Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1132 ประโยชน์ของรางวัล
หลังออกมาจากห้องรับแขก ซิมบาดี้ก็มารอเขาอยู่ในสวนของปราสาท
“เป็นยังไงบ้าง ชีคสนใจชุดดำน้ำของเจ้าไหม?” ชาวทะเลทรายถามอย่างตื่นเต้น หลังอยู่ด้วยกันมาอาทิตย์หนึ่ง ทั้งสองคนก็สนิทสนมกันขึ้นไม่น้อย เรียกได้ว่าเป็นเหมือนเพื่อนกันแล้ว “รางวัลที่ค้นพบซากโบราณสถานคืออะไรเหรอ? ตำแหน่งนักสำรวจใช่หรือเปล่า?”
ริคส์ส่ายหัวอย่างผิดหวังเล็กน้อย “พระองค์ไม่คิดที่จะซื้อชุดดำน้ำ….”
“อย่างนั้น…หรอกเหรอ” ซิมบาดี้พูดต่อทันที “แต่การที่ราชาแห่งเกรย์คาสเซิลทรงไม่ต้องการมันก็ถือเป็นเรื่องปกติ เอาไว้ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปเมื่อไร สมาคมหอการค้าของฟยอร์ดจะสนใจสิ่งประดิษฐ์ของเจ้าแน่ ทะเลคือคลังสมบติ นี่เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ?”
ใช่ เขาเคยพูดแบบนี้ ริคส์คิดในใจ ในเมื่อราชาแห่งเกรย์คาสเซิลเรียกพวกเขามาเข้ามา นั่นก็หมายความว่าพระองค์ทรงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เมื่อดูจากการเรียกพบครั้งนี้ เขาจะต้องได้รับรางวัลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตัวรางวัลหรือตำแหน่งนักสำรวจก็ล้วนแต่ทำให้เขากลายเป็นที่จับตามองและเป็นที่พูดถึงได้ แล้วก็จะทำให้ชื่อเสียงของชุดดำน้ำโด่งดังไปทั่วทั้งเกาะฟยอร์ด
แต่ว่า….
เขายิ้มแห้งๆ เล็กน้อน “รางวัลของฝ่าบาท…คือหนังสือเล่มหนึ่ง”
ซิมบาดี้ตกตะลึง “เจ้าว่าอะไรนะ?” เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตามองไปยังหนังสือที่อยู่ในมืออีกฝ่าย “หรือว่า….”
“อันนี้เนี่ยแหละ” ริคส์พยักหน้าอย่างจนปัญญา ตัวหนังสือนั้นไม่หนา น่าจะมีประมาณไม่กี่สิบหน้า ยิ่งไปกว่านั้นบนปกยังไม่มีตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องขอบและการพิมพ์ลายที่ดูสวยงามเลย ต่อให้นี่เป็นสิ่งที่ขุนนางธรรมดาเป็นคนมอบให้เขา มันก็ค่อนข้างจะดูธรรมดาไม่หน่อย ดูแล้วไม่เหมือนรางวัลเลยแม้แต่น้อย
รางวัลแบบนี้ไม่มีทางนำเอาชื่อเสียงมาให้เขาได้ เผลอๆ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้าก็มีแต่จะถูกหัวเราะเยาะเอาได้
“ชีคไม่ควรทำแบบนี้…” ซิมบาดี้กระทืบเท้า “ขนาดข้ายังได้รางวัล 20 เหรียญทองเลย แล้วเจ้าเป็นคนริเริ่มแผนการนี้ขึ้นมา เจ้าควรจะได้เยอะกว่าข้าถึงจะถูก”
ความจริงใจของชาวโมเกนทำให้ริคส์รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองไม่ควรไปแสดงความสงสัยผู้ปกครองที่มีอำนาจอยู่ในมือเพราะเรื่องนี้ เพราะว่าอีกฝ่ายได้ยื่นข้อเสอนที่จะทำให้ความปรารถนาของเขากลายเป็นจริงมาแล้ว เพียงแต่เขายังคงลังเลอยู่เท่านั้น
