Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1136 ท้องฟ้าและทะเล
เหมือนจะผ่านไปนาน แล้วก็เหมือนผ่านไปแค่ชั่วพริบตา
โจนมองเห็นร่างกายของตัวเองยืดยาวลงไปก้นทะเลที่ดำมืด จนกระทั่งจุดแสงสีขาวสุดหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ จากนั้นจุดแสงก็กลายเป็นลำแสงที่กลืนกินเธอเข้าไป หลังจากนั้น เธอรู้สึกเหมือนสัมผัสของร่างกายที่ไม่ได้เป็นของตัวเองได้กลับมาอีกครั้ง เสียงที่ดังสนั่นไหลทะลักเข้ามาจนเหมือนจะฉีกแก้วหูของเธอออก ความเงียบสงบของทะเลลึกถูกทำลายลงทันที
เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกม้วนเข้าไปในน้ำวัน…แต่หลังจากนั้นเธอก็ปฏิเสธความคิดนี้ไปอย่างรวดเร็ว น้ำวนนั้นจะหมุนวนรอบๆ จุดกึ่งกลาง แต่ที่นี่ กระแสน้ำทุกๆ ด้านต่างก็ไหลทะลักอย่างรวดเร็ว เสียงที่ดังสนั่นนี้เกิดจากการที่พวกมันกระแทกกัน
แม้จะเป็นโจนก็ยังไม่สามารถรักษาสมดุลของร่างกายในสถานการณ์แบบนี้ได้ ทุกอย่างล้วนแต่เสียการควบคุมไปจนหมด เธอเหมือนกับขนนกที่ลอยไปลอยมาบนคลื่นที่กำลังโหมกระหน่ำ ได้แต่ต้องปล่อยให้สายน้ำเหล่านี้พาเธอกระแทกซ้ายทีขวาที
ที่นี่คือที่ไหน?
ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่เธอก็รู้ว่าที่นี่นั้นไม่ใช่ใต้ทะเลลึกแน่ เกล็ดปลาไม่รู้สึกถึงแรงดันใต้น้ำ ระดับความลึกของน้ำอย่างมากก็ไม่เกิน 100 เมตร นี่หมายความว่าไม่นานเธอก็จะขึ้นไปบนผิวน้ำได้ นอกจากนี้ ไม่ว่าภายในใจโจนจะตะโกนเรียกอย่างไร แต่เธอก็ไม่สามารถติดต่อกับคามิล่าได้
นี่ทำให้เธออยากจะรีบๆ ออกไปจากสถานการณ์ในตอนนี้โดยเร็ว ถึงแม้เธอจะไม่สามารถต้านแรงน้ำได้ แต่อย่างน้อยเธอก็ยังลอยขึ้นไปดูเหนือผิวน้ำได้
โชคดีที่การลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำนั้นทำได้ง่ายกว่าการเปลี่ยนทิศทาง
เธอพยายามเชิดหน้าขึ้นมา ก่อนจะค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ วินาทีที่หัวของเธอโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ โจนก็ต้องลืมตาโตด้วยความตกตะลึง
เกาะชาโดว์หายไปแล้ว
รอบๆ และเหนือศีรษะเธอเป็นก้อนหิน
จากเดิมที่ควรจะเป็นทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกหาก็กลายเป็น ‘ทางน้ำ’ ที่ยาวหลายร้อยเมตร น้ำทะเลกำลังไหลไปด้วยความเร็วพร้อมส่งเสียงดังสนั่น ส่วนด้านบนเหนือผิวน้ำก็มีลมพัดแรงจนทำเอาเธอแทบจะลืมตาไม่ขึ้น เสียงหวีดของลมเหมือนกับเสียงลมที่เธอได้ยินจากใต้ทะเลก่อนหน้านี้
เธอหันกลับไปด้านหลัง ก่อนจะเห็นที่ด้านหลังของเธอมีแสงสว่างปรากฏขึ้นมา น้ำทะเลไหลทะลักเข้าไปยังตำแหน่งที่มีแสงสว่างส่องออกมา เหมือนกับพวกมันเจอปากทางออกอย่างไรอย่างนั้น
หรือว่า…เหตุการณ์แบบเมื่อครู่นี้มันจะเกิดขึ้นอีกครั้ง?
