหรอ? เจ้ารู้ไหมว่าสถานการณ์ในตอนนี้มัน….”
หลังพูดไปได้ครึ่งเดียว จู่ๆ ซิมบาดี้ก็เงียบไป เขารู้สึกตกใจเมื่อพบว่าชุดดำน้ำที่ทำขึ้นมาจากหนังและกระเพาะสัตว์ถูกฉีกจนเป็นรูตรงหน้าอก แถมตรงรอยฉีกยังมีคราบเลือดติดอยู่นิดหน่อยด้วย
“ชุดดำน้ำของเจ้า…”
“ขาดแล้ว” ริคส์ฝืนยิ้มแห้งๆ ขึ้นมาจนดูเหมือนจะร้องไห้ “แมงป่องตัวสุดท้ายมันต่อยไม่โดนข้า แต่ก้ามของมันกลับฉีกชุดขาด”
ซิมบาดี้เงียบไปทันที บาดแผลตรงหน้าอกของอีกฝ่ายนั้นไม่ได้รุนแรง เหมือนจะบาดเจ็บแต่ตรงผิวหนังเล็กน้อยเท่านั้น แต่ชุดดำน้ำมีรูแบบนี้ก็หมายความว่าน้ำทะเลจะทะลักเข้ามาในชุดและท่วมหมวกของเขา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ซิมบาดี้จึงพูดขึ้นมาว่า “ถ้าใช้แค่ท่อส่งอากาศล่ะก็…”
ริคส์ส่ายหัวยิ้มๆ “นอกเสียจากพวกเราต้องอยู่ใกล้ผิวน้ำมากๆ ไม่อย่างนั้นแรงในการสูดอากาศของเจ้าก็ต้องมากพอๆ กับแรงสูบอากาศของปั๊มมันถึงจะได้”
ท่อทั้งสองเส้นต้องอยู่ด้วยกันถึงจะสามารถรักษาสมดุุลเอาไว้ได้
เรื่องนี้อีกฝ่ายบอกเขาตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้นอีกฝ่ายถึงได้ลังเลที่จะตอบคำถามเขาก่อนหน้านี้…
เกรงว่าตอนนั้นริคส์คงจะรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองแล้ว
ริคส์ปลดเอากระเป๋าที่อยู่ข้างเอวออกมายื่นให้ซิมบาดี้ “นี่คือตัวอย่างแผ่นศิลา เจ้าเอามันไปให้ผู้ช่วยของข้า บอกว่าการค้นพบของข้านั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าท่านธันเดอร์เลย”
ซิมบาดี้มองเห็นนิ้วมือของเขากำลังสั่นเล็กน้อย
“ผู้ช่วยของเจ้า…ยังมีชุดดำน้ำสำรองอยู่ไหม?”
“มีแค่สองชุดเท่านั้น ตั้งแต่การเลือกวัสดุจนถึงการตัดเย็บ ชุดๆ หนึ่งต้องใช้เวลาสร้างอย่างน้อยครึ่งปี” ริคส์สูดหายใจ ซิมบาดี้บอกออกว่าเขากำลังพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองอยู่ “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร ความจริงตอนที่ิวิ่งมา ข้าก็พยายามคิดหาทางดูแล้ว แต่ผลที่ออกมาก็คือถ้าไม่มีชุดดำน้ำ ข้าก็ไม่สามารถออกไปจากถ้ำได้ นี่น่าจะเป็นชะตาชีวิตล่ะมั้ง…”
“ชะตาชีวิต?”
“คนของสมาคมของแปลก…ไม่มีทางที่จะกลายเป็นนักสำรวจอย่างแท้จริงได้” เขากัดริมฝีปาก “เจ้ารีบฉวยโอกาสตอนที่แมงป่องยังไม่มา รีบหนีไปเถอะ! ขอเพียงเอาข่าวนี้กลับไปได้ ต่อให้ข้าไม่สามารถกลายเป็นนักสำรวจได้ แต่ชื่อของข้าก็จะโด่งดังไปทั่วฟยอร์ดด้วยชุดดำน้ำนี้แน่นอน….”
ซิมบาดี้มองดูบ่อน้ำอยู่ครู่ ก่อนจะค่อยๆ พูดขึ้นมาว่า “ข้าขอปฏิเสธ”
“เอ๋?” ริคส์ลืมตาโตมองเขาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้ายังติดเงินข้าอยู่อีก 29 เหรียญทองนะ ถ้าเจ้าตาย ข้าจะไปเอาจากใครล่ะ?” เขาพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้อตกลงนี้ีมีแต่เจ้า ข้า แล้วก็มอลลี่เท่านั้นที่รู้ ข้าไม่คิดว่าผู้ช่วยของเจ้าจะจ่ายเงินจำนวนนี้ไหวหรอกนะ ดูจากการแต่งตัวของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าชาวทะเลทรายเท่าไรเลย”
“ตอนนี้พวกเรายังไม่มีเงิน!” ริคส์พูดแย้ง “เพื่อ เพื่อที่จะซื้อเครื่องจักรไอน้ำมาจากเกรย์คาสเซิล…ค่าใช้จ่ายก็เลยเกินกว่าที่ประมาณเอาไว้นิดหน่อย…เอาไว้ชุดดำน้ำมีชื่อเสียงเมื่อไร จะต้องมีสมาคมหอการค้าจำนวนมากมาแย่งกันซื้อแน่ เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแล้ว!”
“แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าเงินพวกนี้มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า แล้วก็อาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย” ซิมบาดี้เอากระเป๋าและหมวกโยนลงพื้น “เจ้าคิดว่าถ้าเจ้ากลายเป็นอาหารของพวกแมงป่องอยู่ที่นี่ คนที่อยู่ข้างนอกนั้นจะยังมองว่าชุดดำน้ำนี่เป็นสิ่งประดิษฐ์ของเจ้าอีกเหรอ? แค่เปลี่ยนคำพูดนิดหน่อยพวกเขาก็ได้ทั้งชื่อเสียงและเงินทองไปแล้ว ไม่มีเรื่องไหนที่จะคุ้มเท่านี้อีกแล้ว ดังนั้นมันไม่ใช่แค่เงิน 29 เหรียญทองของข้าที่ต้องสูญเปล่า แต่ความปรารถนาของเจ้าก็จะไม่มีวันกลายเป็นจริงด้วย”
“…เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
‘เปิดรับสิ่งใหม่ๆ เอาชนะตัวเอง’
ซิมบาดี้ท่องคำพูดนี้ในใจรอบหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมายาว “ชาวโมเกนไม่ชอบถูกเบี้ยวหนี แล้วก็ไม่ชอบคนที่ผิดคำพูด สัญญาต้องเป็นสัญญา ไม่ว่าจะเป็นราชาแห่งเกรย์คาสเซิลหรือว่าคนจากฟยอร์ด ข้ารับปากไปแล้วว่าจะช่วยให้ถึงที่สุดใช่ไหมล่ะ?”
ริคส์ตกตะลึง “แต่เจ้าจะทำยังไง…”
“ลองดูบ่อน้ำสิ” เขาถอดชุดกันน้ำบนตัวออก “เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันเล็กลง?”
ในเวลานี้เองริคส์ถึงได้สังเหตุเห็นว่าตรงรอบๆ บ่อน้ำมีหินที่มีตะไคร่เปียกๆ ปรากฏขึ้นมา นั่นเป็นสิ่งยืนยันว่าน้ำกำลังลดลง
“ทะเลน้ำวนเข้าสู่ช่วงน้ำลดแล้ว นั่นก็หมายความว่าระยะทางที่พวกเราต้องเดินลุยน้ำกำลังจะลดลงด้วย” ซิมบาดี้พูดช้าๆ ชัดๆ “ถ้าทุกอย่างราบรื่น พวกเราก็แค่ต้องดำน้ำขึ้นไปสิบเมตรหลังออกจากถ้ำเท่านั้น ถ้าใส่ชุดดำน้ำพวกเราไม่มีทางที่จะทำแบบนั้นได้ แต่ถ้าพวกเราถอดเสื้อผ้าออกหมด พวกเรากลับจะมีโอกาส….รวมไปถึงก้อนหินที่เจ้าเก็บมาด้วย เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าถอดเสื้อผ้าออกซะ”
“ถอด ถอดเสื้อผ้า?”
“ถูกต้อง ถ้าอยากจะรอจนถึงตอนที่น้ำลดลงต่ำที่สุดได้ พวกเราก็จำเป็นต้องหาวิธีมาหยุดแมงป่องทะเลทรายพวกนั้นก่อน แต่วิธีที่ได้ผลมากที่สุดก็คือจุดไฟ” ซิมบาดี้พยักหน้า “แต่ที่นี่มีไอน้ำเยอะมาก พวกหญ้าเองก็ติดไฟยาก ดังนั้นเราต้องใช้อะไรที่มันติดไฟได้ง่าย” เขาชี้ไปที่ตะเกียงไฟ “น้ำมันกับหนังสัตว์น่าจะทำให้ไฟลุกไปได้สักพัก”
ริคส์นิ่งไปครู่ใหญ่ “…อย่าพยายามเลย ไม่มีทางสำเร็จหรอก”
“ทำไม?”
“เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าเมื่อไรน้ำถึงจะลงต่ำสุด ผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้นหนึ่งเมตร ระยะทางที่เราต้องเดินลุยน้ำออกไปก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ถ้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าก็จะทำให้ขาดอากาศหายใจจนตายได้” เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า “แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือข้าว่ายน้ำไม่เป็น! น่าตลกใช่ไหมล่ะ เป็นคนฟยอร์ดแท้ๆ แต่กลับว่ายน้ำไม่เป็น! แล้วก็เป็นเพราะแบบนี้ข้าถึงได้ไม่สามารถเดินทางไปในทะเลเหมือนคนอื่นๆ และกลายเป็นนักสำรวจที่แท้จริงได้!”