ในขณะนั้นเอง องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาหาพวกเขา “ฝ่าบาททรงเตรียมที่พักเอาไว้ให้พวกเจ้าแล้ว เชิญตามข้ามา”
“ขอบคุณ…” เขารีบโค้งตัว จากนั้นก็ส่งสัญญาณบอกให้ซิมบาดี้เดินตามตัวเองมา ยังไงก็กลับไปดูเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ก่อนแล้วกัน
หลังเดินออกมานอกเขตปราสาทได้ไม่นาน ริคส์พลันได้สินเสียงร้องแปลกๆ เสียงหนึ่ง
มันเหมือนเป็นเสียงฟ้าร้องที่ดังต่อเนื่องมาจากท้องฟ้า แต่เขามีความชัดเจนมากกว่า
เขารู้สึกแปลกใจ ก่อนจะมองตามเสียงขึ้นมา
จากนั้นเขามองเห็นจุดดำลางๆ จุดหนึ่งอยู่บนท้องฟ้าสีน้ำเงิน
นกเหรอ? ในขณะที่ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมา เขาก็รีบกฏิเสธการคาดเดานี้ทิ้งไปทันที ระยะทางที่ว่าน่าจะอยู่ห่างกันหลายกิโลเมตร นกอะไรจะส่งเสียงได้ดังขนาดนี้?
ชาวทะเลทราบเองก็สังเกตเห็นเหตุการณ์ที่ว่านี้เหมือนกัน ร่างกายเขาหดเกร็งขึ้นมาเหมือนนักรบที่กำลังเตรียมพร้อมต่อสู้
“เจ้านั่น….กำลังพุ่งมาทางเรา!”
“ศัตรูเหรอ?” ริคส์อุทานออกมาอย่างแปลกใจ “ในเมืองหลวงของเกรย์คาสเซิลเนี่ยนะ?”
“ข้าไม่รู้…แต่ว่ามันไม่ใช่นกแน่นอน!”
“ใจเย็นๆ” องครักษ์ที่นำทางพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “นั่นเป็นเพียงของเล่นที่เจ้าหญิงลำดับที่ห้าทรงชื่นชอบ ถึงแม้ตอนแรกที่เห็นมันจะรู้สึกน่าเหลือเชื่อ แต่เดี๋ยวอยู่ที่นี่ซักสองสามวันพวกเจ้าก็จะชินไปเอง”
“ของเล่น…ของเจ้าหญิง?” ทั้งสองคนพบว่าตัวเองไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดเลย
“ฝ่าบาทเองก็ทรงเคยเตือนเจ้าหญิงทิลลีแล้วว่าอย่าพยายามออกมาจากลานฝึกบิน แต่เจ้าหญิงกลับคิดว่าพื้นที่ตรงนั้นเล็กเกินไป นอกจากเขตที่อยู่อาศัยของประชาชน เขตโรงงานกับทะเลน้ำวนแล้ว ก็เหลือแต่เขตปราสาทนี่แหละ” องครักษ์พูดต่อว่า “แต่ข้าคิดว่า พระองค์ทรงจงใจมาอวดฝ่าบาทมากกว่า”
พวกเขายังคงไม่เข้าใจ
แต่ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แค่ริคส์ก็มองเห็นความภาคภูมิใจที่ออกมาจากสีหน้าอีกฝ่าย
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ จุดดำๆ ที่อยู่ตรงขอบฟ้าพลันบินเข้ามาอยู่ตรงหน้าตน เสียงคำรามของมันดังสนั่น ริคส์มองเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อที่สุดในชีวิตของเขา
วัตถุโลหะที่มีปีกยาวออกมาคู่หนึ่งบินโฉบผ่านหัวของเขาไป เงาของมันใหญ่กว่าเกาะในทะเลหลายสิบเท่า เพียงแค่รูปร่างของมันก็ทำให้คนรู้สึกได้ถึงน้ำหนักอันมหาศาลของมันแล้ว แต่ในเวลานี้ อสูรเหล็กที่ดูหนักอึ้งตัวนี้กลับกำลังบินโฉบไปโฉบมาอยู่บนท้องฟ้า ขณะเดียวกัน เขายังมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่บนอสูรเหล็กที่ว่าด้วย ถึงแม้จะมองไม่ชัด แต่เขามั่นใจว่ามีคนกำลังนั่งอยู่บนตัวมันอย่างแน่นอน
ฟาน….
