Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ - ตอนที่ 1141 เชื่อใจและเข้าใจผิด
“ฮัลโหล นายโทรมาพอดีเลย ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนาย” เขายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูด อีกด้านของโทรศัพท์ก็มีเสียงการ์เซียดังขึ้นมา
“เอ่อ….เรื่องอะไรเหรอ?”
“คุยทางโทรศัพท์ไม่สะดวก มาคุยกันที่ห้องฉันก็แล้วกัน ยังไงซะนายก็เพิ่งตื่นใช่ไหมล่ะ?”
โรแลนด์สัมผัสได้ถึงเสียงพ่นลมหายใจดูถูกเบาๆ ของอีกฝ่าย เหมือนกับว่าการนอนตื่นสายนั้นเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจสำหรับผู้ฝึกยุทธ์อย่างไรอย่างนั้น
“เอ่อ…ก็ได้” เขาคิดอยู่ครู่ สุดท้ายถึงตัดสินใจไปดูลาดเลาที่ห้อง 0827 ก่อน ถ้าเกิดการ์เซียอารมณ์ไม่ดี เขาจะได้ไปคุยเรื่องนั้นกับเธอวันหลัง
หลังวางโทรศัพท์ โรแลนด์ก็สั่งกำชับให้แม่มดทั้งสามคนรออยู่ในห้องนั่งเล่นก่อน จากนั้นเขาจึงเดินไปที่ประตูห้อง 0827
“ประตูไม่ได้ล็อก เข้ามาได้เลย” เห็นได้ชัดว่าการ์เซียได้ยินเสียงฝีเท้าเขา
โรแลนด์ผลักประตูเดินเข้าไปในห้องรับแขก ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายสวมเสื้อยืดตัวโคร่ง ยืนถือแก้วสองใบอยู่หน้าตู้เย็น ผมสีเทายาวประบ่า ปลายจมูกมีหยดเหงื่อเล็กๆ เท้าทั้งสองข้างสวมรองเท้าแตะลายการ์ตูน ในเวลานี้เธอดูไม่เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ผู้เคร่งครัดเลย ดูแล้วเหมือนนักศึกษาที่กำลังดื่มด่ำกับฤดูร้อนมากกว่า “อยากจะดื่มอะไร? น้ำเปล่า ชา โค้ก…แบบแช่เย็นก็มีนะ”
ก็จริง ความจริงแล้วการ์เซียก็อายุไม่ได้ต่างจากตัวเองมาก อย่างมากก็แค่ 2 – 3 ปีเท่านั้น เขาคิดในใจ ถ้าตอนแรกตัวเองไม่ได้ ถูกโลกแห่งความฝันกำหนดให้กลายเป็นเจ้าของห้องที่ต้องดรอปเรียนกลางคัน แถมไปทำงานอยู่ร้านเหล้าก็ตกงาน ตอนนี้เขาก็คงจะยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย
“โค้กแล้วกัน” โรแลนด์ตอบ “เธอเพิ่งฝึกตอนเช้าเสร็จเหรอ?”
“นายคิดว่าคนอื่นจะขี้เกียจเหมือนนายเหรอ?”
เขางุนงงไปเล็กน้อย เห็นๆ อยู่ว่าเป็นกันเองขนาดนี้แล้ว แต่คำพูดคำจาก็ยังเหมือนกับตอนที่เพิ่งรู้จักกันไม่มีผิด เหมือนถ้าไม่ได้พูดเสียดสีจะรู้สึกไม่สบายอย่างนั้นแหละ การที่เธอยังมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้ได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้วจริงๆ
แต่ถึงแม้จะรู้จักกันมานานขนาดนี้ อย่างน้อยก็มีเรื่องหนึ่งที่โรแลนด์มั่นใจได้ นั่นก็คือในเวลานี้อีกฝ่ายถือว่าอารมณ์ค่อนข้างดีทีเดียว
หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องที่เธอจะพูด?
“อ่ะ ชาเขียวเย็น” การ์เซียวางเครื่องดื่มลงตรงหน้าเขา
“เมื่อกี้เหมือนฉันจะบอกว่าเอาโค้กไม่ใช่เหรอ..” โรแลนด์เลิกคิ้วขึ้นมา
“นายไม่ได้ฝึกตอนเช้า กินเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงให้น้อยๆ หน่อยดีกว่า” เธอเหมือนพยายามสะกดรอยยิ้มเอาไว้ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “การพัฒนาของพลังแห่งธรรมชาตินั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับรูปร่าง ถึงแม้จะเป็นคนที่ดูแล้วอ่อนแอก็สามารถระเบิดพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากออกมาได้ นี่ก็หมายความว่ามันไม่สามารถช่วยให้นายเปลี่ยนรูปร่างได้ ต่อไปถ้าอยากขึ้นเวทีไปประลองยุทธ์ นายควรจะระวังเรื่องนี้เอาไว้ ผู้ฝึกยุทธ์ที่ร่างกายสมส่วน ยังไงก็เป็นที่นิยมกว่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อ้วนนะ”
ในเมื่อเป็นแบบนี้เธอยังจะเอามันมาให้ฉันเลือกทำไมล่ะ! โรแลนด์กรอกตาใส่ ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ว่า “แล้ว? เธอคงไม่ได้เรียกฉันมาเพื่อจะคุยแค่เรื่องรูปร่างหรอกนะ? ยิ่งไปกว่านั้นฉันเคยบอกเอาไว้แล้วด้วยว่าฉันไม่ได้สนใจเรื่องผู้ฝึกยุทธ์ชื่อดังหรือการประลองยุทธ์อะไรนั่นเลย การกำจัดสิ่งชั่วร้ายและปกป้องโลกต้องการแค่ความรับผิดชอบ ไม่ได้ต้องการชื่อเสียงอะไรเลย แค่ให้ฉันเป็นผู้ปกป้องที่ไม่มีใครรู้จักก็พอแล้ว
ถ้ามีชื่อเสียงขึ้นมาจริงๆ เวลาเดินไปไหนก็จะมีคนจำได้ แล้วเขาจะออกไปปล้นได้ยังไงล่ะ?