ยังไม่ทันจะได้คิดอะไร โจนก็ถูกกระแสน้ำทะเลอันรุนแรงผลักเข้าไปในแสงสว่างนั้น
เสียงที่ดังสนั่นเงียบลงทันที เหมือนกับว่าจู่ๆ เธอก็หนีห่างออกมาจากมัน มีอยู่ชั่วแวบหนึ่งที่เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังบินอยู่ ร่างกายเธอเบาหวิวขึ้นมา ไม่มีความรู้สึกใดๆ แม้แต่น้อย แต่ไม่นานก็เธอก็รู้ว่าตัวเองกำลังลอยอยู่บนอากาศจริงๆ!
น้ำทะเลสีน้ำเงินที่คุ้นเคยอยู่ใต้เท้าเธอ เพียงแต่ว่าระยะห่างระหว่างเธอกับน้ำทะเลอยู่ห่างกันมากกว่าพันเมตร! ท้องฟ้าสีครามเข้ามาแทนที่ก้อนหินที่อยู่รอบๆ ก่อนหน้านี้ แสงสว่างที่เธอมองเห็นมาจากพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่เหนือหมู่เมฆ ส่วนน้ำทะเลที่พัดเธอออกจากมาถ้ำหินก็กลายเป็นน้ำตก
แต่…เธอไม่ใช่เมซี่ แล้วก็ไม่ใช่ไลต์นิ่ง เธอบินไม่ได้!
ในหัวเพิ่งจะมีความคิดนี้ผุดขึ้นมา ร่างกายเธอก็ร่วงตกลงไปอย่างรวดเร็ว
“ยาา……..ยาา…….ยาา………”
“ตู้มม!”
โจนร่วงลงมาจากบนท้องฟ้าก่อนจะตกลงไปในทะเล เธอตกใจกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง
ถ้าไม่เป็นเพราะเคยเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้ในหนังเวทมนตร์ เกรงว่าเธอคงจะหัวใจวายตายอยู่ตรงนี้แน่! เธอว่ายขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกครั้ง พร้อมกับถอนหายใจออกมา
ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้เธออยู่ใต้ทะเลลึกไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงไปอยู่บนท้องฟ้าได้ล่ะ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ โจนก็เงยหน้ามองขึ้นมา แต่จากนั้นเธอก็ต้องตกตะลึงไปทันที
พระเจ้า นั่นมันคืออะไร?
เธอแทบจะไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
เธอเห็นก้อนหินขนาดมหึมาก้อนหนึ่งลอยอยู่บนท้องฟ้า ขนาดของมันใหญ่จนเธอมองไม่เห็นรูปร่างทั้งหมดของมัน เงาของมันที่ปกคลุมลงมาบดบังท้องทะเลไปมากกว่าครึ่ง เหมือนกับเมฆดำที่อยู่บนท้องฟ้า แถมยังมีก้อนเมฆบางส่วนลอยอยู่ด้านล่างมันด้วย นี่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นยอดเขาของภูเขาที่สูงใหญ่
ต่อให้เป็นเทือกเขาสิ้นวิถีก็ไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อีกต่อไปเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน…โจนกะขนาดความหนาของมัน อย่างน้อยๆ ก็ต้องหนามากกว่าร้อยเมตร เรียกได้ว่าเหมือนเกาะขนาดใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
ส่วนบนหน้าผาหนาๆ อันนั้นก็มีรอยแตกอยู่เต็มไปหมด รอยแตกที่สั้นๆ ก็ยาวหลายร้อยเมตร รอยแตกยาวๆ ก็ยาวหลายกิโลเมตร พวกมันพ่นน้ำทะเลออกมาด้านนอกจนกลายเป็นน้ำตกที่เชื่อมระหว่างท้องฟ้าและทะเลเข้าด้วยกัน น้ำปริมาณมหาศาลที่ไหลทะลักลงมาแบบนี้ทำให้ผิวน้ำทะเลด้านล่างมีคลื่นขนาดยักษ์กระเพื่อมขึ้นมา
ต่อให้เป็นท่านธันเดอร์ก็คงไม่เคยเป็นภาพที่น่าตกตะลึงแบบนี้ละมั้ง?