“ข้ามองออกตั้งแต่ตอนที่ดำน้ำตอนแรกแล้ว” ซิมบาดี้พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“อะไร..นะ?”
“จะขึ้นลงก็ต้องอาศัยกระเช้า เดินอยู่ใต้ทะเลก็ดูเก้ๆ กังๆ ถ้าไม่มีชุดดำน้ำ ข้าว่าแม้แต่ลงไปในน้ำเจ้าก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ในเมื่อรู้แล้วยังจะให้ข้าว่ายน้ำออกไปอีก?”
“เพราะว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องว่าย แค่กลั้นหายใจเอาไว้ก็พอ ระหว่างที่ดำลงไปในน้ำอาจจะทรมานหน่อย หรืออาจจะหมดสติได้ แต่ขอเพียงเจ้าไม่ดิ้นไปดิ้นมา ข้าก็สามารถพาเจ้าออกไปจากนี่ได้” ซิมบาดี้ค่อยๆ พูด
“เจ้าคนเดียวเนี่ยนะ?” ริคส์ทำสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังแล้วใช่ไหม ในโอเอซิสที่ข้าใช้ชีวิตอยู่ตอนเป็นเด็กมีบ่อน้ำอยู่บ่อหนึ่ง ทุกคนชอบที่จะแข่งกันว่าใครดำน้ำได้ลึกกว่าได้นานกว่า” ซิมบาดี้ยิ้มมุมปากขึ้น “ข้าไม่เคยเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเผ่า…แต่ตอนนั้นข้ายังไม่ได้พยายามเต็มที่ เพราะว่าข้ากลัว”
“กะ…กลัว?”
“อื้อ มันลึกจนเหมือนเป็นปากขนาดใหญ่ ทำให้ข้ารู้สึกว่าถ้าข้าดำลึกลงไปอีก ข้าจะถูกมันสูบลงไป ดังนั้นข้าจึงมักจะออมแรงไว้นิดหน่อย แล้วก็แสร้งทำบอกทุกคนว่าข้าพยายามเต็มที่แล้ว…พอนานวันเข้า แม้แต่ตัวข้าเองก็พลอยเชื่อในเรื่องนี้ไปด้วย” เขามองริคส์ “เจ้าบอกว่าข้าดูถูกตัวเอง บางทีมันอาจจะเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ ….ดังนั้นข้าเลยอยากลองดูว่าขีดจำกัดของข้ามันอยู่ที่ไหนกันแน่”
“เจ้าเองก็เหมือนกัน ว่ายน้ำไม่เป็นก็เลยออกไปจากที่นี่ไม่ได้? เจ้าแน่ใจหรือว่านั้นคือขีดจำกัดของเจ้า?” ซิมบาดี้พูดเสียงดัง “เจ้าไม่ได้ดูถูกตัวเองจริงๆ เหรอ!”
ริคส์กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
“อย่างน้อยเจ้าก็ไม่กลัวทะเล เรื่องนี้เจ้าดีกว่าข้าเยอะ” ซิมบาดี้ยิ้มมุมปาก “ว่าไง? จะลองวัดดวงกับข้าดูไหม? นักสำรวจ…ถ้าไม่เสี่ยงแล้วมันจะเป็นนักสำรวจได้ยังไง?”
….
หลังจากนั้นสองชั่วโมง ควันไฟก็คละคลุ้งไปทั่วทั้งถ้ำ
ส่วนน้ำในบ่อน้ำก็ลดลงไปถึงถ้ำใต้น้ำข้างล่าง พอที่จะให้ทั้งสองคนลงไปพอดี
อีกด้านหนึ่งของควันไฟมีเสียงวิ่งครึกๆๆ ของแมงป่องทะเลทรายดังขึ้นมา
ทั้งสองคนสบตากัน ต่างคนต่างรู้ว่านี่คือช่วงเวลาสุดท้ายแล้ว
“ไปกันเถอะ ท่านนักสำรวจกิตติมศักดิ์” ซิมบาดี้สูดหายใจ ก่อนจะหนีบแขนริคส์เอาไว้แล้วกระโดดลงไปในน้ำ
น้ำทะเลเย็นๆ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขา
เขาเหมือนได้ย้อนกลับไปในวัยเด็ก
แต่ครั้งนี้ข้างกายเขาไปไม่มีคาร์โลน หรือว่าคนอื่นๆ
คนเดียวที่เขาต้องก้าวข้ามไปให้ได้ก็คือตัวเขาเอง
……………………………………………………………………….