“ไม่น่าเชื่อ…” จู่ๆ เสียงของการ์เซียก็เบาลง เธอมองดูเขาก่อนจะค่อยๆ พูดออกมา “เดิมฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลุดออกมาจากปากนายเด็ดขาด แน่นอนว่าอาจารย์เคยสอนฉันเอาไว้ว่าอย่าดูคนที่คำพูด ให้ดูที่การกระทำ ถ้าฉันไม่รู้มาก่อนว่านายทำเรื่องพวกนั้น ฉันคงจะมองว่านี่เป็นแค่คำพูดคุยโวที่หน้าไม่อายแน่ แต่ว่านี่….มันกลายเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย”
โรแลนด์ย่อมต้องรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไรอยู่
นับตั้งแต่ที่เขาได้ลิ้มรสการปล้นพวกฟอลเลนอีวิล เขากับแม่มดทาคิลาก็เริ่มทำการกวาดล้างพวกฟอลเลนอีวิลระดับต่ำๆ ภายในเมือง
ตอนกลางวันให้ฟาลดี้เป็นคนค้นหาตำแหน่ง พอตกกลางคืนเขากับแม่มดสายต่อสู้ก็ออกไปจัดการกับศัตรู นอกจากจะยึดพลังแห่งธรรมชาติมาได้แล้ว เขายังได้รายได้พิเศษมาไม่น้อยด้วย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นรู้ เขาจึงได้แต่ต้องหยิบเงินสดหรือไม่ก็ทรัพย์สินที่ไม่รู้ที่มาเท่านั้น ขณะเดียวกันก็เอาพลังแห่งธรรมชาติที่ยึดมาได้มอบให้กับทางสมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นบางครั้งบางคราวด้วย
เพราะว่าสมาคมก็คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของฟอลเลนอีวิลอยู่เหมือนกัน ถ้าพวกเขาเห็นว่าฟอลเลนอีวิลจำนวนมากหายไป แล้วพลังแห่งธรรมชาติก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนล่ะก็ เกรงว่าสมาคมคงจะแตกตื่นกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นมันอาจจะพาความยุ่งยากมาหาเขาได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเอาพลังแห่งธรรมชาติของเป้าหมายที่ตกเป็นสายตาของสมาคมมอบให้กับทางสมาคม
นอกจากนี้เวลาที่ทางสมาคมมีคำสั่งให้กำจัดฟอลเลนอีวิล เขาก็เป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะรับงานมากที่สุด จากที่การ์เซียบอกมา เขาคือคนที่สู้กับฟอลเลนอีวิลเยอะที่สุดในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่ เผลอๆ อาจจะเยอะกว่าผู้ฝึกยุทธ์หน้าเก่าบางคนด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวแจ้งมาว่าทางฝั่งฟอลเลนอีวิลรู้ตัวแล้วว่ามีศัตรูที่แข็งแกร่งปรากฏตัวออกมา พวกมันกำลังหาข้อมูลว่าเขาเป็นใคร
พูดอีกอย่างก็คือเขาโยนหินก้อนหนึ่งที่พอจะสร้างแรงกระเพื่อมได้ลงไปในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเมืองปริซึมและในกลุ่มฟอลเลนอีวิล แต่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธ์กับชาวบ้านทั่วๆ ไปเขากลับเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีชื่อเสียง ทุกครั้งที่โรแลนด์อยากจะส่งมอบพลังแห่งธรรมชาติให้กับทางสมาคม เขาก็จำเป็นต้องติดต่อกับการ์เซีย นี่จึงทำให้เธอรู้เรื่องที่เขาทำ
“อะแฮ่มๆ….มันเป็นเรื่องที่ฉันควรทำอยู่แล้ว” โรแลนด์กระแอมเล็กน้อย “นี่เป็นหน้าที่ของผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่เหรอ?”