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่โจนแน่ใจได้ นั่นคือที่นี่ต้องอยู่ไกลจากฟยอร์ดและเกรย์คาสเซิลอย่างมากแน่ ไม่อย่างนั้นมีหรือที่จะไม่มีใครมองเห็นเกาะที่ใหญ่ขนาดนี้ลอยอยู่บนฟ้า
ข้า…ยังจะกลับไปได้ไหม?
โจนเอาหัวจมลงไปในน้ำครึ่งหนึ่ง ก่อนจะพ่นฟองอากาศออกมา
“ตู้ม!”
ทันใดนั้นเอง เธอได้ยินเสียงเหมือนมีของอะไรบางอย่างตกลงไปในน้ำดังมาจากอีกฟากหนึ่ง
หรือว่ายังมีคนที่โชคร้ายคนอื่นๆ ถูกดึงตกลงมาที่นี่?
โจนกะระยะ ก่อนดำน้ำลงไปในน้ำแล้วว่ายไปทางด้านนั้น
หลังว่ายไปได้ไม่กี่นาที ในที่สุดเธอก็มองเห็นหน้าตาของสิ่งที่ตกลงมาในน้ำอย่างชัดเจน มันเป็นเรือทรงแปลกประหลาดที่มีขนาดใหญ่ลำหนึ่ง ขนาดของมันพอๆ กับเรือใบสามเสา ส่วนด้านล่างของมันเป็นเหมือนปลากับหมึกกระดองผสมกัน ด้านบนของเรือเป็นเหมือนกระดูกซี่โครงโค้งๆ แล้วก็มีก้อนเนื้อรูปร่างคล้ายกับเครื่องในอยู่ด้านใน ดูเผินๆ แล้วเป็นเหมือนร่างกายสัตว์ที่ถูกกิน นี่ทำให้เธอรู้สึกอดคลื่นไส้ขึ้นมาไม่ได้
แต่มันไม่ใช่สัตว์ที่ตายแล้วแน่นอน หลังตกลงมาในน้ำได้ไม่นาน มันก็กางครีบทั้งสี่ข้างออก ก่อนจะล่องออกไปตามทิศทางที่คลื่นซัดออกมา โจนมองตามหลังมันไป จากนั้นเธอก็ต้องตกใจอย่างมาก!
อีกด้านหนึ่งที่ไกลออกไปนิดหน่อย เธอมองเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างแบบนี้ลอยอยู่บนทะเลนับร้อยนับพันลำ พวกมันเรียงเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ ดูแล้วเหมือนเป็นกองทัพเรือขนาดใหญ่ที่มีความน่าเกรงขามอย่างมาก
กระทั่งเรือที่ตกลงมาในน้ำลำใหม่เข้าไปรวมกลุ่มกับกองเรือแล้ว กองเรือจึงค่อยๆ แล่นออกไปทางตะวันตก จนพวกมันหายลับไปจากตาแล้ว โจนถึงได้ถอนหายใจออกมา
หลังจากนี้จะทำยังไงดี? ในเมื่อเรือสัตว์ประหลาดร่วงลงมาจากด้านบน อย่างนั้นบริเวณรอบๆ นี่อาจจะศัตรูแปลกๆ อย่างอื่นอยู่ก็ได้
ถึงแม้เธอจะไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบนี้มาก่อน แต่สัญชาตญาณก็บอกเธอว่าห้ามเข้าไปใกล้อีกฝ่ายเด็ดขาด! และหลังจากที่เธอตื่นรู้กลายเป็นแม่มด สัญชาตญาณแบบนี้ก็ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน
‘อย่าฝืน เพื่อนของเจ้ายังรอเจ้ากลับไปอยู่นะ’
ภายในหัวโจนมีคำพูดของคามิล่าแวบขึ้นมา
หลังจากนั้นรอยยิ้มของไลต์นิ่ง เมซี่และพี่โลก้าก็ลอยขึ้นมาตรงหน้าของเธอ
เธออยากจะกลับไป
ในชีวิตเธอไม่เคยมีความปรารถนาที่แรงกล้าขนาดนี้มาก่อน เธออยากจะกลับไปเนเวอร์วินเทอร์ อยากจะกลับไปยังสถานที่ที่เธอได้รู้จักเพื่อนเยอะแยะมากมาย
เธออยากจะกลับไปยืนอยู่ข้างทุกคน!