ภายในหัวริคส์มีชื่อคนๆ หนึ่งลอยขึ้นมาทันที
สมาคมของแปลกนั้นไม่ใช่สมาคมที่มีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนเท่าไร เขาไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กับอีกฝ่ายเท่าไรนัก เพียงแต่เคยไปดูปีกบินของเขาก่อนวันที่เขาจะเริ่มการทดสอบอย่างเป็นทางการหนึ่งวันเท่านั้น เอาจริงๆ แล้วเขาแอบรู้สึกไม่ชอบอีกฝ่ายอยู่นิดหน่อยด้วยซ้ำ เพราะว่าฟานมักจะเพ้อฝันถึงอะไรที่ไม่มีทางเป็นจริงได้ จนทำให้ชื่อเสียงของสมาคมของแปลกที่เดิมก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
แต่ตอนนี้กลับมีคนที่ทำมันสำเร็จได้ แถมยังทำได้ยิ่งใหญ่กว่าเขาด้วย
ริคส์มองดูอสูรเหล็กสองปีกที่บินวนไปวนมาเหนือปราสาท ภายในใจเขาเหมือนมีคลื่นยักษ์ซัดสาดอยู่
……
องครักษ์พาทั้งสองคนมายังโรงแรมที่ชื่อว่า ‘ตึกการทูต’ พร้อมกับพูดทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งว่า “ข้าชื่อฌอน ถ้าคิดได้แล้วก็ไปให้คำตอบข้าที่เขตปราสาทได้ทุกเมื่อ” จากนั้นเขาจึงหมุนตัวเดินออกไป
ซิมบาดี้ยังคงจมอยู่ในความตกตะลึง ปากเขาเอาแต่บ่นว่าสามเทพคุ้มครองด้วยๆ สักพักหนึ่งก็วิ่งไปมองนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเขาหวาดกลัวหรือว่าอยากจะเห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อนั่นอีกครั้ง
ริคส์ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน
เขาจ้องมองหนังสือที่ดูธรรมดาในมือของตนเหมือนต้องการจะมองให้เห็นความคิดของฝ่าบาทผ่านทางหนังสือเล่มนี้ หลังผ่านไปสิบห้านาที เขาจึงเปิดปกหนังสือออก
ภายในระยะเวลาสิบห้านาทีนี้ เขาตั้งข้อสมมติต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ตั้งแต่บันทึกธรรมดาไปจนถึงคำแนะนำเรื่องวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเมืองเนเวอร์วินเทอร์ หรือก็ไม่เป็นสัญญาที่แสร้งทำออกมาในรูปแบบหนังสือ หรือคำขู่ให้สมาชิกของสมาคมของแปลกทุกคนย้ายมาที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์
แต่ผลปรากฏว่ามันไม่มีอะไรอย่างที่เขาคิดไว้เลย
หน้าแรกเขียนเอาไว้เพียงประโยคเดียวว่า ‘กฎของแรงลอยตัว’
วัตถุที่จมลงไปในของไหลจะได้รับแรงลอยตัว โดยขนาดของแรงลอยตัวจะเท่ากับน้ำหนักของไหลที่อยู่วัตถุนั้นแทนที่ โดยจะมีทิศทางขึ้นจากศูนย์กลางของมวลของของไหลที่ถูกแทนที่
ถึงแม้ดูแวบแรกจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่หลังอ่านมันอยู่ในใจหลายรอบ ริคส์ก็ค่อยๆ ลืมตาโตขึ้น