“ถูกต้อง” การ์เซียยิ้มขึ้นา “นี่คือหน้าที่ของผู้ฝึกยุทธ์” เธอยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับเขา “ยินดีด้วย “นายกลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์แล้ว นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ส่งมาถึงมันนี้ แค่เซ็นชื่อลงไปก็มีผลทันที”
“ฉันจำได้ว่าถ้าสามารถจัดการปัญหาการกัดกินด้วยตัวเองได้งานหนึ่งก็จะได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้ฉันทำภารกิจไปตั้ง 8 – 9 ภารกิจแล้ว จดหมายตอบรับเพิ่งจะมาเนี่ยนะ ประสิทธิภาพการทำงานของเมืองปริซึมนี่ต่ำจริงๆ” โรแลนด์เบะปาก ก่อนจะเซ็นชื่อตัวเองลงไปด้านล่างของสัญญา
“ก็…สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เป็นองค์กรนานาชาตินี่นา”
“อย่างนั้นตอนนี้ฉันก็เป็นเหมือนกับเธอแล้วใช่ไหม?”
“ไม่” การ์เซียส่ายหน้า ก่อนจะส่งสมุดเล่มเล็กๆ อีกเล่มหนึ่งให้เขา “พูดให้ถูกก็คือ อยู่เหนือฉันขึ้นไปอีก”
โรแลนด์เปิดดูสมุดเล่มเล็กนั้นอย่างสงสัย ก่อนจะงุนงงไปเล็กน้อย “นี่มัน….”
“ใบอนุญาตไล่ล่า” เธอเก็บรอยยิ้ม ก่อนจะพูดช้าๆ ชัด “มันจะมอบให้แต่นักสู้ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมและมีความมุ่งมั่นในการสู้กับความชั่วร้าย ผู้ฝึกยุทธ์ในเมืองนี้ที่มีใบอนุญาตนี้มีอยู่ไม่เกินสิบคน และใบอนุญาตทั้งหมดที่เมืองปริซึมออกมาให้จนถึงตอนนี้ก็มีแค่ประมาณ 100 กว่าเล่มเท่านั้น ส่วนวิธีใช้และข้อควรระวังก็เขียนอยู่ที่หน้าสุดท้ายของสมุดแล้ว จำเอาไว้นะ มันเป็นทั้งความเชื่อมั่นที่สมาคมมอบให้กับนาย แล้วก็หมายถึงภาระหน้าที่ที่มีความสำคัญมากขึ้น ฉันหวังว่านายจะเดินไปบนถนนสายนี้จนกว่ามนุษย์เราจะได้ชัยชนะในที่สุดนะ”
ที่แท้…เธอดีใจเพราะเรื่องนี้หรอกเหรอ?
ถูกผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่ที่เธอชักชวนเข้าสมาคมแซงหน้าไป ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงจะรู้สึกผิดหวัง หรือไม่ก็รู้สึกอิจฉา…แต่ในสายตาของการ์เซียนั้นไม่ได้มีสิ่งเหล่านี้อยู่เลย เธอแสดงความสุขออกมาจากใจจริง เหมือนกับว่าตัวเธอได้รับเกียรติอันนี้เองอย่างไรอย่างนั้น
นี่ทำให้โรแลนด์รู้สึกแอบกังวลใจขึ้นมา
ตอนนี้การ์เซียค่อนข้างชื่นชมเขาอย่างมาก แต่ถ้ายิ่งเป็นแบบนี้ ความกดดันจากความหวังก็จะยิ่งมากขึ้นเหมือนกัน เขารู้ว่าอีกฝ่ายถึงแม้จะทำสีหน้าเย็นชา แต่ภายในใจกลับมีคุณธรรมอย่างมาก ไม่อย่างนั้นเธอตึงไม่ใช่ชาวบ้านในตึกถงจึสู้กับกลุ่มทุนโคลฟเวอร์แน่ เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ว่าหลังจากนี้อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ เขาจึงรู้สึค่อนข้าวปวดหัวทีเดียว
“เออใช่ ก่อนหน้านี้นายโทรหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?” การ์เซียดื่มชาอย่างมีความสุข “ที่ฉันจะพูดก็พูดไปหมดแล้ว นายคงไม่มาหาฉันเพราะว่ารู้เรื่องพวกนี้ล่วงหน้าหรอกนะ?”
“อืม…ฉันมีเรื่องอยากปรึกษาเธอ “โรแลนด์พูดตรง “เธอไปที่ห้องฉันหน่อยได้ไหม?”
การ์เซียมองเขาอย่างสงสัย “จะไปมันก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่าพูดกันตรงนี้ไม่ได้เหรอ?”
“เดี๋ยวเธอมาก็รู้เอง”
“ก็ได้”
โรแลนด์สูดหายใจ ก่อนจะพาอีกฝ่ายกลับมาที่ห้อง 0825
เมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขก แม่มดทั้งสามคนก็ส่งสายตาที่เปล่งประกายมาทางเขาทันที
ในขณะเดียวกัน ด้านหลังเขาก็สัมผัสได้ถึงรังสีที่เยือกเย็นอย่างที่ยากจะบรรยายได้
“นาย…ทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ!” การ์เซียยืนอ้าปากค้างอยู่ที่หน้าประตู “พระเจ้า…พวกเธอยังเป็นเด็กอยู่เลย ฉัน…ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
……………………………………………………………………….