“ยา!” โจนร้องขึ้นมาเหมือนพยายามจะให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะว่ายไปทางตะวันตก
ไม่ว่าทะเลจะกว้างแค่ไหน ยังไงมันก็ต้องมีที่สิ้นสุด
ยิ่งไปกว่านั้นไลต์นิ่งยังเคยพูดเอาไว้ว่าโลกที่พวกเธออาศัยอยู่นั้นเป็นทรงกลม ขอเพียงว่ายไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งไม่ยัง ยังไงเธอก็ยังได้เจอพวกเพื่อนในทีมนักสำรวจแน่นอน!
เธอมั่นใจเช่นนั้น!
…..
“กองเรือจำเป็นต้องออกเดินทางแล้ว” ธันเดอร์มองไปยังคามิล่า แดริลที่เกาะราวเหล็กอยู่ “หมู่เกาะชาโดว์ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้ ทุกวันที่อยู่ที่นี่ พวกเราจะสูญเสียน้ำจืดไปไม่น้อย ตอนนี้มันก็วันที่สามแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป กองเรือจะสูญเสียการควบคุมได้”
“แต่ว่า…” สีหน้าอีกฝ่ายดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด “โจนยังไม่กลับมา”
“นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า” ธันเดอร์ตบไหล่เธอ “ยิ่งไปกว่านั้นถึงอยู่ที่ีนี่ต่อไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ยังจำที่เจ้าเคยพูดเอาไว้ได้ไหม? ถ้าการเชื่อมต่อทางวิญญาณถูกตัดขาดก็มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง หนึ่งคืออีกฝ่ายเสียชีวิต สองคืออยู่ห่างกันเกินไป ถ้าเจ้าไม่เชื่อในความเป็นไปได้อย่างแรก อย่างนั้นเราก็ยิ่งไม่ควรจะหยุดอยู่ที่ีนี่”
“เจ้าหมายถึง…ไปทางตะวันออกของ ‘เส้นทะเล’ เพื่อหานางเหรอ?”
“บอกตามตรง ความเป็นไปได้นั้นน้อยมาก แต่มันก็มีกว่ารออยู่ที่นี่” ธันเดอร์พูดอย่างอดทน “อย่าลืมสิว่าโจนไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าลูกเรือธรรมดาตกลงไปในน้ำแล้วไม่มีคนช่วย อย่างนั้นก็ต้องตายแน่นอน แต่โจนไม่ใช่ นางใช้ชีวิตอยู่ในทะเลมาสิบกว่าปี ถ้าไม่มีพวกเรานางก็ใช้ชีวิตอยู่ได้”
“ข้า…เข้าใจแล้ว” คามิล่ากัดริมฝีปาก “อย่างนั้นข้าจะไป ‘เส้นทะเล’ กับพวกเจ้า”
“ไม่ได้” ธันเดอร์พูดตัดบท “สภาพจิตใจของเจ้าไม่สามารถแบกรับการสำรวจหลังจากนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังรับปากฝ่าบาทโรแลนด์เอาไว้แล้วว่าจะส่งเจ้ากลับไปยังเนเวอร์วินเทอร์ทันทีที่สำรวจหมู่เกาะชาโดว์เสร็จ ความสามารถของเจ้านั้นจำเป็นต่อการทำสงครามกับปีศาจ นอกจากนี้ยังมีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่าโจนเจออะไรที่ใต้ทะเลกันแน่ ข้อมูลที่เจ้ามีอยู่ในตอนนี้สำคัญอย่างมาก” เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “พวกเราต่างก็มีภาระหน้าที่ของตัวเอง การทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จเรียบร้อยต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง”
คามิล่าหลับตาลงอย่างเศร้าใจ
หลังจากนั้นสองชั่วโมง หวูดของเรือสโนวบรีสก็ดังขึ้นมา เรือที่เตรียมตัวพร้อมต่างกางใบเรือ ก่อนจะล่องออกไปทางตะวันออกที่อยู่ไกลออกไป ส่วนเรืออีกลำหนึ่งก็แยกออกไปจากกลุ่มเรือ ก่อนจะหันหัวเลี้ยวกลับไปในทิศทางตรงกันข้าม
ทั้งสองค่อยๆ แยกห่างกันไปเรื่อยๆ ก่อนจะหายลับไปจากสายตาของอีกฝ่าย
……………………………………………………………