เขารีบพลิกไปยังหน้าที่สองอย่างรวดเร็ว หน้าที่สองนั้นเป็นสูตรการคำนวณแบบสมบูรณ์ น่าจะเป็นเพราะคำนึงถึงเรื่องความสามารถในการทำความเข้าใจของเขาเอาไว้ ในแต่ละสูตรจึงมีการเขียนคำอธิบายเอาไว้อย่างละเอียด ยิ่งเขาอ่านไปเรื่อยๆ เขาก็ยิ่งไม่สามารถละสายตาจากมันได้
ปริมาณ ความหนาแน่น แรงลอยตัว…คำนิยามเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขา เรียกได้ว่าเขาคุ้นเคยกับพวกมันเป็นอย่างดี แต่ในเวลานี้เขากลับเหมือนเพิ่งจะเคยเห็นพวกมันเป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น
ทุกๆ คำไม่ใช่การบรรยายแบบเป็นนามธรรมอีกต่อไป หากแต่มาพร้อมกับตัวเลขที่มีหน่วยของมัน วัตถุชิ้นหนึ่งจะจมหรือลอย จะจมลงไปแค่ไหน แค่ยกปากกาขึ้นมาคำนวณก็รู้แล้ว
ทันใดนั้นเองริคส์ก็นึกไปถึงเรือเหล็กขนาดยักษ์และบอลลูนที่เอาไปขายที่ฟยอร์ด พวกมันดูมีความชัดเจนขึ้นมาในความทรงจำของเขา
เมื่ออ่านต่อไปก็เป็นอุปกรณ์ดำน้ำที่สามารถดำหรือลอยน้ำได้อย่างอิสระ ถึงแม้จะเป็นแค่แนวคิด แต่ถ้ามีสูตรคำนวณที่อยู่ข้างหน้า ริคส์คิดว่าเขาสามารถทำให้มันกลายเป็นจริงได้
และในสองสามหน้าสุดท้ายของหนังสือ เขาก็ได้เห็นเรือขนาดยักษ์ที่มีความแปลกประหลาดอย่างมากลำหนึ่ง มันทั้งสามารถลอยไปบนผิวน้ำได้เหมือนเรือทั่วๆ ไป แล้วยังสามารถดำลงไปในน้ำได้เหมือนปลา ขนาดที่ใหญ่โตของมันสามารถบรรจุคนได้หลายร้อยคน ต่อให้มีคลื่นลมแรงแค่ไหน สำหรับมันซึ่งสามารถดำลงไปในน้ำได้ก็ไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย
ริคส์ตกตะลึงไปทันที
ขณะเดียวกันภายในใจก็มีความรู้สึกสับสนขึ้นมา
มันเหมือนกับเขาเพิ่งจะก้าวไปข้างหน้าได้ก้าวเล็กๆ บนเส้นทางที่ไม่รู้จัก ในขณะที่เขากำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจอยู่นั้น กลับมีคนอื่นมาชี้เส้นทางทั้งหมดให้เขาได้เห็น
เมื่อคิดถึงอสูรเหล็กที่ส่งเสียงคำรามผ่านหัวเขาไป ที่เมืองเนเวอร์วินเทอร์แห่งนี้เหมือนจะไม่ได้มีเส้นทางแบบนี้เพียงแค่เส้นทางเดียว
เขาเข้าใจคำว่า ‘รางวัล’ แล้วว่ามันหมายความว่าอย่างไร
ถ้าเขาปฏิเสธเงื่อนไขของราชาแห่งเกรย์คาสเซิล อย่างนั้นอาศัยแค่เนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้ เขาจะสามารถทำให้การดำน้ำก้าวหน้าไปอีกระดับหนึ่งได้ แต่อย่างมากที่สุดเขาก็คงทำได้เพียงอุปกรณ์ดำน้ำที่อยู่ในส่วนที่สองเท่านั้น ส่วนเรือดำน้ำที่อยู่ในส่วนที่สาม ชาตินี้ทั้งชาติเขาไม่มีทางสร้างมันขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
แต่ถ้าตกลงรับคำเชิญของฝ่าบาท หนังสือเล่มนี้ก็จะกลายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเกลี้ยกล่อมสมาชิกคนอื่นๆ และสมาคมของแปลกก็จะได้รับชีวิตใหม่
…………………………………………………………………..